ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 513 แค่คิดก็มือสั่นแล้ว
ตอนที่ 513 แค่คิดก็มือสั่นแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินเซี่ยตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนงง รู้สึกว่าเสียงทุ้มต่ำราวมนตร์สะกดยังคงดังก้องอยู่ในหูของเธอ จิตใจของเธอล้วนเต็มไปด้วยคำพูดของเฉินเจียเหอว่า “ใครคือผู้ชายที่หล่อที่สุดในโลกสำหรับคุณ”
เธอไม่รู้หรอกว่าใครคือผู้ชายที่หล่อที่สุดในโลก รู้แค่ว่าใครคือคนที่หน้าหนาที่สุด
พรุ่งนี้หู่จือจะต้องไปโรงเรียนเป็นวันแรกแล้ว เจ้าเด็กน้อยแก่แดดคนนี้เริ่มกระสับกระส่ายในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากเขากำลังจะได้เลื่อนชั้นเป็นรุ่นพี่ จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองต้องเป็นตัวอย่างที่ดี จัดกระเป๋านักเรียนด้วยตัวเอง และซักกางเกงกับถุงเท้าให้สะอาด
หลังจากที่หลินเซี่ยตื่นนอน เธอพูดกับหู่จือว่า “หู่จือ วันนี้ลูกแวะไปที่ร้านอาหารของคุณยายก่อนนะ วันเปิดเรียนคือวันพรุ่งนี้ ยังไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดกระเป๋านักเรียน ไว้เราค่อยกลับมาทำด้วยกันตอนเย็น”
“ถ้าอย่างนั้นเปิดเทอมครั้งนี้คุณตา คุณยาย แม่ แล้วก็พ่อไปส่งผมกันหมดเลยได้ไหมฮะ?” หู่จือเงยหน้าเล็กน้อย มองหลินเซี่ยแล้วถามอย่างคาดหวัง
“ทำไมให้คนไปส่งมากมายขนาดนั้นล่ะ?”
เขาแค่ไปโรงเรียน ไม่ได้ไปงานสำคัญอะไรเสียหน่อย
หู่จือจับมือเธอแล้วเริ่มทำหน้าตาและน้ำเสียงออดอ้อน “ผมอยากให้ทุกคนไปด้วยกันนี่นา”
“ได้ๆๆ งั้นลูกไปถามตายายของลูกเอาเองแล้วกันว่าพวกเขาจะว่างไปส่งไหม”
“ต้องไปได้แน่นอน ผมคำนวณเวลามาอย่างดีแล้ว ไม่มีลูกค้าคนไหนมากินข้าวในร้านจนกว่าจะเลยสิบโมงเช้าเป็นต้นไป แต่เวลาลงทะเบียนของผมคือเก้าโมงครึ่ง”
หลินเซี่ยไม่คาดคิดว่าเด็กคนนี้จะวางแผนไว้เป็นอย่างดี เธอยิ้มและพูดว่า
“วันนี้ไปบอกตายายของลูกเถอะ”
“ไม่มีปัญหาฮะ ตายายต้องตอบรับคำขอร้องของผมแน่”
วันนี้สองแม่ลูกตื่นสาย หลังกินอาหารเช้าเสร็จก็เลยเก้าโมงเข้าไปแล้ว หลินเซี่ยส่งหู่จือไปที่ร้านอาหาร ปรากฏว่าเซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงก็เพิ่งมาเปิดประตูร้านเช่นกัน
เจ้าของร้านข้างบ้านเปิดประตูร้านตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า เขามองไปที่เซี่ยเหลยที่มาถึงช้ากว่าเวลาปกติ และพูดติดตลกด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าของร้านเซี่ย วันนี้มาเปิดร้านช้ามากเลยนะ”
“ไอหยา เจ้าของร้านเซี่ยเพิ่งเป็นเจ้าบ่าวหมาด ๆ ไปเมื่อคืนนี้นี่นา แปลกตรงไหนที่เขาจะมาเปิดร้านช้า?”
เซี่ยเหลยดูเขินอายเมื่อทุกคนล้อเลียนเขา ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงหยิบยื่นลูกกวาดแต่งงานในมือเพื่อให้กับพวกเขาและรีบเปลี่ยนเรื่อง “เอาล่ะ มารับลูกกวาดแต่งงานเถอะครับ”
เมื่อเห็นสีหน้าเขินอายของหลิวกุ้ยอิง เซี่ยเหลยจึงขอให้หล่อนส่งลูกกวาดบางส่วนไปให้ชุนฟางและอาจารย์หวังที่อยู่ในร้านตัดผม
นอกจากนี้ยังแจกจ่ายให้กับพนักงานของห้องเต้นรำอีกด้วย แต่พนักงานหนุ่มสาวในห้องเต้นรำมีเวลาเข้ากะทำงานที่แตกต่างกัน บางส่วนยังคงนอนหลับอยู่ในขณะนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รบกวน
“พ่อ อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
หลินเซี่ยเดินมาพร้อมกับจูงมือหู่จือ ทักทายเซี่ยเหลยด้วยรอยยิ้ม
เจ้าของร้านข้างบ้านพูดว่า “เสี่ยวหลินก็มาสายเรอะ วันนี้พ่อแม่ของเธอมาเปิดร้านสายเหมือนกัน”
“ลุง ถึงเปิดร้านสายก็ไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจหรอกค่ะ”
เซี่ยเหลยแจกขนมแต่งงานให้เพื่อนบ้านทั้งหลายทีละคน จากนั้นก็เดินไปเปิดประตู
หลินเซี่ยส่งหู่จือให้อยู่ในความดูแลของเซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิง “พ่อ แม่ ฝากดูหู่จือหน่อยนะคะ เดี๋ยวฉันจะไปที่ร้านใหม่ก่อน”
“จ้ะ ไปทำงานของลูกเถอะ ฝากลูกชายไว้ที่นี่ได้เลย”
หลังเซี่ยเหลยพาหู่จือเข้าไปในร้าน หลินเซี่ยก็ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป
หลินเซี่ยและหลินเยี่ยนรออยู่ในร้านเป็นเวลานาน ก่อนที่จางซ่วนจะมาถึง
เขายังคงสะพายกล้องไว้บนหลังตามเดิม มาพร้อมกับรูปถ่ายที่ล้างเรียบร้อยแล้ว
ตอนที่จางซ่วนกำลังล้างรูป เขาได้ขยายขนาดภาพหนึ่งเป็นพิเศษ จนมันกลายเป็นภาพขนาดใหญ่ สูงหกสิบหกเซนติเมตร เหมาะสำหรับแขวนบนผนัง
เหลือแค่นำไปใส่กรอบ
ส่วนรูปอื่น ๆ เป็นภาพถ่ายขนาดห้านิ้ว
หลินเยี่ยนไม่เคยเห็นภาพถ่ายที่มีขนาดใหญ่แบบนี้มาก่อน หล่อนประหลาดใจมากเมื่อเห็นว่าช่างคนนี้สามารถเนรมิตรูปให้ออกมาใหญ่โตได้
“เถ้าแก่เนี้ยหลิน คิดยังไงบ้างกับภาพถ่ายฝีมือผม?”
หลินเซี่ยมองไปที่รูปถ่ายและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ผลงานออกมาดีมากเลยค่ะ คุณจาง ทักษะการถ่ายภาพของคุณเหนือระดับ บ่งบอกถึงความเป็นมืออาชีพจริง ๆ”
ภาพถ่ายของเขาแสดงให้เห็นถึงรูปลักษณ์ที่ดีของพ่อแม่ สำหรับยุคสมัยนี้ที่ไม่มีเทคนิคการแต่งภาพหรือการตัดต่อใด ๆ เทคนิคของเขาดูสมจริงและน่ามองอย่างยิ่ง
จางซ่วนคือมืออาชีพอย่างแท้จริง สัดส่วนและมุมโฟกัสของภาพบุคคลก็ได้รับการปรับมาเป็นอย่างดีในทุกด้าน
หลินเซี่ยชื่นชมทักษะการถ่ายภาพของจางซ่วนมาก และกำลังจะพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับเงินเดือน แต่แล้วจางซ่วนกลับมองเธอด้วยความรู้สึกผิดและพูดว่า
“เถ้าแก่เนี้ยหลิน หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว ผมก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะทำงานที่นี่อยู่ดี”
จางซ่วนเป็นคนรักความสันโดษมาก หลังจากพูดจบเขาก็พยักหน้าเบา ๆ ให้หลินเซี่ยและวางแผนจะจากไป
หลินเซี่ยรีบหยุดเขาไว้ก่อน “คุณจาง รอเดี๋ยวค่ะ”
“ฉันรู้ว่าร้านของเราอาจดูเหมือนจำกัดกรอบพรสวรรค์ของคุณ เพราะถึงยังไงก่อนหน้านี้คุณก็เคยทำงานในตำแหน่งดี ๆ มาก่อน ตอนนี้พอถูกขอให้ไปสมัครงานเป็นช่างภาพในร้านเช่าชุดเจ้าสาวเล็ก ๆ คุณเลยรู้สึกว่ามีช่องว่างทางจิตใจ
ฉันเข้าใจอารมณ์ของคุณในส่วนนี้ดีค่ะ แต่ถ้าคุณลองคิดดูดี ๆ การได้เห็นช่วงเวลาแห่งความสุขของคู่บ่าวสาว แล้วได้ใช้ทักษะการถ่ายภาพอันยอดเยี่ยมของคุณ เพื่อหยุดช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดให้กับพวกเขา การได้เห็นรอยยิ้มที่สดใสและจริงใจที่สุดบนใบหน้าของผู้คนในเวลานั้น ฉันว่ามันเป็นสิ่งที่ค่อนข้างมีความหมายจริง ๆ แถมยังรู้สึกเหมือนตัวเองพลอยได้รับความสำเร็จไปด้วย
เย่เชี่ยนตั้งความหวังไว้มากว่าคุณจะได้ทำงานที่นี่ แม้ว่าร้านเล็ก ๆ ของเราจะไม่ดีเท่าที่ทำงานเดิมของคุณ แต่น้องสาวฉันกับฉันก็ยังเป็นคนหนุ่มสาว มีแรงบันดาลใจและไฟฝันมากมาย ต้องการทำให้ร้านเช่าชุดและถ่ายภาพแต่งงานขยายกิจการใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น พัฒนาแบรนด์ของตัวเอง และกลายเป็นองค์กรระดับชาติ
“ช่วงนี้น้องสาวของฉันก็กำลังเรียนแต่งหน้าจากฉันอยู่ ในอนาคตฉันไม่อยากให้เธอติดอยู่กับธุรกิจแต่งหน้าเจ้าสาว เพราะเราคิดจะตั้งทีมงานของตัวเอง เพื่อรับงานดูแลเสื้อผ้าหน้าผมของผู้ที่ได้ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ หรือแม้แต่งานออกแบบสื่อต่าง ๆ สิ่งที่เรายังขาดหายคือคนที่มีพรสวรรค์แบบคุณ”
ในที่สุดคำพูดของหลินเซี่ยก็ทำให้สีหน้าของจางซ่วนผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขามองหน้าเธอแล้วถามว่า “คุณมีความคิดจะตั้งทีมงานผลิตรายการด้วยเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ตอนนี้ฉันก็กำลังสร้างผลงานอย่างหนักทีเดียว” หลินเซี่ยกล่าวกับเขา “เย่เชี่ยนไม่ได้เล่าให้คุณฟังหรอกเหรอ? ฉันแต่งหน้าและทำผมให้กับคุณเซี่ยอวี่ รวมถึงผู้เข้าประกวดที่ชื่อเย่เสี่ยวอวี่ในรายการประกวดนางแบบของไห่เฉิงด้วยนะ
เราต้องการคนฝีมือแบบคุณจริง ๆ ที่จะร่วมงานกับเราในฐานะช่างภาพมืออาชีพ ตราบใดที่ทีมเติบโตขึ้นและมีบุคลากรพร้อม เราก็จะสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้”
ในฐานะอดีตพนักงานประจำสำนักหนังสือพิมพ์ จางซ่วนรู้จักรายการประกวดนางแบบไห่เฉิงเป็นอย่างดี
เย่เชี่ยนไม่ได้แนะนำข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับเถ้าแก่เนี้ยหลินอย่างละเอียด เพียงแต่บอกว่าเธอเก่งมาก มีร้านเป็นของตัวเองถึงสองแห่ง และเก่งเรื่องการแต่งหน้าและทำผมมาก
จางซ่วนไม่รีบร้อนที่จะจากไปอีกต่อไป หลินเซี่ยรู้ว่าขณะนี้จิตใจของเขาเริ่มหวั่นไหวแล้ว เธอพูดต่อ
“ฉันไม่ให้คุณเข้าประจำการในร้านตลอดเวลาก็ได้ เพราะลูกค้าใหม่ ๆ ที่ต้องการถ่ายภาพต้องนัดหมายจองวันล่วงหน้าอยู่แล้ว ตราบใดที่คุณไม่ได้ถ่ายรูปให้ลูกค้า เวลาว่างทั้งหมดก็จะยังเป็นของคุณ แบบนี้ดีไหมคะ?”
เพื่อที่จะรักษาจางซ่วนไว้ หลินเซี่ยได้แสดงความจริงใจอย่างยิ่ง
จางซ่วนก้มหน้าลงและครุ่นคิดอยู่ประมาณสองนาที เขาเงยหน้าขึ้นมองหลินเซี่ย และตัดสินใจทันทีว่า “ได้ ผมจะอยู่และร่วมงานกับคุณ”
“ขอบคุณค่ะ ถ้าอย่างนั้นเชิญนั่งลงแล้วคุยรายละเอียดกันก่อน”
จางซ่วนนั่งลงอีกครั้ง หลินเยี่ยนจึงรีบนำน้ำมาเสิร์ฟให้
คำพูดของพี่สาวไม่เพียงแต่ทำให้จางซ่วนยอมตกลงปลงใจจะร่วมงาน แต่ยังทำให้ใจของหลินเยี่ยนเดือดพล่านอีกด้วย
ในอนาคตหล่อนจะได้เข้าไปในสถานีโทรทัศน์เพื่อแต่งหน้าให้คนที่จะออกทีวี
แค่คิดก็มือสั่นแล้ว
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ตื่นสายกันทั้งคู่พ่อแม่กับคู่ลูกเลย เมื่อคืนนี้คงมีความสุขกันมากสินะคะ
หลินเยี่ยนก็เริ่มอนาคตไกลแล้วเหมือนกันสินะ
ไหหม่า(海馬)