ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 557 งานแต่งงาน
ตอนที่ 557 งานแต่งงาน
วันที่ยี่สิบแปดเดือนเก้าเป็นวันดีในการแต่งงาน ร้านเจ้าสาวแสนสวยของหลินเซี่ยได้รับจองลูกค้าผู้เป็นว่าที่เจ้าสาวสองคนล่วงหน้าเพื่อรันคิวแต่งหน้าและเช่าชุดแต่งงาน
บวกหยางหงเสียเข้าไปด้วยก็มีสามคน
เธอและหลินเยี่ยนมาที่ร้านตั้งแต่เที่ยงคืน เริ่มแต่งหน้าทำผมให้กับเจ้าสาว
หลินเซี่ยแต่งหน้าเก่งกว่า จึงรับผิดชอบเจ้าสาวสองคน หลินเยี่ยนรับผิดชอบหนึ่งคน
เด็กสาวที่หลินเยี่ยนรับผิดชอบคือครูที่เย่เชี่ยนเป็นคนแนะนำ หล่อนให้ความสำคัญกับพิธีที่ซับซ้อนมาก เช่าชุดสำหรับเปลี่ยนถึงสองชุด และวันนี้ก็ถึงวันที่หลินเยี่ยนนัดหมายให้มาแต่งหน้าพอดี
หลังจากหลินเซี่ยแต่งหน้าให้เจ้าสาวที่ร้านเสร็จ เธอก็ไปถึงบ้านของหยางหงเสียประมาณเจ็ดโมงเช้า
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มาที่บ้านของหยางหงเสีย
วันนี้เฉินเจียเหองานยุ่งมากก่อนที่จะเข้าโรงแรม จึงไม่มีเวลาไปกับเธอ
เธอได้ยินมาว่าเจียงอวี่เฟยก็จะเข้าร่วมงานแต่งงานในวันนี้ด้วย จะได้ถือโอกาสติดตามเจ้าสาวไปที่โรงแรมได้ในภายหลัง
เจียงอวี่เฟยเป็นผู้ช่วยที่ดี หิ้วกล่องเครื่องสำอางและอุปกรณ์แต่งหน้าไปครบครัน หยางหงเสียรับชุดแต่งงานไปตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว ดังนั้นพวกเธอจึงแค่พกอุปกรณ์แต่งหน้าไปเท่านั้น
แม่ของหยางหงเสียออกมารอรับพวกเธอที่ทางเข้าซอยแต่เช้า ทั้งซอยเต็มไปด้วยบรรยากาศครึกครื้น ป้ายคำว่า ‘สุข’ ถูกติดอยู่ทั่วลานบ้านกลางซอย เหล่าเพื่อนบ้านก็รวมตัวกันที่หน้าลานเพื่อดูความตื่นเต้น
ห้องของหยางหงเสียมีขนาดเล็กกะทัดรัดมาก มีเตียง ตู้เสื้อผ้าเดี่ยว และโต๊ะเล็ก การตกแต่งก็เรียบง่าย หลินเซี่ยวางอุปกรณ์แต่งหน้าไว้บนโต๊ะแล้วนั่งบนเตียงเพื่อแต่งหน้าให้หล่อน เจียงอวี่เฟยยืนอยู่ใกล้ ๆ คอยยื่นอุปกรณ์แต่งหน้าเป็นระยะ ๆ
ลานบ้านที่ทรุดโทรมแห่งนี้ไม่เก็บเสียง ทำให้ได้ยินเสียงของเพื่อนบ้านในสนามด้านนอกได้อย่างชัดเจนมาก
“หงเสียนี่โชคดีจริง ๆ พอบินขึ้นไปบนคาคบไม้สูงได้ก็กลายเป็นหงส์”
“ใช่แล้ว ลูกสาวฉันสวยกว่าเธอเป็นไหน ๆ หาสามีทั้งทีกลับได้เป็นช่างไฟ”
“ช่างไฟไม่ดีตรงไหน?”
“สถานะทางครอบครัวไม่ดีน่ะสิ สู้ตระกูลสามีของหงเสียที่อยู่ในชุมชุนบ้านพักทหารไม่ได้”
ป้าเพื่อนบ้านกำลังแทะเมล็ดแตงโม ทันใดนั้นก็มองไปที่หยางหงปินที่กำลังทำงานยุ่งอยู่ พูดด้วยรอยยิ้มว่า “หงปิน เธอต้องมีอนาคตที่สดใสแน่ จากนี้คงไม่จำเป็นต้องไปเรียนที่วิทยาลัยอีกแล้ว ครอบครัวพี่เขยเธอต้องจัดหางานดี ๆ ให้ทำอย่างแน่นอน”
“ผมไม่ต้องการ” เด็กหนุ่มแสดงท่าทางเย็นชา ขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจพวกเขา เดินเลี่ยงกลับเข้าไปในห้อง
“เด็กคนนี้ดื้อรั้นซะจริง ตอนนี้ไม่อยากได้ อีกหน่อยเถอะจะเรียกร้องหา”
ทันทีที่แม่หยางออกมา ป้าเพื่อนบ้านก็ยิ้มเผล่อีกครั้งแล้วพูดว่า
“แม่หงเสีย คุณได้ดองเป็นญาติกับตระกูลใหญ่ในบ้านพักทหารแล้วนะ จากนี้อย่าลืมช่วยเหลือพวกเราทุกคนด้วย”
พอแม่หยางเดินเข้าฉาก หล่อนก็ไม่กล้าคุยโวอวดอ้างเกินจริงต่อหน้าเพื่อนบ้านอีกต่อไป
หล่อนทำท่าทีเขินอาย ตอบแบ่งรับแบ่งสู้ไปว่า “ครอบครัวสามีของหงเสียเป็นคนมีหลักการมาก พวกเขาไม่ยอมทำอะไรผ่านประตูหลังหรอก”
“ดูพูดเข้า ดูพูดเข้า เมื่อไม่กี่วันก่อนคุณเพิ่งบอกอะไรกับพวกเรา? ตอนนี้ลูกสาวตัวเองกำลังจะแต่งงานอยู่รอมร่อ ดันกลับคำพูดไม่ยอมรับซะอย่างนั้น” ป้าคนหนึ่งพ่นเปลือกเมล็ดแตงโมออกจากปาก แล้วยัดลูกอมแต่งงานชิ้นหนึ่งเข้าปากแทน
แม่หยางพูดด้วยรอยยิ้มเจื่อน “วันนี้เป็นวันมงคล อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องแบบนี้เลยค่ะ”
สุดท้ายก็ไม่ลืมพูดเสริม ว่าหากพวกเขาได้ดีแล้วจะต้องไม่ลืมญาติที่ยากจนในอนาคต
หยางหงเสียและหลินเซี่ยกำลังแต่งหน้ากันอยู่ในห้อง แน่นอนว่าพวกเธอก็ได้ยินเสียงต่าง ๆ ภายนอกอย่างชัดเจน ใบหน้าของหยางหงเสียร้อนผ่าว โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินเซี่ย หล่อนรู้สึกอึดอัดมากยิ่งขึ้น จึงอธิบายอย่างเชื่องช้า “พี่สะใภ้ อย่าโกรธเคืองเลยนะ ทุกคนแค่พูดล้อเล่นไปอย่างนั้นเอง”
หลินเซี่ยยิ้มและยุ่งกับงานในมือต่อไป “เป็นเรื่องปกติ ทุกที่ก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น มีชีวิตชีวาดีออก”
นี่อาจเป็นสาเหตุที่โจวลี่หรงไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานระหว่างเธอกับเฉินเจียเหอก็ได้
โจวลี่หรงคงกลัวว่าญาติ ๆ ที่ยากจนของเธอในชนบทจะมาหาพวกเขาเพื่อหวังพึ่งพา หรือยึดเกาะให้พ้นจากความลำบาก จึงขัดขวางการแต่งงานของพวกเขา
บางครั้ง ชะตากรรมของผู้คนก็ลึกล้ำเกินไป
ยิ่งกลัวก็ยิ่งพานพบ
แต่แล้วในที่สุดความกังวลของโจวลี่หรงก็เป็นจริง
บ้านของตระกูลหยางค่อนข้างคับแคบ เพื่อนบ้านต้องออกไปยืนอออยู่ข้างนอกกันหมด เมื่อญาติ ๆ มาถึง พวกเขาก็หลั่งไหลกันเข้ามาในตัวบ้าน
ขณะที่ไม่มีใครนั่งอยู่ข้างนอก บางคนก็เดินเข้ามาในห้องของหยางหงเสีย
ป้าสะใภ้ของหยางหงเสียมาถึงก่อนใคร “เจ้าสาวของเราอยู่ไหน? มาให้ดูหน้าหน่อยซิ”
หยางหงเสียกำลังนั่งอยู่บนเตียง หล่อนสวมชุดแต่งงานและแต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมถูกมัดรวบไว้ โดยมีหลินเซี่ยสวมผ้าคลุมหน้าให้
ทันทีที่ป้าสะใภ้ของหยางหงเสียเข้ามาและเห็นหญิงสาวนั่งบนเตียง ดวงตาของหล่อนก็สว่างขึ้นแล้วร้องอุทาน
“ว้าว สวยอย่างกับบรรจงปั้น”
ป้าสะใภ้รองมองดูเสื้อผ้าของหยางหงเสีย แต่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไปว่า “ดูดีก็ส่วนดูดีอยู่หรอก แต่ใครเขาสวมชุดสีขาวในวันแต่งงานของตัวเอง? โชคไม่ดีเลย”
“เธอไม่เข้าใจ ชุดแต่งงานที่หล่อนใส่อยู่กำลังเป็นแฟชั่นในตอนนี้ ได้รับความนิยมมาจากต่างชาติ”
“บูชาชาวต่างชาติ”
ญาติทุกคนต่างแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ นานา
ใบหน้าของหยางหงเสียยับย่นด้วยความวิตกกังวล จะเดินหนีออกไปโดยที่ยังใส่ชุดแต่งงานก็ไม่ได้
“หงเสีย เธอเป็นผู้หญิงเงียบ ๆ ที่เก็บเรียบจริง ๆ ได้แต่งงานกับผู้ชายที่มาจากชุมชนบ้านพักทหารจริง ๆ ด้วย”
จู่ ๆ ป้าสะใภ้ของหยางหงเสียก็ผลักลูกสาวตัวเองเข้าไปหาหยางหงเสีย “สอนวิธีจับผู้ชายให้ลูกพี่ลูกน้องของเธอฟังเร็วเข้า ว่าเธอเอาชนะคู่แข่งทั้งหลายได้ยังไง?”
ลูกพี่ลูกน้องของหยางหงเสียยังเป็นเด็กวัยรุ่น มองด้วยสายตาคร่าว ๆ น่าจะอายุไม่ถึงยี่สิบปีด้วยซ้ำ ผมหนาถักเปียยาว มองแม่ของหล่อนอย่างเขินอาย ก้มหน้าลงแล้วก้าวออกไป
“ได้ยินมาว่าเขามีน้องชายอีกคนที่ยังไม่แต่งงานนี่?”
หยางหงเสียไม่คาดคิดว่าป้าสะใภ้จะพูดอะไรลามปามแบบนี้ หล่อนตกใจมากจนตัวสั่น รีบหาข้อแก้ตัวว่า “ป้า ช่วยออกไปพักผ่อนข้างนอกก่อนเถอะค่ะ ฉันยังแต่งหน้าไม่เสร็จเลย”
คิดจะขอให้หล่อนจับคู่ลูกพี่ลูกน้องกับเฉินเจียวั่งงั้นเหรอ?
บ้าหรือเปล่า
ทำไมถึงพุ่งเป้าไปที่เฉินเจียวั่งล่ะ?
เมื่อหยางหงเสียบอกว่าหล่อนยังแต่งหน้าไม่เสร็จ ผู้หญิงหลายคนจึงปล่อยให้หลินเซี่ยเข้ามาทำงานต่อ “เธอเชิญผู้หญิงคนนี้มาแต่งหน้าเป็นพิเศษเลยเหรอ?”
หยางหงเสียแนะนำว่า “นี่พี่สะใภ้ของเฉินเจียซิ่งค่ะ”
“พี่สะใภ้? เธอดูเด็กกว่าอีกนะ”
หลังจากได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นพี่สะใภ้ของเฉินเจียซิ่ง ญาติ ๆ ก็รีบหุบปากตัวเองฉับ ไม่กล้าพูดเรื่องไร้สาระอีก
หยางหงเสียรู้สึกกระดากอายอย่างยิ่ง กลัวว่าหลินเซี่ยจะหัวเราะเยาะครอบครัวของหล่อนหรือแม้กระทั่งดูถูก
หลินเซี่ยมองเห็นความลำบากใจของหยางหงเสีย เธอยิ้มปลอบ หลังจากทาลิปสติกให้หยางหงเสียเสร็จก็จัดการเก็บอุปกรณ์แต่งหน้า มองนาฬิกาแล้วพูดว่า “เจ้าบ่าวของเธอน่าจะมาถึงเร็ว ๆ นี้แล้วล่ะ อวี่เฟยกับฉันจะออกไปรอข้างนอกก่อน”
เซี่ยไห่ได้รับเชิญจากเฉินเจียซิ่งให้ขับรถมารับตัวเจ้าสาว เขาจึงเช่ารถอีกห้าคันเพื่อรับญาติ ๆ โดยเฉพาะ
รถยนต์โก้หรูหลายคันขับเข้ามาจอดในซอย ตกแต่งด้านข้างด้วยผ้าซาตินสีแดงทั้งหมด ทั้งเอิกเกริกและอลังการ
รถซานทาน่าของเซี่ยไห่ขับนำ ด้านหน้ากระจกตกแต่งด้วยดอกไม้ จอดลงตรงหน้าลานบ้าน
เฉินเจียซิ่งสวมชุดสูทหล่อเหลา ถือช่อกุหลาบพลาสติกอยู่ในมือ มีเฉินเจียวั่งและหลินจินซานติดตามเขาในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าว
นอกจากพวกเขาแล้วยังมีคนถือสินสอดด้วย ผู้ติดตามเยอะมาก
ตอนแรกเฉินเจียซิ่งต้องการขอให้เซี่ยไห่ให้เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวของเขาด้วยเช่นกัน ทำหน้าที่เป็นทั้งคนขับและเพื่อนเจ้าบ่าวไปเลยเพื่อประหยัดทรัพยากร
แต่เขาโดนเซี่ยไห่ตะเพิดกลับมา
เขาเป็นผู้อาวุโสไปแล้ว จะมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวได้อย่างไร
แต่ในฐานะคนขับรถ เขายังเดินตามหลังทุกคนเข้าไปเพื่อดูความสนุกสนาน
เฉินเจียซิ่งแต่งตัวดีกว่าใคร ๆ เฉินเจียวั่งและหลินจินซานเองก็สวมชุดสูทสมัยนิยมทรงหลวมโพรก ทำให้ดูสะดุดอย่างยิ่ง
เพื่อนบ้านในซอยพากันออกมาดูความอลังการของขบวนเจ้าบ่าวกันเกือบทุกครัวเรือน
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในลานบ้าน ความโกลาหลก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
ไม่มีญาติคนไหนเคยเห็นเจ้าบ่าวของหยางหงเสียมาก่อน ได้ยินมาแค่ว่าอีกฝ่ายเคยหย่าร้างมาแล้ว ทุกคนจึงชมเชยเพียงปาก แต่ในใจกลับดูถูกอยู่ลึก ๆ เพราะคิดว่าเฉินเจียซิ่งจะต้องอัปลักษณ์แน่
จนกระทั่งเฉินเจียซิ่งปรากฏตัวในเวลานี้ ทุกคนต่างประหลาดใจไปตาม ๆ กัน ไม่ใช่แค่หล่อ แต่เขาหล่อมากกว่าที่ทุกคนจินตนาการเอาไว้มาก
เป็นผู้ชายตัวสูง
มีจิตวิญญาณแห่งวัยฉกรรจ์เต็มเปี่ยม
“มาแล้ว มาแล้ว”
บ้านตระกูลหยางเริ่มคับแคบเกินไป ภายในบ้านเต็มไปด้วยญาติมิตร ทำให้เฉินเจียวั่งและหลินจินซานต่างยืนอยู่ที่ลานบ้าน จากนั้นเฉินเจียวั่งก็หันไปเห็นเจียงอวี่เฟยยืนอยู่ตรงมุม เขาจึงเดินไปหา
“ทำไมมายืนแอบอยู่ตรงนี้ล่ะ ไม่ได้ไปเป็นลูกมือพี่สะใภ้ของฉันแล้วเหรอ?
เจียงอวี่เฟยสวมเสื้อคลุมสีขนอูฐ มือเย็นเยียบซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อ “ฉันแต่งหน้าเสร็จแล้ว ก็เลยออกมาอาบแดดหน่อย”
“โอ้ งั้นขออาบแดดด้วยสิ” ว่าแล้วเฉินเจียวั่งก็ยืนอาบแดดอยู่เคียงข้างหล่อนเช่นกัน
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
พวกญาติๆ ปากเสียทั้งหลายเงียบปากไปเลยค่ะ เซี่ยเซี่ยยืนโด่อยู่ตรงนั้นทั้งคน พูดดูถูกหรือประจบประแจงอะไรไว้รู้หมดนะ
ไหหม่า(海馬)