ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 508 พวกเขาเป็นคู่รักครึ่งทางหรอกเหรอ?
ตอนที่ 508 พวกเขาเป็นคู่รักครึ่งทางหรอกเหรอ?
ในร้านของหลินเซี่ยได้ตั้งผ้าม่านไว้แล้ว ก่อนหน้านี้ช่างภาพไม่ได้อยู่ประจำ ถึงอย่างนั้นฉากหลังก็อำนวยความสะดวกให้เขาเริ่มงานได้ทันที
หลินเซี่ยยื่นดอกไม้ประดิษฐ์พลาสติกที่เป็นอุปกรณ์ประกอบในการถ่ายรูปในร้านให้หลิวกุ้ยอิงโดยเฉพาะ “แม่คะ ถือไว้นะ”
“เชิญค่ะ มาเริ่มกันเลย”
จางซ่วนมองไปยังคู่แต่งงานใหม่วัยกลางคนที่หน้าตาดีกันทั้งคู่ จากนั้นก็เริ่มจัดท่าทางให้กับพวกเขาอย่างมืออาชีพ
เมื่อเขาเริ่มทำงาน เขาก็มีความเป็นมืออาชีพและจริงจังมาก
“ช่วยโน้มตัวเข้ามาใกล้กันอีกหน่อยครับ”
จางซ่วนมองดูคนสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าม่านทำตัวแข็งทื่อราวกับกำลังถ่ายรูปติดบัตร จากนั้นก็เตือนว่า
“คุณผู้หญิงขยับเข้ามาใกล้อีกหน่อยครับ อย่ายืนตรงเกินไป เอนตัวไปหาเจ้าบ่าวนิดหนึ่ง”
หลังจากที่จางซ่วนให้คำแนะนำแล้ว หลิวกุ้ยอิงก็ขยับตัวไปใกล้อีกฝ่ายแค่ไม่กี่นิ้ว
ภาพถ่ายงานแต่งงานในยุคนี้ โดยพื้นฐานแล้วไม่มีท่าโพสต์ที่แปลกใหม่ แน่นอนว่าคู่บ่าวสาวไม่กล้าเปิดกว้างจนเกินไป จึงยืนถ่ายรูปหน้านิ่ง
อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นเรื่องยากที่จะหาใครสักคนที่ตัวเกร็งแข็งทื่อได้เท่ากับผู้หญิงคนนี้
จางซ่วนเริ่มไม่ชอบใจ “ไม่ได้ ท่าทางแข็งทื่อเกินไป”
“คุณผู้หญิง ผ่อนคลายลงก่อน อย่าทำหน้าตาจริงจังขนาดนั้น”
จางซ่วนช่วยจัดท่าทางอยู่เป็นเวลานาน แต่นอกจากท่าทางของพวกเขาจะเกร็งแล้ว รอยยิ้มยังแข็งกระด้าง
ผลสรุปออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจเลย
จางซ่วนพยายามอย่างหนักเพื่อให้ภาพออกมาสมบูรณ์แบบ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดตรง ๆ
“คุณสองคนพักสักหน่อยแล้วกัน ปรับตัวเข้าหากันก่อน ผมจะถ่ายภาพให้ใหม่ทีหลัง”
จางซ่วนเดินไปหาหลินเซี่ย ถามด้วยเสียงกระซิบ “พวกเขาเป็นคู่รักครึ่งทางหรือเปล่า? แบบที่เพิ่งเจอกันแต่ยังไม่ได้รักกัน?”
หลินเซี่ยส่ายหน้า “เปล่านี่คะ พ่อแม่ฉันรักกันจากใจจริง ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ดีมาก”
จางซ่วน “ทำไมผมไม่เห็นว่าจะเป็นอย่างนั้นเลย”
เขาแสดงความคิดเห็น “สิ่งที่ผมเห็นคือคุณผู้หญิงคนนั้นเหมือนถูกบีบบังคับให้แต่งงาน”
ถ้าเป็นการแต่งงานแบบคลุมถุงชนจริง ๆ เขาซึ่งเป็นช่างภาพจะไม่บังคับ
แต่เมื่อได้ยินว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ต่อกันอย่างดี และปักใจรักใคร่กันเอง ด้วยความเป็นมืออาชีพของจางซ่วน เขาไม่มีทางทำงานลวก ๆ แต่ต้องถ่ายทอดเอาความหวานชื่นในรักออกมาให้ได้
หลินเซี่ยจึงไปปรับทัศนคติให้กับหลิวกุ้ยอิง เพื่อให้หล่อนมีสภาวะอารมณ์ผ่อนคลายลง “แม่คะ ทำตัวผ่อนคลายลงหน่อย แม่เครียดเกินไปแล้ว อย่าเอาแต่ก้มมองมือที่ถือดอกไม้สิ หันหน้าไปหาพ่อแล้วโน้มตัวเข้าไปใกล้ชิดเขาหน่อย เมื่อกี้นี้ฉันมองแล้วเหมือนพวกคุณมาถ่ายรูปติดบัตรเลย นี่คือรูปแต่งงานของพวกคุณนะคะ ยิ้มหวาน ๆ หน่อย”
“เซี่ยเซี่ย ไม่ต้องห่วง พ่อจะคุยกับแม่ของลูกเอง”
ทันทีที่หลินเซี่ยเดินจากไป เซี่ยเหลยก็กอดเอวของหลิวกุ้ยอิงอย่างแรง
รวบร่างหล่อนให้เข้ามาใกล้ชิดมากขึ้น
หลิวกุ้ยอิงยอมอิงแอบร่างของเขาอย่างอดทน เอียงศีรษะเล็กน้อยเพื่อเข้าใกล้เขามากขึ้น
“ยิ้มให้เป็นธรรมชาติมากกว่านี้ คิดถึงตอนที่เราได้เจอกันเป็นครั้งแรกสิ คิดถึงภาพตอนที่เราสองคนวิ่งไล่กันอยู่บนภูเขา”
หลิวกุ้ยอิงพยายามสองสามครั้ง ในที่สุดรอยยิ้มบนใบหน้าของหล่อนก็ไม่แข็งกระด้างเหมือนคนเสแสร้งอีกต่อไป
เสียงคลิกดังขึ้น ตามด้วยแสงแฟลชของกล้องที่กะพริบหลายครั้งติดต่อกัน
จางซ่วนกดถ่ายรูปสองครั้ง จากนั้นก็ขอให้พวกเขาหันมองกล้อง และถ่ายรูปที่ดูเป็นทางการมากขึ้น
“พวกคุณจะถ่ายแค่ชุดนี้ชุดเดียวเหรอ?”
“มีชุดจีนสีแดงด้วยค่ะ ไปเปลี่ยนแล้วออกมาถ่ายอีกรอบเถอะ”
หลินเซี่ยเปลี่ยนชุดของหลิวกุ้ยอิงให้เป็นชุดเจ้าสาวจีนสีแดง เซี่ยเหลยถอดสูทออก สวมเสื้อเชิ้ตเพื่อถ่ายรูปชุดอื่น
หลิวกุ้ยอิงหายใจออกด้วยความโล่งอก
หลินเซี่ยถามจางซ่วน “เราจะได้รูปที่คุณถ่ายเมื่อไหร่คะ?”
จางซ่วนตอบกลับ “ม้วนฟิล์มของผมเต็มพอดี ผมจะเอาไปล้างในตอนบ่าย และนำกลับมาให้ในวันพรุ่งนี้”
“โอเค ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกันค่ะ”
จางซ่วนพยักหน้าและกล่าวคำอำลาเย่เชี่ยน โดยบอกว่าเขามีอย่างอื่นที่ต้องทำ จำเป็นต้องกลับไปก่อน
เย่เชี่ยนออกไปส่งเขาที่ประตู
หลังจากส่งแขกออกไปแล้ว เย่เชี่ยนก็เข้ามาพูดคุยกับหลินเซี่ยเกี่ยวกับจางซ่วนอีกครั้ง
“เซี่ยเซี่ย เขามีทักษะการถ่ายภาพที่ดีมาก แถมยังเรียนการถ่ายภาพแบบวิชาชีพมาโดยตรง เมื่อกี้นี้เขาแค่ทำตัวหยิ่งไปหน่อย ก่อนหน้านี้เขาเคยทำงานในสำนักหนังสือพิมพ์ แต่ลาออกเนื่องจากเหตุผลบางอย่าง
ฉันรู้แบบนั้นถึงได้โน้มน้าวให้เขามาสมัครงานที่ร้านของเธอ ถ้ารูปออกมาสวยตรงคอนเซปต์ ฉันก็หวังว่าเธอจะเก็บเขาไว้พิจารณา”
พอหลินเซี่ยได้ยินว่าจางซ่วนเคยทำงานในสำนักหนังสือพิมพ์ เธอก็เริ่มสนใจเขาทันที
ตราบใดที่เขาเคยทำงานเป็นช่างภาพของสำนักหนังสือพิมพ์ เขาต้องมีความเป็นมืออาชีพสูงอย่างไม่ต้องสงสัย
เธอยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะรับสมัครบุคคลคุณภาพแบบนี้ให้มาทำงานที่ร้านของเธอ
เธอถามเย่เชี่ยนว่า
“เขาเป็นเพื่อนเธอเหรอ?”
“ใช่ เพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลาย”
หลินเซี่ยบอกว่า “ไว้ฉันจะคุยกับเขาหลังจากที่เขาล้างรูปเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันเห็นด้วยว่าเขามีความเป็นมืออาชีพมาก”
“ดีเลย งั้นฉันขอตัวก่อนนะ”
หลิวกุ้ยอิงและเซี่ยเหลยกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ที่ห้องด้านหลัง หลิวกุ้ยอิงอดทนไม่ไหวจนต้องแกะมวยผมที่หลินเซี่ยมัดไว้จนแน่นออก
เดิมทีหลินเซี่ยคิดจะเตือนหลิวกุ้ยอิงอยู่แล้วเชียวว่าอย่าเพิ่งแกะมวยผม และให้ใส่กระโปรงตลอดทั้งวัน คงเครื่องสำอางบนใบหน้าต่อไป เพราะถึงแม้งานเลี้ยงครั้งนี้จะมีแต่คนในครอบครัว อย่างน้อยหล่อนก็ควรแต่งตัวให้เหมาะสมกับการเป็นคู่แต่งงานใหม่
ผลก็คือเมื่อเธอกลับมาหลังจากส่งเย่เชี่ยน ผู้เป็นแม่ก็กลับสู่ความเรียบง่ายตามประสาเดิม
หลินจินซานบ่นกับหลิวกุ้ยอิงว่า “แม่ เมื่อกี้นี้ทำไมทำหน้ากังวลขนาดนั้น? แม่ถ่ายรูปแต่งงานกับลุงเซี่ยนะ ไม่ได้ถ่ายร่วมกับคนอื่น”
หลิวกุ้ยอิงแย้ง “ตั้งแต่สาวยันแก่ ชีวิตนี้แม่ไม่เคยถ่ายรูปแบบนี้มาก่อนน่ะสิ”
จริง ๆ แล้วหล่อนไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเลยตั้งแต่แต่งงานมา สถานการณ์ทุกอย่างจึงตึงเครียดมากสำหรับหล่อนเมื่อต้องสัมผัสกับความแปลกใหม่ของการสวมชุดแต่งงานและถ่ายรูป
เซี่ยเหลยกลับไม่ได้มีท่าทางไม่พอใจเลย เขามีความสุขมาก
นี่คือภาพถ่ายที่จะถูกใส่กรอบแขวนไว้เหนือเตียงของพวกเขาในอนาคต ดังนั้นเขาจึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับภาพนี้
เซี่ยเหลยพูดว่า “เอาล่ะ กลับไปกันก่อนเถอะ พวกเธอค่อยตามเรามาทีหลังก็ได้ คืนนี้ไปเจอกันที่ภัตตาคารไห่เฉิง”
เย่เชี่ยนและจางซ่วนจากไปแล้ว เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงก็ขอตัวกลับเช่นกัน หลินจินซานบอกว่าเขาต้องกลับไปทำงานต่อ เพื่อติดตามเซี่ยเหลยและคนอื่น ๆ
ในร้านจึงเหลือแค่หลินเซี่ยและหลินเยี่ยนแค่สองคน
ทันทีที่พวกเธอนั่งลง ลูกค้าก็เข้ามาเยือนถึงที่
พวกเขาทั้งหมดเข้ามาดูชุดแต่งงาน
มีคนจำนวนมากที่ต้องการแต่งงานก่อนถึงวันชาติ เมื่อไม่กี่วันก่อนใบปลิวโฆษณาร้านค้าของพวกเธอถูกแจกจ่ายไปทุกที่ในห้องเต้นรำ พร้อมกันนั้นแต่ละคนยังได้รับใบปลิวโฆษณาเกี่ยวกับห้องเต้นรำเปิดใหม่อีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ ผู้คนจึงให้กระแสตอบรับที่ดี ออกมาสนุกสนานกันเป็นจำนวนมาก
สรุปคือตำแหน่งช่างถ่ายภาพประจำร้านน่าจะแน่นอนแล้ว หมายความว่าตอนนี้เธอสามารถเปิดบริการแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพแต่งงาน การเช่าชุดเจ้าสาว หรือการแต่งหน้าทำผมครบจบในที่เดียว
หญิงสาวที่มาเลือกชุดแต่งงานบอกว่าอีกหนึ่งสัปดาห์จะถึงวันแต่งงานของหล่อนแล้ว ตอนแรกหล่อนตั้งใจจะเลือกชุดสีแดงทั่วไป แต่พอเห็นโฆษณาของร้านนี้ จึงเปลี่ยนใจอยากเช่าชุดแต่งงานแบบสากลบ้าง หลังจากที่หลินเซี่ยแนะนำบริการถ่ายภาพ หล่อนจึงตัดสินใจว่าจะพาคู่หมั้นมาลองดูทันทีในวันพรุ่งนี้
เห็นว่าร้านใหม่เริ่มต้นได้สวย หลินเซี่ยก็เต็มไปด้วยความหวังสำหรับอนาคต
เธอพูดกับหลินเยี่ยนว่า “เสี่ยวเยี่ยน พยายามทำงานให้ออกมาดีที่สุดนะ เธอจะกลายเป็นผู้รับผิดชอบกิจการของที่นี่นับจากนี้ไป จะต้องจริงจังกับงานที่ได้รับให้มาก”
“พี่สาว ฉันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดค่ะ”
ตอนเย็น เฉินเจียเหอขอเลิกงานเร็วเพื่อมารับหลินเซี่ยและคนอื่น ๆ เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงต่างสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ที่หลินเซี่ยซื้อให้กันทั้งคู่
เซี่ยไห่กลัดดอกไม้แห่งความชื่นมื่นไว้เหนือกระเป๋าหน้าอกเป็นพิเศษ
เขาบอกว่าเสื้อผ้าของทั้งสองเรียบเกินไป ไม่มีสีสันเหมือนกับเสื้อผ้าของเขา ยากที่จะบอกได้ว่าใครกันแน่คือเจ้าบ่าวของงาน
คืนนี้ สมาชิกตระกูลเฉินทั้งหมดออกสู่สังคมด้านนอกเป็นครั้งแรก
แม้แต่เฉินเจิ้นเจียงที่ยุ่งอยู่กับงานอยู่เสมอและไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมใด ๆ ก็ยังมาด้วย
หรือแม้กระทั่งเฉินเจียซิ่ง
ครอบครัวหกคนแต่งตัวด้วยชุดสุภาพ ยืนรออยู่ที่หน้าประตูร้านอาหาร
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คุณแม่แค่ไม่คุ้นกับการทำอะไรแบบนี้น่ะค่ะ ค่อยๆ ให้ปรับตัวไปเดี๋ยวก็ชิน
ไหหม่า(海馬)