ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 550 จับตอน
ตอนที่ 550 จับตอน
…
เฉินเจียซิ่งซึ่งหมดสติถูกโยนลงบนเตียง เสิ่นเสี่ยวเหมยยืนอยู่หน้าเตียง มองเขาด้วยสายตาเย็นชาอย่างที่สุด พูดจาประชดประชัน “เฉินเจียซิ่ง ฉันไม่คิดมาก่อนว่าคุณจะใจร้ายขนาดนี้ ยังไม่ทันไรก็จะแต่งงานใหม่ซะแล้ว คุณเอาฉันไปอยู่ที่ไหน?”
“ฉันพยายามขอร้องอ้อนวอนคุณอย่างจริงใจ แต่คุณกลับไม่สะทกสะท้านเลย รู้ไหมว่าฉันเจ็บปวดใจยังไงบ้าง? ฉันด้อยกว่าผู้หญิงน่าสมเพชคนนั้นตรงไหน?”
“ฉันรู้ดีว่าต่อให้ฉันจะเปลื้องผ้าคุณออกและนอนกับคุณซะตอนนี้ แต่ความรับผิดชอบพรรค์นั้นก็ยังไม่เพียงพอสำหรับฉัน คุณมันก็แค่ผัวชั่วไร้จิตสำนึก”
ริมฝีปากของเสิ่นเสี่ยวเหมยโค้งงออย่างเย็นชา “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันเลยคิดว่าควรทำลายคุณซะน่าจะดีกว่า”
ความคิดจากที่ปรึกษาของเสิ่นเสี่ยวเหมย คือให้หล่อนล้อมกรอบเขาเสีย แล้วมีความสัมพันธ์สวาทด้วยกันสักคืน ทำลายการแต่งงานของเฉินเจียซิ่งให้พังพินาศจนไม่เหลือชิ้นดี คราวนี้ทั้งสองก็จะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
แต่ตอนนี้พอหล่อนมองดูส่วนต่าง ๆ บนร่างกายที่อ่อนปวกเปียกของเขา จู่ ๆ ก็หมดความสนใจ
ที่ผ่านมาพวกเขาทั้งสองใช่ว่าไม่เคยหลับนอนด้วยกันเสียเมื่อไร?
หล่อนไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธิ์ ต่อให้หลับนอนกับเขาแล้วยังไง?
เขาไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบหล่อนด้วยซ้ำ
และหล่อนรู้ดีกว่าใคร ๆ ว่าทัศนคติของเขาที่มีต่อตัวเองเป็นอย่างไร
ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่สามารถรื้อฟื้นให้กลับคืนดังเดิมได้ด้วยการหลับนอน
แม้ว่าหล่อนจะทำลายการแต่งงานระหว่างเฉินเจียซิ่งและหยางหงเสีย แต่วันข้างหน้าก็อาจมีจางหงเสีย หวังหงเสียตามมาอีกไม่รู้จบ…
วันนี้เขาแสดงออกชัดว่าไม่แยแสกับคำวิงวอนอันต่ำต้อยของหล่อนเพื่อให้กลับไป หล่อนพอจะยอมรับความจริงอันโหดร้ายว่าอีกฝ่ายไม่ได้รักหล่อนอีกต่อไปได้แล้ว
เวลานี้ความรู้สึกของเขาที่หลงเหลืออยู่คือความเกลียดชังหล่อน
เสิ่นเสี่ยวเหมยได้รับการเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เด็ก ทำให้กลายเป็นคนหยิ่งยโส โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถูกผู้ชายอย่างเฉินเจียซิ่งเลียแข้งเลียขา หล่อนรับไม่ได้จริง ๆ ถ้าเขาจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นซึ่งด้อยกว่าตน
ตอนนี้หล่อนไม่เหลืออะไรเลย ชีวิตยุ่งยากวุ่นวาย ลุงก็มาล้มป่วยและต้องการให้หล่อนคอยปรนนิบัติดูแล ตระกูลเสิ่นตกต่ำ ผู้สนับสนุนทั้งหลายแตกกระเจิง
หล่อนไม่เหลืออะไรอีกแล้ว!
ดวงตาของเสิ่นเสี่ยวเหมยเย็นชายิ่งกว่าเก่า หยิบกรรไกรเล็ก ๆ ที่พกติดตัวไว้สำหรับป้องกันตัวออกมาจากกระเป๋า แล้วตัดเสื้อของเฉินเจียซิ่งเป็นเส้นยาว ใช้มันมัดมือมัดเท้าของเขาไว้
จากนั้น ในขณะที่มือยังถือกรรไกร ดวงตาของหล่อนก็จับจ้องอยู่ที่ตำแหน่งจุดสงวนบนร่างกายเขา ฉับพลันสีหน้าของหล่อนเปลี่ยนไปอย่างไม่อาจคาดเดาได้
ถึงอย่างนั้นก็ไม่รีบร้อนที่จะดำเนินการ หล่อนอยากรอให้เฉินเจียซิ่งตื่นขึ้นเสียก่อน ให้เขาเห็นชัดเจนว่าหล่อนจะทำลายเขาอย่างไร
เสิ่นเสี่ยวเหมยตักน้ำเย็นออกมาจากห้องน้ำ แล้วสาดใส่หน้าเฉินเจียซิ่งเต็มรัก
หลับฝันดีมานาน ถึงเวลาตื่นมารับรู้ความจริงแล้ว
เฉินเจียซิ่งสะดุ้งเฮือกเพราะความเย็นจัดของน้ำ รู้สึกเหมือนหัวบวมปูด เมื่อเขาลืมตาขึ้นก็เห็นเสิ่นเสี่ยวเหมยมีสีหน้าดุร้ายยืนอยู่ตรงหน้า “คุณ… ผมอยู่ที่ไหน?”
“ตื่นแล้วเหรอ?”
การแสดงออกของเสิ่นเสี่ยวเหมยบิดเบี้ยว หล่อนยังคงถือกรรไกรอันเขื่องอยู่ในมือ เฉินเจียซิ่งก้มลงไปมองปลายเท้า สังเกตเห็นว่าทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาเปลือยเปล่า มือและเท้าถูกมัด แม้กระทั่งเข็มขัดก็ถูกปลดออก
“เสิ่นเสี่ยวเหมย เธอจะทำอะไร?” ปฏิกิริยาแรกของเฉินเจียซิ่งคือเสิ่นเสี่ยวเหมยต้องคิดจะโจมตีเจ้าโลกของตัวเองอยู่ไม่ผิดแน่
เสิ่นเสี่ยวเหมยมองเห็นความคิดของเขาอย่างรวดเร็ว หล่อนแค่นเสียงเยาะเย้ย “ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ฉันไม่สนใจร่างกายของคุณเลยสักนิด ลีลาบนเตียงห่วย ๆ ของคุณไม่ได้ทำให้ฉันพิศวาสเลย”
“แล้วทำไมเธอจับฉันมัดไว้แบบนี้ล่ะ? เราหย่ากันแล้วนะ ต่อให้ทำแบบนี้ก็ไม่มีทางที่ฉันจะกลับไปคืนดีกับเธอ นังบ้า”
หล่อนมันเป็นคนบ้าชัด ๆ
ปากบอกว่าไม่แยแสลีลาห่วย ๆ ของเขา แล้วทำไมถึงจับเขามัดไว้ที่นี่ล่ะ?
เฉินเจียซิงเหลือบมองร่างกายส่วนบนที่เปลือยเปล่าของตัวเอง ร้องคร่ำครวญอยู่ในใจ
วันนี้เขาคงปกป้องชื่อเสียงไว้ไม่ได้แล้ว ต่อให้เขาก่นด่าหยาบคายแค่ไหน เสิ่นเสี่ยวเหมยก็จะไม่มีวันปล่อยเขาไป
ขณะที่เขากำลังคิดสิ่งนี้ สายตาก็เห็นว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยหยิบมีดปอกผลไม้ขึ้นมา แล้วควงมันอย่างรุนแรงต่อหน้าเขา
เฉินเจียซิ่งตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว มือและเท้าถูกมัดแน่นหนาจนขยับเขยื้อนไม่สะดวก แต่เขาก็ยังดิ้นรนอย่างหนัก พยายามเสือกตัวลงไปอยู่ตรงปลายเตียง
“อย่าเข้ามานะโว้ย”
“เฉินเจียซิ่ง ฉันยอมเห็นภาพคุณไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นและมีลูกมีครอบครัวที่มีความสุขไม่ได้ ฉันจะทำลายเจ้านั่นให้หยุดการใช้งานไว้ที่ฉันคนเดียว ไม่มีวันไปถึงนังชั้นต่ำคนนั้น”
หลังจากเสิ่นเสี่ยวเหมยพูดจบ หล่อนก็ถือมีดไว้ในมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างกระชากกางเกงของเฉินเจียซิ่งลง
เฉินเจียซิ่งเริ่มดิ้นพล่านด้วยความตื่นตระหนก “ถ้าเธอทำร้ายฉันแบบนี้ เธอคงไม่พ้นโดนจับเข้าคุก เสิ่นเถี่ยจวินเข้าไปอยู่ในนั้นแล้วคนหนึ่ง เธออยากติดตามเขาไปหรือไง?”
เสิ่นเสี่ยวเหมยตอนนี้เป็นเหมือนหมูตายไม่กลัวน้ำเดือด กางเกงของเขาถูกดึงลงมาจนถึงต้นขา “ติดก็ช่างหัวมัน ยังไงฉันก็หางานทำไม่ได้แล้ว คุณเองก็ไม่ต้องการฉันอีกต่อไป ลุงฉันก็เหมือนกัน วัน ๆ เอาแต่ดุด่าว่าฉันไม่มีอนาคต ไม่มีดีอะไร สู้เข้าคุกไปหาที่นอนที่กินฟรี ๆ จนตายดีกว่าไหม?”
เฉินเจียซิ่งมองดูกรรไกรในมือหล่อน แทบฉี่ราดด้วยความกลัวสุดขีด ขอร้องด้วยเสียงสั่นเครือ “เสิ่นเสี่ยวเหมย เธอยังอายุไม่เท่าไหร่เลย จะสิ้นคิดแบบนี้ไม่ได้ อย่าทำอะไรวู่วาม ค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จากันเถอะ สามีภรรยาแต่งงานแค่หนึ่งวันความผูกพันยาวนานหนึ่งร้อยวันนะ”
“หึ? ทีตอนที่คุณคิดจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น ทำไมไม่คิดถึงความรักของเราแม้แต่วันเดียวเลยล่ะ?”
ทันใดนั้นเสิ่นเสี่ยวเหมยก็มองเขาด้วยสีหน้าดุร้าย “คุณทำให้ชีวิตฉันต้องเป็นแบบนี้ ถ้าคุณไม่หย่ากับฉัน ฉันคงไม่ตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชแบบนี้หรอก”
“นั่นก็เพราะเธอทำตัวเองล้วน ๆ จนถึงป่านนี้แล้วยังไม่รู้จักสำเหนียกในความผิดตัวเองอีกรึไง?”
เสิ่นเสี่ยวเหมยเริ่มบ้าคลั่ง “ใช่ ฉันทำตัวเอง ดังนั้นตอนนี้ฉันก็จะทำลายคุณตามไปด้วย จับคุณตอนกลายเป็นขันที ส่วนฉันก็จะกลายเป็นนักโทษ เราสองคนจะไม่มีใครได้ดีไปกว่าใคร”
ในเมื่อหล่อนไม่มีอนาคต แล้วเฉินเจียซิ่งจะอยู่อย่างมีความสุขกับผู้หญิงคนอื่นได้อย่างไร?
เสิ่นเสี่ยวเหมยถือกรรไกรไว้มั่น ขยับนิ้วหัวแม่มือ ง้างใบมีดกรรไกรเข้าออก
เหงื่อเย็นผุดพราวขึ้นบนหน้าผากของเฉินเจียซิ่ง เขาดิ้นรนอย่างหนัก เสียงสั่นเครือ
“เสิ่นเสี่ยวเหมย ไม่นะ! ฉันขอร้องล่ะ อย่าทำอะไรโง่ ๆ เลย”
“เสิ่นเสี่ยวเหมย อย่าทำอะไรบ้า ๆ!”
ขณะที่เฉินเจียซิ่งกำลังกรีดร้องอ้อนวอนจนสุดปอด บานประตูก็ถูกเตะเปิดเข้ามาจากภายนอกอย่างแรง
เฉินเจียเหอ เฉินเจียวั่ง และหลินจินชานรีบพุ่งตัวเข้ามา
ใบหน้าหล่อเหลาของชายสามคนแตกร้าวเป็นเสี่ยงเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่น่าตกใจตรงหน้า
เฉินเจียเหอรู้อย่างรวดเร็วว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร ด้วยสายตาที่ฉับไวและมืออันรวดเร็ว เขารีบเข้าไปคว้ากรรไกรจากมือของเสิ่นเสี่ยวเหมย แต่เสิ่นเสี่ยวเหมยไม่ยอมปล่อย จับปลายกรรไกรไว้แน่นแล้วทรุดตัวลงไป ทำให้มันจิ้มเข้าตรงของลับบนร่างกายของเฉินเจียซิ่ง
“อ๊ากกก!”
เฉินเจียซิ่งกรีดร้องราวกับหมูเชือด “เสิ่นเสี่ยวเหมย นังปีศาจ!”
เฉินเจียเหอแย่งกรรไกรมาได้สำเร็จแล้วจับมันโยนทิ้งไปอีกทาง
หลินจินซานวิ่งเข้าไปชาร์จทันที ร่วมกับเฉินเจียเหอช่วยกันล็อกตัวเสิ่นเสี่ยวเหมย
เฉินเจียวั่งหยิบกรรไกรขึ้นมาจากพื้น
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“ปล่อยไปงั้นเหรอ?” เฉินเจียเหอมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาที่เฉียบคม พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เธอเป็นบ้าไม่พอ ยังกล้าทำเรื่องเลวทราม คิดจะทำอะไร? อยากตัดเจ้าโลกเขาทิ้งเหรอ?”
“ฉันแค่จะทำให้เขาไม่ใช่ผู้ชายอีกต่อไป”
“การกระทำของเธอถือเป็นความผิดทางอาญา เชิญไปรอเข้าคุกได้เลย”
ทางโรงแรมได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เมื่อตำรวจได้ยินเรื่องราวทั้งหมดก็ทำหน้ากระอักกระอ่วน
บางส่วนเข้าไปตรวจสอบบาดแผลของเฉินเจียซิ่ง
ตั้งแต่เด็กจนโต เฉินเจียซิ่งไม่เคยเปิดเผยของลับให้ใครเห็นเยอะขนาดนี้มาก่อน
เฉินเจียเหอและคนอื่น ๆ ปรากฏตัวอย่างทันเวลา ทำให้หล่อนไม่ทันสร้างความเสียหายใด ๆ ให้แก่เขา อย่างไรก็ตาม เขาได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุแย่งอาวุธเมื่อกี้นี้ ผิวหนังถูกเจาะจนเป็นรอยถลอกและมีเลือดออก
ตำรวจถอดกางเกงเขาออก ใช้มือพลิกสิ่งนั่นไปมาสองครั้งลวด ๆ “ไม่ได้ร้ายแรงอะไร ไม่จำเป็นต้องประเมินอาการบาดเจ็บ”
เมื่อได้ยินว่าทั้งสองเคยเป็นสามีภรรยากันมาก่อน ตำรวจก็พยายามเจรจาไกล่เกลี่ย
เฉินเจียซิ่งอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนีเมื่อโดนผู้ชายทั้งแท่งจับน้องชายตัวเอง
แต่พอตำรวจขอให้เขาเจรจาไกล่เกลี่ย เขาก็ทำหน้าโกรธขึ้นมาอีกครั้งและยืนยันหนักแน่น
“ผมไม่เจรจา หล่อนคิดจะตอนผมนะ นี่มันอาชญากรรมโดยเจตนา ถ้าพี่ชายผมไม่พังประตูเข้ามาช่วย ผมคงกลายเป็นขันทีไปแล้ว จะให้ผมคืนดีกับหล่อนได้ยังไง รีบจับหล่อนไปรับโทษทางกฎหมายเร็วเข้า”
เฉินเจียซิ่งต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล จึงยังตามไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจไม่ได้ เสิ่นเสี่ยวเหมยทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนา มีทั้งพยานและหลักฐานทางกายภาพ บทลงโทษชัดเจนอยู่แล้ว
หล่อนถูกตำรวจควบคุมตัวทันที เพราะในกรณีนี้ แม้ว่าการก่ออาชญากรรมจะไม่สำเร็จ ถึงอย่างนั้นก็ประจักษ์ชัดว่ามีความผิด
ทันทีที่ตำรวจพาตัวเสิ่นเสี่ยวเหมยออกไป เฉินเจียซิ่งก็มองไปที่พี่ชายคนโตและน้องชายของเขา อารมณ์โกรธเกรี้ยวสงบลง เหลือแค่ความอกสั่นขวัญแขวน
แค่สองวินาทีเท่านั้น ทั้งชีวิตของเขาอาจย่อยยับได้
เขามองดูพี่ชายและน้องชายด้วยความซาบซึ้ง ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะตอบแทนพวกเขา ต่อให้ต้องทำงานหนักรับใช้เยี่ยงวัวและม้าไปตลอดชีวิตก็ตาม
“ยังมัวนอนแผ่อยู่ได้? รีบลุกขึ้นแล้วกลับกันได้แล้ว” เฉินเจียเหอพูดด้วยใบหน้ามืดมน
“โอ้ โอเค” เสื้อของเฉินเจียซิ่งถูกตัดแหว่ง ต้องหยิบเสื้อโค้ตมาสวมทับร่างกายส่วนบนไปก่อน ตอนที่ลุกขึ้นก็ไม่ลืมดึงเสื้อผ้าให้โป่งจนไม่สัมผัสกับบริเวณที่บาดเจ็บ
เขากัดฟันอย่างเจ็บปวด บอกว่าต้องไปโรงพยาบาลโดยด่วน
ปล่อยให้ล่าช้าไม่ได้จริง ๆ เพราะเจ้านี่คือตัวมอบความสุขของตลอดชีวิตที่เหลืออยู่
ใบหน้าของเฉินเจียเหอขาวเผือด ในใจนึกอยากเตะเขาให้ตาย
เขาสาปแช่งด้วยความโกรธ “นายสติไม่สมประกอบหรือไง? คิดยังไงถึงหลวมตัวมากินข้าวกับนังบ้านั่น? ฉันนึกว่าพวกนายสองคนจะกลับมาลงเอยกันอีกรอบซะอีก ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันจะจับขังพวกนายไว้ด้วยกัน ไม่ให้ไปทำร้ายจิตใจคนอื่น”
เฉินเจียซิ่งมองไปที่เฉินเจียเหออย่างเศร้าโศกพร้อมกับอธิบายว่า “หล่อนบอกว่าขอไปกินเลี้ยงเลิกรากับฉัน แล้วจากนั้นต่างฝ่ายจะแยกย้ายไปใช้ชีวิตของตัวเองโดยไม่รบกวนกันและกันอีก ฉันคิดว่าแค่ไปกินซะให้มันจบ ๆ ไม่งั้นหล่อนอาจจะตามรังควานฉันไม่รู้จบก็ได้”
นึกแล้วเขาอยากจะทุบตัวเองให้ตาย
ถึงขั้นนี้แล้วยังเชื่อใจคนง่าย ๆ อีก
เฉินเจียวั่งมองเฉินเจียซิ่งผู้ขาดไหวพริบด้วยสีหน้ารังเกียจ
“พี่รอง พี่ใหญ่พูดถูก สมองพี่มันไม่สมประกอบ เมื่อกี้เกือบจะถูกตอนแล้ว ตอนนี้พี่คงเห็นใบหน้าที่แท้จริงของผู้หญิงคนนั้นอย่างชัดเจนแล้วใช่ไหม? นั่นคือจุดประสงค์แม่นั่นพยายามสะกดรอยตามและพยายามเข้าหา ทำไมสมองพี่ถึงคิดไม่ได้?”
เฉินเจียซิ่งรู้ว่าตัวเองผิด แต่ไม่กล้ายอมรับ
หลังจากลงไปถึงชั้นล่าง เฉินเจียซิ่งก็งอตัวเป็นกุ้งขณะก้าวขึ้นรถ
หลินจินซานมองท่าทางลำบากลำบนของเฉินเจียซิ่ง เกือบหลุดหัวเราะก๊ากออกมาอยู่แล้ว
ตอนที่รถสตาร์ท เครื่องยนต์ดังกระหึ่มพร้อมกับแรงสั่นสะเทือน เฉินเจียซิ่งตัวสั่นเทิ้มทันที สูดเอาลมหายใจเย็น ๆ เข้าไปเต็มปอด “เบา ๆ หน่อยสิ มันเจ็บนะ”
เฉินเจียวั่งกลอกตามองเขาด้วยความรังเกียจ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มันยังไม่โดนตัดขาดด้วยซ้ำ จะเจ็บอะไรนักหนา? เสแสร้งจริง ๆ”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เกือบด้วนแล้วไหมล่ะเจียซิ่งเอ๊ย โชคดีที่พี่น้องมาช่วยทัน
ไหหม่า(海馬)