ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 571 เหตุการณ์ในงานแต่ง
ตอนที่ 571 เหตุการณ์ในงานแต่ง
ชายวัยกลางคนสองคนที่ยังดูแข็งแรงและสง่างามเดินไปหาเซี่ยเหลยแล้วพูดว่า “สหายเซี่ยเหลย พวกเราเคยอยากไปเยี่ยมคุณนานแล้ว แต่ผู้เฒ่าเฉินบอกว่าคุณปฏิเสธให้ทุกคนเข้าเยี่ยม พวกเราจึงต้องยอมแพ้”
“วันนี้ได้เข้าร่วมงานแต่งงานที่มีค่าดุจทองพันชั่ง และการได้พบสหายเซี่ยเหลยที่นี่ ทำให้พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติยิ่ง”
เซี่ยเหลยกล่าวขอบคุณด้วยใจจริง “ขอบคุณทุกท่านที่มาเป็นเกียรติด้วยจริงๆ”
หนึ่งในนั้นมีชายวัยกลางคนสวมเสื้อแจ็กเก็ต ลักษณะท่าทางเหมือนเป็นผู้นำ เขามองเซี่ยเหลยแล้วพูดคำเชิญว่า “สหายเซี่ยเหลย หน่วยของเราต้องการจัดสัมมนาและประกาศเกียรติคุณ เราขอเชิญคุณไปร่วมให้กำลังใจสหายรุ่นเยาว์ คุณลองพิจารณาว่าพอจะมีเวลาไหม…”
เซี่ยเหลยได้ยินแล้วจึงปฏิเสธด้วยความสุภาพว่า “ตอนนี้ผมเป็นเพียงเถ้าแก่ร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่ง และผมแค่อยากใช้ชีวิตปกติ เมื่อยี่สิบปีที่แล้วมีสหายหลายคนเสียชีวิตในสนามรบ แต่ผมโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่ และเมื่อคิดถึงเหล่าสหายผู้ไม่มีโอกาสได้เห็นโลกอันสวยงามใบนี้ ผมจึงคิดว่าตัวเองไม่ควรเปิดเผยต่อสาธารณะและเรียกร้องความดีความชอบใส่ตัว ตอนนี้ผมแค่อยากใช้ชีวิตตามปกติ และทางหน่วยงานก็ให้ผลประโยชน์ รวมถึงความเอาใจใส่แก่ผมตามสมควรแล้ว”
เซี่ยเหลยอธิบาย “ผมจะไม่เข้าร่วมการสัมมนาและประกาศเกียรติคุณหรืองานอื่นใดก็ตาม เพราะวันนี้ลูกสาวของผมจัดงานแต่ง และพรุ่งนี้เราจะเปิดร้านตามปกติ เนื่องจากมีลูกค้าประจำ การปิดร้านบ่อยๆ จะส่งผลเสียได้ และผมหวังว่าคุณจะเข้าใจ”
ในเวลานี้เซี่ยไห่เดินมาเรียกเขาพอดี
“พี่ใหญ่ พิธีกำลังจะเริ่มแล้ว พี่ต้องไปพาเซี่ยเซี่ยเดินขึ้นเวทีนะ”
“ทุกท่านโปรดนั่งกินอาหารและดื่มกันให้สนุก ผมต้องขอตัวก่อนแล้ว”
ในตอนนี้หลินเซี่ยจับแขนของเซี่ยเหลย และพากันเดินช้าๆ ขึ้นไปบนเวที ส่วนแขกทุกคนต่างมองดูทั้งสองด้วยความประทับใจมาก และในจังหวะนี้เซี่ยเหลยก็เดินช้ามากด้วย ราวกับว่าเขาอยากให้ลูกสาวได้อยู่เคียงข้างกับเขานานขึ้น
เฉินเจียเหอสวมชุดสูททรงตรงผูกเนคไท เขายืนรออยู่บนนั้นเพื่อให้พ่อตาพาลูกสาวมาส่งมอบให้
เมื่อเซี่ยเหลยเดินมาหาเขาโดยมีลูกสาวจับแขนอยู่ ตอนนี้เองที่เฉินเจียเหอได้เห็นว่าดวงตาของพ่อตาเต็มไปหยาดน้ำใส และทำให้เฉินเจียเหอก็อดหน้าแดงไม่ได้
“พ่อครับ ผมจะทำดีต่อเซี่ยเซี่ยแน่นอนครับ”
ตอนนี้เซี่ยเหลยหลุดสะอื้นออกมาและพูดไม่ออกแล้ว
ผู้เป็นสักขีพยานได้กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เห็นได้ชัดว่าพ่อของเจ้าสาวลังเลใจที่จะแยกกับลูกสาวมากนะครับ”
“คุณลองคิดแบบนี้สิครับ เมื่อลูกสาวของคุณแต่งงาน คุณไม่ได้สูญเสียลูกสาวไป แต่ได้ลูกชายมาเพิ่มนะ”
เมื่อสักขีพยานกล่าวดังนี้จึงทำให้ดวงตาของเซี่ยเหลยจับจ้องไปที่เฉินเจียเหอซึ่งยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม
แสงในดวงตาของเขาอ่อนโยนลง
ถูกต้อง ได้มีลูกชายอีกคนแล้ว
สักขีพยานดำเนินการต่อ “บัดนี้ขอให้พ่อของเจ้าสาวมอบเจ้าสาวให้แก่เจ้าบ่าวด้วยครับ”
จังหวะนี้มือของเซี่ยเหลยสั่นเทา เขาค่อยๆ ยื่นมือของหลินเซี่ยให้เฉินเจียเหอ
ในเวลานี้เขามีเรื่องจะพูดกับเฉินเจียเหอเยอะมาก ทว่าความซาบซึ้งใจและสะเทือนใจในอกทำให้เขาพูดไม่ออกเลย
ทันทีที่เปิดปากเขาก็สะอื้นออกมาแทน
เมื่อเห็นว่าเซี่ยเหลยรู้สึกตื่นเต้นมาก พิธีกรจึงหันไปมองเฉินเจียเหอพลางเอ่ย “พวกผมขอให้เจ้าบ่าวพูดสั้นๆ หน่อยครับ”
เฉินเจียเหอจับมือของหลินเซี่ย และในลำดับแรกเขาโค้งคำนับแขกที่มาร่วมเป็นเกียรติก่อน
เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า “ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลางานอันมีค่าเพื่อมาร่วมงานแต่งของผมกับเซี่ยเซี่ย”
“การได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ผมรักต่อหน้าญาติๆ และเพื่อนฝูงของผมทุกคน ทำให้ผมมีความสุขมากครับ”
เขามองหลินเซี่ยด้วยความรักและพูดว่า “หลินเซี่ย ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตของผม ขอบคุณที่เติมเต็มชีวิตอันมืดมนของผมด้วยสีสัน และชีวิตนี้…ผมจะรักคุณตลอดไป”
“ผมรักคุณนะ”
จากนั้นเขาก็จุมพิตเบาๆ บนหน้าผากของหญิงสาว
“ฉันก็รักคุณค่ะ”
ขณะที่คู่บ่าวสาวสารภาพรักกันบนเวที ไม่มีแขกคนใดข้างล่างที่รู้สึกรังเกียจ ตรงกันข้ามคือทุกคนประทับใจต่อความรักอันลึกซึ้งของคนทั้งสอง
โดยเฉพาะผู้ที่รับรู้เส้นทางความรักของทั้งสอง ยิ่งมีอารมณ์ร่วมมากกว่าใคร
หลังจากที่หลินเซี่ยถูกส่งกลับไปยังชนบท เฉินเจียเหอก็รีบไปที่หมู่บ้านโดยเร็วเพื่อขอแต่งงานกับเธอแล้วพากลับมาด้วยกัน
และหลินเซี่ยก็ไม่ได้รังเกียจที่เฉินเจียเหอแก่กว่าเธอมาก มิหนำซ้ำยังมีลูกชายติดมาอีกหนึ่งคน ในครานั้นทั้งสองจัดพิธีเรียบง่ายในชนบท และในช่วงปีที่ผ่านมา ทั้งสองคนทำงานหนักมากจริงๆ บัดนี้เฉินเจียเหอได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นวิศวกรและได้รับจัดสรรบ้านใหม่ด้วย ทางด้านหลินเซี่ยก็เปิดร้าน 2 แห่งและได้พบญาติพี่น้องโดยสายเลือด จิตใจของทั้งสองผูกติดกันเสมอ ดังนั้นชีวิตจึงกลายเป็นหนึ่งเดียว และมีความสุขกับทุกๆ วันมากขึ้น
เซี่ยเหลยยังมองลูกสาวและลูกเขยโดยไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ เขายังพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
กระนั้น เมื่อเขายื่นมือของหลินเซี่ยให้กับเฉินเจียเหอ เขาก็ปฏิเสธที่จะปล่อยมือของลูกสาว
หลินเซี่ยเห็นน้ำตาคลอเบ้าของพ่อ ทำให้อารมณ์ของพ่อสะท้อนถึงอารมณ์ของเธอด้วย และเธอโผเข้ากอดเขา
“พ่อไม่ต้องห่วงนะคะ นับจากนี้ชีวิตของฉันจะมีความสุขแน่นอนค่ะ”
“ใช่ ลูกจะต้องมีความสุข”
เซี่ยเหลยมองลูกสาวและพยายามยิ้มให้เต็มที่ จากนั้นจึงเดินลงจากเวที
……
ในเวลานี้ผู้เฒ่าเซี่ยนั่งอยู่ด้านล่างพลางมองดู ‘หลานตา’ ที่เขาเลี้ยงดูมา และเขาดูโล่งใจเมื่อได้เห็นว่าเธอมีครอบครับที่ดี
เมื่อมองฉากนี้แล้ว เขาก็มีความรู้สึกมากมายอยู่ในอก
ในอดีตเขามักจะไม่ชอบหลินเซี่ยผู้โง่เขลา เพราะเขาคิดว่าการที่เธออ่านไม่ออกจะทำให้เขาอับอาย
ทว่าตอนนี้หลินเซี่ยกลายเป็นคนมีความสุขที่สุด ไม่ว่าเวลาใด ทั้งบุคลิกภาพและทัศนคติทั้งสามด้าน*ของเธอนั้นแจ่มชัดที่สุด
(*ทัศนคติทั้งสามด้าน ได้แก่ ทัศนคติต่อโลก ทัศนคติต่อชีวิตและทัศนคติต่อคุณค่า)
เพราะคนที่เก่งแต่มีความประพฤติไม่ดีจะไม่สามารถไปได้ไกลในสายงานใดๆ เลย
และทุกครั้งที่ผู้เฒ่าเซี่ยได้เห็นหลินเซี่ย เขาก็พาลนึกถึงเสิ่นอวี้อิ๋งขึ้นมาไม่ได้ และมีการเปรียบเทียบทั้งสองคนแบบมีสติ
วันนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น เพราะเขากำลังนับวันเวลา และพบว่าเสิ่นอวี้อิ๋งใกล้คลอดเต็มที
เมื่อผู้เฒ่าเซี่ยคิดถึงชีวิตที่น่าสังเวชของเซี่ยหลานในตอนนี้ เขาก็ถอนหายใจสุดซึ้ง
…….
ขณะที่ผู้เฒ่าเซี่ยเห็นหลินเซี่ยร่วมพิธีบนเวที ความคิดของเขาก็เริ่มฟุ้งซ่านไปไกล และความทรงจำเกี่ยวกับหลินเซี่ยตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยผู้ใหญ่ก็หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของเขาโดยอัตโนมัติ
ในตอนนี้หลินเซี่ยได้เปลี่ยนเป็นชุดพิธีดื่มอวยพรแล้ว เธอกับเฉินเจียเหอกำลังเริ่มยกเหล้ามงคลให้แขก
วันนี้ผู้อาวุโสทุกคนในครอบครัวอยู่พร้อมหน้า นับตั้งแต่คุณปู่คุณย่าของเฉินเจียเหอ คุณตา คุณยายและคุณย่าของหลินเซี่ย รวมถึงอาวุโสลำดับรองจากคุณปู่ของเฉินเจียเหอต่างก็นั่งที่โต๊ะหลัก
ทั้งผู้เฒ่าโจวและคุณยายโจวอาศัยอยู่ในชนบทนานหลายสิบปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองได้เห็นพิธีแต่งงานเช่นนี้ ต้องบอกว่ามีความยุ่งยากน้อยกว่าการจัดงานแต่งงานในชนบทจริงๆ แต่ผลลัพธ์กลับมีความหรูหราและน่าซาบซึ้งอีกด้วย
ไม่มีความแปลกประหลาด ยกเว้นว่าต้องใช้เงินจำนวนมากเท่านั้น
โดยพื้นฐานแล้วพวกผู้เฒ่าโจวและคุณยายโจวไม่เคยดื่มเหล้าเลย ทว่าวันนี้ทุกคนมีความสุขมากที่ได้รับเหล้ามงคลของหลินเซี่ย และดื่มมันอย่างมีความสุขมาก แม้ว่าพวกเขาแทบจะสำลักหลังจากดื่มเข้าไปก็ตาม
หมอแผนจีนเย่เพิ่งดื่มเหล้ามงคลเสร็จ เมื่อเขาเห็นว่าผู้เฒ่าเซี่ยกำลังตกอยู่ในความคิด เขาจึงสะกิดหลังมือของผู้เฒ่าเซี่ยและเตือนว่า “เหล่าเซี่ย เด็กๆ อยากให้คุณดื่มอวยพรนะ”
ผู้เฒ่าเซี่ยจึงกลับมามีสติอีกครั้ง เขามองหลินเซี่ยที่ถือถาดด้วยมือทั้งสองข้างและมองเขาด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
หลินเซี่ยพูดด้วยความเคารพและสุภาพมาก “คุณตาคะ กรุณาดื่มเหล้ามงคลของเราด้วยเถอะค่ะ”
“ได้สิ”
ผู้เฒ่าเซี่ยยิ้มพลางหยิบจอกเหล้าขึ้นมา
หลังจากดื่มเหล้ามงคลแล้ว เขาก็พูดด้วยความจริงใจว่า “เซี่ยเซี่ย ตาภูมิใจมากที่ได้เห็นวันนี้ของหลานนะ”
“เจียเหอ นับจากนี้เธอจงทำดีกับหลานสาวของฉันให้มาก หากเธอกล้ารังแกหล่อน ตระกูลเซี่ยของเราจะไม่ปล่อยเธอไปเด็ดขาด”
เฉินเจียเหอรีบให้คำรับประกันว่า “คุณตาครับ ผมจะดีต่อเซี่ยเซี่ยแน่นอน”
หลังจากแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโสแล้ว ทั้งคู่ก็มาถึงด้านหน้าของเซี่ยไห่ เซี่ยตงและพวกพ้อง โดยมีเย่ไป๋และเซี่ยอวี่นั่งร่วมโต๊ะเดียวกันด้วย
เซี่ยตงดื่มไปสองแก้วและนึกถึงเซี่ยอวี่ขึ้นมา จึงชวนคุยกันถึงความทรงจำในวัยเด็กของทั้งสอง
แต่น่าเสียใจที่เรื่องเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว รวมทั้งเรื่องตอนที่เรียนหนังสือกันอยู่ โดยหลักแล้วเซี่ยอวี่ลืมไปหมด
ในบางครั้งจะมีแขกมาที่ด้านข้างของเซี่ยอวี่ และชวนหล่อนพูดคุยเพื่อแสดงความชื่นชอบที่มีต่อหล่อนด้วย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จริงนะ แต่งงานแล้วลูกสาวไม่ได้หายไปไหน แต่ได้ลูกชายมาเพิ่มแทน นับถือคนคิดประโยคนี้เลย
ไหหม่า(海馬)
……………………………………