ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 524 เสิ่นเสี่ยวเหมยอยากขอคืนดี
ตอนที่ 524 เสิ่นเสี่ยวเหมยอยากขอคืนดี
เมื่อเฉินเจียซิ่งได้เห็นเฉินเสี่ยวเหมยโดยกะทันหัน สีหน้าของเขาก็พลันไม่สู้ดีขึ้นมา
กลายเป็นว่าความอยากรู้อยากเห็นฆ่าแมว*เสียอย่างนั้น
(*ความอยากรู้อยากเห็นฆ่าแมว หมายถึง ยุ่งเรื่องคนอื่นเกินพอดี จนนำอันตรายสู่ตนเอง)
เขารีบหันกลับไปมองหยางหงเสียที่ตามมาด้านหลังโดยอัตโนมัติ
ขณะเดียวกัน ดวงตาของเสิ่นเสี่ยวเหมยก็จับจ้องไปที่หยางหงเสียด้วย หล่อนมองประเมินหยางหงเสียตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จากนั้นถามเฉินเจียซิ่งว่า “เฉินเจียซิ่ง ผู้หญิงคนนี้คือภรรยาใหม่ของคุณเหรอ?”
“เกี่ยวอะไรกับคุณมิทราบ?” เฉินเจียซิ่งรีบปกป้องหยางหงเสียไว้
ซึ่งการเคลื่อนไหวของเขาเช่นนี้ได้กระตุ้นเสิ่นเสี่ยวเหมยมากขึ้น หล่อนพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“คุณใจร้ายและไร้จิตสำนึกเกินไปไหม เราเพิ่งหย่ากันได้เท่าไรเอง คุณก็แต่งงานใหม่แล้วเหรอ?”
เดิมทีเสิ่นเสี่ยวเหมยยึดมั่นในความหวังอันริบหรี่ และคอยมองหาโอกาสที่จะกลับมาคืนดีกับเฉินเจียซิ่งอีกครั้ง
ทว่าตอนนี้ เมื่อได้มองรูปถ่ายพรีเวดดิ้งบนผนัง และมองไปยังผู้หญิงที่อยู่เคียงข้างเฉินเจียซิ่ง ก็ทำให้ความหวังสุดท้ายนั้นพังทลายลง
แต่หล่อนยังมองไปที่เฉินเจียซิ่งแบบไม่เต็มใจ และไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจยอมรับความจริงนี้ได้
ทั้งที่ในช่วงเวลานี้หล่อนมีนัดบอดบ่อยครั้ง เพื่อที่จะมองหาคู่ครองคนใหม่ซึ่งเหมาะสมอยู่เสมอ
และหล่อนได้ติดต่อกับผู้ชายถึงสองคน
ทว่าหลังจากได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น หล่อนกลับไม่ชอบใครเลย
เพราะทั้งภูมิหลังของครอบครัว รวมถึงรูปลักษณ์ภายนอก ไม่มีใครเทียบเฉินเจียซิ่งได้สักคน
สิ่งสำคัญคือ หลังจากที่พวกเขารู้ว่าหล่อนเคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว พวกเขาก็ปฏิบัติต่อหล่อนด้วยความดูแคลน แม้จะออกไปกินข้าวด้วยกันก็มักจะเลือกกินบะหมี่ราคาถูกที่สุดเสมอ
กระทั่งคบหากันได้สักพัก กลับไม่มีแม้แต่ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ สำหรับหล่อนเลยด้วยซ้ำ
ในตอนที่หล่อนบอกชัดเจนว่าอยากซื้อเสื้อผ้าใหม่ ชายคนนั้นก็เดินไปส่งหล่อนที่ประตูร้านขายเสื้อผ้า แต่แล้วก็เดินออกไปตามลำพัง
พูดได้เลยว่าไม่มีใครจริงใจได้เท่ากับเฉินเจียซิ่งอีกแล้ว
หล่อนคิดว่าตนสามารถประนีประนอมได้ และไม่รังเกียจที่จะมีหลินเซี่ยเป็นพี่สะใภ้
ยิ่งตอนนี้พี่ชายซึ่งเป็นญาติของหล่อนกำลังเดือดร้อน เสิ่นอวี้อิ๋งก็ท้องก่อนแต่งและไปคลอดลูกที่ต่างถิ่น ทางด้านลุงใหญ่ของหล่อนก็ถูกโจมตีด้วยข่าวนี้อย่างหนัก ทำให้ล้มป่วยอยู่ที่บ้าน
ทันใดนั้นหล่อนก็ตระหนักได้ว่าหันไปมองแล้วไม่เจอใครเลย
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ หล่อนมองหาโอกาสที่จะได้พูดคุยกับเฉินเจียซิ่งอีกครั้ง และบังเอิญว่าหล่อนมาส่งเพื่อนดูชุดแต่งงานพอดี แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นรูปถ่ายพรีเวดดิ้งของเฉินเจียซิ่งที่ร้านนี้
อีกทั้งร้านเช่าชุดเจ้าสาวแห่งนี้ก็เป็นของหลินเซี่ย
ในเวลานี้เสิ่นเสี่ยวเหมยมีเพียงความคิดเดียวในใจ
นั่นคือเฉินเจียซิ่งจะแต่งงานกับคนอื่นไม่ได้
ทันใดนั้นหล่อนก็กลับคืนสู่ความสงบ และดูเป็นคนเยือกเย็นมาก
เสิ่นเสี่ยวเหมยมองประเมินหยางหงเสียตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสวมเสื้อผ้าเรียบง่าย หน้าตาธรรมดา รวบผมหางม้าปกติและไม่แต่งหน้า มองแล้วเป็นแค่ผู้หญิงบ้านๆ คนหนึ่ง หล่อนก็ใช้มือสยายผมดัดลอน และมีความรู้สึกที่เหนือกว่าเกิดขึ้นทันที
เฉินเจียซิ่งจะชอบผู้หญิงธรรมดาแบบนี้ได้อย่างไร?
“เธอคือแฟนใหม่ของเฉินเจียซิ่งงั้นเหรอ?”
หล่อนจ้องมองหยางหงเสียและพูดว่า “ฉันเป็นคนรักของเฉินเจียซิ่ง การหย่าร้างของเรานั้นเกิดจากความใจร้อนไม่ทันคิด อันที่จริงเขามาคบกับเธอเพื่อทำให้ฉันโกรธ เขาจงใจแขวนรูปแต่งงานนี้ไว้ข้างนอก เพราะอยากให้ฉันมาเห็น เพื่อบีบบังคับให้ฉันปรากฏตัวและมาขอโทษเขาไงล่ะ แน่นอนว่าเขาทำสำเร็จแล้วจริงๆ”
ทุกคน ณ ที่นั้น “!!!”
เสิ่นเสี่ยวเหมยยังพูดต่อ “เขาแค่หลอกใช้เธอเท่านั้น และในเมื่อตอนนี้ฉันอยู่ที่นี่แล้ว ยังมีความคิดที่จะให้อภัยเขาด้วย ดังนั้นเธอก็ถอนตัวได้แล้วนะ”
หลังจากที่หยางหงเสียได้ยินทุกคำพูดของเสิ่นเสี่ยวเหมย หล่อนก็มองเฉินเจียซิ่งด้วยใบหน้าซีดเซียว
คุณจงใจแขวนรูปพรีเวดดิ้งให้เสิ่นเสี่ยวเหมยเห็นใช่ไหม?
เฉินเจียซิ่งเผชิญกับสายตาตั้งคำถามของหยางหงเสียแล้ว จึงรีบปฏิเสธว่า “หงเสีย อย่าไปฟังหล่อนพูดเหลวไหลนะ”
จากนั้นเฉินเจียซิ่งก็หันไปจ้องหน้าเสิ่นเสี่ยวเหมยด้วยความรังเกียจ กัดฟันกรอดพลางเอ่ย “เสิ่นเสี่ยวเหมย คุณหน้าด้านเกินไปไหม? สติคุณยังดีอยู่หรือเปล่า? ผมจะสมองเพี้ยนขนาดอยากอยู่กับผู้หญิงแบบคุณได้ไง? หยุดคิดเองเออเองได้แล้ว”
“เฉินเจียซิ่ง อย่าหลอกตัวเองเลย ฉันรู้ว่าคุณลืมฉันไม่ได้ เพราะเมื่อก่อนคุณดีกับฉันมาก คุณไม่เต็มใจแม้แต่จะให้ฉันล้างเท้าเองด้วยซ้ำ แล้วคุณจะปล่อยฉันไปง่ายๆ ได้ยังไง?”
ในตอนที่เสิ่นเสี่ยวเหมยยังอยู่กับเฉินเจียซิ่ง มีครั้งหนึ่งที่หล่อนหายหน้าไปหลายวัน
ยิ่งนึกถึงเรื่องนี้ก็ยิ่งรู้สึกเสียดาย
มาคิดๆ ดูแล้วตอนนั้นหล่อนก็ดื้อรั้นเกินไป เพียงเพื่อไม่อยากเป็นสะใภ้เดียวกับหลินเซี่ย หล่อนพยายามทำให้ตระกูลเฉินตกที่นั่งลำบากและเผชิญความยุ่งยาก
ผลลัพธ์คือเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยไม่เลิกกัน แต่เป็นหล่อนเองที่สูญเสียชีวิตแต่งงานอันแสนสุขและผู้ชายที่ดีต่อหล่อนมากที่สุดไป
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้ว น้ำเสียงของหล่อนก็อ่อนลง นัยน์ตาสั่นไหว ยอมรับความผิดพลาดออกมาตามตรงว่า “อันที่จริงแล้วเมื่อก่อนเป็นความผิดของฉันเอง และฉันจะไม่เอาแต่ใจอีกต่อไป ฉันรู้ว่าคุณก็ปล่อยฉันไปไม่ได้ ดังนั้นพวกเรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะนะ”
พวกหลินเซี่ยที่อยู่รอบข้าง “…”
“เริ่มต้นกันใหม่เหรอ? เห็นผมบ้าไปแล้วหรือไง? รีบไปซะเถอะ ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก”
เฉินเจียซิ่งขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับผู้หญิงเสียสติแบบเสิ่นเสี่ยวเหมยอีก เขาจับมือหยางหงเสียแล้วอธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “หงเสีย อย่าฟังหล่อนพูดเหลวไหลนะ หล่อนจงใจทำให้เรารำคาญและอยากให้เราเข้าใจผิดกัน ดังนั้นเราต้องไม่ใส่ใจหล่อน และอย่าปล่อยให้หล่อนทำสำเร็จนะ”
ตอนแรกหยางหงเสียรู้สึกสับสนจริงๆ แต่ตอนนี้สงบลงแล้ว จึงพยักหน้าพลางเอ่ย “ฉันไม่เข้าใจผิดหรอกค่ะ”
“งั้นพวกเราไปกันเถอะ”
เฉินเจียซิ่งต้องการดึงหยางหงเสียออกไป แต่อยู่ๆ หยางหงเสียก็ปล่อยมือของเขาและพูดว่า “รอเดี๋ยวนะ”
หยางหงเสียเดินไปหาเสิ่นเสี่ยวเหมย เชิดหน้ามองหล่อนและพูดว่า “คุณคือคนที่หลอกว่าท้อง คนที่จงใจสาดน้ำสกปรกใส่หลินเซี่ย คือนังปีศาจเสิ่นเสี่ยวเหมยที่ขยันสร้างเรื่องคนนั้นสินะ ฉันต้องยอมรับว่าคุณดูดีกว่าฉันจริงๆ”
เมื่อเสิ่นเสี่ยวเหมยได้ยินคำพูดสุดท้ายของอีกฝ่าย มุมปากของหล่อนก็โค้งขึ้น และกำลังจะบอกว่าอีกฝ่ายยังรู้ตัวดี แต่แล้วก็ได้ยินหยางหงเสียพูดต่อ
“แต่การดูดีจะมีประโยชน์อะไรล่ะ? หากว่าหัวใจของคุณมืดบอด คุณบอกว่าเฉินเจียซิ่งปล่อยคุณไปไม่ได้ แล้วทำไมเขาจะปล่อยคุณไปไม่ได้ล่ะ? เขาอยากทนให้คุณตบเขาต่อหน้าคนงานทั้งหมดในโรงงานเหรอ? คุณยุยงให้พี่ใหญ่ของเขาหย่า ทำให้น้องชายของเขาล้มป่วย ทำให้เขากลับไปบ้านพ่อแม่ของคุณเพื่อแสดงการเอาอกเอาใจคุณ มิหนำซ้ำคุณยังสั่งให้เขาล้างเท้าให้ด้วย สรุปว่าคุณเกิดเป็นเจ้าหญิงจริงๆ หรือเพราะคุณเป็นโรคเจ้าหญิงกันแน่?
คุณไม่ได้ถือว่าเฉินเจียซิ่งเป็นมนุษย์เลยด้วยซ้ำ ทำไมเขาจะปล่อยผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวแบบคุณไปไม่ได้? อีกทั้งเฉินเจียซิ่งก็เป็นสมบัติของพ่อแม่ที่บ้านเขาเช่นกัน ทำไมเขาต้องยอมให้คุณตะคอกใส่ ยอมให้คุณดูถูกด้วยล่ะ?
ตอนที่ฉันอยู่กับเขา ฉันมีแต่จะทะนุถนอมเขา คอยเห็นอกเห็นใจ ช่วยเหลือเกื้อกูลและใช้ชีวิตที่ดีร่วมกันกับเขา หากคุณอยากเป็นแต่ฝ่ายรับ แต่ไม่สามารถให้ความเคารพและตระหนักถึงความเท่าเทียมขั้นพื้นฐานที่สุดได้ คุณจะแต่งงานทำไม? หากคุณรวยมากขนาดนั้น ก็แค่จ้างลูกจ้างระยะยาวมาบริการคุณสิ”
ฝีปากของหยางหงเสียล้วนเฉียบคมเราะราย ไม่ถ่อมตัวหรือเอาแต่ใจเกินไป เมื่อพูดจบแล้วหล่อนก็ดึงเฉินเจียซิ่งเข้าไปในร้านเช่าชุดแต่งงานทันที
เนื่องจากหล่อนเป็นเด็กผู้หญิงในครอบครัวธรรมดาๆ และเด็กผู้ชายในครอบครัวหล่อนก็ได้รับความโปรดปรานมากกว่าเด็กผู้หญิง หล่อนจึงไม่เข้าใจพฤติกรรมฆ่าตัวเองของเสิ่นเสี่ยวเหมย และไม่กล้าที่จะเข้าใจด้วย
และนี่เป็นครั้งแรกที่หลินเซี่ยได้เห็นคารมคมคายของหยางหงเสีย
ทันใดนั้นสายตาธรรมดาเรียบง่ายที่เธอใช้มองหยางหงเสียก็เปี่ยมไปด้วยความชื่นชม
แม้เสิ่นเสี่ยวเหมยจะได้รับบทเรียนจากหยางหงเสียแล้ว แต่หล่อนก็ไม่เชื่อและอยากจะติดตามไป กระนั้นก็ถูกเซี่ยไห่ขวางไว้ก่อน
“เสิ่นเสี่ยวเหมย ถึงขั้นนี้แล้วคุณยังไม่สำนึกในความผิดของตัวเองอีกเหรอ คุณยังรู้สึกว่าตัวเองสูงส่งอยู่อีกงั้นเหรอ? เมื่อก่อนเฉินเจียซิ่งเคยตาบอด แต่ตอนนี้เขาตาสว่างแล้วนะ”
เฉินเจียเหอก็ใช้สายตาคมกริบไล่คนออกไป “ถ้าไม่อยากอายไปมากกว่านี้ ก็รีบกลับไปซะ”
จากนั้นกลุ่มของเขาก็เดินเข้าร้านเช่าชุดแต่งงาน
หญิงสาวที่มากับเสิ่นเสี่ยวเหมยเห็นเหตุการณ์นี้แล้วก็อดบ่นออกมาไม่ได้ “ถ้าฉันรู้ว่าเธอรู้จักพวกเขา ฉันคงไม่พาเธอมาที่นี่ด้วยหรอก เรื่องเป็นแบบนี้แล้ว ฉันจะเข้าไปดูชุดแต่งงานได้ไงล่ะเนี่ย?”
จากนั้นหล่อนก็หันหลังเดินหนีไปด้วยความโกรธ
เสิ่นเสี่ยวเหม่ยขบกรามแน่นและกระทืบเท้าแรงๆ ก่อนจะเดินตามไปด้วยความไม่เต็มใจ
หล่อนจะไม่ยอมให้เฉินเจียซิ่งได้สมหวัง
ทันทีที่เซี่ยไห่เดินเข้ามาในร้านเช่าชุดเจ้าสาว เขาก็จ้องมองเฉินเจียซิ่งและตำหนิว่า “เจียซิ่ง ทำไมนายต้องโอ้อวดด้วยล่ะ? ใครบอกให้นายเอารูปพรีเวดดิ้งไปแขวนไว้ข้างนอก? นายยังไม่ทราบสถานการณ์ของตัวเองชัดเจนอีกเหรอ? แล้วที่เสิ่นเสี่ยวเหมยพูดเป็นความจริงไหม? ที่บอกว่านายจงใจทำแบบนั้นน่ะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ฝีปากแฟนใหม่แฟนใหม่ก็ร้ายกาจใช่ย่อยเลย มวยถูกคู่แล้วล่ะ
ไหหม่า(海馬)