ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 519 อายุเป็นข้อบกพร่องเดียว
ตอนที่ 519 อายุเป็นข้อบกพร่องเดียว
เมื่อพวกหลินเซี่ยถ่ายรูปเสร็จแล้ว หลินเซี่ยก็มองไปที่เย่ไป๋และเซี่ยอวี่ด้วยรอยยิ้มพลางถามว่า
“ตอนนี้ยังพอมีเวลาเหลืออยู่ อาหญิงกับคุณหมอเย่อยากจะถ่ายด้วยกันไหมคะ?”
เย่ไป๋ได้ยินคำเชิญของหลินเซี่ยแล้วก็เกิดความกระตือรือร้นอยากจะลองขึ้นมา
ทว่าเซี่ยอวี่ปฏิเสธโดยไม่ลังเล “ยังดีกว่า เพราะฉันยังไม่ได้วางแผนจะแต่งงานในเร็วๆ นี้ แล้วจะถ่ายรูปพรีเวดดิ้งไปทำไมกันล่ะ?”
ตอนนี้เองเฉินเจียซิ่งก็ถามด้วยความใจร้อนว่า “รูปจะล้างเสร็จเมื่อไหร่ครับ?”
จางซ่วนตอบว่า “จะได้รับภายในสามวันครับ แต่ถ้าคุณอยากใส่กรอบรูปด้วย ผมจะจัดการให้”
“เอาสิ ใส่กรอบหมดทุกรูปเลย”
ภาพใหญ่ขนาดนี้ ถ้าใส่กรอบรูปแล้วแขวนไว้บนผนังคงจะดูดีไม่น้อย
“พี่สะใภ้ ทั้งหมดเท่าไหร่ครับ?” เฉินเจียซิ่งหยิบเงินออกจากกระเป๋าและวางแผนที่จะจ่ายเงิน
หลินเซี่ยจึงตอบว่า
“ฉันไม่เก็บเงินคนในครอบครัวหรอกนะ ลืมซะเถอะ”
“ลืมได้ยังไงครับ? ไม่ได้ขาดแคลนเงินซะหน่อย”
เฉินเจียซิ่งมองราคาของรูปถ่ายขนาดต่างๆ ที่ติดไว้บนผนัง แล้วจ่ายเงินให้หลินเซี่ยโดยยึดตามราคาข้างต้น
แต่หลินเซี่ยคืนให้เขาครึ่งหนึ่ง โดยคิดเงินเขาเฉพาะค่ารูปถ่ายเท่านั้น
ก่อนที่เฉินเจียซิ่งจะพาหยางหงเสียกลับออกไป เขายังถามย้ำกับเฉินเจียเหอว่า “พี่ใหญ่ แน่ใจนะว่าไม่อยากจัดงานแต่งพร้อมพวกผมจริงๆ น่ะ?”
เฉินเจียเหอยังคงตอบคำเดิมว่า “งานใครงานมันดีกว่า”
“ถ้าเช่นนั้นวันพรุ่งนี้ผมจะไปขอหงเสียแต่งงานถึงบ้านเลย พวกเราอยากแต่งให้เร็วที่สุด”
“ตามสบาย นายตัดสินใจเองได้เลย”
จางซ่วนเก็บกล้องและวางแผนที่จะกลับไปล้างรูป ระหว่างนั้นก็ฟังหลินเซี่ยพูดคุยกับเย่ไป๋พี่ชายของเย่เชี่ยนไปด้วย ทันใดนั้นรอยยิ้มสุภาพปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ห่างเหินของเขา และเขาก็ทักทายอีกฝ่ายด้วย
จากนั้นเขาก็มองไปที่เซี่ยอวี่และพยักหน้าทักทายด้วยความสุภาพ
นับตั้งแต่ที่เซี่ยอวี่ปรากฎตัว จางซ่วนก็แอบมองหล่อนอยู่บ่อยครั้ง
เพราะเขาไม่แน่ใจว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงเบื้องหน้าคือราชินีจอเงินคนนั้นหรือเปล่า
แต่จะโพล่งถามออกไปเลยก็ไม่เหมาะสม
“ท่านนี้คือเซี่ยอวี่อาหญิงของฉันเอง”
หลินเซี่ยยังแนะนำจางซ่วนให้เซี่ยอวี่รู้จักด้วย
“อาหญิงคะ นี่คืออาจารย์ซานเหยี่ย เป็นช่างภาพประจำร้านใหม่ของพวกฉัน และเขามีฝีมือการถ่ายภาพที่ดีมาก รูปงานแต่งของพ่อแม่ฉันก็ได้เขานี่แหละมาถ่ายให้ค่ะ”
เมื่อจางซ่วนได้ยินว่าหล่อนชื่อเซี่ยอวี่จริงๆ สีหน้าของเขาก็ยิ่งไม่สงบ และน้ำเสียงมีความสุภาพขึ้นอีก “สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ”
เซี่ยอวี่ก็ตอบรับด้วยความสุภาพ
“ตกลงค่ะ อาจารย์ซานเหยี่ย ถ้ามีลูกค้ามาจองคิว เดี๋ยวจะให้เสี่ยวเยี่ยนโทรแจ้งคุณล่วงหน้านะ”
“ได้ครับ ถ้าคุณมีธุระใดก็โทรหาผมได้เลย”
เมื่อจางซ่วนจากไปแล้ว เซี่ยอวี่ก็มองตามเขาจนลับสายตา จากนั้นยิ้มเอ่ย “เธอไปเจอช่างภาพคนนี้ที่ไหน เขาค่อนข้างมีบุคลิกดีและหล่อด้วยนะเนี่ย”
หลินเซี่ยคาดไม่ถึงว่าเซี่ยอวี่ซึ่งเป็นสาวงามที่สุดคนหนึ่งจะยอมรับในรูปร่างหน้าตาและบุคลิกของจางซ่วนเช่นกัน เธอยิ้มและพูดเห็นด้วย “จริงเหรอคะ? ฉันก็คิดว่าเขาหล่อและฝีมือการถ่ายภาพสุดยอดมาก เขาเคยทำงานให้กับหนังสือพิมพ์มาก่อน ความคิดด้านธุรกิจก็ยอดเยี่ยมมาก ได้ยินมาว่าเขาแอบเรียนวาดรูปอยู่ด้วยนะคะ ถ้าเขาทำงานหนักขนาดนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย เขาจะมีอนาคตที่สดใสแน่นอน”
หลินเซี่ยยกย่องจางซ่วนให้เซี่ยอวี่ฟัง แท้จริงแล้วเป็นการวางรากฐานสำหรับอนาคต เพราะเมื่อทีมของพวกเธอเติบโตขึ้นอีก ย่อมหลีกเลี่ยงการร่วมมือกับอาหญิงไม่ได้ จึงต้องให้อาหญิงเข้าใจในความสามารถของจางซ่วนไว้ก่อนบ้าง
“ฮึ่ม อะแฮ่ม”
“อะแฮ่ม”
หลินเซี่ยหันกลับไปมอง จึงได้เห็นชายสองคนยืนอยู่ที่นั่นพร้อมสีหน้าไม่สู้ดีพลางยกมือปิดปากและกระแอมไอ
หลินเซี่ยมองชายทั้งสองคนที่มีสายตาอิจฉาเช่นนั้น มุมปากของเธอจึงกระตุก
เธอถามด้วยความหงุดหงิดว่า “พวกคุณเป็นอะไร? เจ็บคอเหรอคะ?”
หลินจินซานที่อยู่ข้างๆ จึงรีบอธิบายแทน “แค่อิจฉาน่ะ เพราะช่างภาพคนนี้อายุน้อยกว่าทั้งคู่ พอเธอชื่นชมเขา จึงทำให้น้องเขยกับอาเขยสูญเสียความมั่นใจไงล่ะ”
เฉินเจียเหอ “!!!”
เย่ไป๋ “!!!”
ต้องยอมรับว่าคำพูดของหลินจินซานแทงใจดำของทั้งสองคนโดยแรง
เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว อายุเป็นข้อบกพร่องเดียวเท่านั้น
เฉินเจียเหอปรารถนาว่าตัวเองจะอายุน้อยกว่านี้สักสองสามปี
สำหรับเย่ไป๋ เขาไม่กลัวว่าตัวเองเด็กกว่า แต่เขาแค่กังวลว่าเซี่ยอวี่จะไม่ชอบเด็ก
ถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากจะอายุเท่ากับเฉินเจียเหอ
เมื่อหลินจินซานบอกว่าพวกเขากำลังอิจฉา เฉินเจียเหอกับเย่ไป๋ก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ทำแค่มองผู้หญิงทั้งสองคนด้วยความขุ่นเคือง
ซึ่งทั้งเซี่ยอวี่และหลินเซี่ยก็มีเหตุผล จึงไม่กล้าที่จะพูดชื่นชมใครอีกต่อไป
เย่ไป๋เตือนเซี่ยอวี่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “รีบคุยธุระเถอะ ถ้าเสร็จแล้วพวกเราจะได้กลับเร็วหน่อย”
เมื่อหลินเซี่ยได้ยินคำพูดของเย่ไป๋ จึงเหลือบมองเซี่ยอวี่
เซี่ยอวี่พูดว่า
“ฉันต้องไปร่วมอัดรายการของสถานีโทรทัศน์เชินเฉิงที่เชินเฉิง เพราะลินดาต้องการเซ็นสัญญากับเจียงอวี่เฟยให้กับบริษัทของเรา ครั้งนี้หล่อนจึงวางแผนที่จะพาอวี่เฟยไปด้วย เพื่อให้อวี่เฟยได้ฝึกประสบการณ์ และค้นหามุมกล้องที่เหมาะสมน่ะ”
“อาหญิง นี่เป็นเรื่องดีมากๆ นะคะ”
หลินเซี่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “แล้วคุณต้องการสไตลิสต์ไหมคะ?”
“ครั้งนี้ยังไม่จำเป็น เพราะมันเป็นแค่การแสดงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แต่ในอนาคตจะมีงานสำคัญเกิดขึ้น ถึงตอนนั้นฉันจะพาเธอไปเป็นสไตลิสต์นะ แต่ตอนนี้ฉันอยากถามเธอว่าบริษัทของเถ้าแก่อู๋อยู่ที่ไหน? ฉันจะแวะไปเดินเล่นหน่อย”
หลินเซี่ยเขียนที่อยู่บริษัทของอู๋เซิ่งหงให้แก่เซี่ยอวี่
“งั้นพวกฉันกลับก่อนนะ”
“อาหญิง คุณหมอเย่ ไว้เจอกันค่ะ”
หลินจินซานทำตัวเหมือนคนขับรถของเซี่ยอวี่ ในขณะที่เขาขับรถไปจอดตรงทางเข้าห้องเต้นรำ เซี่ยไห่ก็กำลังมองหารถด้วยใบหน้ามืดครึ้มเช่นกัน
เมื่อเห็นซานทาน่าเข้ามาจอดและหลินจินซานที่ลงจากรถ เซี่ยไห่ก็ก่นด่าด้วยความโมโหว่า “หลินจินซาน ใครสั่งใครสอนให้ไอ้ลูกหมาแบบนายกล้าขับรถของฉันออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตหา?”
“รถของฉันจอดอยู่ตรงนี้ดีๆ ก็หายไปเฉยเลย นายเป็นอาชญากรหรือไง”
“ฉันขอให้เขาขับรถให้ แล้วทำไมเหรอ? ฉันไม่มีสิทธิ์นั่งรถคันนี้หรือไง?” เมื่อประตูหลังเปิดออก เซี่ยอวี่และเย่ไป๋จึงลงจากรถ
เมื่อเซี่ยไห่เห็นเซี่ยอวี่แล้ว สีหน้าของเขาก็กลายเป็นรอยยิ้มทันที “ต้องได้อยู่แล้วสิครับ แต่อย่างน้อยก็น่าจะบอกผมหน่อยสิ พอผมตื่นขึ้นมาก็นึกว่ารถหาย ผมตกใจแทบตายเลยนะ”
เขาพูดพลางเหลือบมองหลินจินซานด้วยความขัดใจ
เดิมทีหลินจินซานไม่คิดว่าเซี่ยไห่จะตื่นเช้าขนาดนี้ และเย่ไป๋กับเซี่ยอวี่ตั้งใจจะขี่รถจักรยานยนต์ไปด้วยกัน แต่เขาอยากจะไปด้วย เขาจึงอาสาขับรถยนต์ของเซี่ยไห่
ต้องขอบคุณอาหญิงที่ปกป้องเขา ไม่อย่างนั้นวันนี้เขาคงตายแน่ๆ
เซี่ยอวี่กล่าวว่า “ทั้งพี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ และแม่ของเราอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนนี่เอง แล้วใครจะกล้าขโมยรถล่ะ? นายน่ะทำเอะอะโวยวายไม่เข้าเรื่อง”
“ช่างเถอะ ฉันผิดเองที่ตำหนินาย แค่ในวันข้างหน้าช่วยระวังหน่อยก็พอ”
“คุณอารอง ผมเข้าใจแล้วครับ” หลินจินซานรีบตอบรับ
เซี่ยไห่มองทั้งสามคนและถามด้วยความสงสัย “แล้วพวกพี่ไปไหนมาล่ะเนี่ย?”
“ที่ร้านใหม่ของเซี่ยเซี่ยมีช่างภาพยอดฝีมือมาน่ะ วันนี้เซี่ยเซี่ยกับเจียเหอจึงถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกัน พวกเราก็เลยไปดูซะหน่อย”
เมื่อเซี่ยไห่ได้ยินว่าหลินเซี่ยถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกับเฉินเจียเหอ เขาก็สนใจมากเช่นกัน “ทำไมไม่ชวนผมด้วยล่ะ?”
“ก็นายหลับอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“ช่างเถอะ พวกนายไปทำงานของตัวเองเถอะ ส่วนพวกฉันเองก็มีงานต้องทำ”
เย่ไป๋ขี่รถจักรยานยนต์ ส่วนเซี่ยอวี่เข้าไปในร้านอาหารเพื่อทักทายแม่เฒ่าและเซี่ยเหลย จากนั้นก็ตั้งใจว่าจะซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ออกไป
เซี่ยไห่มองตามท้ายรถจักรยานยนต์ แล้วถามด้วยความสงสัย “พวกพี่จะไปไหนอีกแล้วล่ะนั่น?”
เซี่ยอวี่ตอบด้วยความไม่ใส่ใจว่า “ธุระส่วนตัว”
“งั้นไปด้วยกันสิ ผมจะขับรถให้”
เมื่อเผชิญกับสายตาคาดหวังของเซี่ยไห่แล้ว เซี่ยอวี่ก็มองเขาด้วยความรังเกียจ และตอบเสียงเรียบว่า “จะไปออกเดตกัน นายยังจะไปด้วยไหม?”
เซี่ยไห่เบะปากแล้วยืดหลังตรงหน้าเชิด
เมื่อเห็นว่าเย่ไป๋พาเซี่ยอวี่ออกไปแล้ว หลินจินซานก็วิ่งไปที่ร้านเสริมสวยด้วย ทำให้เซี่ยไห่ยืนอยู่ริมถนนรู้สึกสะเทือนใจขึ้นมา
ดูเหมือนว่าทุกคนที่เคยโสด จู่ๆ ก็ยุ่งอยู่กับการแต่งงานและตกหลุมรัก มีเพียงเขาที่กลายเป็นส่วนเกิน
เซี่ยไห่เป็นคนชอบความสนุกสนาน แต่เมื่อญาติๆ และเพื่อนรอบกายหนีไปยุ่งกับเรื่องส่วนตัวแบบนี้ เขาจึงรู้สึกเคว้งคว้างมาก
เขาอยากชวนเฉินเจียเหอออกมาดื่ม แต่ตอนนี้เฉินเจียเหอไม่สามารถออกจากบ้านตอนกลางคืนได้อีกแล้ว
พอชวนถังจวิ้นเฟิง ถังจวิ้นเฟิงกลับบอกว่าไม่ว่าง
สุดท้ายจึงลากลู่เจิ้งอวี่ไปดื่มได้คนเดียว
หลังจากฝึกงานมาได้ระยะหนึ่ง ลู่เจิ้งอวี่ก็เชี่ยวชาญธุรกิจห้องเต้นรำมากขึ้น และมีความรับผิดชอบต่องานอย่างยิ่ง
เมื่อเขาถูกเซี่ยไห่บังคับให้นั่งลงหน้าตู้คาราโอเกะ เขาก็มองนาฬิกาแล้วพูดด้วยความลำบากใจว่า “พี่ไห่ คือผมต้องไปทำงานน่ะ”
“นั่งลงก่อนเถอะ มานั่งคุยกันก่อนน่า”
เซี่ยไห่นั่งไขว่ห้างพลางถือแก้วเหล้าด้วยท่าทางสบายๆ แต่ลู่เจิ้งอวี่ยังไม่หยุดมองนาฬิกาและพูดด้วยสีหน้ากังวลว่า “ไม่ได้จริงๆ ครับ วันนี้จะมีเครื่องดื่มมาส่งที่ร้านเราอีกล็อตใหญ่ ผมต้องลงไปรอคนส่งของแล้วตรวจรับออเดอร์”
“ก็ให้จินซานทำไปสิ”
ลู่เจิ้งอวี่ส่ายหน้าพลางอธิบายว่า “แต่ผมสั่งเครื่องดื่มพวกนี้มาเอง ถ้าให้จินซานทำ เกรงว่าเขาจะจัดของมั่วไปหมด”
“พี่ไห่ดื่มไปก่อนเลยนะ ผมจะไปทำงานแล้ว”
เซี่ยไห่นั่งไขว่ห้างพลางถือแก้วเหล้าด้วยท่าทางสบายๆ แต่ลู่เจิ้งอวี่ยังไม่หยุดมองนาฬิกาและพูดด้วยสีหน้ากังวลว่า “ไม่ได้จริงๆ ครับ วันนี้จะมีเครื่องดื่มมาส่งที่ร้านเราอีกล็อตใหญ่ ผมต้องลงไปรอคนส่งของแล้วตรวจรับออเดอร์”
“ก็ให้จินซานทำไปสิ”
ลู่เจิ้งอวี่ส่ายหน้าพลางอธิบายว่า “แต่ผมสั่งเครื่องดื่มพวกนี้มาเอง ถ้าให้จินซานทำ เกรงว่าเขาจะจัดของมั่วไปหมด”
“พี่ไห่ดื่มไปก่อนเลยนะ ผมจะไปทำงานแล้ว”
เมื่อลู่เจิ้งอวี่ทำงาน เขาจะไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น และวิ่งหนีไปทันที
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
โสดคนเดียวแล้วมันเคว้งคว้างล่ะสิพี่ไห่ คนอื่นหนีไปมีแฟนกันหมด
ไหหม่า(海馬)