ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 576 เสิ่นเสี่ยวอวี้
ตอนที่ 576 เสิ่นเสี่ยวอวี้
หลังจากที่เสิ่นอวี้อิ๋งพูดจบ ก็ไม่มีเสียงใดๆ ขึ้นอีก
ทว่าเซี่ยหลานนอนไม่หลับ แม้ว่าทารกน้อยจะมีความประพฤติดีมากตั้งแต่นอนลง ไม่ได้ร้องไห้หรือโวยวายเลย แต่เซี่ยหลานรู้สึกว่ามันผิดปกติ เพราะทารกน้อยเช่นนี้คงจะหิวมาก หากไม่ได้กินนมนานขนาดนี้
ตอนนี้มีหญิงท้องแก่ในห้องกำลังบ่นว่าปวดท้อง ดูเหมือนว่าใกล้จะคลอดแล้วอีกคน
ครอบครัวของหญิงท้องแก่วิ่งไปเรียกหมอ ส่วนหญิงท้องแก่ก็ปวดท้องจนร้องไห้ออกมา
เซี่ยหลานนอนไม่หลับโดยปริยาย เมื่อไฟถูกเปิดขึ้น หล่อนจึงลุกขึ้นไปดูแลทารกน้อยแทน
ทันใดนั้นหล่อนก็เห็นดวงตาของทารกฉายแววเย็นชาและน่าสะพรึงกลัวออกมา มันเยือกเย็นสุดขั้วหัวใจ
เซี่ยหลานพลันมีเหงื่อเย็นซึมออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ให้พูดอย่างไรดี?
หล่อนทำงานในโรงพยาบาล และเคยเห็นเด็กแรกเกิดมาแล้วทุกประเภท แต่ไม่เคยเห็นทารกแรกเกิดที่มีดวงตาเย็นชาและน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้มาก่อน
แต่ในชั่วพริบตานั้นเซี่ยหลานลองก้มเข้าไปใกล้ขึ้น และเห็นทารกเป่าฟองน้ำลายออกจากปาก และขยับตัวเล็กน้อย เซี่ยหลานจึงค่อยผ่อนคลายลง และคิดว่าตัวเองคงตาฝาดไป
เซี่ยหลานอุ้มทารกขึ้นมา และบอกให้เสิ่นอวี้อิ๋งให้นมลูก
แม้ว่าเสิ่นอวี้อิ๋งจะไม่เต็มใจ แต่เซี่ยหลานยืนยันแล้วว่าจะไม่ซื้อนมผงให้ และหล่อนก็ไม่มีปัญญาซื้อเองไหวด้วย
เสิ่นอวี้อิ๋งอุ้มลูกด้วยท่าทางแข็งกระด้าง และกดลูกไว้ที่หน้าอกโดยแรง
ถ้าเซี่ยหลานไม่ได้ยืนมองอยู่ ก็เกรงว่าหล่อนจะกดทารกจนขาดอากาศตาย
และทันทีที่เสิ่นอวี้อิ๋งอุ้มลูก ทารกน้อยก็ร้องไห้ราวกับถูกเข็มทิ่มแทง
ร้องไห้ได้น่าสะเทือนใจมาก
“ร้องไห้ทำไมเนี่ย?” ตอนนี้ยังมืดอยู่และเสิ่นอวี้อิ๋งกำลังจะม่อยหลับ เมื่อถูกปลุกมาให้นม หล่อนก็หงุดหงิดเต็มทน และการได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กก็ทำให้หล่อนโกรธมากขึ้น
เสิ่นอวี้อิ๋งกอดลูกไว้ในอ้อมแขนด้วยความโกรธและกดหน้าลงที่หน้าอก แต่เด็กร้องไห้หนักมากและไม่ยอมอ้าปากกินนมเลย
เซี่ยหลานพูดด้วยความโกรธ “ทำไมไม่กินนมล่ะ? ลูกป้อนไม่ถูกวิธีแน่ๆ ช่วยอดทนหน่อยได้ไหม?”
“ฉันต้องอดทนในการให้นมหล่อนมากขนาดไหนอีกคะ? ก็หล่อนไม่หิวไง” เสิ่นอวี้อิ๋งเหนื่อยเต็มทน หล่อนจึงนอนหันหลังใส่และห่มผ้าให้ตัวเอง
เซี่ยหลานจึงอุ้มทารกขึ้นมา และเด็กก็หยุดร้องไห้ทันที
ซึ่งมันเป็นแบบนี้หลายครั้งแล้ว
เมื่อเซี่ยหลานเอาขวดนมใส่น้ำมาป้อน ทารกน้อยก็ดูดด้วยท่าทางมีความสุขมาก
ภายใต้ความสิ้นหวัง ทำให้หลังรุ่งสาง เซี่ยหลานจึงหมดทางเลือกและออกไปซื้อนมผง
เสิ่นอวี้อิ๋งเกลียดเด็กคนนี้มาก และปฏิเสธที่จะตั้งชื่อให้ด้วยซ้ำ
เซี่ยหลานออกไปทำอาหารให้เสิ่นอวี้อิ๋ง และเมื่อหมอต้องการออกใบสูติบัตร เขาทราบว่าเด็กไม่มีพ่อ จึงลงทะเบียนโดยใช้ชื่อเสิ่นเสี่ยวอวี้ตามชื่อของเสิ่นอวี้อิ๋งโดยตรง
หลังจากที่เซี่ยหลานทราบก็ไม่ได้คัดค้าน เพราะคิดว่าชื่อที่หมอตั้งก็ค่อนข้างดี
เสิ่นอวี้อิ๋งพักอยู่ในโรงพยาบาลนานสองวัน เมื่อออกจากโรงพยาบาลก็กลับไปบ้านเช่าก่อนหน้านี้
ตอนนี้เป็นฤดูหนาวแล้ว อากาศจึงหนาวมาก และลานบ้านประเภทนี้ไม่มีเครื่องทำความร้อน จึงทำได้เพียงใช้เตาเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นเท่านั้น
เซี่ยหลานรู้สึกว่าหากเสิ่นอวี้อิ๋งอยู่เดือนที่นี่จะต้องลำบากมากๆ และกลัวว่าหล่อนจะล้มป่วย สุดท้ายแล้วเซี่ยหลานจึงยอมอ่อนข้อและอยากให้เสิ่นอวี้อิ๋งพาลูกกลับไปอยู่เดือนที่เมืองไห่เฉิง อย่างน้อยก็เพื่อให้หล่อนได้อยู่ในสภาพแวดล้อมดีขึ้น
อีกทั้งเซี่ยหลานลางานได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ จึงไม่สามารถอยู่ที่นี่นานได้
เสิ่นอวี้อิ๋งไม่อยากอยู่ที่นี่คนเดียวเช่นกัน หล่อนจึงเห็นด้วยกับคำพูดของเซี่ยหลาน
“เอาล่ะ พรุ่งนี้พวกเราจะนั่งรถไฟกลับด้วยกัน”
แม้ว่าเสิ่นอวี้อิ๋งไม่สนใจที่จะมองเด็กด้วยซ้ำ แต่ในช่วงสองวันมานี้ เซี่ยหลานได้พัฒนาความรู้สึกต่อทารกน้อยคนนี้ไปแล้ว
เพราะถึงอย่างไรเด็กก็เกิดจากลูกสาวของตนเอง และเป็นหลานสาวของหล่อน ดังนั้นเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ
หากเด็กสามารถเลือกเกิดได้เอง ก็ไม่มีทางเลือกแม่แบบเสิ่นอวี้อิ๋งเด็ดขาด
เซี่ยหลานอุ้มทารกพลางพูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เสี่ยวอวี้ พรุ่งนี้เราจะกลับไปที่เมืองไห่เฉิงกันนะ”
เมื่อเสิ่นอวี้อิ๋งได้ยินคำเรียกของเซี่ยหลาน หล่อนก็หันขวับมามอง “แม่เรียกหล่อนว่าไงนะคะ?”
เซี่ยหลานตอบอย่างไม่จริงจังว่า “เสี่ยวอวี้ เสิ่นเสี่ยวอวี้ เพราะลูกไม่ได้ตั้งชื่อ คุณหมอจึงลงทะเบียนไว้แบบนี้”
เสิ่นอวี้อิ๋งแทบกระอักเลือดออกมา
เพราะหล่อนพยายามทุกวิถีทางที่จะแยกตัวเองออกจากเด็กคนนี้ ทว่าตอนนี้ชื่อของตนกลับถูกนำไปตั้งชื่อของเด็ก ราวกับกลัวคนอื่นจะไม่รู้ว่าหล่อนให้กำเนิดเด็กคนนี้ออกมาเอง
“เปลี่ยนเลยนะ!” เสิ่นอวี้อิ๋งกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ
ส่วนทารกที่อยู่ในอ้อมแขนของเซี่ยหลานก็ดูไม่พอใจกับชื่อนี้เช่นกัน ดวงตาเล็กๆ นั้นจ้องมองเซี่ยหลานคล้ายเต็มไปด้วยความหวัง
“นั่นคือชื่อในสูติบัตรนะ ถ้าอยากเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้” แต่น้ำเสียงของเซี่ยหลานเฉยเมย และขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับหล่อนอีก
นัยน์ตาสีเข้มของทารกน้อยในอ้อมแขนก็หรี่ลงเช่นกัน
เนื่องจากในห้องหนาวมาก เซี่ยหลานจึงห่อเด็กด้วยผ้าห่มลายดอกไม้ผืนเล็กแล้ววางไว้บนเตียง จากนั้นเสียบปลั๊กที่นอนไฟฟ้า
โชคดีที่ในบ้านนี้มีเตาเหล็กที่เจ้าของบ้านเคยติดตั้งไว้ เซี่ยหลานกลัวว่าพวกเธอจะหนาวมากเกินไป จึงปล่อยให้เสิ่นอวี้อิ๋งนอนบนที่นอนไฟฟ้าซึ่งปูรองไว้ด้วยผ้าห่ม ส่วนหล่อนออกไปซื้อถ่านหินกลับมา และตั้งใจว่าจะจุดเตาเหล็กให้อุ่นตลอดวันนี้ทั้งวัน
เซี่ยหลานออกไปข้างนอก และเสิ่นอวี้อิ๋งก็ผล็อยหลับไปบนที่นอนไฟฟ้า แต่นอนหลับไปได้สักพัก หล่อนก็ตื่นขึ้นมาและพบว่าทารกที่อยู่ข้างๆ ถูกเซี่ยหลานห่อด้วยผ้าห่มลายดอกไม้ มิหนำซ้ำยังหลับสนิท หล่อนจึงลุกขึ้นนั่งพลางมองทารกบนเตียง จากนั้นสีหน้าก็มืดครึ้ม และมืออันชั่วช้าก็เริ่มยื่นไปใกล้ทารกน้อยช้าๆ
แต่ทารกน้อยก็ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอันตราย จึงลืมตาขึ้นและเริ่มแผดเสียงร้องไห้แสบแก้วหูอีกครั้ง
เสิ่นอวี้อิ๋งพูดว่า “อย่าตำหนิฉันเลยนะ เธอไม่ควรมาที่โลกนี้ตั้งแต่แรก ถ้าเธอยังอยู่ในโลกนี้ เธอจะไม่เพียงทำให้ฉันตกต่ำเท่านั้น แต่เธอเองก็ต้องทนทุกข์ทรมานด้วยนะ ฉันจึงจะช่วยส่งเธอกลับไปไง เธอสามารถไปเกิดใหม่ได้เร็วๆ เลย จะได้เลือกครอบครัวที่มีความสุข และเลือกแม่ที่เหมาะสมสำหรับเธอด้วย”
“เด็กน้อย ฉันขอโทษ…”
มือชั่วช้าของเสิ่นอวี้อิ๋งค่อยๆ คืบคลานเข้าใกล้…
ทารกน้อยดิ้นรนอย่างหนักและร้องไห้ไม่หยุด
บางทีอาจเป็นสัญชาตญาณของการอยากมีชีวิตรอด จึงทำให้ร่างเล็กๆ นั้นดิ้นรนอย่างหนักจนเสิ่นอวี้อิ๋งยังหวาดกลัว
มือที่กำลังจะแตะผิวกายบอบบางนั้นยังแข็งค้างอยู่กลางอากาศ
ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนว่าไม่สามารถฆ่าเด็กคนนี้ได้เลย
เซี่ยหลานกังวลเรื่องเสิ่นอวี้อิ๋งตั้งแต่ออกไปแล้ว หล่อนรีบไปซื้อถ่านหินตรงทางเข้าซอยแล้วแบกมันขึ้นหลัง จากนั้นรีบกลับบ้านเช่า
ทันทีที่มาถึงประตูก็ได้ยินเสียงร้องของเด็กทารก หล่อนทิ้งถ่านหินแล้ววิ่งเข้าไป จึงได้เห็นมือของเสิ่นอวี้อิ๋งกำลังเอื้อมไปหาเด็ก ทางด้านเจ้าตัวน้อยก็ดิ้นรนและร้องไห้หนักมาก เซี่ยหลานทิ้งนมผงในมือพลางเดินเข้ามาแล้วตบหน้าเสิ่นอวี้อิ๋งโดยแรง
“นังสารเลว เธอคิดจะทำอะไร?” เซี่ยหลานตกใจกับฉากที่เพิ่งเห็น จ้องมองเสิ่นอวี้อิ๋งด้วยความหวาดกลัวและโทสะ จากนั้นถามย้ำด้วยความโกรธ “เธอบอกมาสิ บอกมาว่าจะทำอะไร?”
แม้แต่เสือร้ายยังไม่กินลูกตัวเองด้วยซ้ำ
แต่หล่อนไม่คาดคิดว่าปีศาจที่ตนให้กำเนิดมาเองคนนี้กลับคิดจะลงมือกับทารกอายุสองวันเท่านั้น
อีกทั้ง นี่คือเด็กที่ตัวเองอุ้มท้องมานานกว่าสิบเดือน
เซี่ยหลานโกรธมาก ไม่รอให้เสิ่นอวี้อิ๋งได้อธิบาย ก็ยกมือตบหน้าอีกฉาดใหญ่
เสิ่นอวี้อิ๋งยกมือกุมหน้าพลางร้องไห้พูดว่า “แม่คะ ฉันปล่อยให้หล่อนทำลายฉันไม่ได้ และปล่อยให้หล่อนทำให้ฉันตกต่ำไม่ได้ และฉันเองก็ไม่อยากให้แม่อับอายด้วย”
ดวงตาของเซี่ยหลานเย็นชาและพูดเย้ยหยันว่า “ดังนั้นเธอจึงจะบีบคอลูกสาวจนตายเหรอ? ทำไมเธอถึงโหดร้ายขนาดนี้? เด็กนี่คือลูกที่เธอคลอดออกมาเองนะ! หากวันนี้เธอกล้าบีบคอเด็กจนตาย ฉันจะส่งเธอเข้าคุกเอง ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเสิ่นเถี่ยจวินนั่นแหละ”
คำพูดข่มขู่ของเซี่ยหลาน ทำให้เสิ่นอวี้อิ๋งตกตะลึง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เหมือนเวรกรรมยังไม่สิ้นสุด อยู่รับความทรมานร่วมกันไปก่อนนะ
ไหหม่า(海馬)
……………………………………