ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 541 ต้องการอะไรจากเขา?
ตอนที่ 541 ต้องการอะไรจากเขา?
เฉินเจียซิ่งยังเชื่อฟังสิ่งที่ครอบครัวพูด ดังนั้นในระหว่างรับประทานอาหารกลางวันในวันรุ่งขึ้น เขาก็พาหยางหงเสียออกไปข้างนอก และพูดคุยอย่างจริงจังเกี่ยวกับเรื่องระหว่างทั้งสอง
เขามองหยางหงเสียแล้วถามว่า “หงเสีย ทำไมคุณถึงชอบผมเหรอ?”
“หือ?” หยางหงเสียก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย “ทำไมคุณถึงถามเรื่องนี้ล่ะคะ?”
เฉินเจียซิ่งตอบว่า “ผมไม่มีอะไรดีเลย นอกจากไม่ดีแล้วยังไม่มีอะไรสักอย่าง คุณมองเห็นอะไรในตัวผมกัน?”
หยางหงเสียคิดว่าเฉินเจียซิ่งอาจจะคิดมากและด้อยค่าตัวเองอีกครั้ง หล่อนจึงรีบปลอบเขา “ฉันคิดว่าคุณเป็นคนดีมากเลยนะคะ เสิ่นเสี่ยวเหมยแค่ไม่รู้จักทะนุถนอมคุณไว้ อย่าเอาแต่คิดลบกับตัวเองเลยค่ะ”
เฉินเจียซิ่งหรี่ตาลง ฟังหล่อนพูดเสียงอู้อี้ “มีคนบอกว่า คุณอาจไม่ได้ชอบตัวตนของผม แต่สนใจภูมิหลังครอบครัวของผมมากกว่า ผมได้ยินแบบนั้นแล้วอดรู้สึกเสียใจไม่ได้”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หยางหงเสียก็รีบอธิบายว่า “ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นนะคะ ฉันรู้ว่าคำพูดของแม่ฉันในวันนั้นอาจทำให้ครอบครัวของคุณเกิดความเข้าใจผิดเอาได้ แต่น้องชายฉันยังเรียนไม่จบเลย ชีวิตของเขาจะเป็นไปตามความเพียรพยายามของเขาเองในอนาคต เขาคงไม่หวังพึ่งพาพี่สาวอย่างฉันหรอก…”
เฉินเจียซิ่งมองหยางหงเสียอย่างจริงจังและพูดว่า “หงเสีย คุณก็รู้ว่าผมเป็นแค่ผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ถึงครอบครัวจะปูทางให้ แต่สมองและสองมือของผมไปไม่ถึงขั้นนั้น ทำให้งานในปัจจุบันของผมเป็นแบบนี้ ผมเพิ่งมารู้ตัวไม่นานนี้ถึงความจริงที่ว่าคนเราควรพึ่งพาตัวเองเป็นที่ตั้ง ถ้าไม่มีความสามารถ ต่อให้คนอื่นช่วยเท่าไหร่ก็ไร้ผล นอกจากนี้ปู่กับพ่อของผมก็ยึดมั่นในความซื่อตรงมาก พวกเขาไม่เคยเปิดช่องให้ญาติ ๆ ได้รับผลประโยชน์ เพราะอย่างนั้นญาติ ๆ ของเราหลายคนถึงไม่คิดจะติดต่อกับเราอีก ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจเรื่องนี้”
หลังจากได้ยินคำพูดสุดท้ายของเฉินเจียซิ่ง หยางหงเสียก็โต้ตอบอย่างเชื่องช้า การแสดงออกของหล่อนเปลี่ยนไป มองเขาด้วยสีหน้าเจ็บปวด “เจียซิ่ง คุณคิดว่าฉันอยากแต่งงานกับคุณเพียงเพราะหวังปีนป่ายขึ้นสู่ที่สูงงั้นเหรอคะ?”
“ผมรู้ดีว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น”
เฉินเจียซิ่งจับมือหล่อน แล้วพูดอย่างจริงใจ
“แต่ผมได้ยินมาว่าคุณป้าเอาเรื่องนี้ไปป่าวประกาศและให้สัญญาสุ่มสี่สุ่มห้ากับเพื่อ
นบ้านร่วมซอย อาสะใภ้รองของผมไปเยี่ยมญาติที่อยู่ตรอกเดียวกับบ้านคุณเลยได้ยินเข้า คุณคงเคยเห็นอาสะใภ้รองของผมมาก่อน หล่อนเป็นคนชอบคิดเล็กคิดน้อย และจงใจก่อปัญหา หยิบยกมาเป็นประเด็นให้ครอบครัวผมเข้าใจคุณผิด เพราะฉะนั้นผมอยากให้คุณช่วยกลับไปคุยกับครอบครัวให้ชัดเจน ว่าผมไม่ได้มีเส้นสายมั่นคงนัก คุณก็รู้สถานการณ์ก่อนหน้านี้ของผมดี เสิ่นเสี่ยวเหมยทำตัวเหมือนสัตว์ประหลาด ทำผมเสียหน้าที่การงาน พี่ใหญ่กับน้องสามก็เกือบจะตัดพี่ตัดน้องกับผมอยู่แล้ว ผมหวังว่าเราสองคนจะอยู่ร่วมกับพวกเขาได้เป็นอย่างดีในวันข้างหน้า ไม่ควรปล่อยให้พวกเขาดูถูกเราเพราะคนอื่น”
หยางหงเสียไม่คาดคิดว่าแม่ตัวเองจะพูดจาไร้สาระ โอ้อวดเรื่องครอบครัวของลูกเขยจนข่าวแพร่กระจายไปทั่วตรอกอย่างกว้างขวาง
และไม่คาดคิดมาก่อนว่าอาสะใภ้รองของเฉินเจียซิ่งจะมีญาติอยู่ในซอยเดียวกัน
หล่อนพูดกับเฉินเจียซิ่งว่า “ฉันเข้าใจค่ะ ไว้ฉันจะกลับไปอธิบายให้ครอบครัวของฉันเข้าใจ ฉันจะไม่ยอมให้พวกเขาเอาเรื่องของเรามาอวดอ้างอีก”
หลังจากหยางหงเสียกลับถึงบ้านจากเลิกงาน หล่อนก็บ่นกับผู้เป็นแม่ด้วยความโกรธ “แม่คะ จากนี้ช่วยพูดให้มันน้อย ๆ หน่อยได้ไหม? หยุดโอ้อวดกับคนอื่นได้แล้ว ถ้าแม่ยังเอาบ้านแฟนฉันมาอวดอ้างต่อไป ชีวิตแต่งงานของฉันกับเฉินเจียซิ่งคงพังทลายแน่”
“ฉันไปปากมากตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ก็เรื่องที่แม่ไปให้สัญญากับคนในตรอกสุ่มสี่สุ่มห้าน่ะสิ บอกว่าหลังจากฉันแต่งเข้าบ้านพักทหารแล้ว ฉันจะกลายเป็นผู้ช่วยเหลือของคนทั้งตรอก รู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป? ฉันบอกแล้วว่าให้แม่เก็บเรื่องเงียบเข้าไว้ ฉันแต่งงานกับเฉินเจียซิ่งก็จริง แต่เขาเป็นแค่เป็นเพื่อนร่วมงานของฉัน เขาจะเอาอำนาจที่ไหนมาช่วยคนพวกนั้น?”
แม่หยางหัวเราะเบา ๆ “ฉันจะระบายความสุขให้คนอื่นรู้ไม่ได้หรือไง?”
หยางหงเสียมองแม่ของหล่อนด้วยสีหน้าจริงจัง จากนั้นก็ข่มขู่ว่า “ถ้าแม่ยังไม่ยอมอยู่เงียบ ๆ และยังพูดเรื่องไร้สาระกับคนข้างนอกต่อไป หลังแต่งงานออกไปแล้วฉันจะไม่ติดต่อกับบ้านหลังนี้อีก”
“แก…”
ใบหน้าของแม่หยางพลันเปลี่ยนไป จู่ ๆ ก็ตระหนักได้ว่าการแต่งงานของลูกสาวเป็นการสาดน้ำออกจากบ้าน กลัวว่าถ้าอีกฝ่ายปีนป่ายขึ้นสู่ที่สูงแล้ว จะมองย้อนกลับมาดูถูกพนักงานธรรมดา ๆ เช่นพวกเขา
ในอนาคตแม้แต่น้องชายตัวเองก็คงไม่ยื่นมือมาช่วยแล้ว
ในเมื่อภายภาคหน้าไม่สามารถพึ่งพาลูกสาวได้ หล่อนก็ต้องได้อะไรสักอย่างเพื่อเป็นหลักประกัน
แม่หยางทำหน้าบูดบึ้งและพูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ เราคงให้สินเดิมกับแกตอนแกแต่งงานไม่ได้แล้วล่ะ แกก็รู้สถานการณ์ของที่บ้านดี น้องชายแกยังต้องการเงินเรียนต่อ ถ้าเราฝากความหวังในอนาคตไว้กับแกไม่ได้ เราคงไม่เสี่ยงที่จะให้สินเดิมกับแกเหมือนกัน แม่ไม่ขออะไรมากหรอก แค่ไปบอกเฉินเจียซิ่งซะใหม่ให้เพิ่มสินสอดจากเดิม เราจะได้เก็บไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน”
“แม่จะเรียกสินสอดเพิ่มงั้นเหรอ?”
“เก้าร้อยเก้าสิบมันน้อยไป เจ้าสาวคนไหนในตรอกของเราได้สินสอดไม่ถึงหนึ่งพันหยวนบ้าง? ข้อเรียกร้องของเรามีเหตุผล แต่แกไม่ยอมชั่งน้ำหนักชั่วดีเอง เฉินเจียซิ่งก็เหมือนกัน ฉันจึงต้องปรับทัศนคติก่อนแต่งงานให้แก จะได้แยกทางกับครอบครัวเดิมได้อย่างชัดเจน ในเมื่อแกอยากขีดเส้นแบ่งนัก พ่อกับแม่ก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพอีก”
จิตใจของหยางหงเสียดิ่งวูบลงเมื่อมองใบหน้าเย็นชาและเห็นแก่ตัวของแม่
หล่อนพูดต่อ “ได้ค่ะแม่ ถ้าอย่างนั้นก็คืนบัญชีเงินเดือนของฉันมา แม่เก็บไว้แทนฉันนานแล้ว เอาเงินจำนวนนั้นคืนมาให้ฉัน แล้วจากนี้ฉันจะทำงานหาเลี้ยงตัวเอง”
แม่หยางตะคอกอย่างเย็นชา “เงินเดือนของแกเอาไปใช้จ่ายเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวตั้งนานแล้ว จะให้ฉันเอาเงินจากไหนมาคืนแกล่ะ?”
“อะไรกัน แม่ออกปากว่าจะไม่ให้สินเดิมเมื่อฉันแต่งงาน แถมยังเรียกร้องสินสอดเพิ่ม และยังไม่ยอมคืนเงินเดือนที่ฉันฝากไว้อีก โลกนี้มีคนไหนเขาเห็นแก่ได้เท่าแม่บ้าง?” หยางหงเสียมองแม่ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง
แม่หยางมองไปที่หยางหงเสีย พูดว่า
“ไว้ค่อยตกลงเรื่องน้องชายแกทีหลัง ตราบใดที่แกแบ่งเงินเดือนครึ่งหนึ่งที่ได้หลังจากนี้มาสนับสนุนบ้านเรา แม่อาจจะยอมให้แกแต่งงานกับเขาอย่างมีเกียรติ”
ในเมื่อบ้านนั้นออกตัวว่าพวกเขาไม่สามารถพึ่งพาเส้นสายของตระกูลเฉินได้ งั้นก็ต้องป้องกันตัวเองแบบนี้แหละ
ถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่ลูกสาวจะมอบเงินครึ่งหนึ่งที่หาได้มาจุนเจือพวกเขา
ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะเก็บหล่อนไว้จนโตเพื่ออะไร?
แม่หยางมองดูหยางหงเสีย พูดหน้าตาจริงจังว่า “ครอบครัวนี้เป็นรากฐานชีวิตของแกมาโดยตลอด อย่าคิดว่าตอนนี้พอตัวเองได้แต่งงานกับครอบครัวที่มีภูมิหลังดี ๆ
แล้วจะเชิดหน้าชูคออยู่เหนือพวกเรา และคิดจะแยกตัวไปจากฉัน
ขืนอีกหน่อยแกผิดหวัง ไม่พ้นร้องไห้กลับมาซบอกพวกเราอีกเหรอ? รับประกันได้ไหมว่าเฉินเจียซิ่งจะปฏิบัติต่อแกอย่างดีไปตลอดชีวิตของเขา? มีแค่ครอบครัวทางสายเลือดของแกเท่านั้นแหละที่พร้อมจะโอบรับแกกลับมาเสมอ น้องชายแกต้องประสบความสำเร็จในอนาคตแน่ ๆ ฉันกับพ่อแกก็ใช่ว่าไร้ความสามารถ หรือแกไปหลงใหลได้ปลื้มกับตระกูลเฉินซะจนไม่เข้าใจความจริงง่าย ๆ ข้อนี้?”
หลังจากการพูดคุยทั้งหมด แม่หยางยังคงพยายามล้างสมองหล่อนให้เอาครอบครัวเดิมเป็นที่ตั้ง ต่อให้แต่งงานไปแล้ว ก็ยังต้องแบ่งปันผลประโยชน์ให้กับพวกเขา
หยางหงเสียลุกขึ้นยืน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แม่ ฉันไม่เอาเงินสินเดิมจากแม่แล้วก็ได้ เงินเดือนนั่นก็ไม่เอา ฉันยังยืนยันคำเดิมว่าจะใช้ชีวิตน้อย ๆ ของตัวเองให้ดี ต่อให้แม่แก่ตัวลงฉันก็จะแสดงความกตัญญูให้ถึงที่สุด แต่จากนี้แม่อย่าได้หอบเอาคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลมาคุยกับฉันอีก ฉันไม่มีประโยชน์ใด ๆ สำหรับแม่อีกแล้ว เฉินเจียซิ่งมีความสามารถแค่ไหน เขาก็ช่วยอะไรแม่ไม่ได้ หวังว่าแม่จะจำคำนี้ไว้…”
เมื่อหยางหงเสียพูดแบบนี้ แม่หยางก็ตอบโต้ด้วยความไม่เข้าใจ “แล้วทำไมแกถึงได้รักเขาล่ะ? ไม่ใช่เพราะภูมิหลังทางครอบครัวของเขาหรือไง? ถ้าเขาเป็นผู้ชายธรรมดา ๆ คิดว่าเราจะสร้างเงื่อนไขในการแต่งงานกับเขาเหรอ? แม่นึกว่าเขามีเส้นสายที่แข็งแกร่งมากซะอีก”
แม่หยางคิดมาตลอดว่าลูกสาวของตนเข้าหาเฉินเจียซิ่งเพราะหวังพึ่งพาครอบครัว
ของเขา
ถ้าไม่นับภูมิหลังทางครอบครัวของเขา เฉินเจียซิ่งเทียบไม่ได้กับเด็กหนุ่มคนอื่นในตรอกเดียวกันด้วยซ้ำ
นอกเหนือจากหน้าตาที่ดูหล่อเหลาแล้วเขามีอะไรดีบ้าง? เขาผ่านการหย่ามาแล้วแท้ ๆ
เหตุผลที่สามีหล่อนยอมเห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ ก็เนื่องมาจากครอบครัวที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างหาก
ถ้ารู้ตั้งแต่ก่อนคุยแต่งงาน พวกเขาคงหาทางป้องกันไว้ก่อน จะปล่อยให้ลูกสาวไปแต่งงานกับคนที่ไม่มีอะไรดีสักอย่างให้อับอายเล่นทำไม?
อย่างไรก็ตาม หยางหงเสียทุ่มเทหัวใจอย่างเต็มที่ให้กับเฉินเจียซิ่ง
“ฉันรู้แค่ว่าฉันรักเขา นั่นคือความดีของเขาที่ฉันรู้จัก เรื่องอื่นไม่สำคัญเลย”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ทำท่าเหมือนจะพูดดีกับลูกสาว แต่เอาเข้าจริงก็เพื่อประโยชน์ของลูกชายอยู่ดีนั่นแหละ โธ่ยัยแก่หยาง
ไหหม่า(海馬)