ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 496 จากนี้ไปฉันจะเริ่มต้นชีวิตใหม่
ตอนที่ 496 จากนี้ไปฉันจะเริ่มต้นชีวิตใหม่
หลินเซี่ยขอยืมโทรศัพท์จากเซี่ยไห่ โทรไปที่โรงงานของเฉินเจียเหอ
เฉินเจียเหอได้ยินว่าโรงงานเครื่องจักรประจำเทศมณฑลจินซานต้องการว่าจ้างหลินเซี่ยในตำแหน่งพนักงานนอกเวลาของฝ่ายออกแบบในโรงงาน เขาก็ไม่ได้คัดค้าน แต่สนับสนุนด้วยความภาคภูมิใจมาก “เซี่ยเซี่ย นี่เป็นข้อเสนอที่ดีเลยนะ”
เฉินเจียเหอไม่ลืมเตือนเธอว่า “แต่คุณต้องตกลงกับพวกเขาให้ชัดเจน ว่าคุณจะไม่ทำงานเหมือนเป็นพนักงานประจำ และจะไม่มีส่วนร่วมในการออกแบบหรือการผลิตใดให้กับโรงงาน เนื้องานอย่างเดียวของคุณคือการนำเสนอแนวคิดการออกแบบเครื่องจักรให้กับโรงงานของพวกเขา ไม่งั้นถ้าคุณมีแนวคิดใหม่แต่พวกเขาไม่สามารถผลิตตามได้ พวกเขาอาจโทษว่าเป็นความผิดคุณ”
“ฉันระวังเรื่องนี้อยู่ค่ะ”
“อีกอย่าง พวกเขาออกแบบเครื่องจักรไปตั้งมากมาย ผมได้ยินมาว่าผลตอบรับในตลาดดีมาก แต่จนป่านนี้พวกเขายังไม่ได้ให้ค่าตอบแทนแก่คุณเลย จะปล่อยให้พวกเขาไถขนแกะไปขายไม่ได้นะ”
หลินเซี่ยบอกว่า “ผู้อำนวยการโรงงานบอกว่าเขาขอเบิกโบนัสให้ฉันแล้ว แต่ขั้นตอนยังไม่เสร็จสิ้น”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ผมไม่อยากให้คุณทำงานฟรีให้พวกเขา ฝากบอกน้าด้วยว่าคุณต้องได้รับค่าจ้าง เราไม่ได้เสนอความคิดเพื่อการกุศล”
เมื่อได้ยินเฉินเจียเหอพูดถึงค่าตอบแทน หลินเซี่ยก็ยิ้มและพูดว่า “คุณสนใจเรื่องเงินด้วยเหรอ?”
“เด็กโง่ ความพยายามของคุณเป็นสิ่งที่สมควรได้รับค่าตอบแทน คุณไม่รู้หรอกว่าการออกแบบเครื่องจักรกลใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดสร้างผลประโยชน์ให้กับทุกฝ่ายมากแค่ไหน ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่าเครื่องจักรทางการเกษตรทั้งสองอย่างของคุณได้ชุบชีวิตโรงงานขึ้นมาใหม่ ถ้าคุณยื่นขอสิทธิบัตรแต่แรก คุณจะได้ทั้งชื่อเสียงและเงินทอง แต่ถ้ารับงานฟรี อาจมีปัญหากับทางโรงงานภายหลังได้”
“เข้าใจแล้ว”
หลินเซี่ยวางสาย แล้วมองไปที่โจวเจียนกั๋ว “น้าคะ เฉินเจียเหอเห็นด้วยค่ะ แต่มีเงื่อนไขว่าฉันต้องได้รับเงินค่าจ้างจากทางโรงงานของคุณ”
โจวเจียนกั๋วให้สัญญา “พวกเรามีเงินเดือนให้เธอแน่นอน ไม่ต้องกังวล”
เขากลัวอยู่พอดีว่าหลินเซี่ยอาจไม่คุยเรื่องเงินกับพวกเขา
ค่าตอบแทนถือเป็นข้อจำกัดสำหรับซึ่งกันและกัน
หลังจากที่หลินเซี่ยได้รับเงินและลงนามในสัญญา พวกเขาถึงจะรู้สึกสบายใจ
“มา ทุกคนกินข้าวกันเถอะ”
หลินเซี่ยกลับมาที่บ้านเกิดครั้งนี้ได้กลายเป็นพนักงานนอกเวลาของโรงงานเครื่องจักร แถมยังได้รับเงินโบนัสจากการเสนอแนวคิดด้วย ทำให้ผู้ใหญ่รอบโต๊ะมองดูเธอ ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาภูมิใจแค่ไหน
ผู้เฒ่าทั้งสองของตระกูลโจวมีความสุขมากที่รู้ว่าหลินเซี่ยสามารถทำอะไรที่เป็นประโยชน์ให้กับโรงงานเครื่องจักรของบ้านเกิดได้ พวกเขาเคยได้ยินโจวเจี้ยนกั๋วพูดก่อนหน้านี้ว่าผลประกอบการของโรงงานไม่ดีนัก พนักงานหลายคนเสี่ยงถูกเลิกจ้าง เห็นลูกชายเครียดแล้วก็อดเป็นกังวลตามไม่ได้
ขณะเดียวกัน ผู้เฒ่าโจวและคุณยายโจวก็ได้ยินจากเซี่ยไห่ว่ามีนักธุรกิจใหญ่บางคนในเมืองเชินเฉิงสนใจในตัวหลินเซี่ย พวกเขาจึงเริ่มร้อนใจและรู้สึกไม่มั่นคง
กลัวว่าหญิงสาวที่สวยและเก่งแบบนี้จะถูกแย่งชิงไปจากเฉินเจียเหอ
ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็รู้สึกโล่งใจอีกครั้งเมื่อได้ยินหลินเซี่ยโทรหาเฉินเจียเหอ น้ำเสียงและการพูดจาของเธอดีมากไม่มีเปลี่ยน บอกเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง แสดงให้เห็นว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดีมาก
ในระหว่างรับประทานอาหาร เฉินเจียเหอจึงถูกพวกเขายกย่องชมเชยหลายประการ เซี่ยเหลยยังแสดงความพอใจกับเฉินเจียเหอในฐานะลูกเขย ส่วนผู้เฒ่าโจวก็ยกย่องเซี่ยเหลยสำหรับวิสัยทัศน์ของเขา
ช่วงบ่าย ผู้เฒ่าทั้งสองของตระกูลโจวขอตัวกลับไปที่หมู่บ้าน ให้เหตุผลว่าห่วงบ้านเพราะไม่มีใครคอยดูแลวัวและไก่
เมื่อคนชราทั้งคู่กำลังจะจากไป หลินเซี่ยจับมือพวกเขาแล้วเตือนว่า “คุณตา คุณยายคะ พวกคุณสัญญากับฉันแล้วว่าจะไปไห่เฉิง ฉะนั้นอย่ากลับคำพูดในภายหลังนะคะ”
ผู้เฒ่าโจวให้คำมั่น “ไม่ต้องห่วง เราจะไปที่นั่นกับน้าและน้าสะใภ้ของเธอหลังได้ฤกษ์แล้วว่าจะแต่งวันไหน จากนั้นฉันจะฝากฝูงสัตว์ไว้ที่บ้านไว้ให้เพื่อนบ้านช่วยดูแลสักสองสามวัน”
“ค่ะ งั้นไว้เจอกันที่ไห่เฉิงนะคะ”
หลินเซี่ยกำชับหญิงชราด้วยว่า “อย่าลืมสวมเสื้อผ้าที่ฉันตัดเย็บให้ด้วยนะคะ ไม่งั้นถ้าอากาศกลับมาหนาวอีกในไม่กี่วันข้างหน้าจะหยิบมาใส่ไม่ได้แล้ว”
คุณยายโจวยิ้มและสัญญาว่า “เราจะใส่เสื้อผ้าที่เซี่ยเซี่ยตัดให้แน่นอนจ้ะ”
หลินเซี่ยและโจวเจี้ยนกั๋วพาชายชราขึ้นรถประจำทางออกจากเมือง
เมื่อเห็นชายชราได้ที่นั่งแล้ว เธอก็โบกมือให้พวกเขาอย่างอาลัยอาวรณ์
ขณะที่รถขับออกไป ดวงตาของหลินเซี่ยก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ
“น้าคะ คงดีไม่น้อยเลยนะคะถ้าคุณตาคุณยายเต็มใจที่จะย้ายมาอยู่ในตัวอำเภอเทศมณฑล ปล่อยให้คนแก่อยู่กันสองคนในหมู่บ้านห่างไกลแล้วไม่สบายใจเลย”
โจวเจี้ยนกั๋วถอนหายใจ “พวกเขาอาจจะมาถ้าไม่มีบ้านหรือที่ดินอยู่ที่นั่น แต่ไม่ต้องกังวลหรอก ยังไงฉันก็กลับไปเยี่ยมพวกเขาทุกสัปดาห์อยู่แล้ว”
“ไปเถอะ กลับบ้านกัน”
…
ตกเย็น หลินจินซานก็กลับมา
เมื่อหลิวกุ้ยอิงเห็นลูกชายกลับมาแล้ว ก็รีบทักทายเขาแล้วถามว่า “จินซาน ย่าของลูกไปหาหมอมาแล้วใช่ไหม? หมอเขาว่ายังไงบ้าง?”
หลินจินซานตอบกลับ “แม่ หมอบอกว่าท่านป่วยเพราะมีพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ เป็นโรคกระเพาะเรื้อรัง แถมยังมีแผลในกระเพาะอาหาร ภาวะทุพโภชนาการ และโรคโลหิตจาง หลังจากรับยาแล้วผมไม่ลืมซื้ออาหารเสริมให้ท่านด้วย”
หลินจินซานพูดแล้วก็รู้สึกหดหู่มาก โดยเฉพาะตอนที่หมอบอกว่าย่าของเขาเป็นโรคขาดสารอาหาร ย่าถึงกับร้องไห้ พร่ำบ่นว่าถูกลูกชายและลูกสะใภ้ทารุณกรรมจนไม่ได้กินอาหารอย่างเพียงพอ ความหิวโหยทำให้นางมีปัญหาโรคกระเพาะ ขณะนั้นทุกคนในคลินิกต่างมุ่งความสนใจไปที่เขาจนเขารู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว
พร้อมกันนั้นก็อดโกรธไม่ได้ หลินเอ้อร์ฝูทำเรื่องสารเลวแบบนี้ลงได้อย่างไร?
ย่าของเขาอาจจะเป็นคนเห็นแก่ตัวในสายตาคนนอก แต่นางไม่เคยปฏิบัติต่อลูกชายหรือหลาน ๆ อย่างเลวร้าย
หลิวกุ้ยอิงถามอย่างกังวล
“จากนี้อารองของลูกจะมาสร้างปัญหาให้หล่อนอีกหรือเปล่า?”
สิ่งที่หล่อนกังวลยิ่งกว่า คือข้าวของอย่างดีที่หลินจินซานซื้อให้หญิงชราจะถูกหลินเอ้อร์ฝูมาขนไป
เรื่องนี้เคยเกิดขึ้นบ่อยครั้งเมื่อก่อน
เมื่อใดก็ตามที่หลินต้าฝูซื้อข้าวปลาอาหารและนำมันกลับมาที่บ้าน หลินเอ้อร์ฝูและครอบครัวจะวิ่งโร่ไปที่บ้านของหญิงชรา แล้วอยู่จนกว่าอาหารจะหมด…
หลินจินซานบอกว่า “ผมแจ้งหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว และยังไปที่บ้านอารองเพื่อเตือนเขาอีกรอบ บอกหัวหน้าหมู่บ้านด้วยว่าอารองควรคืนที่ดินให้กับย่า แต่เขาไม่ยอมท่าเดียว ผลการเจรจาสุดท้ายคืออารองจะต้องจ่ายค่าเช่าส่งให้ย่าทุกปีตามกฎเกณฑ์การปล่อยเช่าที่ดิน”
“เขาจะควักจ่ายรึ?” หลิวกุ้ยอิงถามอย่างไม่เชื่อ
“ต่อหน้าพยานสำคัญอย่างหัวหน้าหมู่บ้าน ผมได้เงินค่าเช่านาข้าวปีนี้คืนแล้ว ค่อยว่ากันอีกทีว่าปีหน้าจะได้เงินคืนหรือเปล่า
“แถมผมขู่ว่าถ้าหลังจากนี้เขายังมาหาเรื่องในเขตบ้านของผมอีก ผมจะให้ย่าโทรมาหาผมในเมืองทันที แล้วผมนี่แหละจะแจ้งตำรวจให้เข้าไปจับกุมเขา ตอนนี้เขาอยู่ในสภาวะตื่นกลัว น่าจะสงบสติอารมณ์ไปได้สักระยะ”
เพื่อย่าของเขา เขาทำทุกอย่างที่ควรทำและสามารถทำได้ในขอบเขตความสามารถแล้ว
ถ้าทำถึงขนาดนี้แล้วหญิงชรายังหลงเชื่อในคำพูดไร้แก่นสารที่หลินเอ้อร์ฝูพยายามเกลี้ยกล่อม คราวนี้เขาจะเพิกเฉยต่อนางจริง ๆ
หลังจากฟังคำบอกเล่าจากหลินจินซานแล้ว หลิวกุ้ยอิงก็มองสบตาของหลินจินซานด้วยความโล่งใจ
ลูกชายของหล่อนเติบโตขึ้นมาก สามารถปกป้องคนในครอบครัวในฐานะเสาหลักของบ้านได้อย่างแท้จริง
เวลานี้ หล่อนก็เข้าใจทันทีว่าทำไมแม่เฒ่าหลินถึงได้ลำเอียงรักหลานชายอย่างหลินจินซานมาก
พลบค่ำ โจวเจี้ยนกั๋วซื้อเหล้าเข้ามาสองขวดเพื่อดื่มกับเซี่ยเหลยและเซี่ยไห่ พวกเขาพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
หนุ่ม ๆ นัดหมายกันว่าจะรอจนกระทั่งโจวเจี้ยนกั๋วได้เข้าไปที่ไห่เฉิง หากเขาต้องการจิบไวน์สักที่ เซี่ยไห่จะรับอาสาพาโจวเจี้ยนกั๋วไปที่ห้องเต้นรำของเขาเพื่อเปิดโลก แนะนำให้เขาเรียนรู้การเต้นรำและร้องคาราโอเกะ
ในขณะเดียวกัน หวังอวี้เสียตั้งตาคอยตั้งแต่ตอนนี้ที่จะได้เจอกับดาราในดวงใจอย่างเซี่ยอวี่หลังจากไปถึงไห่เฉิง
ถ้าหล่อนได้ถ่ายรูปกับเซี่ยอวี่แล้วล้างรูปกลับมา หล่อนคงนำไปคุยโอ้อวดกับทุกคนที่นี่ได้เป็นปี
ผู้ชายหลายคนเริ่มดื่มของมึนเมา ส่วนพวกผู้หญิงนั่งอยู่ที่นั่นโดยไม่มีอะไรทำ หลินเซี่ยจึงเล็มผมและกันทรงคิ้วให้หวังอวี้เสีย
“น้าสะใภ้ ถ้าคุณไปไห่เฉิง ฉันจะทำผมให้คุณใหม่นะคะ ปีที่แล้วฉันจำได้ว่าคุณดัดผมในเดือนที่สิบสองโน่นแน่ะ”
หวังอวี้เสียพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก “ได้ ถ้าฉันไปถึงไห่เฉิงเมื่อไหร่ อย่าลืมจัดการเสื้อผ้าหน้าผมให้ฉันด้วย ทำให้ฉันสวยก่อนไปร่วมงานแต่งของเธอ”
และถ่ายรูปกับนางเอกภาพยนตร์
หลิวกุ้ยอิงพูดว่า “ดัดผมแล้วดูแลลำบาก มัดธรรมดาสะดวกกว่า”
หลิวกุ้ยอิงมัดผมเป็นทรงหางม้าเรียบง่าย สวมเสื้อผ้าตัวโคร่งสบายตัว เมื่อถึงช่วงที่อากาศร้อนที่สุด หล่อนไม่คุ้นเคยกับการใส่กระโปรงเลย
ถึงอย่างนั้นตั้งแต่เธอย้ายเข้ามาในเมือง หล่อนก็กลับมาสวยสมวัยอีกครั้ง รอยฝ้าแดดบนใบหน้าลดลง ผิวพรรณฟื้นฟูกลับมาผ่องใส เป็นสาววัยกลางคนที่ดูดีมาก
…
เมื่อการเดินทางกลับบ้านเกิดสิ้นสุดลง เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเขาก็พากันขึ้นรถไฟกลับไปที่ไห่เฉิง
หลิวกุ้ยอิงนั่งอยู่บนรถไฟเพื่อกลับเข้าเมืองใหญ่ มองดูทิวทัศน์ที่ค่อย ๆ ถอยห่างออกไปนอกหน้าต่าง รู้สึกผ่อนคลายมากกว่าทุกครั้ง
ครั้งสุดท้ายที่หล่อนพาหลินเยี่ยนออกจากบ้านเกิดไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไห่เฉิง อารมณ์หล่อนตอนนั้นเต็มไปด้วยความสับสนและหวาดกลัวต่อชีวิตในอนาคตของตัวเอง
แต่คราวนี้อารมณ์ของหล่อนเต็มไปด้วยความสดใส เมื่อมองดูชายที่นั่งอยู่ข้างกายและกำลังงีบหลับ หัวใจของหล่อนพลันรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย
หล่อนในวัยสี่สิบเอ็ดปีตั้งใจแล้วว่าจะทิ้งความทุกข์ในอดีตไว้ที่นี่อย่างสิ้นเชิง บอกลาทุกอย่างที่ผ่านมา และเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คุณแม่มูฟออนแล้ว ขอให้ชีวิตใหม่สดใสรุ่งโรจน์นะคะ
ไหหม่า(海馬)