ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 528 เฉินเจียซิ่งใช้สูตรโกง
ตอนที่ 528 เฉินเจียซิ่งใช้สูตรโกง
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่หลินเซี่ยและเฉินเจียซิ่งจะพร้อมใจกันยอกย้อนอาสะใภ้รองแสนอวดดีคนนี้ เพราะคนอื่น ๆ ในครอบครัวเก็บตัวมากกว่าและไม่เก่งในการโต้เถียงกับคนอื่นในเรื่องจุกจิก แม้แต่เฉินเจียวั่งก็มักเลือกที่จะหลีกเลี่ยงอารองกับอาสะใภ้รอง
ก่อนหน้านี้เฉินเจียซิ่งก็ไม่กล้าโต้เถียงกับอาสะใภ้รอง เพราะเขากลัวโดนพ่อแม่ตำหนิว่าหยาบคายไม่เคารพผู้อาวุโส
แต่ในเวลานี้ เฉินเจียซิ่งเห็นว่าหลินเซี่ยไม่ได้ไว้หน้าใครเลย ทั้งยังตอบโต้วังซูเฟินอย่างกล้าหาญ
แม้ว่าวังซูเฟินเก่งในการพูดจาเหน็บแนม แต่หลินเซี่ยเหน็บแนมเก่งกว่าหล่อนมาก มิหนำซ้ำยังไม่มีผู้อาวุโสคนใดในครอบครัวแสดงท่าทางโกรธออกมา แถมพี่ใหญ่ยังเคียงข้างโดยการแสดงสีหน้าภาคภูมิใจมากด้วย
ส่วนพ่อกับแม่ของเขาก็เห็นว่าได้ยินชัดเจน แต่กลับไม่มีความตั้งใจที่จะห้ามเธอเลย
ทั้งหมดนี้ทำให้เฉินเจียซิ่งมีความมั่นใจขึ้น และกล้าที่จะเผชิญหน้ากับบุคคลที่เรียกตัวเองว่าผู้อาวุโสคนนี้ ถ้าเขารู้แบบนี้มาก่อน เขาก็ไม่มีทางที่จะปล่อยให้หล่อนได้ใจเด็ดขาด
แม้วังซูเฟินจะบอกว่าลูกสะใภ้ของหล่อนมีจิตใจสูงส่งดีงาม แต่เมื่อนึกถึงท่าทางเอาอกเอาใจที่ลูกชายทำต่อคนรัก หล่อนก็รู้สึกกังวลขึ้นมาไม่น้อยเลย
ทันทีที่วังซูเฟินเงียบปาก บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็เงียบลงเช่นกัน เฉินเจียซิ่งจึงถือโอกาสนี้พูดว่า “คุณปู่ คุณพ่อ คุณแม่ครับ ผมกับหงเสียวางแผนที่จะเลือกวันเพื่อจัดงานแต่งให้เสร็จสักทีครับ”
เฉินเจิ้นเจียงเอ่ยว่า “อืม แต่พวกลูกสองพี่น้องควรคุยกันว่าใครจะแต่งก่อนแต่งหลังด้วยใช่ไหม? เพราะในอนาคตพวกลูกจะต้องทำงานร่วมกัน จึงไม่ควรโต้เถียงกันในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ”
ในฐานะพี่ชายคนโต เฉินเจียเหอจึงเป็นฝ่ายหลีกทางให้ก่อน “คุณพ่อครับ ช่วงนี้พวกผมไม่มีเวลาเลย บ้านก็เพิ่งตกแต่งเสร็จ เฟอร์นิเจอร์เพิ่งย้ายเข้า กลิ่นสีกลิ่นไม้เหม็นไปหมด ควรทิ้งไว้สักพักก่อนจะย้ายเข้าดีกว่า ดังนั้นจัดงานให้เจียซิ่งก่อนเถอะ”
ถึงอย่างไรเขาก็สามารถนอนกอดภรรยาทุกคืนแล้วค่อยทำพิธีทีหลังได้ แต่เห็นได้ชัดว่าน้องรองมีความกังวลมาก
เฉินเจียซิ่งคาดไม่ถึงว่าครั้งนี้พี่ใหญ่จะใจดีและทำตัวสมเป็นพี่ชายคนโต เขาจึงรู้สึกประทับใจมากจนเหลือบมองหยางหงเสียแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นพวกเราจะแต่งกันเดือนนี้เลย คุณพ่อกับคุณแม่เตรียมตัวให้พร้อมนะครับ เพราะวันอาทิตย์นี้พวกเราจะไปขอแต่งงานที่บ้านหงเสีย แล้วจองร้านอาหารเพื่อจัดงานแต่งงานกันด้วย”
เฉินเจิ้นเจียงพยักหน้าพลางเอ่ย “ตกลง ลูกก็ช่วยนัดหมายเวลาให้พวกเราพ่อแม่ได้พบกันด้วยนะ”
ลูกชายคนรองหลุดพ้นจากหมอกควันของความสัมพันธ์ครั้งก่อนได้ในเวลาอันสั้น และหาคนรักให้ตัวเองได้อีกครั้ง ซึ่งทั้งครอบครัวก็ค่อนข้างพอใจกับผู้หญิงคนนี้มาก ดังนั้นในฐานะพ่อแม่ จึงหวังว่าจะได้เห็นลูกชายแต่งงานและลงหลักปักฐานได้เสียที
วังซูเฟินเงียบไปสักพักก็จริง แต่เมื่อได้ยินว่าเฉินเจียซิ่งกำลังคุยเรื่องแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ หล่อนก็อดพ่นคำถามน่ารังเกียจออกมาไม่ได้ “พ่อแม่ของหงเสียทำงานอะไรล่ะ?”
หยางหงเสียก้มหน้าลงแล้วตอบด้วยความไม่มั่นใจว่า “พ่อแม่ของฉันเป็นคนงานในโรงงานสิ่งทอทั้งสองคนค่ะ”
“คนงานเหรอ” วังซูเฟินพูดย้ำด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม จากนั้นหันไปพูดกับหยางหงเสียว่า “สภาพครอบครัวของคนงานธรรมดาควรจะธรรมดามาก ไม่น่าแปลกใจเลยที่หงเสียแต่งตัวเรียบๆ แบบนี้ แต่เจียซิ่งก็ไม่รู้วิธีซื้อเสื้อผ้าดีๆ ให้แฟนใส่บ้างเลยนะ พวกเราตระกูลเฉินล้วนเป็นคนมีหน้ามีตาน่านับถือ เธอจะนิ่งเฉยกับภรรยาใหม่ขนาดนี้ไม่ได้ ลืมไปแล้วเหรอว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยคนก่อนแต่งตัวยังไง อย่าทำให้หงเสียแต่งตัวโทรมเกินไปสิ”
วังซูเฟินไม่เคยหยุดพูดถึงชื่อเสิ่นเสี่ยวเหมยเลย ทำให้สีหน้าของเฉินเจียซิ่งมืดมนด้วยความโกรธเคือง
“อาสะใภ้รอง เป็นคนงานแล้วไงครับ? คุณใช้สิ่งนี้พิสูจน์ว่าครอบครัวของคนรักร่ำรวยและมีอำนาจได้เหรอ? แต่ดูคุณสิ มีเงินเท่าไหร่ก็เป็นของคนอื่น โดยที่คุณไม่มีงานทำจริงๆ จังๆ ด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ชายน้องชายของคุณตาย คุณจะได้มีส่วนร่วมในร้านของคนอื่นพวกนั้นเหรอ คุณจะยังใช้ชีวิตที่สะดวกสบายแบบนี้ได้ไหม?
คุณคิดเสมอว่าลูกชายต้องหาภรรยาจากครอบครัวที่ร่ำรวย เพื่อที่คุณจะได้กอบโกยผลประโยชน์จากพ่อตาแม่ยาย ผมยอมรับว่าเคยมีความคิดเช่นเดียวกับคุณ คิดว่าการหาคู่ที่มีภูมิหลังครอบครัวดีๆ จะทำให้ผมมีหน้ามีตาเวลาออกไปข้างนอก เมื่อแต่งงานแล้วก็จะได้ประโยชน์ แต่ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าความคิดนี้ผิดมหันต์ เพราะคุณไม่จำเป็นต้องอยู่ในอารมณ์แปลกๆ แบบนี้ตลอดเวลา และผู้หญิงเช่นเสิ่นเสี่ยวเหมยไม่ใช่สเปคของผมเลย ไม่ว่าภายนอกหล่อนจะดูมีเสน่ห์แค่ไหน แต่หัวใจของหล่อนมืดมนมาก ผิดกับหงเสียของผมที่จิตใจดี และผมคิดว่าหล่อนดูดีไม่ว่าจะสวมชุดแบบใดก็ตาม
และที่สำคัญ คุณอย่าเพิ่งภูมิใจเร็วเกินไป เพราะคนรักของเจียหมิงอาจอยู่กับเขาได้ไม่นาน”
คำพูดสุดท้ายของเฉินเจียซิ่งจี้ใจดำวังซูเฟินโดยแรง จนหล่อนตบโต๊ะและพูดด้วยความโกรธว่า “เจียซิ่ง เธอหมายความว่ายังไง? เธอกำลังสาปแช่งครอบครัวเจียหมิงให้เลิกกันเหรอ?”
“ผมแค่อยากแนะนำให้คุณเงียบปาก และอย่าโอ้อวดให้มากนัก เพราะคนเรายิ่งอวดก็ยิ่งผิดหวัง
เมื่อก่อน เพราะคุณเป็นคนในเมือง คุณจึงมักจะดูถูกแม่ของผมที่มาจากชนบท คุณดูถูกคุณตาคุณยายของผม และคุณไม่ชอบทุกคน ถูกต้อง ชาตินี้คุณมีวาสนาได้เกิดมาร่ำรวยกว่าแม่ของผม แต่แม่ผมทำงานหนักกว่าคุณมากนะ แม่มาจากชนบท แต่ที่มีทุกสิ่งในตอนนี้มาจากความสามารถและความพยายามของตัวเองทั้งสิ้น ดังนั้นในใจของพวกเราสามพี่น้อง แม่เป็นคนยอดเยี่ยมที่สุด
ผมรู้สึกเหมือนคุณและเสิ่นเสี่ยวเหมยเป็นพวกเดียวกันเลย แต่ผมไม่ใช่อารอง ผมจึงยอมรับไม่ได้ ดังนั้นอย่าเย่อหยิ่งจนคิดว่าผมต้องทนทุกข์ทรมานจากการหย่าร้างนั้นเลยนะ อ้อ ผมจะบอกความจริงเลยแล้วกัน เมื่อบ่ายวันนี้เสิ่นเสี่ยวเหมยยังมาร้องห่มร้องไห้ขอคืนดีกับผมอยู่เลย หล่อนอยากให้ผมกับหงเสียเลิกกันด้วยซ้ำ”
ทันทีที่เฉินเจียซิ่งพูดคำเหล่านี้ออกมา พวกผู้อาวุโสทั้งหลายก็มองเขาด้วยความหวาดระแวง
เสิ่นเสี่ยวเหมยอยากกลับมาหรือ?
เฉินเจียซิ่งมองสบตาพ่อแม่ของตนแล้วพูดออกมาว่า
“เหตุเกิดที่หน้าร้านเช่าชุดแต่งงานของพี่สะใภ้ และพี่ใหญ่ พี่สะใภ้กับหงเสียก็อยู่ด้วยทุกคนครับ แต่ผมไม่มีวันกลับไปคุยกับหล่อนแล้ว ผมยังมีศักดิ์ศรีอยู่มากนะ และตอนนี้ผมมีแต่ความรู้สึกรังเกียจหล่อนเท่านั้น”
วังซูเฟินฟังคำพูดของเฉินเจียซิ่งแล้วทำแค่แค่นเสียงเย้ยหยัน แสดงออกว่าไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเฉินเจียซิ่ง
เพราะด้วยอุปนิสัยของเขา สิ่งเดียวที่สามารถโอ้อวดได้คือภูมิหลังของครอบครัวเท่านั้น
และที่สำคัญคือ หล่อนรู้ดีว่าแม้ครอบครัวนี้จะอาศัยอยู่ในลานบ้านพักเจ้าหน้าที่ทหาร แต่ก็ด้วยอำนาจของพ่อเฒ่าเท่านั้น และทั้งครอบครัวไม่ได้มีเงินมากนัก
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ พวกเขาประสบปัญหาในเมืองหนานเฉิง ทำให้พ่อเฒ่าต้องนำเงินออมทั้งหมดออกมาช่วยเหลือพวกเขา
สำหรับเฉินเจิ้นเจียงและโจวลี่หรงที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แม้จะมีชื่อเสียงที่ดี แต่ก็ได้รับเงินเดือนตายตัว
เฉินเจียซิ่งล่ะหาเงินได้เดือนละเท่าไรเอง แล้วเสิ่นเสี่ยวเหมยจะแต่งงานใหม่กับเขาด้วยเหตุผลใด?
หากหล่อนเป็นเสิ่นเสี่ยวเหมย หล่อนจะไม่มีวันหันหลังกลับเด็ดขาด
เพื่อไม่ให้อารองรู้สึกกลัดกลุ้มใจ เฉินเจียซิ่งจึงลดน้ำเสียงลงและพูดด้วยเหตุผลว่า “เจียหมิงก็เป็นญาติผู้น้องของพวกผมเหมือนกัน พวกเราทุกคนเป็นสายเลือดของตระกูลเฉิน คุณปู่คุณย่าก็ยังอยู่ที่นี่ ดังนั้นเราควรจะเป็นครอบครัวที่กลมเกลียวกัน ช่วยเหลือกันเมื่อจำเป็นดีกว่า แต่อาสะใภ้รอง คุณมักจะอยู่ตรงกลางและคอยก่อปัญหาเสมอ ทำให้เจียหมิงได้รับอิทธิพลจากคุณจนกลายเป็นคนเย่อหยิ่งไปแล้ว
พวกผมสามพี่น้องกลมเกลียวกันมากเมื่อเจอปัญหา แต่ครอบครัวของคุณมีเจียหมิงเป็นลูกชายคนเดียว และญาติผู้พี่หญิงของผมก็แต่งงานออกไปนานแล้ว ผมได้ยินว่าหล่อนไม่ค่อยติดต่อกับคุณมากนัก อีกทั้งคุณยังไม่เอ็นดูพวกหลานๆ ในตระกูลนี้เลย ทุกปีคุณจะมาที่นี่เพื่อก่อปัญหา เอาแต่บอกว่าคุณไม่ชอบสิ่งนี้และเกลียดสิ่งนั้น คิดว่าจะเปรียบเทียบใครกับใครได้บ้างใช่ไหม? คิดว่าทำไมเด็กคนนั้นคนนี้ถึงหยิ่งยโสตั้งแต่อายุน้อยแบบนี้ใช่ไหม?
จริงสิ แม่ของผมและพี่สะใภ้มาจากชนบททั้งคู่ แล้วไงล่ะ? มีปัญหาอะไรกับพวกเธอเหรอ? แม่ของผมเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสตรีเลยนะ และพี่สะใภ้ของผมก็เปิดร้านสองแห่ง ทั้งยังเป็นสไตลิสต์ให้กับคนดังในสถานีโทรทัศน์อีกด้วย ผลกำไรที่ร้านค้าของหล่อนในหนึ่งเดือนนั้น เป็นสิ่งที่เจียหมิงและแฟนของเขาหาไม่ได้ทั้งปีด้วยซ้ำ ตอนนี้ผมเป็นคนเดียวในครอบครัวที่ไม่มีอนาคต คุณก็เลยพุ่งเป้ามาที่ผมไง เพราะคุณคิดว่าพี่ใหญ่ของผมสร้างรถไฟ ใครจะเทียบกับเขาได้ใช่ไหม?”
วันนี้เฉินเจียซิ่งใช้สูตรโกงได้เหนือชั้นมาก ทำให้ใบหน้าของวังซูเฟินทั้งเขียวทั้งคล้ำทั้งซีดเผือดในคราวเดียว
เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยเกือบจะปรบมือให้เขาเลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้เฉินเจียซิ่งเคยปะทะฝีปากกับหลินเซี่ย ทำให้เฉินเจียเหออยากจะฉีกปากของเขาออกให้สิ้นเรื่อง แต่วันนี้เขาพุ่งเป้าไปที่อาสะใภ้รองผู้หยิ่งยโส ส่งผลให้เฉินเจียเหอในฐานะพี่ชายคนโต อดไม่ได้ที่จะรินน้ำให้เขาเงียบๆ หนึ่งแก้ว และส่งสัญญาณมือบอกเขาดื่มให้ชุ่มคอเสียหน่อย
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เหตุการณ์ตาลปัตรแฮะ คิดว่าหลินเซี่ยหรือหงเสียจะเป็นคนตอกกลับอาสะใภ้รอง แต่สุดท้ายกลายเป็นเจียซิ่ง เอาความปากเสียของตัวเองมาใช้ได้ถูกโอกาสมากค่ะ ปรบมือ
ไหหม่า(海馬)