ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 553 สมน้ำหน้า
ตอนที่ 553 สมน้ำหน้า
ขณะที่หลินเซี่ยกำลังพักกลางวัน หยางหงเสียก็มาที่ร้านตัดผม
เมื่อหลินเซี่ยรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเฉินเจียซิ่งเมื่อคืนนี้ เธอก็มองหยางหงเสียด้วยสายตาสงสารและเห็นใจ
ถ้าหยางหงเสียเป็นน้องสาวของเธอ บางทีหลินเซี่ยอาจจะแนะนำให้หยางหงเสียพิจารณาการแต่งงานให้รอบคอบอีกที
แต่เธอเป็นแค่พี่สะใภ้ของเฉินเจียซิ่งและไม่ได้สนิทกับหยางหงเสียมากนัก
จึงไม่สามารถแนะนำให้ยกเลิกการแต่งงานได้
“หงเสีย คุณมาที่นี่มีอะไรเหรอ?” หลินเซี่ยเพิ่งตัดผมให้เด็กชายคนหนึ่งเสร็จ ตอนนี้ทั้งสามคนกำลังทำความสะอาดอยู่เพราะตอนบ่ายไม่มีลูกค้าอยู่ในร้าน
“เซี่ยเซี่ย ฉันเพิ่งเลิกงานและมีเรื่องที่ต้องทำและอยากคุยกับคุณน่ะค่ะ”
หยางหงเสียแสดงท่าทางกังวลและประหม่า
หลินเซี่ยวางกรรไกรลงและตอบด้วยรอยยิ้ม “ฉันขอไปล้างมือก่อน แล้วเดี๋ยวเราไปหาที่เงียบ ๆ คุยกัน”
“อืม”
ชุนฟางเทน้ำให้หยางหงเสีย ก่อนใช้มือทั้งสองข้างยกมันขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ขณะที่ชุนฟางกำลังทำความสะอาดร้าน จึงไม่ได้พูดคุยกับหล่อนมากเท่าไร
หลังจากที่หลินเซี่ยล้างมือเสร็จ ทั้งสองก็เดินออกจากร้านตัดผม หลินเซี่ยเห็นว่าร้านอาหารของพ่อและแม่เธออยู่ในช่วงฤดูท่องเที่ยว เธอจึงพาหยางหงเสียไปนั่งในร้านน้ำชาที่อยู่ตรงหัวมุมถนน
เธอสั่งชาดอกไม้หนึ่งกาและอาหารว่างหนึ่งจานแล้วพูดคุยกัน
“หงเสีย คุณเพิ่งเลิกงานเหรอ?” หลินเซี่ยถามด้วยรอยยิ้ม
หยางหงเสียตอบ “อืม วันนี้ฉันขอเลิกงานก่อนเวลาครึ่งชั่วโมงน่ะค่ะ”
หล่อนมองหลินเซี่ยและถามด้วยสีหน้ากังวล “ฉันได้ยินว่าเจียซิ่งเป็นหวัด เขาเป็นอะไรมากไหม?”
เดิมทีหล่อนต้องการไปที่บ้านตระกูลเฉินเพื่อเยี่ยมเฉินเจียซิ่ง แต่ก็รู้ว่าอารองและอาสะใภ้รองของเขาอยู่ที่บ้านด้วย ถ้าพูดตามตรงคือหล่อนยังกลัวพวกเขาอยู่เล็กน้อย
หล่อนกลัวว่าอาสะใภ้รองของเขาจะทำให้ตัวเองลำบากใจ
เมื่อคิดถึงเรื่องสินสอดแล้ว หยางหงเสียก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกผิด และละอายใจเกินกว่าที่จะเผชิญหน้ากับคนเหล่านั้น
เมื่อได้ยินคำบอกเล่าของหยางหงเสีย หลินเซี่ยก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องไม่รู้เรื่องมื้ออาหารค่ำของเฉินเจียซิ่งและเสิ่นเสี่ยวเหมยอย่างแน่นอน
หลินเซี่ยไม่กล้าพูดเรื่องไร้สาระ เธอจึงถามว่า “อาการไข้ของเขาคงไม่เป็นอะไรมากหรอก วันนี้เขาลาป่วยเหรอคะ?”
“ค่ะ หัวหน้าบอกพวกเราว่าวันนี้เขาเป็นหวัดเลยขอลางาน เมื่อวานฉันส่งเพจเจอร์ไปหาเขา แต่ก็ไม่มีการตอบกลับ ฉันเลยไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง”
“หงเสีย ไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก ผู้ใหญ่อย่างเขาจะเป็นอะไรได้ล่ะ? พรุ่งนี้เขาจะต้องไปทำงานแน่นอน วันแต่งงานของพวกคุณทั้งสองคนใกล้เข้ามาแล้ว คุณเตรียมตัวเสร็จแล้วเหรอ? แล้วซื้อสิ่งของที่จำเป็นหมดแล้วหรือยัง?”
หยางหงเสียคลี่ยิ้มอย่างช้า ๆ “ฉันไม่รู้อะไรเลยซื้อเสื้อผ้าและของใช้ในชีวิตประจำวันสองสามอย่างน่ะ”
“หงเสีย เจียซิ่งเพิ่งลาป่วยและไม่ได้ไปทำงานแค่วันเดียว ฉันเห็นว่าคุณเป็นห่วงเขามาก พวกคุณทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า?”
หลินเซี่ยถามอย่างไม่มั่นใจ
สีหน้าหงเสียเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก้มหน้าลงแล้วตอบเสียงแผ่ว “เซี่ยเซี่ย ฉันไม่รู้ว่าทำไมสองสามวันก่อนจู่ ๆ แม่ของฉันถึงเปลี่ยนใจแล้วบอกว่าอยากได้เงินค่าสินสอดเพิ่มอีกห้าร้อยหยวน เจียซิ่งบอกว่าเขาจะพยายามหามาให้ได้ ฉันเลยเป็นห่วงว่าเจียซิ่งจะเครียด
แต่จริง ๆ แล้วสาเหตุที่พ่อแม่ของฉันเปลี่ยนใจเพราะต้องการทดสอบความร่ำรวยของครอบครัวเขา ไม่ได้ตั้งใจจะเอาเงินจริง ๆ ฉันอยากเฉลยเรื่องนี้เร็ว ๆ เขาจะได้ไม่เครียดและรู้สึกกดดันจนไม่สบาย วันนี้เขาลาป่วย ฉันเลยเป็นห่วงเขามากว่าจะเครียดเพราะหาเงินมาไม่ได้แล้วล้มป่วยน่ะค่ะ”
หลินเซี่ย “!”
ผู้หญิงคนนี้ถึงเข้าอกเข้าใจคนอื่นและไร้เดียงสาเกินไปแล้ว
หล่อนกลัวว่าเฉินเจียซิ่งป่วยเพราะเงินห้าร้อยหยวนงั้นเหรอ?
“หืม คุณไม่สบายใจเพราะเรื่องนี้เองเหรอ?”
หงเสียตอบ “เมื่อวานนี้ฉันอยากบอกเขาว่าพ่อแม่ไม่ได้จะเรียกร้องค่าสินสอดเพิ่มจริง ๆ แต่ฉันยังไม่ได้เจอเขาเลย ฉันไม่กล้าไปเยี่ยมเขาที่บ้านเลยต้องมาหาคุณ เพราะในบรรดาญาติของเจียซิ่ง คุณดูใจดีที่สุด ฉันเลยอยากคุยกับคุณค่ะ”
หงเสียมองหลินเซี่ยแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “เซี่ยเซี่ย ถ้าคุณกลับบ้านแล้วได้โปรดบอกเขาด้วยนะคะว่าครอบครัวของเรามีเจตนายังไง เพื่อที่เขาจะได้ไม่เครียดเกินไป”
หลินเซี่ยรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อมองหยางหงเสียผู้มีจิตใจดี และเริ่มสาปแช่งเฉินเจียซิ่งอีกครั้ง
เธอไม่รู้ว่าจะใช้คำไหนชื่นชมผู้หญิงดี ๆ อย่างนี้ เพราะเขาก็ถูกเสิ่นเสี่ยวเหมยหลอกไปกินข้าวด้วยกันและยังถูกมอมเหล้าจนหมดสติอีกด้วย
หลินเซี่ยยังไม่ได้เจอเฉินเจียซิ่ง จึงไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขาและเสิ่นเสี่ยวเหมยหรือไม่
ในตอนเที่ยง เธอเจอหลินจินซานและถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่หลินจินซานกลับมีท่าทางลังเลและและไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน
เขาหนีออกจากร้านไปโดยอ้างว่ากำลังยุ่ง
สัญชาตญาณของเธอบอกได้ทันทีว่าจะต้องมีบางอย่างผิดปกติระหว่างเฉินเจียซิ่งและเสิ่นเสี่ยวเหมยแน่นอน
ก่อนที่จะรู้รายละเอียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน หลินเซี่ยจึงไม่กล้าพูดเรื่องไร้สาระต่อหน้าหยางหงเสีย
เธอตอบด้วยรอยยิ้มว่า “อืม หลังเลิกงานฉันจะรอเฉินเจียเหอแล้วกลับบ้านพร้อมกัน และฉันจะถ่ายทอดคำพูดของคุณให้เจียซิ่งฟัง ถ้าไม่เป็นอะไร พรุ่งนี้เขาก็คงกลับไปทำงาน”
หลังจากได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย หยางหงเสียก็มองอีกฝ่ายด้วยสายตาซาบซึ้งและขอบคุณ “เซี่ยเซี่ย ขอบคุณมากเลย หวังว่าในอนาคตเราจะเข้ากันได้ดีนะคะ”
หลินเซี่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “ฉันก็เหมือนกัน ฉันชอบคุณมากและหวังว่าในอนาคตเราจะเข้ากันได้ดีนะ”
ความสัมพันธ์ระหว่างสะใภ้ภายในครอบครัวใหญ่เป็นสิ่งที่สำคัญมาก
เป็นตัวชี้วัดว่าพี่น้องจะอยู่ร่วมกันได้หรือไม่
“ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
หลินเซี่ยเดินไปส่งหยางหงเสียที่ป้ายรถเมล์และมองดูหล่อนขึ้นรถบัส จากนั้นไปรับหู่จือที่โรงเรียนอนุบาล
เมื่อหู่จือกลับถึงบ้าน เฉินเจียเหอก็กลับมาแล้ว
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาเข้าทำงานที่โรงงานใหม่ซึ่งมีเวลาทำงานไม่แน่นอน บางวันเขาจะกลับมาเร็วมากและบางวันก็ต้องทำงานล่วงเวลา
วันนี้เขาเลิกงานเร็วกว่าวันอื่น เขาเห็นว่าหลินเซี่ยและหู่จือเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้วและกำลังเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก
เฉินเจียเหอถามด้วยความสงสัย “คุณจะไปที่บ้านพ่อแม่เหรอ?”
“ฉันจะไปชุมชนบ้านพักทหาร หงเสียมาหาฉันและฝากบอกเจียซิ่งว่าพ่อแม่ของหล่อนไม่ได้ตั้งใจจะขอค่าสินสอดเพิ่ม เพื่อที่เฉินเจียซิ่งจะได้สบายใจขึ้น”
“อืม แค่นี้เหรอ”
ดูเหมือนว่าเฉินเจียซิ่งจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องการกลับบ้านมากเท่าไร เขาถามว่า “เจียวั่งน่าจะบอกเขาแล้วล่ะ เพราะเมื่อคืนนี้หยางหงเสียโทรหาเจียวั่ง”
“คุณหมายความว่าจะไม่กลับบ้านเหรอ?” หลินเซี่ยมองเขาพร้อมถาม
เมื่อเฉินเจียเหอเห็นว่าทั้งสองคนพร้อมแล้ว เขาจึงบอกว่า “ถ้าคุณอยากไปก็ไปเลย แต่ถ้าเพื่อผลประโยชน์ของครอบครัวเราก็ไม่จำเป็นหรอก”
“คุณไม่อยากกลับไปเหรอคะ?” หลินเซี่ยหรี่ตาลงพลางถาม “เมื่อคืนคุณเผลอหลับไปก่อนและยังเล่าไม่จบว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นระหว่างเฉินเจียซิ่งและเสิ่นเสี่ยวเหมยหรือเปล่า? คุณบอกว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยมอมเหล้าเฉินเจียซิ่งไม่ใช่เหรอ? ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองคนใช่ไหม?”
ดวงตาของเฉินเจียเหอสั่นไหวเล็กน้อย “พวกเราเข้าไปช่วยทันพอดีเลยไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเสิ่นเสี่ยวเหมยก็ถูกควบคุมตัวไปแล้ว”
“ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทำไมหล่อนถึงถูกจับล่ะ?”
แม้เฉินเจียซิ่งจะตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ เสิ่นเสี่ยวเหมยยังคงแก้ตัวโดยการด่าเฉินเจียซิ่งว่าดื่มมากเกินไปและคงไม่ถูกจับคุมตัวเร็วขนาดนี้
หลังจากที่หลินเซี่ยทำความเข้าใจกับคำบอกเล่าของเฉินเจียเหอ เธอก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้พูดความจริง
เมื่อก่อนเขาจะอธิบายทุกอย่างให้เธอฟังอย่างชัดเจนและกระชับ ไม่ได้เป็นแบบนี้ นอกจากเรื่องของเฉินเจียซิ่งแล้ว เขาก็ตอบคำถามของเธอทุกข้อ
เฉินเจียเหอมองตาหลินเซี่ยและไม่รู้จะตอบเธอว่าอย่างไร
เขาก้มมองหู่จือแล้วพูดว่า “หู่จือ กลับเข้าบ้านก่อนเถอะ พ่อมีอะไรจะบอกกับแม่ แล้วพวกเราค่อยไปที่บ้านปู่ทวดวันหลังนะ”
“ครับ” หู่จือเป็นเด็กที่มีเหตุผล เมื่อเห็นว่าพ่อแม่มีเรื่องที่ต้องพูดคุยกัน เขาก็เดินถือกระเป๋านักเรียนใบเล็กเข้าไปในบ้านอย่างเชื่อฟัง
หลินเซี่ยนั่งลงแล้วมองเขาพร้อมยิ้มมุมปาก “ฉันรู้ว่าคุณกำลังปิดบังฉันอยู่ บอกมาว่ามีอะไรที่ฉันยังไม่รู้อีกบ้าง?”
น้ำเสียงของเธอไม่พอใจเล็กน้อย หลังจากแต่งงานกับเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินเจียเหอมีท่าทีลังเลเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ
เฉินเจียเหอถอดเสื้อคลุมออกแล้วเดินไปนั่งข้างภรรยาพลางจ้องมองหลินเซี่ย แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายให้เธอฟัง
เขาสัญญากับเจียซิ่งไว้ว่าจะไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอีก
เขาอธิบายว่า “ผมกลัวว่าคุณจะโกรธจึงไม่ได้บอกตั้งแต่แรก”
ดูเหมือนว่าเฉินเจียเหอจะไม่พอใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ จึงถอนหายใจ “เขาโง่มาก ผมกลัวว่าหลังจากได้ยินเรื่องนี้คุณจะโกรธเจียซิ่งเพราะความโง่ของเขา”
“เขาโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ? เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ” คำพูดของเฉินเจียเหอกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของหลินเซี่ย
“เมื่อคืนนี้เสิ่นเสี่ยวเหมยเกือบเอากรรไกรตัดเจ้าโลกเจียซิ่ง โชคดีที่พวกเราไปช่วยทันเวลา แต่หล่อนบังเอิญทำร้ายอวัยวะส่วนสำคัญของเขา ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องไปที่โรงพยาบาลในคืนนั้นเพื่อรับการรักษา พูดแค่นี้ผมก็กระดากปากจะแย่แล้ว”
เฉินเจียเหอกระแอมด้วยความไม่สบายใจ ก่อนหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มเพื่อกลบเกลื่อนความลำบากใจ
ดวงตาของหลินเซี่ยจ้องมองเขาเมื่อได้ยินอย่างนั้น “คุณหมายถึงเขาได้รับบาดเจ็บที่ส่วนสำคัญเหรอ?”
เฉินเจียเหอพยักหน้าอย่างช้า ๆ
“ตายจริง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน หล่อนกล้าทำเรื่องสุดโต่งขนาดนี้ได้ยังไง”
หลินเซี่ยพึมพำ แต่จู่ ๆ ก็ระเบิดหัวเราะออกมา
“เฉินเจียซิ่งเป็นคนบาปมาก เขาสมควรได้รับมันแล้วล่ะ ใครบอกให้เขาความจำสั้นแล้วตกลงไปกินมื้อค่ำมื้อสุดท้ายกับหล่อนล่ะ เขาจะไม่มีวันลืมอาหารเย็นมื้อนี้แน่นอน”
หลินเซี่ยเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นแล้ว ตอนนี้เธอไม่เพียงแต่เห็นใจหยางหงเสียเท่านั้น แต่ยังสงสารเฉินเจียซิ่งด้วย
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ทีนี้ก็รู้กันทั่วแล้วล่ะ ขอให้รักษาตัวดีๆ นะเจียซิ่ง แผลสมานตัวแล้วก็น่าจะไม่เป็นไร
ไหหม่า(海馬)