ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 503 คุณเองก็ลำบากเหมือนกัน
ตอนที่ 503 คุณเองก็ลำบากเหมือนกัน
เมื่อเซี่ยอวี่เห็นเฉินเจียเหอขับรถเข้ามา หล่อนก็รู้ทันทีว่าพวกพี่ใหญ่ใกล้จะกลับมาแล้ว
เฉินเจียเหอพยักหน้า “ครับ รถไฟรอบสี่โมงห้าสิบกำลังจะมาถึงอีกครึ่งชั่วโมง บังเอิญจังเลยที่พวกเรากลับบ้านวันเดียวกัน”
เฉินเจียเหอหันมองเย่ไป๋ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เซี่ยอวี่ก่อนถามหล่อน
“เหล่าเย่ไปรับคุณที่ไห่เฉิงเหรอครับ?”
“ใช่ เขาทำงานกะกลางคืนเลยว่างตอนกลางวัน ลินดายังติดธุระมาไม่ได้ เขาจึงไปรับอาน่ะ”
เซี่ยอวี่ไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
หล่อนไม่เคยเล่าเรื่องสกปรกในแวดวงบันเทิงให้ครอบครัวฟังแม้แต่ครั้งเดียว
แน่นอนว่าหล่อนไม่มีทางยอมแพ้ต่อความดำมืดและไม่มีทางพูดถึงมันเด็ดขาด
ถังจวิ้นเฟิงจูงมอเตอร์ไซค์ไปให้เย่ไป๋ เมื่อเห็นเฉินเจียเหอ เขาก็ยิ้มพร้อมพูดว่า “ฉันไม่ได้เจอนายหลายวันแล้ว บังเอิญจริง ๆ ที่นายอยู่ที่นี่ด้วย”
“ฉันต้องมารับแฟนน่ะ” เฉินเจียเหอตอบ
เขาจ้องมองเซี่ยอวี่และเย่ไป๋ ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะมีรอยฟกช้ำ?
มัน… ต้องทำให้คนอื่นคิดลึกแน่ ๆ
เฉินเจียเหอถามเซี่ยอวี่
“คุณอาจะรอกลับพร้อมพวกเราหรือกลับก่อนครับ?”
เซี่ยอวี่ตอบ “พวกเราขอกลับก่อนดีกว่า เขาต้องทำงานกะกลางคืน เลยอยากกลับบ้านไปอาบน้ำก่อน”
“ครับ ถ้างั้นเหล่าเย่พาคุณอากลับบ้านก่อนเถอะ”
เย่ไป๋ขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไปขณะที่เซี่ยอวี่โบกมือลาพวกเขา
เมื่อรถมอเตอร์ไซค์แล่นไปไกล ถังจวิ้นเฟิงก็ถอนหายใจ “หมอเย่เป็นคนสุภาพ มุ่งมั่นและกระตือรือร้นในหน้าที่การงาน ไม่เหลาะแหละเหมือนคนอื่น ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะได้หัวใจของคุณเซี่ย”
“ฉันไม่รู้ว่าทำไมเมื่อคืนเขาถึงรีบร้อนอย่างนั้น เขาจอดมอเตอร์ไซค์ทิ้งไว้ที่นี่กลางดึก สงสัยเจอคู่แข่งแล้วกลัวว่าจะถูกแย่งคุณเซี่ยไปละมั้ง เลยรีบไปที่ปินเฉิงในคืนนั้น ถึงยังงั้นก็ยังรับผิดชอบหน้าที่ได้ดี เขาสมควรได้รับรางวัลบุคคลตัวอย่างจริง ๆ”
เฉินเจียเหอเลิกคิ้ว “เขาไปเมื่อคืนนี้เหรอ?”
“อืม เขาขึ้นรถไฟไปตอนสองทุ่มน่ะ”
เฉินเจียเหอมองดูรถมอเตอร์ไซค์ลับตาไปตรงหัวมุมขณะครุ่นคิดบางอย่าง ก่อนที่มุมปากของเขาจะโค้งขึ้น
และมองเย่ไป๋ด้วยสายตาชื่นชม
เมื่อเฉินเจียเหิงหันไปเห็นถังจวิ้นเฟิงยังคงมองคู่รักด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม เขาจึงเตือนเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“นายอย่ามัวแต่มองคนอื่นรักกันล่ะ ยังหนุ่มยังแน่นอยู่แท้ ๆ แต่ต้องทำงานทั้งวัน ยังไงนายก็จับคนร้ายได้ไม่หมดหรอก”
เมื่อถังจวิ้นเฟิงได้ยินอย่างนั้น ดวงตาของเขาก็สั่นไหวเล็กน้อยก่อนแตะจมูกแล้วตอบว่า “ฉันไม่รีบ”
“นายมีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ? จะปิดบังพวกฉันไปทำไม”
เฉินเจียเหิงจำได้ว่าเขาเคยเห็นเด็กสาวคนหนึ่งนั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ของถังจวิ้นเฟิงนี่?
ถังจวิ้นเฟิงส่ายหน้าและปฏิเสธ “ไม่ใช่สักหน่อย ฉันตั้งใจทำงานหามรุ่งหามค่ำขนาดนี้ จะมีแฟนได้ยังไง? เอาล่ะ ฉันจ้องกลับไปทำงานแล้ว นายรีบไปรับครอบครัวเถอะ”
ถังจวิ้นเฟิงฮัมเพลงราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและขอตัวกลับเข้าในสถานีตำรวจก่อน
เฉินเจียเหอมองเขาอย่างสงสัย “ฉันจะมาเค้นถามนายทีหลัง ฉันไม่เชื่อหรอกว่านายจะพูดความจริง”
จากนั้นก็บอกกับถังจวิ้นเฟิงว่า “นายดูแลรถฉันให้ดีล่ะ ฉันจะไปรับพวกเขาก่อน”
“ใครจะกล้าขโมยรถที่จอดอยู่หน้าสถานีของเราล่ะ? นายรีบไปเถอะ”
เฉินเจียเหอรออยู่ตรงทางออกสถานีรถไฟอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะได้ยินเสียงประกาศว่ารถไฟมาถึงแล้ว
ไม่นานผู้โดยสารก็พากันหลั่งไหลออกมาจากทางออกสถานีรถไฟ
หลินจินซานสะพายกระเป๋าไนลอนไว้บนไหล่พร้อมถือกระเป๋าอีกใบไว้ในมือ ขณะที่เซี่ยไห่ถือกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่เช่นกัน ส่วนหลินเซี่ยและพ่อตาแม่ยายของเขาเพิ่งเดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าใบเล็ก
เฉินเจียเหอมองกระเป๋าของหลินจินซานและคนอื่น ๆ ที่แบกกลับมาด้วยสีหน้าอ่อนโยน
หลังจากที่พวกเขากลับมาจากบ้านเกิด เฉินเจียเหอก็รู้สึกเหมือนกับว่าตนได้ครอบครัวกลับมา
เขารีบเดินไปข้างหน้าแล้วรับกระเป๋ามาจากมือหลินจินซานอย่างรวดเร็ว
มือของหลินจินซานรู้สึกเบาลงและไหล่ของเขาก็รู้สึกผ่อนคลายลงอย่างมาก “น้องเขย มารับเราเหรอ?”
“อืม”
เฉินเจียเหอรับกระเป๋ามาและทักทายคนอื่น ๆ ที่อยู่ข้างหลัง
แต่สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ร่างหนึ่ง “เซี่ยเซี่ย คุณเมารถหรือเปล่า?”
หลินเซี่ยส่ายหน้า “ไม่เลย การเดินทางราบรื่นสุด ๆ เลยค่ะ”
เมื่อเห็นว่าหลินเซี่ยและคนอื่น ๆ มีความสุขมาก เฉินเจียเหอก็รู้ได้ทันทีว่าการเดินทางกลับบ้านเกิดของพวกเธอราบรื่นเป็นอย่างดี
“ทำไมคุณถึงมารับพวกเราได้ล่ะ? ขอออกมาชั่วคราวเหรอ?” หลินเซี่ยถาม
“วันนี้วันหยุดน่ะ”
หลังจากที่ทุกคนเดินออกจากสถานีรถไฟ เฉินเจียเหอก็บอกว่ารถของเขาจอดอยู่ที่ข้างรถมอเตอร์ไซค์ของถังจวิ้นเฟิง เมื่อเซี่ยไห่เห็นรถซานทาน่าของเฉินเจียเหอจอดอยู่ เขาก็มองอีกฝ่ายด้วยสายตาประหลาดใจ
“นี่ นายขับรถยนต์ได้ด้วยเหรอ?”
เฉินเจียเหอตอบ “ฉันทำงานในโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ทำไมจะขับรถไม่ได้ล่ะ?”
เซี่ยเหลยกล่าว “ไม่มีอะไรที่เจียเหอไม่รู้ เขามีความสามารถรอบด้านจะตายไป นับประสาอะไรกับการขับรถ”
เฉินเจียเหอเปิดท้ายรถเพื่อเก็บสัมภาระ พลางบอกให้หลินเซี่ยและคนอื่น ๆ รีบเข้าไปพักผ่อนในรถ
“ทุกคนเข้าไปในรถก่อนเถอะครับ”
เซี่ยไห่ส่ายหน้า “ฉันไม่ไปนะ ฉันจะยืมมอเตอร์ไซค์ของจวิ้นเฟิงกลับบ้าน”
เซี่ยไห่ต้องการขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ขณะที่เฉินเจียเหอและคนอื่น ๆ กำลังขนกระเป๋าขึ้นบนรถ
“ฉันกลับก่อนนะ เมื่อกี้นี้จะตายเอา เกือบอ้วกแตกบนรถไฟแล้ว”
ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว ผู้คนต่างถอดรองเท้าและผล็อยหลับอยู่บนรถไฟ กลิ่นต่าง ๆ จึงลอยโชยเข้าจมูกของเซี่ยไห่ ทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
ในที่สุดเขาก็ได้ลงจากรถไฟเสียที
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังกลัวว่าตนเองจะอาเจียนบนรถยนต์
เซี่ยไห่รีบขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไปโดยไม่รอให้ทุกคนออกเดินทาง
เมื่อมาถึงบ้าน เขาก็เห็นรถมอเตอร์ไซค์ของเย่ไป๋ เซี่ยไห่จึงจอดมอเตอร์ไซค์ของถังจวิ้นเฟิงไว้ข้าง ๆ จากนั้นเดินเข้าประตูไป
“แม่ครับ ผมกลับมาแล้ว”
เมื่อคุณแม่เซี่ยที่กำลังทำงานบ้านได้ยินเสียงของเซี่ยไห่ นางก็รีบวิ่งออกไปทันที
“เสี่ยวไห่ กลับมาแล้วเหรอ?” คุณแม่เซี่ยมองไปที่ข้างหลังของเขา “พี่ใหญ่ของลูกแล้วก็เซี่ยเซี่ยกับคนอื่น ๆ อยู่ที่ไหน?”
“ทุกคนกำลังตามมาครับ”
ขณะที่เซี่ยไห่เดินเข้าไปในบ้าน เย่ไป๋ก็กำลังชงชาอยู่ เขาจึงรินชาให้เซี่ยไห่อีกหนึ่งแก้ว
เซี่ยไห่รู้สึกกระหายน้ำและไม่สบายตัว เขาจึงหยิบแก้วชาขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมด “ขอบคุณครับ พี่เขยใจดีจริง ๆ”
เย่ไป๋ตอบด้วยท่าทางสบาย ๆ “ไม่เป็นไร พวกเราทุกคนล้วนเป็นครอบครอบเดียวกัน”
“ไอหยา พี่เขยเป็นกันเองจริง ๆ ดูเหมือนนายกับพี่สาวฉันจะไปกันได้ดีสินะ” เซี่ยไห่เพิ่งสังเกตเห็นว่าดวงตาของเย่ไป๋แดงก่ำเหมือนกับว่าอดนอนทั้งคืน ถึงอย่างนั้นก็ยังนึกถึงคนอื่นเสมอ
“พี่สาวอยู่ไหนเหรอ?”
เขาถามเมื่อไม่เห็นเซี่ยอวี่
คุณแม่เซี่ยจึงตอบว่า
“พี่สาวลูกกำลังทำความสะอาดห้องของพี่ใหญ่น่ะ”
เมื่อเซี่ยอวี่ได้ยินว่าพี่ชายคนโตกำลังจะกลับมา หล่อนก็รีบไปทำความสะอาดห้องนอนให้เซี่ยเหลยทันทีที่กลับมาถึง
เซี่ยไห่เดาะลิ้นเสียงดัง
“ให้ตายสิ ดาราดังของเราเป็นแม่ศรีเรือนขนาดนี้เลยเหรอ?”
เซี่ยไห่กล่าว แต่เมื่อเห็นหู่จือวิ่งเข้ามา เขาก็อุ้มเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขน
“หู่จือ คิดถึงตารองไหม?”
“ไม่คิดถึงสักนิด”
เซี่ยไห่ “…”
หู่จือพูดต่อ “ผมคิดถึงแม่มากกว่า”
เซี่ยไห่หยุดเรียกร้องความโปรดปรานและปล่อยหู่จือไป
คุณแม่เซี่ยได้ยินเซี่ยไห่กระแนะกระแหนเซี่ยอวี่ นางจึงตอบกลับอย่างไม่พอใจ
“ลูกพูดอะไร ตอนที่พี่ใหญ่ไม่สบายต้องนอนโรงพยาบาล ก็ได้แม่กับหล่อนช่วยกันดูแลเขา พวกเราไม่ได้ทำอย่างอื่นนอกจากล้างจานกับทำอาหารเลย จำไม่ได้เหรอ?”
พูดจบ คุณแม่เซี่ยก็มองไปที่เย่ไป๋และพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เสี่ยวเย่ ถึงลูกสาวของแม่จะทำงานบ้านไม่เป็น แต่ตอนนี้หล่อนโตและทำงานแล้ว มือคือสิ่งที่สำคัญสำหรับนักแสดงมาก ดังนั้นถ้าในอนาคตถ้าพวกเธอทั้งสองคนแต่งงานกัน ก็อย่าให้หล่อนทำงานบ้านหนักเกินไปล่ะ”
เย่ไป๋ตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ครับคุณป้า ผมจะทำทุกอย่างเองและจะไม่มีวันปล่อยให้หล่อนทุกข์ใจแน่นอนครับ”
“เสี่ยวเย่ว่านอนสอนง่ายจริง ๆ”
เมื่อคุณแม่เซี่ยได้ยินเสียงรถยนต์ นางก็รีบผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“หลานสาวของฉันกับคนอื่น ๆ คงกลับมาแล้วสินะ”
เมื่อหู่จือได้ยินว่าแม่และตายายกลับมาแล้ว เด็กน้อยก็รีบวิ่งออกไปพร้อมกับคุณแม่เซี่ยทันที
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
นึกสภาพบรรยากาศบนรถไฟแล้วขมคอตามพี่ไห่เลยค่ะ ยิ่งรถไฟชั้นสามในชั่วโมงเร่งด่วนของฤดูร้อนก็คือนรกชัดๆ
คนที่จะอยู่บ้านทำงานบ้านน่าจะเป็นหมอเย่ละมั้งดูทรงแล้ว
ไหหม่า(海馬)