ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 505 หาซื้อของเป็นสินเดิมให้แม่
ตอนที่ 505 หาซื้อของเป็นสินเดิมให้แม่
คุณแม่เซี่ยเชิญครอบครัวของเฉินเจียเหอและครอบครัวของเย่ไป๋ให้ไปรับประทานอาหารร่วมกัน เหตุผลหลักก็เพื่ออธิบายว่าเซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงได้จดทะเบียนสมรสกันแล้วอย่างถูกต้อง
ในฐานะญาติ ทั้งสองครอบครัวตอบรับคำเชิญอย่างเต็มใจ และแสดงความยินดีผ่านทางโทรศัพท์มาหลายครั้ง
เซี่ยไห่รับผิดชอบในการจองห้องอาหาร ในขณะที่เซี่ยอวี่วางแผนที่จะไปที่ห้างสรรพสินค้ากับแม่ของหล่อนในวันรุ่งขึ้นเพื่อซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นในงานแต่ง
แม้ว่าจะไม่มีพิธีแต่งงาน แต่ในฐานะครอบครัวฝ่ายสามี พวกเขาควรเตรียมในสิ่งที่ควรเตรียม
เซี่ยอวี่และหญิงชราไปที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อเครื่องนอนคุณภาพสูง ผ้านวม และผ้าปูที่นอนทั้งหมดที่เป็นสีแดงสด ทั้งบ้านได้รับการตกแต่งใหม่
หลิวกุ้ยอิงกำลังจะแต่งงานครั้งใหม่ อารมณ์ของหล่อนจึงซับซ้อนมาก
ถึงจะมีความคาดหวังกับอนาคตอันสดใส แต่ก็ยังกังวลใจและไม่แน่ใจ หล่อนไม่กลัวว่าเซี่ยเหลยจะปฏิบัติต่อตนอย่างเลวร้ายหลังแต่งงาน นับประสาอะไรกับกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ
สิ่งเดียวที่หล่อนกังวลคือหลังจากที่หล่อนกับเซี่ยเหลยกลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ลูก ๆ ทั้งสองคนอย่างหลินจินซานและหลินเยี่ยนจะมีความขัดแย้งกับตระกูลเซี่ยในอนาคตหรือไม่
หลินเซี่ยแอบปรึกษากับหลินจินซานและหลินเยี่ยนว่า พวกเขาควรให้ของขวัญบางอย่างเพื่อเป็นสินเดิมงานแต่งของแม่พวกเขา
ปากของหลินจินซานกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินหลินเซี่ยใช้คำว่าสินเดิม “เซี่ยเซี่ย เรียกว่าซื้อของขวัญให้แม่เถอะ เรียกว่าให้สินเดิมแล้วมันออกจะฟังดูทะแม่งเกินไป ลูกชายลูกสาวจะให้สินเดิมกับแม่ตัวเองได้ยังไงกัน? นั่นเป็นหน้าที่ของครอบครัวฝ่ายหญิงต่างหาก”
“โอ้ ฉันใช้คำพูดผิดเอง งั้นพี่คิดว่าเราควรซื้ออะไรบ้าง?” หลินเซี่ยถามความคิดเห็นจากพวกเขา
หลินจินซานค่อนข้างมีประสบการณ์เกี่ยวกับการซื้อของเครื่องใช้ก่อนแต่งงาน สมัยที่เขายังอยู่ในหมู่บ้าน เขามักจะรับหน้าที่ส่งตัวเจ้าสาวในแวดวงเครือญาติ และไปร่วมงานเลี้ยงฉลอง ทำให้ได้ยินคนพูดถึงเรื่องเหล่านี้อยู่บ่อย ๆ
เขาพูดว่า
“ก่อนอื่น เราต้องซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้แม่สองชุด รวมถึงผ้าห่มด้วย พูดตามหลักเหตุผลแล้ว ในพื้นที่ชนบทของเรา เมื่อผู้หญิงคนไหนแต่งงาน ครอบครัวฝ่ายหญิงจะต้องเย็บผ้าห่มเป็นข้าวของเครื่องใช้หลังแต่งงาน เธอสองคนไม่มีทักษะอะไรแบบนั้น งั้นไปซื้อผ้าห่มมาสองผืนเลยดีกว่า นอกจานี้ยังมีกาน้ำชาสำหรับงานแต่ง และของใช้ในชีวิตประจำวันทุกชนิด แต่ฉันไม่คิดว่าพวกเขาต้องการเฟอร์นิเจอร์หรืออะไรแบบนั้นหรอก พ่อเธอมีครบทุกอย่างแล้ว ซื้อเพิ่มก็ไม่มีที่จะจัดวาง”
หลินเซี่ยฟังสิ่งที่หลินจินซานพูดอย่างชัดเจน หลินเยี่ยนก็เห็นด้วยว่าพวกเขาจำเป็นต้องซื้อทุกสิ่งที่พี่ชายสาธยายมา
หลินเซี่ยพูดกับหลินเยี่ยนว่า “เอาล่ะ วันนี้เราปิดร้านสักวัน แล้วไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้ากันเถอะ”
“พี่สาว ไม่ต้องถึงขั้นปิดร้านก็ได้ ที่จริงคุณเย่เชี่ยนบอกว่าหล่อนมีเพื่อนที่เป็นช่างภาพต้องการมาสมัครงานในร้านของเรา รอให้พี่กลับมาแล้วฉันค่อยแจ้งให้หล่อนทราบ”
“เอาไว้ค่อยว่ากันพรุ่งนี้ วันนี้ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว ไปช้อปปิ้งในห้างด้วยกันนี่แหละ”
สามพี่น้องต่างก็มีรายได้เป็นของตัวเอง มีอิสระทางการเงิน และสามารถออกไปทำธุระข้างนอกได้ตลอดเวลา
หลังจากเดินช้อปปิ้งไปรอบ ๆ ห้างสรรพสินค้า พวกเขาก็เห็นว่ามีคอลเลกชันเสื้อผ้าสำหรับฤดูใบไม้ร่วงออกใหม่ แม้หลินเซี่ยจะมีความเห็นว่าเสื้อผ้าเหล่านี้ค่อนข้างเทอะทะไปหน่อย แต่ก็ถือเป็นสไตล์ที่ทันสมัยที่สุดในยุคนี้
เสื้อผ้าและเนื้อผ้าที่โรงงานยุคนี้ใช้ตัดเย็บ โดยทั่วไปแล้วดีกว่าปัจจุบันมาก
หลินเซี่ยและคนอื่น ๆ ตรงไปที่โซนจำหน่ายเสื้อผ้า ซื้อเสื้อคลุมขนสัตว์ให้หลิวกุ้ยอิง สภาพอากาศตอนนี้อาจอุ่นเกินไปที่จะใส่ก็จริง แต่หลังจากฤดูเปลี่ยนผ่านในอีกไม่กี่วันก็ได้สวมเอง
นอกจากนี้ยังมีเสื้อผ้าและรองเท้าด้วย เธอเลือกมาอย่างละสองแบบตามความชอบของตัวเอง
หลินจินซานต้องการจ่ายเงิน แต่หลินเซี่ยชิงจ่ายเงินก่อน “ฉันจ่ายก่อน เธอสองคนค่อยจ่ายทีหลังตอนฉันซื้ออย่างอื่นแล้วกัน”
หลังจากซื้อเสื้อผ้าแล้ว พวกเขาก็ตรงไปยังแผนกเครื่องนอนต่อ
ที่นี่เป็นแหล่งซื้อผ้าห่มขนาดใหญ่เช่นกัน มีผ้าให้เลือกหลายแบบ
นอกจากสินค้าทั่วไปแล้ว ยังมีเนื้อผ้าระดับไฮเอนด์อีกด้วย รวมถึงผ้าซาตินและผ้าแบบอื่น ๆ ที่ตัดเย็บด้วยมือแขวนเรียงรายไว้
พี่น้องทั้งสามคนมีมติเป็นเอกฉันท์ เลือกสีแดงมงคลที่มีการปักเป็นลวดลายมังกรและหงส์ แน่นอนว่าราคาค่อนข้างสูง ไส้ในทำมาจากใยสังเคราะห์และผ้าฝ้าย
แม้ผ้าห่มนวมแบบนี้จะดูบาง แต่จริง ๆ แล้วให้ความอบอุ่นดีมาก
หลินเยี่ยนเคยชินกับผ้าห่มผ้าฝ้ายหยาบ ๆ ที่มีน้ำหนักแปดชั่งในชนบทมาก่อน เมื่อลองยกผ้าผืนนี้ดู เธอก็รู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกไปเองว่าน้ำหนักที่เบาจะให้ความอบอุ่นได้ไม่มากพอ
ดังนั้น เพื่อขจัดความกังวลของเธอ หลินเซี่ยจึงซื้อผ้าห่มมาทั้งสองแบบ
ทั้งยังซื้อปลอกหมอนมาอีกสองใบ
หลินจินซานบ่นว่าหลินเยี่ยนทำตัวเฉิ่มเชยเกินไป ไม่เคยกล้าที่จะลองผลิตภัณฑ์ยอดนิยมใหม่ ๆ ในเมือง หัวโบราณเกินไปเหมือนแม่ของพวกเขาไม่มีผิด
หลินเยี่ยนให้เหตุผลว่าสินค้าในเมืองถึงจะมีราคาแพง แต่ก็ไม่ได้มีคุณภาพดีเสมอไป ผ้าห่มควรหนาพอที่จะคลุมทั้งตัว ถึงให้ความรู้สึกอบอุ่นและมั่นคง
พี่ชายและน้องสาวสองคนทะเลาะกัน ระหว่างนั้นทั้งสามก็เดินออกจากร้าน
ผลก็คือทันทีที่พวกเขามาถึงทางออกของโซนขายผ้าห่ม ก็เห็นร่างที่คุ้นเคยสองคน
ไม่สิ พูดให้ถูกคือมีสามคนต่างหาก
เซี่ยอวี่และคุณแม่เซี่ยเพิ่งซื้อผ้าห่มเสร็จ ลู่เจิ้งอวี่ก็เดินตามเพื่อช่วยขนของเหล่านั้น
หลินเซี่ยคาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะได้เจอกันโดยบังเอิญแบบนี้ เมื่อเธอพบพวกเขาก็ยิ้มและกล่าวทักทาย “คุณย่า คุณอา พวกคุณก็มาซื้อผ้าห่มเหมือนกันเหรอคะ?”
“ใช่แล้ว เรามาที่นี่เพื่อซื้อผ้าห่มสำหรับงานแต่งงานของพ่อแม่เธอไงล่ะ อย่าบอกนะว่าพวกเธอก็มาซื้อมันเหมือนกัน?” เซี่ยอวี่มองมือของพี่น้องทั้งสาม เห็นว่าทุกคนหิ้วถุงใหญ่และถุงเล็กจำนวนมาก
“ใช่ค่ะ เราซื้อเครื่องนอนมาสองชุด และเสื้อผ้าอีกจำนวนหนึ่ง”
ตอนนี้พวกเขาวางแผนที่จะไปต่อที่แผนกเสื้อผ้าผู้ชาย เพราะหลินเซี่ยอยากซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้พ่อด้วย
ไม่อย่างนั้นพ่อของเธอจะต้องอิจฉาแน่นอน
เซี่ยอวี่ดูผ้าห่มสองผืนที่ลู่เจิ้งอวี่ถืออยู่ จากนั้นมองไปที่ผ้าห่มที่หลินจินซานถือ และพูดว่า
“แปลว่ามีผ้าห่มทั้งหมดสี่ผืน มันจะเยอะเกินไปหรือเปล่า?”
หลินจินซานบอกว่า “ไม่เยอะเกินไปหรอกครับอา สองผืนสำหรับครอบครัวฝั่งพ่อ อีกสองผืนสำหรับครอบครัวฝั่งแม่ ถ้าคุณแต่งงานกับหมอเย่ในอนาคตก็จะเป็นแบบนี้เหมือนกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินจินซาน เซี่ยอวี่ก็หัวเราะ “จินซาน ดูเหมือนคำพูดของเธอจะมีบางอย่างที่ผิดนะ พวกเธอทั้งสามคนเป็นสมาชิกครอบครัวฝั่งแม่ไม่ใช่เหรอ?”
หลินจินซานพูดอย่างหนักแน่นว่า “อาครับ พวกเราจะเป็นผู้สนับสนุนของแม่ตลอดไป แต่นั่นยังรวมไปถึงครอบครัวใหม่ของแม่ด้วย”
ในแง่หนึ่ง พวกเขาล้วนเป็นคนที่เชื่อถือได้มากกว่าครอบครัวแท้ ๆ ของตัวเขาเองเสียอีก
“พวกเธอทุกคนเป็นเด็กดีและมีเหตุผล มาซื้อของขวัญแต่งงานให้แม่ด้วยตัวเอง น่าประทับใจมากจริง ๆ ที่เห็นพวกเธอเป็นอย่างนี้”
คุณแม่เซี่ยกล่าวว่า “ครอบครัวของเราจะสามัคคีและมีมิตรไมตรีต่อกันแบบนี้ตลอดไป รอให้ธุระของพ่อแม่เธอเสร็จสิ้นซะก่อน ฉันจะจัดการเรื่องของพวกเธอทีหลัง ค่อย ๆ ทำไปทีละอย่าง ฉันเป็นยายแก่ที่ชอบการแต่งงานเป็นที่สุด ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อเห็นพวกเธอทุกคนแต่งงานมีลูกไปทีละคนซะก่อน จึงจะตายตาหลับได้อย่างสบายใจ”
“คุณย่า คุณยังต้องอยู่กับพวกเราไปอีกนานแสนนานเลยครับ” หลินจินซานพูดอย่างอ่อนหวาน “เรายินดีมาก ๆ ที่คุณเป็นธุระจัดการเรื่องงานแต่งให้เรา รู้สึกเหมือนตัวเองมีกองหนุน”
ตั้งแต่พวกเขาเจอกัน หลายคนก็ไปช้อปปิ้งด้วยกันต่อจากนั้น
หลินเซี่ยไปกับพวกเขา เซี่ยอวี่ซื้อชุดสูท หลินเซี่ยซื้อเสื้อเชิ้ต เนกไท เสื้อสเวตเตอร์แบบบาง รองเท้าหนังอีกหนึ่งคู่
หลินเซี่ยเป็นคนออกเงินจ่ายค่าผ้าห่มและเสื้อผ้าทั้งหมด หลินจินซานบอกว่าพวกเขาอยากจ่ายบ้าง ไม่สามารถปล่อยให้หลินเซี่ยจ่ายคนเดียวได้ ในขณะที่พวกเขากำลังดูเสื้อผ้า พี่ชายและน้องสาวก็ไปดูโซนเครื่องใช้จิปาถะที่จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวัน
พอกลับมาอีกครั้ง พวกเขาก็กลับมาพร้อมกับกาน้ำร้อนสีแดง วัสดุเป็นกระเบื้องเคลือบที่มีคำว่า ‘สุข’ พิมพ์อยู่บนถุงไนล่อนสีแดง กระจก ยาสีฟัน และสิ่งของอื่น ๆ โดยทั้งหมดแบ่งเป็นอย่างละสองส่วน
เซี่ยอวี่เห็นพี่ชายและน้องสาวถือถุงใบใหญ่ใบเล็ก ทั้งหมดเป็นเครื่องใช้สีแดงมงคลที่มีคำว่า ‘สุข’ อยู่บนนั้น สีหน้าของเธอก็อ่อนโยนเล็กน้อย “จินซาน เสี่ยวเยี่ยน ซื้ออะไรกันมา?”
เซี่ยอวี่มองดูสิ่งของในมือของพวกเขา ดวงตาขยับวูบไหว อดไม่ได้ที่จะชุ่มชื้น
ลูกชายและลูกสาวซื้ออุปกรณ์จัดงานแต่งงานทุกชนิดให้กับหลิวกุ้ยอิงด้วยตัวเอง แสดงออกว่าพวกเขาสนับสนุนให้เธอแต่งงานใหม่ เห็นแล้วรู้สึกสะเทือนใจและอบอุ่นไปพร้อมกัน
นี่เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ฉันแม่ลูกระหว่างหลิวกุ้ยอิงและหลินจินซานนั้นลึกซึ้งแค่ไหน
หลินจินซานยกถุงกาน้ำร้อนในมือของเขา ตอบกลับว่า
เซี่ยอวี่ตรวจดูสิ่งที่อยู่ในถุงตาข่ายอย่างละเอียด เมื่อเห็นว่ามีน้ำยาขัดรองเท้าด้วย หล่อนก็ประทับใจในตัวพวกเขามาก “เธอยังเด็กกันอยู่เลย ทำไมถึงรู้ว่าควรซื้อของพวกนี้? เป็นคนที่ใส่ใจมาก ๆ เลยนะ”
“อาครับ ถึงเราจะไม่เคยกินหมู แต่เราก็เคยเห็นหมูวิ่ง พอมีความรู้อยู่บ้างครับ”
พวกเขาเน้นซื้อของตามประเพณีในชนบทไว้ก่อน
แน่นอน ทุกอย่างที่ขายอยู่ในเมืองมีคุณภาพดีกว่าอยู่แล้ว
พวกมันจึงมีความพิเศษมากกว่าพิธีในชนบท
ชาวเมืองนิยมซื้อเครื่องประดับสำหรับงานแต่งงานมากกว่า แต่ด้วยสภาพปัจจุบันของพวกเขาที่ไม่มีเงินจ่ายมากมายขนาดนั้น รอให้อีกหน่อยพวกเขาหาเงินได้มากกว่านี้ จะซื้อให้แม่ย้อนหลังอย่างแน่นอน
“พวกเธอมีประสบการณ์ชีวิตมากกว่าฉันซะอีก”
เซี่ยอวี่ตระหนักได้ทันทีว่าตัวเองดูเหมือนจะขาดการติดต่อกับโลกภายนอกโดยสิ้นเชิงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หล่อนยุ่งอยู่กับการถ่ายทำและทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืน เนื่องจากไม่มีญาติในฮ่องกง จึงไม่ค่อยได้ไปร่วมงานแต่งงานของใคร ต่อให้เป็นงานแต่งของคนในวงการเองก็ตาม เพราะบางคนมีเงินน้อยจนต้องแต่งงานอย่างลับ ๆ ในขณะที่บางคนใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินตัวเพราะอยากโอ้อวดแสดงฐานะ หล่อนจึงทำแค่ติดตามข่าว ไม่ค่อยได้เข้าไปเกี่ยวข้อง
“ไปเถอะ ขนของต่าง ๆ ไปไว้ที่รถกัน”
ท้ายรถของเซี่ยไห่แน่นขนัดไปด้วยสินค้าสารพัดอย่าง
ตอนแรกเซี่ยอวี่เป็นคนวานให้ลู่เจิ้งอวี่มาขับรถให้ แต่เพราะได้เจอกับหลินจินซานระหว่างทาง ลู่เจิ้งอวี่ก็ไม่มีหน้าที่ที่ต้องทำอีก
เขาช่วยหลินเยี่ยนขนของทั้งหมดใส่ในรถ หลังจากนับจำนวนคน ปรากฏว่าภายในรถไม่มีที่ว่างเพียงพอ
เขาพูดกับคุณแม่เซี่ยว่า “คุณย่าเซี่ยครับ ผมว่าจะนั่งรถประจำทางกลับไปที่ร้าน ให้พี่ซานเป็นคนขับรถแทน”
“ถ้าพวกเรานั่งเบียด ๆ กันหน่อยล่ะ?”
“เบียดแล้วจะอึดอัดซะเปล่า ขึ้นรถเมล์สะดวกกว่าครับ”
“ก็ได้ ไว้ค่อยเจอกันที่ร้านอาหารหลังจากนี้ ไว้ไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อนะ ลำบากเสี่ยวลู่แล้ว”
หลินเซี่ยและคนอื่น ๆ ติดขึ้นรถไปด้วยพร้อมกับข้าวของที่พวกเขาซื้อมา
หลิวกุ้ยอิงและเซี่ยเหลยปิดร้านมาหลายวัน เดิมทีพวกเขาต้องการพักผ่อนในวันนี้ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวจนต้องออกมาเปิดร้าน
ตอนนี้เลยเวลาอาหารไปแล้ว ไม่มีลูกค้าคนไหนอยู่ในร้าน ทั้งสองคนกำลังนั่งเช็ดจาน เมื่อเห็นรถของเซี่ยไห่ขับมาจอดด้านหน้า หลินเซี่ยและคนอื่น ๆ ก็ลงจากรถ
“พวกเธอไปไหนกันมาเหรอ?” หลิวกุ้ยอิงถามอย่างสงสัย
“ไปช้อปปิ้งน่ะสิครับ”
เซี่ยเหลยดูขุ่นเคืองเมื่อได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด “ทำไม่ชวนพี่สะใภ้ไปด้วยล่ะ? วันนี้ฉันบอกให้พี่สะใภ้ของนายออกไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ตัวเองสักสองชุด แต่หล่อนยืนกรานว่าจะมาเปิดร้านให้ได้”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ลูกๆ น่ารักทุกคนเลยค่ะ ต่อให้แต่ละคนจะเป็นลูกต่างพ่อต่างแม่กันก็ตาม
ไหหม่า(海馬)