ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 566 ตราบใดที่มีมดลูก ฉันจะมีลูกตอนไหนก็ได้
ตอนที่ 566 ตราบใดที่มีมดลูก ฉันจะมีลูกตอนไหนก็ได้
ระหว่างที่ทุกคนกำลังถ่ายรูปกันอยู่ ลุงหลี่ไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องนี้มากนัก
เป็นเพราะลูกชายถูกส่งตัวเข้าเรือนจำด้วยมือของตนเอง ช่วงนี้เขาจึงกำลังวางแผนจะหย่าร้างกับป้าหวังภรรยาคนใหม่ของเขา แต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกของป้าหวังที่มีต่อลุงหลี่กลับหนักแน่นมาก แม้ลุงหลี่ต้องการส่งนางคืนครอบครัว แต่ป้าหวังยังยืนกรานอยู่เคียงข้างเขา และพร้อมเผชิญหน้าทุกอย่างไปด้วยกัน
นางบอกว่าหลังจากลูกชายลุงหลี่ออกมาเมื่อใด นางจะไปรับเด็กหนุ่มพร้อมกับเขา เพื่อคอยให้ความอบอุ่นและขวัญกำลังใจ
หลังถ่ายรูปเสร็จ เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยก็กลับมาที่บ้านพร้อมหู่จือ
เมื่อหลินเซี่ยเห็นสมาชิกในครอบครัวกำลังพูดคุยกับทุกคนในลานบ้าน เธอจึงยิ้มและถามว่า “คุณย่า พ่อ แม่ ทำไมมาถึงนี่เร็วจังล่ะคะ?”
คุณแม่เซี่ยตอบกลับว่า “เราแค่คิดว่าจะมารับพวกเธอเร็วหน่อย”
เฉินเจียเหอและหู่จือถือถุงทั้งใบใหญ่ใบเล็ก ส่วนหลินเซี่ยนั้นก็ถูกห้ามไม่ให้ถือกระเป๋าสัมภาระของตัวเองเลย ไม่ยอมให้เธอหยิบจับอะไรทั้งนั้น
หลินจินซานรีบวิ่งมารับของจากมือหู่จือเมื่อเหลือบไปเห็น
“ไปกันเถอะ เข้าบ้านกัน”
คุณแม่เซี่ยทักทายคนสูงวัยคนอื่นว่า “เข้าบ้านของเซี่ยเซี่ยกันก่อนเถอะ ถึงตอนนั้นคุณต้องมางานเลี้ยงแต่งงานของเด็กๆ กันด้วยนะ”
ลุงหนิวยิ้มและโบกมือ “ไม่ต้องห่วง เราไปแน่นอนอยู่แล้ว ทุกคนก็รอกันอยู่”
ตั้งแต่หลินเซี่ยอยู่ที่นี่มา บรรดาเพื่อนบ้านต่างก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมากขึ้น ในอดีตเฉินเจียเหอเป็นคนเก็บตัวและปฏิบัติต่อเพื่อนบ้านไม่ค่อยดีนัก นอกจากนี้เขายังเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวและยุ่งอยู่กับงานมาก ๆ จึงไม่มีเวลามาสนใจรักษาความสัมพันธ์กับใคร จะมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานก็ต่อเมื่อพบเจอกันในที่ทำงานเท่านั้น
ต่อมาหลินเซี่ยพาพวกคุณลุง ๆ ป้า ๆ วัยเกษียณไปแข่งขันเต้นรำเพื่อสร้างชื่อเสียง และได้รับเกียรติจากโรงงานให้เป็นผู้นำความสนุกสนานมาสู่ชาววัยเกษียณ ทั้งลุงหลี่และป้าหวังเองก็ได้มาแต่งงานกันเพราะเจอกันจากการเต้นรำ เธอจึงกลายเป็นหญิงสาวคนโปรดของพวกเขาโดยปริยาย
“ถ้าอย่างนั้นเราขึ้นไปกันก่อนนะ”
หลังจากเข้าไปในบ้าน เฉินเจียเหอวางถุงทั้งหลายลง ส่วนหลินเซี่ยก็เริ่มนำของออกจากกระเป๋า
“นี่ไงคะ ชุดสูทที่ฉันซื้อมา” หลินเซี่ยหยิบเสื้อผ้าออกมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“ตอนที่ฉันสั่งตัดชุดสำหรับคุณ ฉันก็สั่งชุดสำหรับพ่อและอารองไว้ด้วยนะ”
“ของพี่ชายก็เตรียมไว้ให้แล้วเหมือนกัน” เธอหยิบชุดสำหรับหลินจินซานออกมาด้วย
ทันใดนั้นดวงตาของชายทั้งสามก็สว่างวาบ แต่ละคนก็ยุ่งอยู่กับการจัดท่าทางและลองสวมเสื้อ
“คุณย่าคะ ฉันทำกระโปรงมาให้ ทำของแม่ไว้ด้วยเหมือนกกัน เมื่อถึงวันงานฉันจะเอาออกมาแขวนไว้ในถุงคลุมชุด แล้วจะหยิบออกมาเตรียมให้ลองทีหลังนะคะ”
“เด็กคนนี้นี่ เตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ให้พวกเราทั้งหมดเลย”
หลานสาวของนางกำลังจะแต่งงานแท้ ๆ แต่กลับเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ไว้ให้กับคนในครอบครัวทั้งหมด คุณแม่เซี่ยจึงทั้งรู้สึกปลาบปลื้มและดีใจไม่น้อย
เมื่อมองดูกระโปรงตัวใหม่ที่หลินเซี่ยตัดมาให้ คุณแม่เซี่ยกับหลิวกุ้ยอิงต่างอดไม่ได้ที่จะนำมาทาบกับร่างของตัวเอง
หลังจากลองสวมเสื้อผ้าแล้ว เซี่ยเหลยก็พูดกับเฉินเจียเหอว่า
“เจียเหอ วันนี้เราจะพาเซี่ยเซี่ยกลับไปอยู่บ้าน นายค่อยมารับหล่อนอีกทีในวันงาน คงจะไม่ได้เจอกันสักสองวันนะ”
เฉินเจียเหอทำหน้าแปลกไปทันทีเมื่อได้ยินแบบนี้ “พ่อ งั้นผมแวะไปเยี่ยมหล่อนได้ไหมครับ?”
คุณแม่เซี่ยยิ้มและพูดว่า “ไม่ว่ายังไงก็ห้ามมาหากันล่วงหน้าเป็นอันขาด อดทนทำตามธรรมเนียมดั้งเดิมของเราหน่อยนะ”
“แล้วผมล่ะ?” หู่จือที่กำลังกินกล้วยอยู่ก็ยกมือถาม
คุณแม่เซี่ยหันไปตอบว่า “หู่จือ ตามหลักแล้วหลานเองก็ตามไปอยู่กับแม่ช่วงนี้ไม่ได้ ช่วงนี้ก็อยู่กับพ่อไปก่อนจนถึงวันแต่งงานนะ”
ท้ายที่สุดแล้ว เด็กคนนี้ก็มาจากฝั่งเฉินเจียเหอ
หู่จือเป็นคนมีไหวพริบและว่านอนสอนง่าย “ก็ได้ครับ สองสามวันนี้ผมจะอยู่กับพ่อ”
“ดีมากเด็กน้อย”
จากนั้นตระกูลเซี่ยก็พาหลินเซี่ยออกไป ส่วนเฉินเจียเหอก็ไม่กล้าคัดค้านอะไร แน่นอนว่าเขาเข้าใจธรรมเนียมนี้ แต่ยังคงรู้สึกลังเลอยู่บ้างที่ต้องห่างจากเธอไป
สาเหตุหลักคือเขาไม่ชินกับวันที่ภรรยาไม่อยู่บ้าน
เขาและหู่จือเดินไปที่ประตู เมื่อเห็นหลินเซี่ยจากไปพร้อมกับพ่อตาและครอบครัว หู่จือแสดงสีหน้าโศกเศร้าเล็กน้อย ก่อนเหลือบมองไปยังเฉินเจียเหอแล้วพูดว่า “พ่อ สองสามวันนี้ทำดีกับผมหน่อยนะ”
เฉินเจียเหอถามด้วยสีหน้าที่มืดมนลง “เจ้าตัวแสบ พ่อเคยทำไม่ดีกับลูกตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ผมก็แค่เตือนพ่อไปอย่างนั้นเอง”
“กลับเข้าห้องเถอะ เดี๋ยวพ่อจะอุ่นกับข้าวที่เหลือจากมื้อเที่ยงของวันนี้”
เมื่อภรรยาไม่อยู่ เขามักขี้เกียจทำอาหารเป็นปกติอยู่แล้ว
หู่จือคาดไม่ถึงว่าขนาดตัวเองเตือนพ่อแล้วแท้ ๆ ยังได้กินกับข้าวเหลือ เขาก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยสีหน้าสลดใจ
“ผมคงต้องกลับมาใช้ชีวิตโดยไม่มีแม่อีกครั้งสินะ”
จากนี้เขาคงต้องกินของเหลือไปสักพักใหญ่
…
เทียบกับสถานการณ์ที่เฉินเจียเหอและหู่จืออยู่ตามลำพัง ฝั่งตระกูลเซี่ยกลับมีชีวิตชีวามาก
หลิวกุ้ยอิงปรุงซุปไก่ตั้งแต่เช้า เซี่ยเหลยเริ่มขอดเกล็ดปลาที่เลือกซื้อมาเป็นพิเศษ หลินเยี่ยนกับหลินจินซานก็ยุ่งอยู่กับการหั่นและคัดผักสดเช่นกัน
เหมือนทั้งครอบครัวกำลังฉลองปีใหม่อย่างไรอย่างนั้น
เซี่ยไห่ยังคงฮัมเพลงสบาย ๆ บอกว่าคืนนี้จะร้องคาราโอเกะฉลองกันเองภายในครอบครัว
ส่วนหลินเซี่ยซึ่งไม่มีอะไรทำก็อยากจะหยิบจับทำงานบางอย่างบ้าง
แต่พอจะกวาดพื้นก็โดนห้ามไว้
“คุณย่าคะ แค่ทำงานบ้านนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ได้ยินมาว่าผู้หญิงสมัยก่อนยังทำงานกลางทุ่งนาในวันที่ตัวเองท้องแก่ได้เลย”
หลังได้ยินแบบนั้น คุณแม่เซี่ยก็พยักหน้า “นี่เป็นเรื่องจริง โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท พวกเขาต้องทำงานหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินถึงแม้จะท้องแก่ มีเด็กหลายคนที่คลอดกันกลางทุ่งนาด้วยนะ”
หลินเซี่ยรีบพูดว่า “ใช่แล้วค่ะ ฉันไม่จำเป็นต้องระมัดระวังตัวขนาดนั้น ต้องทำงานและออกกำลังกายบ้าง เพื่อจะได้สบายตัวขึ้นเมื่อถึงเวลาคลอด”
ทันทีที่เธอหยิบไม้กวาดขึ้นมา หญิงชราก็เข้ามาคว้ามันไปจากมือเธอ
“เธอจะทำงานไปทำไม? เรื่องนั้นผู้หญิงเมื่อก่อนไม่มีทางเลือก ใครบ้างอยากคลอดลูกกลางทุ่งนา หลายคนเกิดในทุ่งนาก็จริง แต่เด็กที่รอดชีวิตมาได้มีน้อยมากนะ ตอนนี้ชีวิตของเธอสุขสบายไม่ได้ลำบากลำบนอะไร เมื่อเป็นแบบนี้ก็ขอแค่ให้รอเลี้ยงลูกอย่างสบายใจซะเถอะ ค่อยออกกำลังกายหลังคลอดเอาก็ได้ ตอนนี้ต้องดูแลตัวเองให้ดีก่อน”
หลินเซี่ยไม่มีทางเลือกนอกจากนั่งลงบนโซฟาตามเดิม
ในฐานะหญิงที่กำลังตั้งท้อง หลินเซี่ยไม่สามารถนั่งอยู่เฉยได้ ต่างจากเซี่ยอวี่ที่นอนแล้วยากจะลุก นั่งแล้วยากจะยืน หล่อนจะทรุดตัวลงบนโซฟาทันทีเมื่อกลับถึงบ้าน โดยไม่ใส่ใจกับภาพลักษณ์ของตัวเองเลย
คุณแม่เซี่ยพูดกับเซี่ยอวี่ว่า “ลูกได้บอกเย่ไป๋หรือยัง? ว่าให้พาเขามากินมื้อเย็นด้วยกัน คืนนี้ต้องชวนเขามาร่วมมื้ออาหารรวมญาติกับเราด้วย”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ เขาจะมาถึงที่นี่หลังเลิกงาน”
เมื่อคุณแม่เซี่ยเห็นสภาพของลูกสาวและหลานสาวบนโซฟา ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอีกครั้ง
“ที่จริงช่วงวัยนี้เร็วเกินไปที่จะมีลูก แต่ถ้าสาว ๆ สมัยนี้มีสุขภาพดีก่อนคลอดก็อีกเรื่องหนึ่ง ดูอย่างเซี่ยเซี่ยสิ มีพลังเหลือล้นตลอดทั้งวัน แถมยังนั่งอยู่เฉยไม่ได้ ต่างจากผู้หญิงบางคน ถ้าท้องคงมีอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ สูญเสียความอยากอาหาร และมีแต่อาการเหนื่อยล้าไปแล้ว ไหนจะอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ นานาอีก ดูแล้วน่าสังเวชมาก”
หลินเซี่ยพูดว่า “ใช่แล้วค่ะ ฉันยังเด็กอยู่แต่ก็มีสุขภาพที่ดี”
หลังจากคุณแม่เซี่ยพูดจบ นางก็มองไปทางเซี่ยอวี่ซึ่งนั่งเอกขเนกพาดขาอ่านนิตยสารอยู่ จากนั้นก็เริ่มกังวลแล้วพูดขึ้นว่า “ลูกเองก็เป็นอาหญิงเข้าไปแล้ว คงเป็นเรื่องยากน่าดูถ้าในอนาคตจะมีลูก“
เซี่ยอวี่ “!!!”
คุณแม่เซี่ยพูดด้วยสีหน้าโศกเศร้า “แม่ที่อายุมาก นอกจากจะคลอดยากแล้ว ยังมีภาวะครรภ์ที่เสี่ยงเป็นอันตรายถึงชีวิตด้วย”
เซี่ยอวี่เหลือบมองหญิงชราแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ว่า “ฉันเองก็ไม่ได้อยากมีชีวิตแบบนั้นสักหน่อย”
“แล้วพวกเธอตกลงกันเรื่องนี้ยังไงล่ะ? เย่ไป๋อยากแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่คิดจะมีลูกจริง ๆ เหรอ?” สีหน้าของคุณแม่เซี่ยเปลี่ยนไปทันที คำพูดของเซี่ยอวี่ทำให้นางกังวลมากยิ่งขึ้นไปอีก
แม้เซี่ยอวี่จะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว แต่หล่อนพบว่าตัวเองแค่อยากมีความรัก ไม่ได้อยากแต่งงานและมีลูก
เซี่ยอวี่จึงตอบกลับว่า “เย่ไป๋บอกว่า ตราบใดที่ฉันยังมีมดลูก ฉันจะมีลูกก็ได้ถ้าต้องการ และฉันไม่ต้องฝืนคลอดลูกก็ได้ถ้าไม่ต้องการเหมือนกัน เขาไม่ได้บังคับฉันเลย”
“เย่ไป๋พูดแบบนั้นจริง ๆ เหรอ?”
คุณแม่เซี่ยไม่อยากจะเชื่อว่าเย่ไป๋จะพูดแบบนั้นจริง ๆ
เขาต้องเติบโตมาแบบไหนถึงจะสามารถพูดแบบนี้ออกมาได้?
เซี่ยอวี่ยืนกรานอย่างหนักแน่นว่า “ใช่ เขาพูดแบบนั้นจริง ๆ”
หลินเซี่ยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ชื่นชมมากเมื่อได้ยิน เธอยกนิ้วโป้งขึ้นแล้วพูดว่า “คุณอา คุณเลือกแฟนไม่ผิดจริง ๆ หมอเย่ให้เกียรติคุณมาก ๆ เลย”
คนหนุ่มสาวที่มีจิตสำนึกแบบนี้ช่างหาได้ยากจริง ๆ ในยุคนี้
แม้ว่าแม่เฒ่าเซี่ยจะชอบลูกเขยอย่างเย่ไป๋มาก แต่ก็ไม่อยากจะเชื่ออยู่ดีว่านี่คือความคิดที่มาจากใจจริงของเย่ไป๋
“ฉันคิดว่าเขาพูดแบบนั้นโดยตั้งใจ แต่หลังจากแต่งงาน ความคิดของเขาอาจเปลี่ยนกันได้ ลูกสองคนอยู่ด้วยกันมานาน ถ้าไม่มีเด็กน้อยในครอบครัวสักคน พวกเธอสองคนก็จะเริ่มเบื่อที่ต้องมองหน้ากันตลอดทั้งวัน ยิ่งอายุมากขึ้นปัญหาชีวิตคู่ก็ยิ่งรุมเร้ามากมาย เกิดความห่างเหิน เมื่อถึงเวลานั้นความคิดก็จะเปลี่ยนตาม”
คุณแม่เซี่ยมองดูลูกสาวซึ่งเอาแต่พลิกมือเล่นเล็บไปมา เริ่มให้ความกระจ่างแก่หล่อนอย่างอดทนว่า “นอกจากนี้ ลูกหน้าตาดีมาก และเย่ไป๋เองก็หล่อมาก คงน่าเสียดายแย่ที่พวกเธอไม่คิดจะถ่ายทอดยีนดีขนาดนี้ ลูกสาวแม่ เธอไม่ใช่เด็กสาววัยแรกรุ่นอีกต่อไปแล้ว หัดเรียนรู้ที่จะสร้างครอบครัวอันอบอุ่นเป็นของตัวเองซะบ้าง เหมือนอย่างเซี่ยเซี่ยนี่ไง สามารถแต่งงาน มีลูก และประกอบอาชีพได้โดยไม่มีอะไรเป็นตัวถ่วง ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
รอผ่านพิธีแต่งงานไปก่อนนะคะสองหนุ่ม แล้วจะได้ไม่เหงาหงอยอีกเลย
ไหหม่า(海馬)
……………………………………