ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 493 พ่อผมเป็นมือที่สามของพวกเขา
ตอนที่ 493 พ่อผมเป็นมือที่สามของพวกเขา
หลิวกุ้ยอิงไม่คาดคิดว่าแม่เฒ่าหลินจะทราบตัวตนของเซี่ยเหลยได้อย่างรวดเร็ว
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมหญิงชราคนนี้ถึงสามารถกดขี่ข่มเหงหล่อนมาได้ตั้งหลายปีดีดัก
หัวใจของหล่อนเริ่มเต้นรัวโดยไม่รู้ตัว
ความหวาดกลัวต่อแม่เฒ่าหลินที่ฝังลึกและถูกระงับมานาน กลับมาแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายโดยไม่สมัครใจ
น้ำเสียงของหล่อนสั่นเครือเล็กน้อย ก่อนจะปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ไม่ใช่ คุณเข้าใจผิดแล้ว”
แม่เฒ่าหลินตะคอกอย่างเย็นชา “คนอย่างฉันน่ะเหรอเข้าใจผิด? งั้นทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมายืนอยู่ใกล้เธอขนาดนี้? แถมยังมองฉันราวกับฉันไปฆ่าล้างตระกูลเขาอย่างนั้นแหละ มองแวบแรกก็ดูออกแล้วว่าความสัมพันธ์ของเธอกับไอ้หนุ่มนี้ไม่ธรรมดา”
ก่อนที่ใครอื่นจะพูดได้ เซี่ยเหลยก็โอบไหล่ของหลิวกุ้ยอิง จากนั้นก็ประกาศความเป็นเจ้าของโดยตรงว่า “ใช่ ผมคือสามีใหม่ของหลิวกุ้ยอิงเองแหละ”
แม้ว่าขาข้างหนึ่งของเซี่ยเหลยจะพิการ แต่ถ้าเขาไม่เดินให้เห็นก็แทบมองไม่ออก เขายังคงมีร่างกายที่สง่าผ่าเผยและแข็งแรง ใบหน้าเย็นชาและหล่อเหลาตามวัย โดยเฉพาะสายตาอันคมกริบคู่นั้น เขายืนอยู่ข้างหลิวกุ้ยอิง พร้อมปกป้องหล่อนด้วยรังสีอันแข็งแกร่ง
ร่างกายที่สั่นเทาของหลิวกุ้ยอิงกลับมามั่นคงอีกครั้งเพราะความสบายใจ
แม่เฒ่าหลินมองดูฉากที่น่าตื่นตระหนกตรงหน้า อยากพ่นคำผรุสวาทออกไปเดี๋ยวนั้น แต่รัศมีของเซี่ยเหลยแข็งแกร่งเกินไป และด้วยความที่นางไม่รู้จักตัวตนของอีกฝ่าย จึงไม่กล้าแสดงอารมณ์อย่างหุนหันพลันแล่น
ผู้เฒ่าโจวกลัวว่าแม่เฒ่าหลินจะทรุดตัวกลิ้งไปมาในบ้าน ดึงดูดเพื่อนบ้านให้มามุงดู จึงมองอีกฝ่ายด้วยท่าทางน่าเกรงขาม พูดเสียงเคร่งขรึมว่า “เขาคือทหารผ่านศึกผู้ยิ่งใหญ่ของกองทัพ อาการบาดเจ็บที่ขาของเขาเป็นผลพวงจากการต่อสู้ในสนามรบ ถ้าเธอยังอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ต่ออีกสองสามปี ก็จงอวยพรให้พวกเขาซะ อย่าทำตัวเป็นคนแก่ปากคอเราะรายเอาแต่สร้างปัญหา ไม่งั้นเขาอาจไม่รับประกันสวัสดิภาพชีวิตเธอ”
แม่เฒ่าหลินผู้เฒ่าไม่เชื่อว่าเซี่ยเหลยจะมีภูมิหลังที่ทรงพลังแบบนั้นจริง “ลุง อย่าพยายามปั้นน้ำเป็นตัวหลอกให้กลัวไปหน่อยเลย ทหารผ่านศึกที่สร้างคุณงามความดีให้กับประเทศชาติ ต้องมีผู้หญิงที่เหมาะสมกับเขาอย่างแน่นอน เขาจะมาชอบคนบ้านนอกอย่างเธอได้ยังไง?”
เซี่ยไห่พูดอย่างไม่พอใจ “พูดพล่ามอะไรของป้าน่ะ? พี่ชายฉันเป็นฝ่ายตามจีบพี่อิงจื่อก่อนแท้ ๆ ทำไมพวกเขาจะรักกันไม่ได้?”
เมื่อกี้เขากำลังจะพาหญิงชราออกไปแล้วแท้ ๆ แต่ตอนนี้ความขัดแย้งกลับจุดประกายขึ้นมาอีกครั้ง หลินจินซานดึงรั้งหญิงชราอีกรอบ ดวงตาของเขาขยับวูบไหวเล็กน้อย จากนั้นจึงตัดสินใจอธิบายเสียงต่ำด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
“ย่า ลุงเซี่ยคือทหารผ่านศึกของชาติจริง ๆ ความจริงแล้วเขารู้จักกันกับแม่ผมมาตั้งแต่สมัยพวกเขาทั้งคู่ยังเป็นหนุ่มสาวแล้ว เพียงแต่เขาจำเป็นต้องไปรบ เดิมทีแม่เฝ้ารอเขากลับมา แต่พ่อผมกลับเข้าไปแทรกกลางระหว่างความสัมพันธ์ของทั้งคู่ซะก่อน จนได้แต่งงานกับแม่และพาเธอกลับมาอยู่บ้านเรา ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อ พวกเขาคงแต่งงานกันไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”
แม่เฒ่าหลินรู้สึกสับสนเมื่อได้ยินแบบนั้น “หะ?”
หลินจินซานเหลือบมองเซี่ยเหลยจากหางตา อธิบายต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “พ่อผมเป็นมือที่สามระหว่างพวกเขาจริง ๆ โชคชะตาทำให้ลุงเซี่ยกลับมารักกันกับแม่ผมอีกครั้ง นอกจากเขาจะไม่สนใจว่าแม่เคยผ่านการแต่งงานกับพ่อมาแล้ว เขายังปฏิบัติกับผมดีมาก ๆ ย่าต้องหยุดทำตัวเป็นหมาบ้าสักที ไม่งั้นอาชีพการงานของผมอาจถูกพวกเขายึดคืน บ้านของเขามีอิทธิพลมาก แค่กระทืบเท้าลงมาครั้งเดียว ชีวิตน้อย ๆ ของเราก็จบเห่”
หลินจินซานรู้ดีว่านิสัยของย่าตัวเองเหมือนกับอารอง ทั้งคู่ชอบรังแกผู้ที่อ่อนแอ แต่หวาดกลัวผู้แข็งแกร่ง
แม่เฒ่าหลินผู้เฒ่าประหลาดใจมากจนพูดไม่ออก นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลูกชายตัวเองซึ่งดูเป็นคนซื่อสัตย์มาโดยตลอด จะกลายเป็นมือที่สามของคนอื่น
ครอบครัวของหลิวกุ้ยอิงมาจากเมืองอื่น แน่นอนว่านางไม่มีทางรู้อะไรเกี่ยวกับภูมิหลังของอีกฝ่ายเลย
หญิงชรายังตกอยู่ในความงุนงง จนหลินจินซานต้องประคองนางและรีบพาออกไป “ไปเร็วเข้า กลับถึงบ้านเมื่อไหร่ผมค่อยเล่าให้ย่าฟังอย่างละเอียด”
ก่อนออกจากบ้าน แม่เฒ่าหลินมองย้อนกลับไปที่เซี่ยเหลย และเพิ่งเห็นว่าเขาองอาจสง่างามเยี่ยงทหารรับใช้ชาติจริง ทันใดนั้นก็รู้สึกหวาดกลัวกับรังสีของเขาโดยไม่รู้ตัว
นางยอมติดตามหลินจินซานออกไปอย่างระมัดระวัง
หลังแม่เฒ่าหลินถูกหลินจินซานพาตัวไปแล้ว เซี่ยเหลยมองไปที่หลิวกุ้ยอิงด้วยความรู้สึกผิด “เมื่อก่อนคุณคงลำบากมาก”
“ไม่เลย สมัยที่ต้าฝูยังอยู่ พวกเขาทุกคนดีกับฉันมาก”
เวลานี้เซี่ยเหลยไม่เพียงแต่รู้สึกผิดต่อหลิวกุ้ยอิงเท่านั้น ยังรู้สึกขอบคุณในน้ำใจของหลินต้าฝูมากขึ้นกว่าเดิม
รู้สึกขอบคุณที่เขาคอยปกป้องคุ้มครองหลิวกุ้ยอิงตลอดมา และขอบคุณที่เขาเก็บซ่อนตัวตนที่แท้จริงของหลินเซี่ย ปกป้องทั้งเด็กทั้งชื่อเสียงของหลิวกุ้ยอิง
ด้วยอุปนิสัยอันดุร้ายของหญิงชราตระกูลหลิน ถ้านางรู้ตั้งแต่แรกว่าเด็กในท้องของหลิวกุ้ยอิงไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของหลินต้าฝู เด็กผู้หญิงที่ชื่อเสิ่นอวี้อิ๋งคนนั้นคงไม่อยู่รอดไปจนถึงวันพระจันทร์เต็มดวง
ผู้เฒ่าโจวพูดอย่างจริงจัง
“เซี่ยเหลย วันข้างหน้าเธอต้องทำดีกับกุ้ยอิงให้มากนะ”
“ผมจะทำแน่นอนครับลุง”
ผู้เฒ่าโจวพูดกับหลิวกุ้ยอิงอีกครั้ง “เธอเป็นสะใภ้ที่กตัญญูต่อแม่สามีเท่าที่จะทำได้แล้ว จากนี้กลับไปใช้ชีวิตให้ดีในอนาคต เป็นไปได้พยายามอย่ากลับมาอีก สมาชิกตระกูลหลินทุกคนล้วนเห็นแก่ตัว หลินเอ้อร์ฝูและครอบครัวของเขาเป็นที่เอือมระอาของทุกคนในหมู่บ้าน ทั้งขี้เกียจทั้งชอบเอาเปรียบ เธอไปอยู่ในเมือง ขีดเส้นแบ่งที่ชัดเจนกับพวกเขาซะ อย่าปล่อยให้คนเหล่านั้นมีอิทธิพลกับตัวเองอีก ปล่อยให้จินซานคอยดูแลย่าของเขาไป ต่างคนต่างอยู่”
หลิวกุ้ยอิงรู้สึกสะเทือนใจมากเมื่อได้ยินว่าตัวเองมีผู้อาวุโสคอยสนับสนุน และเข้าใจหัวอกหล่อนมากขนาดนี้ “คุณลุง ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
หลังจากที่หลินจินซานส่งหญิงชรากลับบ้าน เขาก็ไม่ย้อนกลับมาที่นี่อีก แต่นอนค้างแรมอยู่ที่บ้านตัวเองในตอนกลางคืน คอยพูดปรับทัศนคติกับหญิงชรา
หลินเซี่ยและหลิวกุ้ยอิงต่างก็อยู่ต่อในบ้านตระกูลโจว
ฤดูร้อนแบบนี้อากาศยามค่ำคืนอบอ้าว คนในชนบทชอบออกไปนอนในสวนแทน
บางคนตากเมล็ดข้าวหลังจากทำการเก็บเกี่ยวอย่างยุ่งวุ่นวายตลอดทั้งวัน สนามหญ้าหน้าบ้านจึงเต็มไปด้วยผลิตผลทางการเกษตรเหล่านั้น ผู้คนจึงถือโอกาสนอนเฝ้านอกบ้านในตอนกลางคืน เพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาขโมย ใช้ฟางข้าวสาลีรองพื้น ใช้ผืนฟ้าต่างผ้าห่ม ใช้ผืนดินต่างเตียง
ผู้เฒ่าโจวเองก็เคยชินกับการนอนนอกบ้าน แม้วันนี้แขกที่บ้านจะเยอะมากก็ตาม เตียงเตาทั้งสามภายในบ้านก็ยังรองรับทุกคนได้อย่างเพียงพอ ในขณะที่เขายืนกรานว่าจะนอนข้างนอก เซี่ยเหลยจึงออกไปอยู่ด้วย ปูที่นอน หยิบผ้านวมบาง ๆ มานอนอยู่ข้างกันกลางสนาม มองดาวบนท้องฟ้า และเริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องต่าง ๆ
ผู้เฒ่าโจวเป็นครูเกษียณอายุที่มีความรู้ทางวิชาการรอบด้าน รักความยุติธรรมเหนืออื่นใด สิ่งที่เขาเคารพมากที่สุดคือวีรบุรุษของชาติอย่างเซี่ยเหลย ดังนั้นพอสองหนุ่มต่างวัยนอนอยู่ด้วยกัน จึงมีประเด็นถกเถียงที่น่าสนใจมากมาย
ในตอนเช้า หลินจินซานถึงกลับมา และบอกว่าเขาจะพาย่าเข้าเมืองไปหาหมอ
หลินเซี่ยบอกว่า “พี่ชาย งั้นพวกเราขอกลับเข้าไปรอในตัวอำเภอก่อนแล้วกัน ฉันยังต้องแวะไปทำงานที่โรงงานเครื่องจักรของน้าหน่อย”
“ได้ งั้นทุกคนรีบล่วงหน้าไปที่ตัวอำเภอกันก่อน ย่าหัวโบราณของฉันทำให้ฉันกลัวแทบตาย ขืนล่าช้าเดี๋ยวจะมีบางอย่างเกิดขึ้นอีกในภายหลัง”
หลินจินซานทั้งเกลี้ยกล่อมสลับกับข่มขู่แม่เฒ่าหลินตลอดทั้งคืน เพื่อให้นางสงบสติอารมณ์ลงบ้าง
หญิงชรามีนิสัยชอบเหน็บแนมและเห็นแก่ตัว ถึงตัวเองจะไม่มีเหตุผลเพียงพอก็ยังสรรหาถ้อยคำมาโต้เถียงได้ ถ้านางรู้ว่าหลิวกุ้ยอิงตั้งท้องตั้งแต่ก่อนจะมาแต่งงาน แถมพ่อเขายังยินดีเลี้ยงลูกสาวของคนอื่น หญิงชราคงเป็นบ้าเสียสติไปแน่ ๆ
หลินจินซานทำได้แค่จำกัดความพ่อผู้ล่วงลับของเขาว่า ‘มือที่สาม’ เท่านั้น
เขานึกขอโทษพ่อตัวเองอย่างลับ ๆ อยู่ในใจ คิดว่าควรเก็บซ่อนความจริงเอาไว้จากหญิงชราน่าจะดีกว่า
ในที่สุดหญิงชราก็ยอมเงียบ
หลินจินซานรู้สึกผิดกับพ่อของเขามาก เขาบอกหลินเซี่ยว่าพยายามอย่าให้หญิงชรารู้ประสบการณ์ชีวิตที่แท้จริงของเธอ เพื่อที่หญิงชราจะได้ไม่รู้สึกแย่จนเกินไป
ไม่งั้นนางอาจมาทวงความยุติธรรมให้ลูกชายตัวเองก็ได้
หลินเซี่ยเข้าใจความลำบากใจของหลินจินซานเป็นอย่างดี และหลินต้าฝูก็เป็นคนที่ใจกว้างมาก
ถึงอย่างนั้นแม่เฒ่าหลินกลับไม่ได้ใจกว้างเท่าเขา นางเป็นคนเห็นแก่ตัวโดยกำเนิด ขืนรู้ความจริงขึ้นมาคงหนีไม่พ้นสร้างปัญหาให้กับทุกคน
“พี่ชาย ไม่ต้องห่วง ฉันไม่หลุดพูดอะไรที่ไม่จำเป็นหรอก”
หากคิดในมุมของหญิงชรา นางคงรับไม่ได้แน่เมื่อมารู้ทีหลังว่าลูกชายที่ตายจากไปเลี้ยงดูอุ้มชูลูกของคนอื่นมาตลอด แถมตอนนี้ภรรยายังกลับไปอยู่กับพ่อของลูกอีก
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ดีที่มีไหวพริบกัน ขืนโพล่งความจริงออกไปคงปวดหัวหนักกว่าเดิม
ไหหม่า(海馬)