ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 575 ตระกูลเสิ่นแตกสลายตายทั้งกองทัพ
ตอนที่ 575 ตระกูลเสิ่นแตกสลายตายทั้งกองทัพ
แม้ว่าเซี่ยหลานจะพูดด้วยความคลุมเครือ แต่เสิ่นอวี้อิ๋งก็เข้าใจความหมาย หล่อนดูตื่นตระหนกและท่าทางก็ดุร้ายทันที “เป็นฝีมือของนังหลินเซี่ยคนนั้นอีกแล้วใช่ไหม?”
เซี่ยหลานอธิบายเสียงเย็นชา “มันไม่เกี่ยวอะไรกับใครทั้งนั้นแหละ”
เสิ่นอวี้อิ๋งคำรามด้วยไฟโทสะ “จะไม่ใช่หล่อนได้ไงล่ะคะ? แม่หยุดปกป้องผู้หญิงคนนั้นได้แล้ว หล่อนต้องเป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่ใส่ร้ายพ่อของฉัน พวกเขาไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่าพ่อทำเรื่องในตอนนั้น แล้วทำไมพวกเขายังจับพ่อแบบนั้นอีกล่ะ?”
เมื่อคนในห้องพักผู้ป่วยได้ยินคำพูดของเสิ่นอวี้อิ๋ง ก็ทำให้ทุกสายตาจับจ้องมาทางพวกหล่อน
“ลูกเบาเสียงลงหน่อย”
เสิ่นอวี้อิ๋งตระหนักได้ถึงสายตาแปลกๆ ของคนอื่น จึงลดเสียงของหล่อนลง “แม่รับบอกฉันเร็วๆ หน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“รอให้ลูกอยู่เดือนก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องนี้ทีหลัง”
แต่เสิ่นอวี้อิ๋งทนรอไม่ไหวแล้ว ถ้าเซี่ยหลานไม่เริ่มและบอกว่าไม่รู้จริงๆ ก็จะเป็นการดีกว่า แต่ตอนนี้เซี่ยหลานพูดมาได้ครึ่งทางแล้ว หัวใจของหล่อนจึงร้อนรนและอยากจะเข้าใจความจริงในเวลานี้เลย
แน่นอนว่าหล่อนมีความหวาดระแวงไม่เลิก คิดว่าต้องเป็นหลินเซี่ยที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
รอถึงตอนกลางคืนที่ทุกคนหลับใหล เสิ่นอวี้อิ๋งจึงจี้ถามเซี่ยหลานเรื่องเสิ่นเถี่ยจวินโดยไม่ยอมแพ้อีกรอบ
เซี่ยหลานสังเกตแม้กระทั่งเสียงกรนของคนอื่นในห้อง และในที่สุดก็อธิบายสถานการณ์จริงให้เสิ่นอวี้อิ๋งทราบ
“เขาไม่ได้ถูกจับเพราะเรื่องสับเปลี่ยนตัวลูกตอนนั้นหรอก” เซี่ยหลานและเสิ่นอวี้อิ๋งเบียดกันอยู่บนเตียงผู้ป่วยที่คับแคบและพูดด้วยเสียงกระซิบว่า “เสิ่นเถี่ยจวินถูกสงสัยว่าทุจริตและยักยอกเงินรัฐ ซึ่งถูกองค์กรตรวจสอบพบเอง ทั้งพยานหลักฐานได้รับการตรวจสอบและถูกส่งมอบให้อัยการ”
คำพูดของเซี่ยหลานทำให้เสิ่นอวี้อิ๋งเหมือนโดนตีที่หัวโดยแรง หล่อนมีอาการปวดหัวหนักมากและไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย
หล่อนตกตะลึงอยู่นาน ก่อนที่จะบ่นว่า “จะเป็นไปได้ยังไงล่ะแม่? ต้องเป็นนังสารเลวหลินเซี่ยคนนั้นแหละอยู่เบื้องหลัง เพราะหลังจากที่หล่อนแต่งงานเข้าตระกูลเฉินแล้ว หล่อนก็อาศัยอำนาจของครอบครัวสามีในการปราบปรามและใส่ร้ายพ่อของฉัน พ่อจะยักยอกเงินรัฐและทุจริตได้ยังไง?”
อคติแรงกล้าของเสิ่นอวี้อิ๋งต่อหลินเซี่ยทำให้เซี่ยหลานโกรธมากเช่นกัน และถามเสียงเย็นชา “ลูกคิดว่าหลินเซี่ยสามารถปิดท้องฟ้าด้วยฝ่ามือเดียวได้เหรอ? ทำไมลูกถึงไร้เดียงสาจังนะ?”
“เสิ่นเถี่ยจวินทำผิดกฎหมายและถูกองค์กรค้นพบเอง ยังมีเสิ่นเสี่ยวเหมยญาติของลูกคนนั้นอีก หล่อนจงใจทำร้ายผู้อื่นและถูกควบคุมตัวด้วย ตอนนี้คุณปู่ของลูกนอนซมอยู่บนเตียง และตระกูลเสิ่นทั้งหมดกำลังตกต่ำ แต่ลูกยังไม่สำนึกอีกเหรอ? เวลามีปัญหาก็ปัดความรับผิดชอบให้คนอื่น แต่แม่จะบอกไว้ตรงนี้เลยว่าทั้งหมดนี้เป็นความผิดของลูกนั่นแหละ”
คำพูดของเซี่ยหลานทำให้เสิ่นอวี้อิ๋งพูดไม่ออก
เมื่อหล่อนได้ยินว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยก็ถูกควบคุมตัวด้วยข้อหาจงใจทำร้ายผู้อื่นด้วย ท่ามกลางบรรยากาศมืดมิด หล่อนก็แอบกลอกตาใส่ด้วยความรังเกียจ
นังโง่เอ๊ย!
เมื่อเสิ่นอวี้อิ๋งได้รู้ว่าตอนนี้ตระกูลเสิ่นแตกสลายตายทั้งกองทัพ* หัวใจของหล่อนพลันจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้ง
(แตกสลายตายทั้งกองทัพ* เป็นคำที่เจอในเรื่องสามก๊ก เป็นตอนที่กองทัพของโจโฉซึ่งมีกำลังน้อยกว่าถึงสิบเท่า แต่สามารถเอาชนะอ้วนเสี้ยวได้แบบแตกสลายตายทั้งกองทัพ)
ภาพในอนาคตของหล่อนเต็มไปด้วยความสับสน
“แล้วหลิวจื้อหมิงอยู่ไหนคะแม่?”
สุดท้ายเสิ่นอวี้อิ๋งจึงทำได้เพียงถามถึงหลิวจื้อหมิงเท่านั้น
หล่อนจำได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้หลิวจื้อหมิงถูกพักงาน และตอนนี้หลิวจื้อหมิงน่าจะยังไม่เจอปัญหาใดๆ ใช่ไหม?
แต่ถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้นกับเขา แล้วทำไมเขาไม่มาหาหล่อนล่ะ?
เสิ่นอวี้อิ๋งได้ยินคำพูดของเซี่ยหลานแล้ว ใบหน้าของหล่อนก็มืดลงทันที
หล่อนเข้าใจความหมายของเซี่ยหลานได้ดี
แม้จะไม่อยากยอมรับความจริง แต่การที่หลิวจื้อหมิงเข้าหาหล่อน มาทำดีกับหล่อน เหตุผลส่วนใหญ่เพราะเส้นสายของเสิ่นเถี่ยจวินทั้งนั้น
หลิวจื้อหมิงมีความจริงใจต่อหล่อนมากแค่ไหน หล่อนยังไม่รู้ด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าหล่อนก็ไม่รักไม่ชอบหลิวจื้อหมิงเช่นกัน เพราะแค่สนุกกับความรู้สึกที่ถูกอดีตคนรักของหลินเซี่ยไล่ตามเท่านั้น
เวลาที่อยู่กับเขานั้นเป็นเพียงความฉาบฉวยทั้งหมด
แม้ว่าภายหลังหล่อนจะท้อง และหลิวจื้อหมิงต้องการแต่งงานกับตน แต่หล่อนก็ไม่ได้คำนึงถึงปัญหาที่จะตามมาเลย
เพราะสำหรับหล่อนแล้วนั้น หลิวจื้อหมิงเป็นได้แค่บันได ซึ่งหล่อนมีความฝันที่ใหญ่กว่ามาก
ตอนนี้หล่อนได้กลับเข้าเมืองแล้ว หล่อนแค่อยากใช้ทรัพยากรรอบตัวเพื่อผลักดันตัวเองขึ้นไปต่อ
และหล่อนเห็นได้ว่าหลิวจื้อหมิงมีความทะเยอทะยานเช่นกัน ดังนั้นพวกเธอจึงใช้กันและกันเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน
ทว่าตอนนี้เสิ่นเถี่ยจวินล้มแล้ว
เมื่อตระกูลเสิ่นตกต่ำ แล้วคนเช่นหลิวจื้อหมิงจะเต็มใจมีส่วนเกี่ยวข้องกับหล่อนได้อีกหรือ
หลิวจื้อหมิงเป็นคนมีความทะเยอทะยานสูง เขาจึงไม่มีทางที่จะรักใคร่หล่อนถึงขั้นยอมแต่งงานด้วยแน่นอน
แต่แน่นอนว่าการที่หลิวจื้อหมิงอยู่ที่นี่หรือเปล่าก็ไม่สำคัญสำหรับหล่อนเช่นกัน
หล่อนยังกลัวด้วยว่าหลิวจื้อหมิงจะไม่เปลี่ยนความหลงใหลในตัวหล่อน และผูกมัดหล่อนกับลูกไว้ด้วยการแต่งงาน
เนื่องจากหลิวจื้อหมิงไร้น้ำใจไร้คุณธรรม จึงถูกต้องแล้วที่นับจากนี้หล่อนไม่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนี้อีก
แต่ก่อนที่จะจบเรื่องกับเขา หล่อนต้องได้รับผลประโยชน์จากเขาบ้าง
ในคืนที่มืดมิดเช่นนี้ เซี่ยหลานจึงไม่สามารถมองเห็นการแสดงออกทางสีหน้าของเสิ่นอวี้อิ๋งได้ แต่เมื่อเห็นว่าหล่อนไม่พูด เซี่ยหลานจึงรู้สึกเป็นทุกข์ และกลัวว่าหล่อนจะมีอาการซึมเศร้าหลังคลอด จึงทำได้แค่ปลอบด้วยความอ่อนโยนว่า “อวี้อิ๋ง อย่าเศร้าเกินไปเลยนะ เส้นทางต่อจากนี้ยังอีกยาวไกล และบทเรียนอันเจ็บปวดนี้จะสอนให้ลูกเข้าใจตัวเองและเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ด้วย ในอนาคตลูกต้องเรียนรู้จากเหตุการณ์นี้ และหยุดสร้างเรื่องวุ่นวาย แค่ใช้ชีวิตให้ดีก็พอ”
เซี่ยหลานยังพูดต่อ “ในอีกไม่กี่วัน แม่จะตรวจความเป็นพ่อของของหลิวจื้อหมิงและเด็ก ถ้าเด็กคนนี้เป็นลูกของหลิวจื้อหมิงจริงๆ ก็มาดูกันว่าพวกตระกูลหลิวจะทำยังไง?”
เซี่ยหลานคอยดูแลลูกสาวที่ให้กำเนิดลูกนอกสมรสโดยไม่มีพ่อเด็กมาด้วย แม้หล่อนจะบอกว่าพ่อเด็กเสียชีวิตไปแล้ว กลับยังถูกคนในห้องพักฟื้นแอบนินทา ทำให้เซี่ยหลานไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าเสิ่นอวี้อิ๋งสาวน้อยคนนี้จะใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างไร
ดังนั้นหล่อนยังคงหวังว่าพ่อของเด็กจะมารับผิดชอบได้
หล่อนจึงเริ่มเกลี้ยกล่อมเสิ่นอวี้อิ๋งด้วยความนุ่มนวล “ในเมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว ถ้าหลิวจื้อหมิงเต็มใจที่จะแต่งงานด้วย แม่ก็หวังว่าลูกจะยอมนะ”
เสิ่นอวี้อิ๋งซึ่งนิ่งเงียบมาจนถึงตอนนี้ เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยหลาน ทันใดนั้นก็หันกลับมามองด้วยความหงุดหงิด และกัดฟันพูดใส่หน้าของอีกฝ่ายว่า “แม่คะ ยังไงฉันก็ไม่แต่ง ฉันจะไม่แต่งงานกับหลิวจื้อหมิงเด็ดขาด เพราะเขาไม่เคยสนใจฉันเลย แต่ด้วยเส้นสายของพ่อ จึงทำให้เขาหันมาสนใจ ทว่าตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นกับพ่อแล้ว หลิวจื้อหมิงกลับวิ่งหนีเร็วกว่ากระต่ายด้วยซ้ำ เขาจะยอมแต่งงานกับฉันได้ไง? ดังนั้นแม่อย่าทำให้ขายหน้าดีกว่า ไม่จำเป็นต้องตรวจความเป็นพ่อหรอกค่ะ”
หากไม่ทำการทดสอบความเป็นพ่อ ในอนาคตยังสามารถหยิบยกเรื่องนี้มาสร้างความยุ่งยากได้
เมื่อเห็นความดื้อดึงของหล่อนแล้ว เซี่ยหลานก็โกรธมาก “แล้วลูกอยากทำยังไง? ถ้าไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของเด็ก แล้ววันข้างหน้าเด็กคนนี้จะเป็นยังไงบ้าง? ลูกจะเลี้ยงเองเหรอ? แล้วลูกมีความสามารถนั้นไหม? เพราะในสังคมปัจจุบันนี้ หากลูกเป็นสาวโสดกำลังอุ้มลูก คิดว่าตัวเองจะอยู่รอดได้จริงเหรอ? แม่เองก็ยังต้องดูแลอวี้หลงและไปทำงานด้วย แม่ไม่มีเวลาหรือเรี่ยวแรงที่จะดูแลลูกแทนหรอกนะ”
หล่อนไม่สามารถเสียหน้าแบบนี้ได้จริงๆ
ตอนนี้เหตุการณ์ที่เกิดกับครอบครัวพวกหล่อนกลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นพอๆ กับละครโทรทัศน์ และกลายเป็นหัวข้อสนทนาระหว่างคนรู้จักหลังมื้ออาหารไปแล้ว ถ้าเสิ่นอวี้อิ๋งเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หล่อนก็ไม่มีหน้ากลับไปเมืองไห่เฉิงแล้ว
เซี่ยหลานใกล้จะพังทลายเต็มทน หากว่าลูกชายไม่ตกอยู่ในอาการโคม่าและหล่อนต้องเข้มแข็งไว้ เกรงว่าบางทีหล่อนอาจจะล้มลงไปนานแล้ว
เมื่อเสิ่นอวี้อิ๋งเห็นว่าเซี่ยหลานไม่เคยทิ้งลูกชาย และกลัวว่าจะถูกตนลากลงมาเดือดร้อนด้วย ความหนาวเหน็บก็วาบเข้ามาในดวงตาของเสิ้นอวี้อิ๋ง และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาไม่แพ้กันว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ลากแม่ลงมาเดือดร้อนหรอกค่ะ”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
น่ากลัวว่ายัยอวี้อิ๋งฟื้นแล้วจะไปทำอะไรอวี้หลงมากเลย นางเสียเกือบทุกอย่างจนไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
ไหหม่า(海馬)
……………………………………