ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 578 มือดีๆ คู่หนึ่งกลับเล่นจนพังยับเยิน
ตอนที่ 578 มือดีๆ คู่หนึ่งกลับเล่นจนพังยับเยิน
เช้าวันต่อมา เซี่ยหลานและเสิ่นอวี้อิ๋งเตรียมตัวพาทารกน้อยกลับเมืองไห่เฉิง
หลังจากที่เสิ่นอวี้อิ๋งคลอดลูก เซี่ยหลานได้ซื้อเสื้อคลุมผ้าฝ้ายเนื้อหนาให้หล่อน ปกปิดตัวเองจากความหนาวอย่างแน่นหนา ส่วนทารกน้อยก็สวมเสื้อบุนวมและห่อด้วยผ้าห่มลายดอกไม้ จากนั้นขึ้นรถไฟด้วยกัน
พวกหล่อนออกเดินทางในตอนเช้าและมาถึงเมืองไห่เฉิงในตอนเย็น เซี่ยหลานพาลูกสาวตรงไปยังบ้านที่ไม่ได้อาศัยอยู่เป็นเวลานานทันที
ที่นี่ค่อนข้างเงียบสงบ เพราะเสิ่นอวี้หลงเคยพักฟื้นอยู่ที่นี่ แต่เนื่องจากมันอยู่ห่างไกลเกินไปและไม่สะดวก เขาจึงถูกย้ายไปที่บ้านของผู้อาวุโสเย่ ทำให้ตอนนี้บ้านว่างลง ทั้งยังห่างไกลจากเพื่อนบ้านด้วย ลานบ้านหลังนี้เป็นของผู้เฒ่าเซี่ยที่ยกให้เซี่ยหลานหลังจากแต่งงาน แต่เซี่ยหลานไม่ค่อยมาที่นี่และไม่คุ้นเคยกับเพื่อนบ้านนัก
เซี่ยหลานให้เสิ่นอวี้อิ๋งปักหลักอยู่ที่นี่ และอยู่เป็นเพื่อนหล่อนในตอนกลางคืน
ทว่าลานบ้านหลังนี้ไม่ได้รับการทำความสะอาดนานแล้ว หล่อนจึงต้องเก็บกวาดกว่าครึ่งค่อนคืนจึงจะเสร็จ
ตอนที่เสิ่นอวี้หลงและผู้เฒ่าเซี่ยอาศัยอยู่ที่นี่ ทั้งสองมีสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันครบถ้วน รวมถึงของใช้ในครัวด้วย ดังนั้นหลังรุ่งสาง เซี่ยหลานจึงไปตลาดเพื่อซื้อวัตถุดิบและกลับมาทำอาหารให้เสิ่นอวี้อิ๋ง
“แม่จะกลับไปทำงานตั้งแต่พรุ่งนี้ แล้วตอนเช้าแม่จะเตรียมอาหารเช้ากับอาหารกลางวันไว้ให้ มื้อเที่ยงลูกอุ่นอาหารกินเองนะ หลังจากเลิกงานภาคบ่ายแล้วแม่จะกลับมา”
เซี่ยหลานกำลังจัดการไก่ที่เพิ่งซื้อมา ระหว่างตุ๋นไก่ในหม้อก็อธิบายกับเสิ่นอวี้อิ๋งไปด้วย
“ค่ะ”
เซี่ยหลานมองทารกบนเตียงและเตือนเสิ่นอวี้อิ๋งด้วยน้ำเสียงจริงจัง “จำคำพูดของแม่ไว้ให้ดี หากลูกกล้าทำร้ายเด็ก แม่จะไม่มีวันปกป้องลูกเด็ดขาด”
ตอนอยู่ในเมืองปินเฉิง เสิ่นอวี้อิ๋งถูกเซี่ยหลานข่มขู่ไปแล้วรอบหนึ่ง ในเมื่อเซี่ยหลานยอมตกลงที่จะส่งเด็กไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตามทางออกของหล่อน ดังนั้นหล่อนจึงไม่มีความปรารถนาที่จะฆ่าลูกสาวอีก ตอบตกลงด้วยความเชื่อฟัง “ฉันจะไม่ทำร้ายลูกหรอกค่ะแม่ เพราะไม่ว่ายังไงฉันก็ให้กำเนิดหล่อนออกมา ฉันทำร้ายหล่อนจริงๆ ไม่ได้หรอก”
เซี่ยหลานพูดว่า “ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น”
“แล้วอย่าลืมชงนมให้ลูกด้วยนะ เสร็จจากนี้แม่จะไปเยี่ยมน้องชายของลูกหน่อย”
“ได้ค่ะ”
เซี่ยหลานซักผ้าอ้อมแล้วตากไว้ให้แห้ง จากนั้นก็เดินออกไป
ทันทีที่เซี่ยหลานจากไปแล้ว เสิ่นอวี้อิ๋งก็วางทารกน้อยในอ้อมแขนลงกับเตียงอย่างไม่ถนอมมือ จากนั้นดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปงแล้วหลับไป ไม่สนใจที่จะมองเด็กน้อยเลย
ด้านเซี่ยหลานทำงานโดยไม่ได้หยุดพัก หล่อนตรงไปเยี่ยมเสิ่นอวี้หลงที่บ้านของผู้อาวุโสเย่ทันที เพราะไม่ได้เจอเขาหลายวันแล้ว จึงรู้สึกเป็นห่วงลูกชายมากๆ และคิดถึงเขามากเช่นกัน ตอนนี้ลูกชายยังคงนอนไม่รู้สึกตัวอยู่บนเตียง หล่อนที่ไม่ได้เจอเขานานหลายวันจึงคิดถึงเขาสุดหัวใจ
เมื่อไปถึง ผู้อาวุโสเย่และพ่อของหล่อนกำลังเล่นหมากรุกอยู่ในบ้าน ขณะที่เอ้อร์เลิ่งกำลังเช็ดตัวให้เสิ่นอวี้หลง
หลังจากที่เอ้อร์เลิ่งหายดีแล้ว เขาก็ขยันมาก ทำงานทุกอย่างตั้งแต่ทำอาหารไปจนถึงทำความสะอาดบ้าน มิหนำซ้ำยังช่วยดูแลเสิ่นอวี้หลงในทุกด้านด้วย
เซี่ยหลานทักทายผู้อาวุโสเย่และพ่อของตน จากนั้นรีบไปหยิบผ้าเช็ดตัวจากมือของเอ้อร์เลิ่งพลางเอ่ย “ขอบคุณมากนะ เดี๋ยวฉันจะทำต่อเอง”
เอ้อร์เลิ่งพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร ผมยินดีทำครับ ผมเองก็อยู่ว่างๆ ดังนั้นให้ผมทำเถอะครับ”
ตอนนี้เองเซี่ยหลานก็ได้เห็นเครื่องเล่นเทปวางอยู่ข้างหัวเตียงและกำลังเล่นเพลงในทำนองที่ผ่อนคลาย
ทั้งห้องสะอาดหมดจด และร่างกายของเสิ่นอวี้หลงก็ดูสดชื่นมากด้วย
ทันใดนั้นหล่อนก็รู้สึกแสบร้อนจมูกขึ้นมาด้วยความสะเทือนใจ
หล่อนรู้ว่าหลินเซี่ยต้องเป็นคนนำเครื่องเล่นเทปนี้มาให้เขา เพราะเสิ่นอวี้หลงเคยชอบฟังเพลงมาก หนึ่งเดือนก่อนที่เขาจะได้รับบาดเจ็บ หลินเซี่ยได้ใช้เงินเก็บจากการฝึกงานที่ร้านตัดผมเพื่อซื้อตลับเทปให้เขา
ทุกวันนี้หล่อนยังแอบจินตนาการถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ว่าคงจะดีไม่น้อยหากลูกสาวไม่เคยถูกสับเปลี่ยนตัว
ถ้าหลินเซี่ยเป็นลูกสาวตัวจริงของหล่อน ป่านนี้หล่อนจะมีความสุขขนาดไหน
หล่อนยังสังเกตเห็นขนมงานแต่งงานวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงด้วย
เอ้อร์เลิ่งรินน้ำแล้วยกเข้ามา เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นี่คือขนมงานแต่งของต้าเหอและเซี่ยเซี่ยครับ ผมเอามาฝากอวี้หลง แต่ผมเอาลูกอมไปละลายเป็นน้ำแล้วป้อนให้เขาแทน คุณก็ลองชิมด้วยสิครับ”
เอ้อร์เลิ่งหยิบขนมขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วยื่นให้เซี่ยหลานด้วยท่าทางกระตือรือร้น
เซี่ยหลานลอกกระดาษห่อขนมออกแล้วยัดใส่ปากของตน
ขนมหวานมาก แต่หัวใจของหล่อนกลับขมขื่น
หล่อนนั่งอยู่ข้างเตียงของเสิ่นอวี้หลงพลางหน้าลูกชายที่กำลังหลับไหล ได้แต่พูดเองฝ่ายเดียว โดยที่ควบคุมหยาดน้ำตาไว้ไม่ไหว
“อวี้หลง ลูกช่วยตื่นเร็วๆ นี้ได้ไหม? ตอนนี้ลูกคือความหวังเดียวของการมีชีวิตอยู่ของแม่ ตอนนี้แม่จะทนไม่ไหวแล้วจริงๆ นะ เมื่อไหร่ลูกจะตื่นขึ้นมา?”
เซี่ยหลานยกมือปาดน้ำตาพลางพูดคุยกับลูกชายมากมาย
จนกระทั่งผู้เฒ่าเซี่ยเดินเข้ามา หล่อนจึงเช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นต้อนรับ
เซี่ยหลานกลัวว่าพ่อสูงวัยได้เห็นน้ำตาของหล่อนแล้วจะรู้สึกทุกข์ใจ จึงรีบยิ้มออกมาและถามผู้เฒ่าเซี่ยว่า
“พ่อ ได้ไปร่วมงานแต่งของเซี่ยเซี่ยไหมคะ?”
ผู้เฒ่าเซี่ยตอบว่า “ไปสิ ไปกันหมดทั้งเหล่าเย่ เอ้อร์เลิ่งและฉัน งานแต่งงานยิ่งใหญ่มากนะ มันผ่านพ้นไปด้วยดีและน่าซาบซึ้งใจมากด้วย”
“อ้อ ค่ะ”
เซี่ยหลานค่อนข้างเสียใจที่ไม่มีโอกาสได้เป็นพยานในงานแต่งงานของหลินเซี่ย
หล่อนนั่งคุยกับผู้เฒ่าเซี่ยสักพัก อาจเพราะเอ้อร์เลิ่งกำลังทำงานอยู่ที่ลานบ้านข้างๆ ผู้เฒ่าเซี่ยจึงไม่เคยพูดถึงประเด็นอื่น และเซี่ยหลานก็มีเหตุผลเกินกว่าจะพูดเรื่องที่ไม่สมควร
เซี่ยหลานนั่งอยู่จนถึงบ่าย แต่ด้วยความกลัวว่าเสิ่นอวี้อิ๋งจะหิว จึงเตรียมกลับไป
หล่อนยังกลัวด้วยว่าเสิ่นอวี้อิ๋งจะคลุ้มคลั่งขึ้นมาแล้วทำร้ายเด็ก
เมื่อหล่อนบอกว่าจะกลับ ผู้เฒ่าเซี่ยจึงถามว่า
“ลูกจะไม่ไปเยี่ยมแม่กับพี่ชายที่บ้านเหรอ??”
เซี่ยหลานตอบว่า “ยังค่ะพ่อ พรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงานกะเช้าแล้ว วันนี้ฉันยังจะไม่ไปที่นั่น รอสักสองสามวันก่อนดีกว่าค่ะ”
ไม่ใช่ว่าหล่อนไม่มีเวลาพอจะกลับบ้านพ่อแม่ แต่ตอนนี้เกิดเรื่องมากมาย และหล่อนไม่มีหน้าพอจะกลับไป
หล่อนไม่มีหน้าไปเจอพวกญาติๆ เลย
เซี่ยหลานไปกล่าวอำลาผู้อาวุโสเย่แล้วเดินออกไป โดยมีผู้เฒ่าเซี่ยเดินตามไปส่งหล่อนที่นอกประตูด้วย
สุดท้ายผู้เฒ่าเซี่ยก็อดถามเซี่ยหลานไม่ได้ว่า “สาวน้อยคนนั้นเป็นยังไงบ้าง? ทุกอย่างราบรื่นดีไหม?”
เซี่ยหลานนึกไม่ถึงว่าพ่อจะเริ่มถามก่อน จึงตอบโดยไม่กล้าสบตาผู้เฒ่าด้วยซ้ำ “ทุกอย่างราบรื่นดีค่ะพ่อ ตอนนี้อวี้อิ๋งกลับมาที่เมืองไห่เฉิงพร้อมกับฉันแล้ว”
“แล้วเด็กล่ะ?” ผู้เฒ่าเซี่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
เซี่ยหลานยังคงตอบว่า “ตอนนี้อยู่กับอวี้อิ๋งค่ะ หล่อนบอกว่าเมื่อลูกอายุได้หนึ่งเดือน ก็อยากจะส่งไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก่อนค่ะ”
หลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยหลาน ใบหน้าของผู้เฒ่าเซี่ยก็มืดลงด้วยความโกรธ น้ำเสียงพลันมีโทสะ
“เหลวไหลทั้งเพ นั่นคือหนึ่งชีวิตเหมือนกันนะ ถ้าพวกลูกบอกว่าจะทิ้งก็โยนทิ้งไปง่ายๆ เลยเหรอ แล้วสรุปว่าพ่อเด็กเป็นใคร? ทำไมไม่ให้ผู้ชายคนนั้นรับผิดชอบล่ะ?”
ณ ตอนนี้ การให้เสิ่นอวี้อิ๋งแต่งงานกับพ่อของเด็กย่อมเป็นทางออกที่น่าพอใจที่สุดแล้ว
เซี่ยหลานทั้งอับอายและเจ็บปวด แต่การอธิบายเหตุผลให้ผู้เฒ่าเซี่ยฟังนั้นเป็นเรื่องยากมาก
“พ่อคะ ตอนนี้เสิ่นเถี่ยจวินติดคุกแล้ว ตระกูลเสิ่นกำลังตกต่ำลงเรื่อยๆ หากว่าเด็กเป็นลูกของหลิวจื้อหมิง เขาคงจะไม่เต็มใจรับผิดชอบอวี้อิ๋งแน่นอน เพราะคนๆ นั้นก็เห็นแก่ผลประโยชน์พอๆ กับเสิ่นเถี่ยจวิน และนับตั้งแต่เสิ่นเถี่ยจวินติดคุก เขาก็หลบหน้าเราเหมือนเห็นสัตว์มีพิษ ในตอนที่อวี้อิ๋งคลอดลูก ฉันได้แจ้งให้ครอบครัวของเขาทราบด้วย แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะแสดงตัวออกมาและอ้างว่างานยุ่ง ถ้าเด็กเป็นลูกของคนชนบทนั่น อวี้อิ๋งจะไม่มีโอกาสได้นอนเตียงอุ่นๆ ด้วยซ้ำค่ะ”
เซี่ยหลานอธิบายต่อ “อวี้อิ๋งยังเด็กอยู่ เราปล่อยให้เด็กคนนั้นทำลายความสุขในชีวิตของหล่อนไม่ได้ หล่อนบอกว่าจะส่งเด็กไปไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก่อน จากนั้นรอให้หล่อนตั้งตัวได้ภายในสองปีแล้วจะไปรับเด็กกลับมาแน่นอน อีกอย่างหมอก็บอกว่าหล่อนอาจมีลูกคนที่สองได้ยาก ถ้าในอนาคตมีลูกอีกไม่ได้ เด็กคนนี้จะถูกรับกลับมาไม่ช้าก็เร็วค่ะ”
ต่อให้เซี่ยหลานจะเกลียดพฤติกรรมของเสิ่นอวี้อิ๋ง แต่ถึงตอนนี้หล่อนก็ยังปกป้องลูกสาวอย่างถึงที่สุด และแน่นอนว่าหล่อนยังอยากปกป้องชื่อเสียงหน้าตาของทุกคนด้วย
หล่อนพูดกับผู้เฒ่าเซี่ยว่า
“พ่อคะ ตอนนี้เรื่องยังไม่แพร่กระจายในวงกว้าง พวกเราก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเถอะ ฉันบอกอวี้อิ๋งแล้วว่าในอนาคตให้หางานทำ และไปทำงานด้วยความสบายใจ ถึงอย่างไรเรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว นี่เป็นวิธีเดียวที่รับประกันผลดีที่สุด และฉันคิดว่าจะไม่ทำให้ทุกคนต้องอับอายด้วย”
ผู้เฒ่าเซี่ยฟังการวิเคราะห์ของเซี่ยหลานแล้ว ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง
เสิ่นอวี้อิ๋งให้กำเนิดลูกสาวนอกสมรสแล้วไม่ยอมแต่งงานกับพ่อของเด็ก แต่ยังอยากมีความสุขในวันข้างหน้าอีกหรือ?
จะมีความสุขได้อย่างไร?
ผู้ชายคนใดจะยอมรับเรื่องเหลวไหลที่หล่อนก่อเอาไว้ได้?
ในอนาคตหล่อนต้องหลอกลวงคนที่ซื่อสัตย์อีกหรือไง?
ดูเหมือนว่าวิธีนี้เป็นการปกป้องหล่อนและชื่อเสียงของทุกคนแล้วก็จริง ทว่าแนวทางนี้จะทิ้งอันตรายซ่อนเอาไว้ และมันจะโผล่ขึ้นมาในอนาคต
และคนแบบเสิ่นอวี้อิ๋ง ไม่ใช่พระโพธิสัตว์ที่รักความสงบแน่นอน
เป็นไปไม่ได้ที่หล่อนจะครองตัวเป็นโสดหลังจากได้รับบทเรียนนี้
แต่ผู้เฒ่าเซี่ยไม่สามารถเข้าไปยุ่งกับปัญหาของพวกหล่อนได้เต็มร้อย และแน่นอนว่าเขาไม่อยากใส่ใจด้วย
สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำเพื่อช่วยเซี่ยหลานได้ในตอนนี้ คือเขาต้องดูแลเสิ่นอวี้หลงผู้เป็นหลานชายให้ดี และหวังว่าเด็กหนุ่มจะตื่นขึ้นมาในเร็ววัน
ผู้เฒ่าเซี่ยโบกมือด้วยความเหนื่อยล้า “งั้นก็แล้วแต่พวกลูกเถอะ มือดีๆ คู่หนึ่งกลับเล่นจนพังยับเยินเสียได้”
ผู้เฒ่าเซี่ยหันหลังกลับและเดินเข้าข้างใน แต่เซี่ยหลานรีบพูดตามหลังเขาว่า
“พ่อ อย่าโกรธเลยนะคะ เดี๋ยวฉันจะดูแลเรื่องนี้เอง”
เซี่ยหลานมองตามแผ่นหลังที่ค่อมลงของพ่อสูงวัยด้วยความรู้สึกผิด ทั้งยังไม่สบายใจที่สุด
เขาแก่ชรามากปูนนี้แล้ว กลับยังต้องมาดูแลลูกชายของหล่อนที่นี่อีก
หล่อนช่างอกตัญญูเหลือเกิน
เซี่ยหลานเดินทางกลับบ้านด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
เสิ่นอวี้อิ๋งยังคงหลับอยู่ ขณะที่เซี่ยหลานถามทันทีที่เข้ามาว่า “ลูกชงนมให้เด็กกินหรือยัง?”
“ชงแล้วค่ะ แต่หล่อนไม่ยอมกิน”
เซี่ยหลานไม่มีความไว้วางใจในตัวเสิ่นอวี้อิ๋งเลย หล่อนจึงรีบวิ่งไปตรวจดูปริมาณนมผงและขวดนม
เมื่อเห็นว่ายังมีนมเหลืออยู่ครึ่งขวดจริงๆ ก็พอจะวางใจได้
ทารกน้อยกำลังนอนหลับ เซี่ยหลานจึงไปนั่งข้างเตียงพลางถามเสินอวี้อิ๋งว่า
“อวี้อิ๋ง แล้วลูกวางแผนสำหรับอนาคตไว้ยังไง?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อยากให้มีคนมาแบ่งเบาภาระเซี่ยหลานจริงๆ ค่ะ เป็นนางแบกจนหลังแอ่นมาหลายตอนแล้ว ชาติที่แล้วนางต้องทำกรรมหนักขนาดไหนเนี่ยถึงต้องมาจัดการเรื่องเละเทะทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว
ไหหม่า(海馬)