ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 521 นอนกันแบบไหน
ตอนที่ 521 นอนกันแบบไหน
เมื่อเซี่ยอวี่ถูกเย่ไป๋บังคับจูบที่มุมกำแพง หล่อนก็กลัวมากจนผลักเขาออกโดยแรง
“ไม่มีใครมาที่นี่หรอก หรือต่อให้มีใครมาก็จำคุณไม่ได้”
ตอนนี้เย่ไป๋มีความรู้สึกอยากเป็นเจ้าเข้าเจ้าของสูงมาก เขากดหล่อนไว้แล้วเริ่มขบริมฝีปากของหล่อน
ริมฝีปากของเซี่ยอวี่ชาหนึบจากการถูกขบ ทว่าคนทั้งสองมีพละกำลังแตกต่างกันมาก หล่อนผลักเขาออกไปไม่ได้ จึงกัดเขาด้วยความโมโห
“โอ๊ย…” เย่ไป๋ไม่ทันระวังจึงถูกกัดริมฝีปากเข้าให้ เขาสูดหายใจลึกและเผลอปล่อยหล่อนโดยไม่เต็มใจ “กัดเลยเหรอ”
เซี่ยอวี่ขู่เขาเสียงกร้าว “ออกไปเลยนะ ไม่งั้นฉันจะทำให้พรุ่งนี้คุณไม่กล้าเจอใครเลย”
เย่ไป๋ยกมือเช็ดริมฝีปากและยิ้มเจ้าเล่ห์ “ทำไมผมจะต้องไม่กล้าพบหน้าผู้คนล่ะ? อย่างแย่ที่สุดคือผมจะบอกเพื่อนร่วมงานว่านี่คือรอยความรักที่แฟนสาวมีต่อผม เหมือนกับรอยลิปสติกครั้งก่อนไง”
เซี่ยอวี่ไม่คาดคิดเลยว่าการแกล้งครั้งล่าสุดของหล่อนจะกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักสำหรับเขาเสียได้
“ไม่คิดเลยนะว่าคุณจะกลายเป็นหมาป่าห่มหนังแกะแบบนี้”
เย่ไป๋คว้ามือของหล่อนมาแล้วกระซิบข้างหูหล่อนว่า “ก็แฟนของผมน่าดึงดูดใจเกินไปนี่ครับ”
“ปากเล็กๆ นี้ก็หวานมากเลย”
ทั้งสองยังคงซุกตัวอยู่ที่มุมกำแพงเพื่อพลอดรักกัน หยอกล้อกัน
ทันใดนั้น บนท้องฟ้าก็มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น จากนั้นฝนก็เริ่มโปรยปราย
เย่ไป๋จึงจับมือหล่อนแล้วพาวิ่งหลบฝนไปด้วยกัน
แต่เซี่ยอวี่สังเกตได้ว่าทิศทางที่เย่ไป๋วิ่งไปนั้นไม่เหมือนที่จอดรถจักรยานยนต์เลย
หล่อนจึงเตือนว่า “แต่รถจักรยานยนต์ไม่ได้จอดอยู่ตรงนั้นนะ”
“ก็ไม่ได้จะขึ้นรถนี่ครับ”
“แล้วจะไปที่ไหนล่ะคะ?”
“วางใจเถอะ ผมไม่พาคุณไปขายหรอก”
เย่ไป๋จูงมือหล่อนแล้วพาวิ่งตรงไปตามถนนที่มุ่งสู่ชุมชนแห่งหนึ่ง
เซี่ยอวี่ไม่คุ้นเคยกับพื้นที่นี้เลย จึงทำได้แค่ถูกเขาจูงมือพาวิ่งไปเรื่อยๆ เท่านั้น
จากนั้นหล่อนก็ถูกพาเข้าไปในตึกหลังหนึ่ง แล้วต้องเดินขึ้นบันไดต่อ
“คุณกำลังจะไปไหนเหรอ?” เพราะถ้าจะหลบฝนก็แค่อยู่ตรงทางเข้า แล้วทำไมเขาต้องขึ้นไปชั้นบนด้วย
“เข้าไปข้างในแล้วค่อยคุยกันเถอะ”
เมื่อเดินมาถึงชั้นสาม เย่ไป๋ก็จับมือหล่อนไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง และใช้มือข้างที่ว่างหยิบกุญแจออกจากกระเป๋าเพื่อไขเปิดประตู เมื่อเซี่ยอวี่เห็นกุญแจก็ยิ่งประหลาดใจพลางถามว่า
“สรุปว่าที่นี่คือ?”
“บ้านของผมเองแหละ”
สิ้นเสียงของเย่ไป๋ ประตูก็ถูกเปิดออกแล้ว
ในห้องนั่งเล่นที่แสนเรียบง่ายมีโซฟาหนึ่งชุดตั้งอยู่ บนผนังมีภาพวาดหมึกประดับไว้ แล้วยังมีชั้นหนังสือวางเรียงเต็มผนัง
และในชั้นหนังสือนั้นเต็มไปด้วยหนังสือหลากหลายประเภท
ทำให้เซี่ยอวี่รู้สึกคล้ายกับคนเป็นโรคกลัวรูจากการจัดเรียงหนังสือแบบนั้น
ตอนนี้เย่ไป๋นำสลิปเปอร์ผู้หญิงสีชมพูคู่ใหม่มาให้หล่อนด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ
จากนั้นเขาก็นั่งยองๆ เพื่อช่วยถอดรองเท้าส้นสูงให้หล่อน
เซี่ยอวี่เปลี่ยนรองเท้าเสร็จ เมื่อรอให้เขายืนขึ้น หล่อนจึงมองเขาเพื่อยืนยัน “บ้านของคุณเองเหรอ?”
“ใช่ บ้านผมเอง มีไว้สำหรับแวะมาพักผ่อนเป็นครั้งคราวน่ะ”
ซึ่งหลังจากเริ่มสานสัมพันธ์กับหล่อนแล้ว เขาก็ซื้อของใช้สำหรับผู้หญิงเข้าบ้าน
แต่ด้วยเหตุผลที่บ้านนี้ค่อนข้างคับแคบ เขาจึงยังไม่กล้าพาหล่อนมาที่นี่
หลังจากวิ่งฝ่าสายฝนที่หนักหน่วงจนเสื้อผ้าของทั้งคู่เปียกปอน เย่ไป๋จึงหยิบชุดนอนของผู้หญิงอีกชุดออกจากตู้เสื้อผ้าพลางเอ่ย “รีบถอดชุดเดรสของคุณออก แล้วสวมชุดนี้แทนเถอะ”
เมื่อเซี่ยอวี่เห็นชุดนอนกางเกงขาสั้นนั้นแล้ว หล่อนก็มองเขาด้วยสีหน้าสงสัย
เย่ไป๋อธิบาย “ชุดใหม่ครับ เตรียมไว้สำหรับคุณโดยเฉพาะ”
เซี่ยอวี่ “!!!”
เตรียมไว้สำหรับหล่อนโดยเฉพาะหรือ?
“รีบเปลี่ยนเถอะ เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอานะ ผมจะไปต้มน้ำ แล้วคุณจะได้อาบน้ำที่นี่ได้”
เมื่อเอ่ยถึงการเปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำ เซี่ยอวี่ก็จำคืนนั้นในเมืองปินเฉิงได้ หล่อนจึงดันเสื้อผ้าออกพลางปฏิเสธว่า “ไม่ต้องอาบหรอก รอให้ฝนหยุดตกก็จะกลับแล้ว”
“มันค่ำมากแล้วล่ะ คืนนี้เราจะค้างกันที่นี่” เย่ไป๋ไม่ยอม “ที่นี่มีสองห้อง ผมจะทิ้งกุญแจไว้ให้คุณด้วย ถ้าคุณอยากแวะมาอยู่ก็มาได้ทุกเมื่อ เพราะผมซื้อผ้าเช็ดตัวและแปรงสีฟันให้คุณหมดแล้ว”
เซี่ยอวี่มองเขาด้วยท่าทางประหลาด
ผู้ชายคนนี้ไม่ได้อยากอยู่กับหล่อนหรอกหรือ?
เย่ไป๋รีบยัดเสื้อผ้าใส่อ้อมแขนของหล่อน จากนั้นก็หนีไปต้มน้ำทันที
จากนั้นเขาก็ไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและผ้านวมต่อ
เซี่ยอวี่ก้มหน้าลงมอง จึงเห็นว่าชุดเดรสของหล่อนกำลังเปียกแนบเนื้อ เผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งที่มีเสน่ห์ จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินเข้าห้องน้ำ
เย่ไป๋ดูแลบ้านได้สะอาดสะอ้านมาก เพราะนอกจากเตียงและตู้เสื้อผ้าแล้ว ในห้องนอนก็มีแค่โต๊ะหัวเตียงที่มีหนังสือวางอยู่เท่านั้น
สิ่งเดียวที่ดูไม่เข้าพวกคือภาพจากนิตยสารที่อยู่บนโต๊ะหัวเตียง
และในรูปนั้นก็คือเซี่ยอวี่
สำหรับปีที่อยู่ตรงมุมภาพ คือปี 1986
หลังจากที่เซี่ยอวี่อาบน้ำเสร็จแล้ว หล่อนก็สวมเสื้อผ้าที่เย่ไป๋เตรียมไว้ ซึ่งมันเผยให้เห็นช่วงขาเรียวยาวขาวเนียนทั้งสองข้าง จนหล่อนแอบก่นด่าในใจว่าเขาก็เป็นแค่หมาป่าหางโต*
(*หมาป่าหางโต หมายถึง คนที่ทำเป็นโอ้อวดในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้เป็นเพราะกลัวคนอื่นจะมองไม่เห็น)
เพราะชุดนอนที่เขาเตรียมให้หล่อนนั้นสั้นมาก
หล่อนแสร้งทำเป็นสงบที่สุด และยืนอยู่ที่ประตูห้องนอนพลางถามเย่ไป๋ว่า
“เสี่ยวไป๋ ให้ฉันพักห้องไหนเหรอ?”
“พักห้องนี้แหละครับ”
เย่ไป๋เห็นว่าผู้หญิงคนนี้มัวแต่ยืนพิงอยู่ที่ประตู เขาจึงดันกรอบแว่นตาขึ้นแล้วพาหล่อนเข้ามาในห้องนอนด้วยความใจเย็น
เมื่อเซี่ยอวี่ได้เห็นภาพจากนิตยสารที่อยู่ข้างเตียงแล้ว ก็รู้สึกว่ามันทั้งอ่อนเยาว์และอ่อนหวาน
และภาพนี้ทำให้หล่อนคนปัจจุบันดูมีอายุมาก
“ผมจะหยิบไดร์เป่าผมให้คุณนะ”
เย่ไป๋มีท่าทางรีบร้อน เขาเดินไปค้นหาในตู้หนึ่งรอบ แล้วจึงหยิบไดร์เป่าผมเหล็กออกมาหนึ่งเครื่อง
เซี่ยอวี่เลิกคิ้วมอง เพราะไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะค่อนข้างรอบคอบขนาดนี้
หล่อนจึงรับไดร์เป่าผมมาเป่าผมโดยไม่พูดมาก
ในตอนนี้เย่ไป๋ก็เดินออกจากห้องนอน
หลังจากเป่าผมแห้งแล้ว เมื่อหล่อนหันกลับมา ก็เห็นชายคนหนึ่งสวมเสื้อกล้ามสีขาว กางเกงสีเทาตัวใหญ่ยืนอยู่ด้านหลังของหล่อน
“คุณทำอะไรน่ะ?” เซี่ยอวี่ผงะถอยหลังอย่างระแวงจนเกือบจะชนปลายเตียง
“นอนไงครับ”
เย่ไป๋เดินเข้ามาเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น และน้ำเสียงของเขาก็เป็นธรรมชาติมาก
เซี่ยอวี่ตกใจมาก “บอกว่ามีสองห้องนอนไม่ใช่เหรอ?”
“ห้องนั้นไม่มีเตียง”
เซี่ยอวี่ “!!!”
“ถ้างั้นคุณก็นอนที่โซฟาสิคะ”
เย่ไป๋ยืนอยู่ตรงหน้าเบื้องหน้าของหล่อน เขามองหล่อนพลางพูดเสียงอ่อนโยนว่า “เซี่ยอวี่ ผมอยากอยู่กับคุณเพราะว่าเรากำลังจะแต่งงานกัน และพวกเราพบกันแบบเปิดเผยมาโดยตลอด ผมหวังว่า…”
ผู้ชายคนนี้มองหล่อนด้วยสายตาจริงใจระคนเสน่หา ทั้งยังมีความคาดหวังบางประการในดวงตาคู่นั้น
เซี่ยอวี่เม้มปากแล้วพูดว่า “เย่ไป๋ คุณตั้งใจทำแบบนี้ใช่ไหม? คุณตั้งใจพาฉันมาที่นี่สินะ? คุณวางแผนทุกอย่างไว้แล้วใช่ไหม”
เย่ไป๋ส่ายหน้าแล้วพูดด้วยเสียงจริงจัง “ไม่ใช่ เพราะผมไม่ได้เตรียมฝนไว้”
“เดิมทีผมตั้งใจที่จะหาเวลาเหมาะๆ เพื่อพาคุณมาดูบ้านนี้ การที่ผมเลือกซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันให้คุณ เพราะคิดว่าหากวันใดคุณเลิกงานดึกแล้วไม่สะดวกกลับบ้าน ก็แวะมาพักผ่อนที่นี่ได้”
สายฝนในคืนนี้ช่างประจวบเหมาะ มันอาจตกลงมาเพื่อพวกเขานั่นเอง
และเมื่อได้ยินคำอธิบายของเขาแล้ว เซี่ยอวี่ก็รู้สึกผ่อนคลายลงมาก
เย่ไป๋เดินเข้ามาหาหล่อนและมองด้วยสายตาจริงจัง ใช้น้ำเสียงวิงวอนเพื่อขอความเห็นจากหล่อนว่า
“พวกเรานอนด้วยกันได้ไหมครับ?”
“นอนแบบไหนคะ?” หัวสมองของเซี่ยอวี่รู้สึกร้อนแทบระเบิด หล่อนจ้องมองนัยน์ตาของเขาแล้วถาม
ส่วนเขาก็ตอบด้วยความจริงใจและจริงจังว่า “คุณอยากจะนอนแบบไหนก็ได้หมดเลย”
……
วันต่อมา เจียงอวี่เฟยถือกระเป๋าเดินทางแสนน่ารักใบเล็กมาถึงลานบ้านพักพนักงานโรงงานยานยนต์ตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อทักทายหลินเซี่ยก่อนออกเดินทาง
“เซี่ยเซี่ย อาหญิงเซี่ยอวี่ยินดีที่จะพาฉันออกไปหาประสบการณ์และจัดการเรื่องสัญญาให้ฉันด้วย ฉันโชคดีมากเลย จริงๆ รอให้ฉันกลับมาแล้วจะซื้อของฝากให้เธอด้วยนะ เธอมีของสิ่งใดในร้านที่อยากได้อีกไหม”
หลินเซี่ยตอบว่า “ไม่ได้ต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษหรอก เธอแค่ทำตัวดีๆ ก็พอ”
“ฉันจะเชื่อฟัง และฉันจะไม่ทำให้เธอผิดหวังเด็ดขาด เพียงแต่คราวนี้เธอไปกับพวกเราไม่ได้ ฉันเลยค่อนข้างกังวล เพราะกลัวจะไม่มีใครแต่งหน้าให้ฉันน่ะสิ”
สำหรับการเดินทางไปเมืองเชินเฉิงในครั้งนี้ เจียงอวี่เฟยทั้งประหม่าแต่ก็ตั้งตารอ
ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ หลินเซี่ยคอยอยู่เคียงข้างหล่อนเสมอ แต่คราวนี้หลินเซี่ยไม่ได้อยู่ด้วย หล่อนจึงเกิดความไม่มั่นใจขึ้นมา
“พวกเขามีช่างแต่งหน้ามืออาชีพอยู่ที่นั่น หากเธอต้องการอะไรก็บอกลินดาได้เลยนะ ยังไงเธอต้องคว้าโอกาสที่ดีแบบนี้ไว้ให้ได้”
หลังจากที่หลินเซี่ยไปส่งหู่จือแล้ว เธอก็ขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งเจียงอวี่เฟยที่บ้านตระกูลหลินเพื่อสมทบกับเซี่ยอวี่
แต่ผลลัพธ์คือพวกเธอมาถึงเร็วเกินไป เพราะคุณแม่เซี่ยบอกว่าเซี่ยอวี่ยังไม่กลับมาเลย
“เมื่อคืนอาหญิงของเธอโทรมาบอกว่าจะค้างที่บ้านของลินดา แต่ตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย”
“โอ้ เช่นนั้นเราก็นั่งรอกันเถอะค่ะ”
คุณแม่เซี่ยบ่นว่า “แต่ฉันยังไม่ได้จัดกระเป๋าและไม่เห็นใครอยู่ข้างๆ ให้ใช้เลย ไม่รู้ด้วยว่ารถไฟจะออกกี่โมง และฉันคิดว่าอวี่เฟยจะต้องมารอที่นี่แต่เช้า จึงนอนไม่หลับน่ะ”
เมื่อหลินเซี่ยได้ยินว่ากระเป๋าของอาหญิงยังไม่พร้อม จึงพูดว่า “คุณย่าคะ เดี๋ยวฉันจะไปเก็บกระเป๋าให้อาหญิงเองค่ะ”
หลินเซี่ยไปที่ห้องของเซี่ยอวี่และหยิบกระเป๋าเดินทางที่เซี่ยอวี่มักจะใช้ประจำออกมา จากนั้นจัดเสื้อผ้าที่ทันสมัยและดูดีให้อีกฝ่าย รวมถึงสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน ครีมบำรุงผิวและอื่นๆ ไว้ในกระเป๋าเดินทางพร้อมสรรพ
เมื่อจัดกระเป๋าเสร็จ ลินดาก็มาถึงพอดี
เมื่อหลินเซี่ยสังเกตเห็นว่าลินดาเข้ามาเพียงลำพัง เธอจึงกระซิบถามว่า
“ลินดา อาหญิงของฉันอยู่ไหนเหรอ?”
“หล่อนยังไม่กลับมาอีกเหรอ?”
เมื่อจัดกระเป๋าเสร็จ ลินดาก็มาถึงพอดี
เมื่อหลินเซี่ยสังเกตเห็นว่าลินดาเข้ามาเพียงลำพัง เธอจึงกระซิบถามว่า
“ลินดา อาหญิงของฉันอยู่ไหนเหรอ?”
“หล่อนยังไม่กลับมาอีกเหรอ?”
ลินดาแอบเหลือบมองไปทางห้องโถงแล้วอธิบายเสียงเบาว่า “ฉันก็ไม่รู้ว่าหล่อนอยู่ไหนเหมือนกันนะ เพราะเมื่อคืนหล่อนโทรหาฉัน โดยนัดแนะว่าหากคุณย่าถามถึง ก็ให้บอกว่าหล่อนค้างกับฉัน แล้วให้ฉันติดต่อหล่อนไปอีกครั้งตอนเช้า พูดจบแล้วหล่อนก็วางสายไปเลย แต่เช้านี้กลายเป็นว่าหล่อนปิดเครื่องและติดต่อไม่ได้เลยน่ะ”
หลินเซี่ยได้ยินเช่นนี้แล้วมีท่าทางแปลกๆ “แล้วคุณโทรหาหมอเย่หรือยัง?”
ลินดายักไหล่และตอบแบบช่วยไม่ได้ “ปิดเครื่องเหมือนกันนั่นแหละ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หมอเย่ร้ายกาจอะ จะวางใจได้ไหมเนี่ยว่าหมอจะไม่ทำอะไรคุณอา
ไหหม่า(海馬)