ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 516 เด็กน้อยที่หล่อที่สุดในโรงเรียนอนุบาล
ตอนที่ 516 เด็กน้อยที่หล่อที่สุดในโรงเรียนอนุบาล
ในตอนเช้า เจียงกั๋วเซิ่งเดินเข้ามาบอกวันนี้เขาจะไปส่งเสี่ยวฮวาลงทะเบียนเรียน
เนื่องจากหวังซิ่วฟางไม่อยู่ ดังนั้นเสี่ยวฮวาจึงเป็นคนเดียวที่อยู่ที่บ้าน เจียงกั๋วเซิ่งเลยถามถึงหวังซิ่วฟางกับเสี่ยวฮวา และแม่หนูน้อยก็ตอบว่าบ้านใหม่ของพวกหล่อนถูกยึดไปแล้ว ส่วนคุณแม่ไปพบผู้อำนวยการ
เมื่อเห็นหวังซิ่วฟางกลับมา เจียงกั๋วเซิ่งจึงถามว่า “เสี่ยวฮวาบอกว่าคุณไปพบผู้อำนวยการเหรอ เกิดอะไรขึ้น?”
หลังจากหวังซิ่วฟางสังเกตเห็นเจียงกั๋วเซิ่ง ใบหน้าของหล่อนก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำด้วยความโกรธ “พวกเขากระจายข่าวลือว่าฉันท้อง แล้วบอกอีกว่าหลังจากที่ฉันได้บ้านหลังใหม่ ฉันก็จะย้ายออกจากบ้านหลังนี้แล้วแต่งงานกับคุณ เขาเลยยึดบ้านหลังใหม่ไป ฉันเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาลและเอารูปอัลตราซาวน์วางไว้บนโต๊ะผู้อำนวยการน่ะ”
เจียงกั๋วเซิ่งมองหวังซิ่วฟางแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ซิ่วฟาง ความจริงแล้วผมต้องการบอกคุณว่าหลังจากแต่งงาน ถ้าคุณรู้สึกว่างานมันหนักเกินไป คุณสามารถลาออกได้นะ ยังไงผมก็ยังมีบ้าน พวกเราย้ายไปอยู่บ้านผมที่อยู่ในเมืองก็ได้”
เจียงกั๋วเซิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากเมื่อเห็นหวังซิ่วฟางผู้หญิงที่มีความเป็นผู้นำถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ เขาจึงรู้สึกไม่สบายใจเป็นพิเศษและต้องการพาสองแม่ลูกย้ายไปอาศัยอยู่ในบ้านของเขา
ถึงอย่างนั้นเมื่อหวังซิ่วฟางได้ยินคำพูดของเขา หล่อนก็ตอบเสียงแข็งว่า “เราจะทำอย่างนั้นได้ยังไง? ฉันไม่อยากเลือกระหว่างหน้าที่การงานและการแต่งงาน อีกอย่างฉันจะใช้ชีวิตยังไงถ้าต้องว่างงานและไม่มีรายได้?”
แล้วจะทำอย่างไรกับค่าใช้จ่ายในอนาคตของเสี่ยวฮวา?
หล่อนไม่ต้องการใช้ชีวิตไปวัน ๆ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเจียงกั๋วเซิ่งไม่ใช่พ่อผู้ให้กำเนิดของเสี่ยวฮวา หากไม่มีใครอยากดูแลเลี้ยงดูพวกหล่อนแล้ว ทั้งสองคนแม่ลูกจะต้องใช้ชีวิตอยู่ข้างถนนแน่นอน
“ในเมื่อคุณอยู่กับผม คุณจะกลัวอะไรล่ะ?” เจียงกั๋วเซิ่งมองหล่อนพร้อมขมวดคิ้ว “มีทางไหนที่ผมสามารถช่วยพวกคุณได้ไหม?”
“เหล่าเจียง ฉันรู้ว่าคุณสามารถเลี้ยงดูเราได้ แต่อายุฉันยังน้อยเลยไม่อยากว่างงาน แล้วฉันจะใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านไปวัน ๆ เพื่ออะไร? ฉันไม่ได้คบกับคุณเพียงเพราะเงินนะคะ ฉันแค่อยากมีเพื่อนคู่ชีวิตที่ไม่ปล่อยให้เสี่ยวฮวาถูกรังแก ฉันไม่เคยคิดจะคบกับคุณเพราะจุดประสงค์อื่นเลย ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ฉันจะต่อสู้เพื่อสิ่งที่เป็นของฉัน”
เจียงกั๋วเซิ่งคบหากับหวังซิ่วฟางมานานแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้นิสัยของผู้หญิงคนนี้อยู่บ้าง แม้หล่อนมักจะแสดงออกว่าไม่สนใจไยดีและพูดมาก แต่ความจริงแล้วหล่อนก็รักศักดิ์ศรีและเข้มแข็งมาก
บางทีมันอาจจะเป็นบุคลิกของคนเป็นแม่ก็ได้
เจียงกั๋วเซิ่งไม่ได้พูดอะไรอีก สุดท้ายแล้วพวกเขายังไม่ได้แต่งงาน ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ธุระของเขาที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับหน้าที่การงานของหวังซิ่วฟาง
“ไป พาเสี่ยวฮวาไปลงทะเบียนเรียนกันเถอะ”
ทันทีที่เดินออกจากประตู พวกเขาก็บังเอิญเจอหลินเซี่ยที่กำลังยืนจับมือหู่จืออยู่
เมื่อเห็นเจียงกั๋วเซิ่ง เธอจึงยิ้มพร้อมทักทาย
“ลุงเจียงก็มาด้วยเหรอครับ?”หู่จือถาม
“อืม ลุงมาส่งเสี่ยวฮวาไปลงทะเบียนเรียนน่ะ”
หวังซิ่วฟางพูดขึ้น “เซี่ยเซี่ย พวกเราไปด้วยกันเถอะ”
“พวกเราสองคนต้องรอพ่อแม่ฉันมาแล้วเข้าไปพร้อมกันน่ะค่ะ พวกคุณไปก่อนเถอะ”
หู่จือและเสี่ยวฮวามีความสุขอย่างมาก พูดได้ว่าวันนี้เป็นวันที่เด็กน้อยทั้งสองมีความสุขที่สุดตั้งแต่เข้าเรียนที่โรงเรียนอนุบาลก็ว่าได้
เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวฮวามีความมั่นใจมากขึ้นหลังจากที่มีเจียงกั๋วเซิ่งเป็น “พ่อเลี้ยง”
ไม่ต้องพูดถึงหู่จือที่แต่งตัวตามเทรนด์และสะพายกระเป๋าเป้ใบใหม่ ขณะแสดงท่าทางเหมือนกับสุนัขกำลังส่ายหางด้วยความภูมิใจ
เจียงกั๋วเซิ่งขี่จักรยานออกไปพร้อมกับหวังซิ่วฟางและเสี่ยวฮวา
“ในที่สุดตากับยายก็มาแล้ว”
เมื่อหู่จือเห็นเซี่ยไห่เป็นคนขับรถ เขาจึงถามด้วยความสงสัย “ตารองจะไปกับเราด้วยเหรอครับ?”
เซี่ยไห่เหลือบมองหลานชายแล้วตอบ “ตาเคยพาเธอไปมอบมอบตัวแล้วไม่ใช่เหรอ? วันนี้ไม่อยากให้ตาไปด้วยหรือไง?”
“ไม่ครับ ผมดีใจมากเลย” หู่จือจับมือหลินเซี่ยพร้อมพูดด้วยความตื่นเต้น “แม่ครับ ขึ้นรถกันเถอะ วันนี้ผมต้องเป็นคนที่หล่อที่สุดในโรงเรียนแน่ ๆ”
ระยะทางไปโรงเรียนไม่ไกลมาก เดินไปไม่นานก็ถึงแล้ว แต่พวกเขาก็ยังขับรถไปที่นั่นอยู่ดี หลินเซี่ยต้องการเดินไปที่โรงเรียนจึงขอให้เซี่ยไห่ขับรถไปก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความแออัดหน้าประตูทางเข้าโรงเรียน
เซี่ยเหลยบอกหลิวกุ้ยอิงว่าร้านยังเปิดอยู่และมีเพียงหญิงชราเท่านั้นที่คอยดูแล ไม่นานอาจจะมีลูกค้าเข้ามารับประทานอาหาร ทั้งสองคนจึงต้องรีบกลับก่อน
หลินเซี่ยจึงจำเป็นต้องขึ้นไปนั่งบนรถยนต์
…
หลังจากที่แม่ของตงตงขู่ว่าจะฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอตลอดฤดูร้อน ในที่สุดพ่อของตงตงก็ยอมซื้อรถมอเตอร์ไซค์ให้ หลังจากแม่ของตงตงเรียนรู้วิธีขี่มอเตอร์ไซค์มาเป็นเจ็ดแปดครั้ง ในที่สุดหล่อนก็ขี่มันไปส่งลูกชายที่โรงเรียนได้
ขณะที่ขี่มอเตอร์ไซค์ เธอก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นที่หน้าประตูทางเจ้าโรงเรียนอนุบาล สายตาของแม่และลูกชายก็มองหาหลินเซี่ยและหู่จือทันที
แต่ทั้งสองก็ต้องผิดหวัง เพราะพวกเขาเห็นแค่เฉินเจียเหอที่กำลังขี่รถจักรยานเท่านั้น
เฉินเจียเหอสวมชุดทำงานที่เปื้อนคราบน้ำมันเครื่อง เขาจอดรถจักรยานและมองดูนาฬิกาข้อมือ
เขามีเวลาว่างเพียงยี่สิบนาทีเท่านั้น
เฉินเจียเหอสัญญากับเด็กดื้อคนนั้นว่าทุกคนในครอบครัวจะไปส่งเข้าเรียน แต่เขาต้องรอเวลาอยู่นานกว่าจะออกมาได้
เฉินเจียเหอสังเกตว่าสายตาของทุกคนกำลังจ้องมาที่เขา ซึ่งสร้างความอึดอัดไม่น้อย
เขาหันไปด้านข้าง และพบกับสายตาดุร้ายของคนที่นั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์
เขาขมวดคิ้วและเปลี่ยนสถานที่รอ
หลังจากเดินออกไป รถของเซี่ยไห่ก็มาถึง
แม่ของตงตงอิจฉาที่หลินเซี่ยมีมอเตอร์ไซค์ ดังนั้นหล่อนจึงทำงานหนักตลอดทั้งฤดูร้อน จนในที่สุดวันนี้หล่อนก็สามารถชูคอและยืดอกต่อหน้าอีกฝ่ายได้ ในขณะที่ตงตงก็มีความสุขเหมือนกัน
ไม่นานนักหล่อนก็เห็น…หลินเซี่ยและหู่จือเดินลงมาจากรถซานทาน่า
ในเวลาเดียวกันเซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงก็ลงมาจากรถ ขณะที่เซี่ยไห่ช่วยหู่จือสะพายกระเป๋าเป้
รังสีรอบตัวของเซี่ยไห่ดูสว่างเจิดจ้าท่ามกลางผู้คน ไม่ว่าจะปรากฏตัวที่ไหนก็ตาม
ทั้งสองแม่ลูกตกตะลึงอย่างมาก
หล่อนทำงานหนักตลอดฤดูร้อนอย่างเปล่าประโยชน์งั้นเหรอ
เมื่อหู่จือลงจากรถ เขาก็สังเกตเห็นเฉินเจียเหอ จึงโบกมือเล็ก ๆ อย่างมีความสุข “พ่อ ในที่สุดวันนี้พ่อก็ทำตามสัญญา”
เฉินเจียเหอทักทายลูกชายก่อนมองพ่อตาและแม่ยายที่ทิ้งงานในร้านอาหารเพื่อมาส่งเด็กคนนี้ ใบหน้าของเขาพลันหม่นลงและสายตาก็เปลี่ยนเป็นเสียใจทันทีเมื่อเห็นเด็กดื้อกระโดดขึ้นลง
หู่จือกำลังมองหาเพื่อร่วมชั้น แต่เมื่อเห็นว่าแม่ของตงตงซื้อมอเตอร์ไซค์แล้ว เขาก็ประหลาดใจมาก
หู่จือโบกมือไปทางทิศตะวันออกแล้วพูดว่า “ตงตง ไม่เจอกันนานเลย”
“นั่นใครเหรอ?” ตงตงมองหู่จือด้วยสายตาว่างเปล่าพร้อมถาม
“ตารองของฉันเอง”
หู่จือแนะนำตัวคนในครอบครัวทีละคนให้รู้จักกับตงตง “นี่คือตากับยาย ตารอง และพ่อแม่ที่มาส่งฉันเข้าเรียนน่ะ ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องมา แต่พวกเขาก็ยังยืนยันที่จะมาส่งอยู่ดี”
หลินเซี่ย “!!!”
ครั้งล่าสุดที่เธอไปรับเฉินเจียเหอที่โรงงานผลิตรถยนต์ เขาก็อ้างเหตุผลเดียวกันนี้กับเพื่อนร่วมงานไม่ผิดเพี้ยน
ตงตงเลื่อนสายตามองเซี่ยไห่และรถซานทานา เขาจำผู้ชายที่เคยมารับส่งหู่จือก่อนหน้านี้ได้ หู่จือบอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นอาไม่ใช่ตาสักหน่อย
“เขาเป็นอาของนายไม่ใช่เหรอ แล้วจะเป็นตารองได้ยังไง?”
“เขาเป็นอารองของแม่ฉัน เลยถือเป็นตารองของฉันไงล่ะ ตอนนี้ฉันไม่ได้มีแค่แม่แล้ว แต่มีตา ยาย น้า แล้วก็น้าหญิง ตอนนี้มีคนรักฉันมากมายเลยล่ะ ฉันไม่ได้น่าสงสารเพราะมีแค่พ่ออีกต่อไปแล้ว”
หลังจากโอ้อวดแล้ว หู่จือก็จับมือเซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงแล้วพูดว่า “คุณตาคุณยายครับ พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ”
“ตารอง พ่อ แม่ ตามมาด้วยกันนะครับ”
เซี่ยไห่ถือกระเป๋าสะพายหลังเดินตามไป ขณะที่ริมฝีปากของเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยกระตุกยิ้มเล็กน้อยก่อนเดินตามเด็กน้อยไป
แม้หลินเซี่ยจะรู้ว่าหู่จือมีนิสัยโตเกินวัยและชอบพูดจาไร้สาระ แต่เธอก็ไม่รู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม
เด็กคนนี้ไม่เคยได้รับความรัก และมักถูกเพื่อร่วมชั้นล้อเลียนอยู่เสมอ โดยเฉพาะตงตง
ในเมื่อตอนนี้มีครอบครัวที่สมบูรณ์แล้ว เขาจึงอยากประกาศให้คนทั้งโลกรับรู้
เมื่อหลินเซี่ยและคนอื่น ๆ เดินเข้าไปในโรงเรียนแล้ว แม่ของตงตงก็มองลูกชายแล้วบอกว่า “ตงตง พวกเราไม่มีปัญญาซื้อรถยนต์แบบคนพวกนั้นหรอกนะ”
พวกเขาเทียบไม่ได้อีกแล้ว ต่อให้จะขายเลือดเนื้อก็ไม่สามารถเทียบได้
…
หู่จือลงทะเบียนเข้าเรียนอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นทุกคนก็ออกจากโรงเรียนอนุบาล เฉินเจียเหอปลดล็อกรถจักรยานก่อนตะโกนบอกหลินเซี่ยและคนอื่น ๆ “เซี่ยเซี่ย ผมกลับไปทำงานก่อนนะ คุณกับพ่อแม่กำลังยุ่งอยู่ ถ้าอย่างนั้นก็ให้อารองมาตัดหญ้าในตอนบ่ายแทนพวกเราเถอะ”
พูดจบ เขาก็ขี่รถจักรยานออกไป
โรงเรียนอนุบาลแจ้งว่าในตอนบ่ายผู้ปกครองจะต้องมาช่วยกันทำความสะอาดและกำจัดวัชพืช
เซี่ยไห่ระเบิดโทสะในทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“พวกนายเป็นพ่อแม่แท้ ๆ แต่โบ้ยให้ตายายไปแทนงั้นเหรอ แล้วตารองต้องไปตัดหญ้าเนี่ยนะ? ทำไมนายถึงได้ไร้ยางอายขนาดนี้?”
“ให้อารองไปงั้นเหรอ? ถ้ามีเรื่องให้ช่วยก็เรียกฉันอาว่าอารองทันทีเลย แต่พอไม่มีเรื่องอะไรก็จะเรียกว่าเหล่าเซี่ยเฉย ๆ ผู้ชายคนนี้หน้าหนายิ่งกว่ากำแพงเมืองจีนจริง ๆ”
เซี่ยไห่โวยวายอยู่หน้าโรงเรียนก่อนเดินขึ้นไปบนรถยนต์
เฉินเจียเหอขี่จักรยานไปไกลแล้ว เขาจึงไม่ได้ยินเสียงโวยวายของเซี่ยไห่ ขณะเดียวกันหลินเซี่ยมองเซี่ยไห่อย่างเงียบ ๆ แล้วพูดว่า “อารอง อย่าบ่นเลยค่ะ นั่นลูกของฉัน ฉันจะไปเอง”
เซี่ยเหลยกล่าวเสริม “ฉันจะไปทำกิจกรรมของหลานชายฉันเอง”
เซี่ยไห่มองพี่ชายที่เดินกะโผลกกะเผลก จากนั้นเลื่อนสายตามองหลานสาวที่มีรูปร่างผอมบาง ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงประนีประนอม “ทั้งคู่พอเลย ให้จินซานไปแทนก็แล้วกัน”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หู่จือมีครอบครัวใหญ่แล้ว ไม่ว่าใครก็ห้ามล้อว่าไม่มีพ่อไม่มีแม่แล้วนะ
ไหหม่า(海馬)