ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 580 หลินเซี่ยได้พบปีศาจชั้นต่ำครั้งแรก
ตอนที่ 580 หลินเซี่ยได้พบปีศาจชั้นต่ำครั้งแรก
ตอนนี้หล่อนแค่อยากออกเดือนโดยเร็วที่สุด และเริ่มต้นชีวิตใหม่เร็วๆ สักที
เสิ่นอวี้อิ๋งแทบไม่สนใจลูกเลย เพราะในทุกวันหล่อนเอาแต่ดำดิ่งอยู่ในโลกของตัวเองและวางแผนเรื่องอนาคตข้างหน้าสำหรับตัวเอง
ถ้าลูกไม่ร้องไห้ หล่อนก็จำไม่ได้ว่าถึงเวลาต้องชงนมให้ลูกแล้ว
ทำให้ทุกเย็นเมื่อเซี่ยหลานกลับมาหลังจากเลิกงาน หล่อนจะต้องเตือนลูกสาวเสมอ ซึ่งเสิ่นอวี้อิ๋งก็ให้สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ ทว่าทันทีที่เซี่ยหลานจากไป หล่อนก็ทำตัวเหมือนเดิมและไม่สนใจลูกเลย
ในวันนี้เซี่ยหลานทำงานที่โรงพยาบาลตามปกติ ขณะกำลังจะพักรับประทานอาหารเที่ยงนั่นเอง ทันใดนั้นก็ได้รับโทรศัพท์จากเสิ่นอวี้อิ๋ง น้ำเสียงปลายสายฟังดูกังวลมากขณะบอกว่าเด็กมีไข้สูงทั้งยังไม่ยอมกินนม สถานการณ์จึงวิกฤติมาก
เสิ่นอวี้อิ๋งกลัวว่าหากเกิดอันใดขึ้นกับลูก เซี่ยหลานจะคิดว่าหล่อนจงใจทำร้ายเด็ก ทำให้หล่อนวิตกกังวลมาก
เซี่ยหลานจึงพูดทางโทรศัพท์ว่า “ลูกพาเด็กนั่งแท็กซี่มาที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย แม่จะรีบไปติดต่อกุมารแพทย์ไว้ให้”
“ได้ค่ะ”
หล่อนสวมหมวกไหมพรม หน้ากากผ้า ผ้าพันคอ เรียกว่าปิดบังตัวตนอย่างแน่นหนา
เซี่ยหลานได้ติดต่อผู้อำนวยการแผนกกุมารเวชไว้แล้ว หล่อนไปรับเสิ่นอวี้อิ๋งตรงทางเข้าโรงพยาบาล และรับเด็กมาอุ้มไว้เอง จากนั้นรีบไปที่คลินิกกุมารเวชของผู้อำนวยการทันที
ผู้อำนวยการแผนกกุมารเวชขมวดคิ้วหลังจากวินิจฉัยอาการ “เด็กทั้งขาดสารอาหาร เป็นหวัดและคออักเสบ ต้องรีบฉีดยาทันที”
เซี่ยหลานตอบรับ “ได้เลยค่ะ ผู้อำนวยการ ฉันขอรบกวนคุณด้วยนะคะ”
อาการของเด็กค่อนข้างร้ายแรง และเกรงว่าอาจทำให้เกิดโรคปอดบวมได้ เซี่ยหลานจึงบอกให้แอดมิทที่โรงพยาบาล และเสิ่นอวี้อิ๋งต้องอยู่ดูแลเท่านั้น
หลังจากที่ผู้อำนวยการแผนกกุมารเวชตรวจอาการของทารกแล้ว เขาก็สังเกตเห็นว่าเซี่ยหลานดูกังวลมาก จึงถามว่า “หมอเซี่ย เด็กคนนี้คือใครเหรอ?”
เซี่ยหลานเผลอกะพริบตาและตอบว่า “นี่คือลูกของหลานสาวห่างๆ ของฉันเอง คนหนุ่มสาวบางทีก็ดูแลเด็กไม่เก่ง คุณช่วยดูหน่อยนะคะ”
“ได้ งั้นเริ่มด้วยการฉีดยาก่อน”
หลังจากที่ผู้อำนวยการออกไปแล้ว เหลือเพียงเซี่ยหลานและเสิ่นอวี้อิ๋งอยู่ในห้องพักผู้ป่วยด้วยกัน
เสิ่นอวี้อิ๋งถามเซี่ยหลานด้วยความไม่แน่ใจ “แล้วบ่ายนี้คุณจะไปทำงานไหมคะ?”
เพราะหลังจากที่เสิ่นอวี้อิ๋งได้ยินเซี่ยหลานแนะนำผู้อำนวยการแผนกกุมารเวชว่าหล่อนเป็นหลานสาวห่างๆ หล่อนจึงไม่เรียกเซี่ยหลานว่าแม่อีก
แต่ความตั้งใจของหล่อนดูชัดเจนมากว่าต้องการให้เซี่ยหลานดูแลเด็ก ส่วนหล่อนจะกลับ
เพราะเสิ่นอวี้อิ๋งเคยมาที่โรงพยาบาลนี้ หล่อนจึงกลัวว่าเพื่อนร่วมงานของเซี่ยหลานจะจำหล่อนได้
เซี่ยหลานตอบว่า “ฉันมีประชุมสำคัญที่ต้องเข้าร่วมในตอนบ่าย ส่วนเธอเฝ้าดูการให้น้ำเกลือเด็กที่นี่ ถ้าประชุมเสร็จแล้วฉันจะมาหา”
เซี่ยหลานไปซื้ออาหารที่โรงอาหารของโรงพยาบาลมาให้ จากนั้นก็กลับไปทำงาน
เสิ่นอวี้อิ๋งจึงทำได้เพียงอยู่ดูแลลูกเท่านั้น
หล่อนไม่เคยกล้าถอดหน้ากากผ้าออกเลย เพราะยังอยู่เดือนและกลัวโดนลม มิหนำซ้ำยังกลัวถูกจำได้
ในขณะที่กินข้าว หล่อนยังก้มหัวลงไม่กล้าเผชิญหน้าใครแม้แต่คนแปลกหน้า
ในช่วงบ่าย เซี่ยหลานประชุมเสร็จและเพิ่งกลับมาที่ห้องพักแพทย์ และได้เห็นร่างที่คุ้นตาอยู่ในโถงทางเดิน
“แม่คะ ฉันได้ยินจากเพื่อนร่วมงานของแม่บอกว่าแม่ไปประชุม ฉันจึงรอแม่อยู่ที่นี่ค่ะ”
เมื่อเซี่ยหลานได้เห็นหลินเซี่ยแล้ว ใบหน้าของหล่อนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พลางรีบเดินมาหา “เซี่ยเซี่ย มาที่นี่ได้ไง?”
หลินเซี่ยพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันเพิ่งไปตรวจร่างกายที่บ้านผู้อาวุโสเย่มาค่ะแม่ ได้ยินจากคุณตาว่าแม่กลับมาแล้ว ฉันก็เลยแวะมาหาน่ะค่ะ”
หลินเซี่ยหยิบถุงของขวัญสีแดงที่ใส่ลูกอมงานแต่งออกจากกระเป๋าแล้วมอบให้เซี่ยหลาน “แม่คะ นี่คือลูกอมงานแต่งที่ฉันเก็บไว้ให้แม่ รับไปสิคะ”
“อื้ม ขอบคุณนะ”
เซี่ยหลานรับถุงลูกอมงานแต่งจากมือของหลินเซี่ย จากนั้นก็หยิบมันขึ้นมาหนึ่งเม็ด ลอกกระดาษห่อลูกอมออกแล้วใส่เข้าปาก
หล่อนกินลูกอมพลางมองหลินเซี่ยด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข
“หวานมากเลย เซี่ยเซี่ย แม่มีความสุขมากที่ได้เห็นว่าตอนนี้ลูกใช้ชีวิตมีความสุขมากแค่ไหน”
“ขอบคุณค่ะแม่ ฉันก็มีความสุขมากๆ ที่ได้รับคำอวยพรจากแม่”
เซี่ยหลานเพิ่งได้ยินหลินเซี่ยพูดว่าเพิ่งไปตรวจสุขภาพที่บ้านของผู้อาวุโสเย่ และในฐานะหมอ เวลามองหลินเซี่ยแบบนี้ ก็เห็นว่าใบหน้าหลินเซี่ยมีเลือดฝาด ดูไม่เหมือนคนที่ป่วยเลย
ดวงตาของหล่อนเคลื่อนไหวและถามด้วยรอยยิ้มว่า “เซี่ยเซี่ย ลูกกับเฉินเจียเหออยู่ด้วยกันมาหนึ่งปีแล้ว มีข่าวดีบ้างไหม?”
เมื่อเซี่ยหลานถามเกี่ยวกับหัวข้อนี้ หลินเซี่ยก็ไม่ได้ปิดบังและบอกตามตรงว่า “ฉันท้องแล้วค่ะแม่ วันนี้ฉันไปหาผู้อาวุโสเย่เพื่อตรวจชีพจร ทุกสิ่งราบรื่นดี ตอนนี้อายุครรภ์จะสามเดือนแล้วค่ะ”
เนื่องจากเซี่ยหลานเป็นคนที่เลี้ยงดูเธอมา หลินเซี่ยจึงรู้สึกว่าสมควรบอกข่าวดีเช่นนี้ให้เซี่ยหลานทราบ
เมื่อเซี่ยหลานได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย สีหน้าของหล่อนก็เต็มไปด้วยความสุข จับมืออีกฝ่ายไว้พลางเอ่ย “เยี่ยมมากเลย เมื่อแต่งงานแล้วก็มีลูกทันใช้”
เซี่ยหลานมองหลินเซี่ยแล้วอดนึกถึงเสิ่นอวี้อิ๋งกับหลานสาวในแผนกกุมารเวชขึ้นมาไม่ได้ ทันใดนั้นหัวใจก็เกิดความซับซ้อนยากจะอธิบาย
การตั้งครรภ์ของผู้หญิงที่ได้แต่งงานตามขั้นตอนประเพณีคือความน่ายินดี แน่นอนว่าทั้งตระกูลเฉินและตระกูลเซี่ยจะต้องมีความสุขมากๆ
ดังนั้นเด็กคนนี้จะคลอดออกมาท่ามกลางความสุขและความคาดหวังของทุกคน
แต่ลูกของเสิ่นอวี้อิ๋งกลับไม่มีแววจะได้เห็นแสงสว่างนั้นเลย
หัวใจของเซี่ยหลานเต็มไปด้วยความขมขื่น
หล่อนรู้สึกเสียใจต่อทารกแรกเกิดคนนั้น รู้สึกเกลียดเสิ่นอวี้อิ๋งที่ไม่รักตัวเอง และยังโทษตัวเองที่ละเลยการอบรมสั่งสอนลูกสาวด้วย
ในเวลานี้มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเดินผ่านมาและทักทายเซี่ยหลาน หล่อนที่ยังมีลูกอมงานแต่งอยู่ในมือจึงมอบให้เพื่อนร่วมงานสองเม็ด เพื่อนร่วมงานยิ้มแล้วพูดว่า “หมอเซี่ย นี่คือลูกสาวของคุณใช่ไหม?”
นี่คือแพทย์หญิงซึ่งถูกจัดสรรให้มาทำงานที่นี่ไม่นาน หล่อนจึงไม่รู้จักลูกสาวของเซี่ยหลาน
เซี่ยหลานพยักหน้าพลางเอ่ย “ใช่”
“อ้อ เมื่อครู่เสี่ยวหลิวเพิ่งบอกว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งอุ้มเด็กอยู่ หล่อนดูกังวลมากและบอกว่าคุณพาหล่อนไปพบหมอที่คลินิกกุมารเวช ทุกคนจึงคิดว่าหล่อนเป็นลูกสาวของคุณน่ะ”
เซี่ยหลานไม่คาดคิดว่าเมื่อสักครู่นี้เพื่อนร่วมงานจะเห็นหล่อนส่งเสิ่นอวี้อิ๋งและลูกไปหากุมารแพทย์ จึงมีท่าทางอึดอัดและดูไม่สบายใจ จากนั้นตอบด้วยความคลุมเครือว่า “นั่นคือหลานสาวของฉันน่ะ”
“อ้อ”
เพื่อนร่วมงานจึงถือลูกอมงานแต่งแล้วไปทำงาน
ขณะที่หล่อนพูด เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของเซี่ยหลานก็ดังขึ้น ซึ่งเป็นเสิ่นอวี้อิ๋งที่โทรมานั่นเอง ทำให้เซี่ยหลานไม่มีโอกาสได้พูดเลย เพราะเสิ่นอวี้อิ๋งพูดด้วยน้ำเสียงกังวลมาก
“แม่รีบมานี่เร็วๆ เถอะค่ะ น้ำเกลือของลูกใกล้จะหมดแล้ว จู่ๆ หล่อนก็เอาแต่ร้องไห้ขึ้นมา ฉันเกลี้ยกล่อมหล่อนไม่ได้เลย แม่ลองเข้ามาดูหน่อย ถ้าเข็มน้ำเกลือหลุดจะยิ่งลำบากแน่”
เมื่อเซี่ยหลานได้ยินเสียงจากปลายสาย หล่อนไม่ตอบและวางสายไปทันที
มีความผิดปกติกับเด็ก และหล่อนต้องไปดู
เซี่ยหลานมองหลินเซี่ยและพูดด้วยสีหน้าลำบากใจว่า “เซี่ยเซี่ย หากลูกมีธุระก็กลับไปทำก่อนเถอะ แต่ถ้าว่าง ก็ไปรอที่ห้องพักของแม่ได้นะ อีกเดี๋ยวแม่จะกลับมาหา”
“แม่มีเรื่องฉุกเฉินเหรอคะ?” หลินเซี่ยมองหล่อนแล้วถาม
เซี่ยหลานไม่ได้พูดชัดเจน “ไม่ใช่หรอก แค่เรื่องเล็กน้อยน่ะ”
“ตกลง งั้นแม่ไปทำงานเถอะค่ะ”
เซี่ยหลานรีบวิ่งไปทันที ส่วนหลินเซี่ยยืนอยู่ตรงโถงทางเดินและเม้มปาก
เดาได้ว่าเสิ่นอวี้อิ๋งอยู่ในโรงพยาบาลนี้พร้อมกับลูกน้อยของหล่อน
เมื่อนึกถึงปีศาจชั้นต่ำนั่น หลินเซียที่กำลังจะกลับบ้านจึงตัดสินใจตามไปดูเพราะห้ามใจไม่ไหว
บางทีคนเราก็มีความโรคจิต ทั้งๆ ที่เธอเกลียดเสิ่นอวี้อิ๋งกับลูกสาวมาก แต่เมื่อรู้ว่าปีศาจชั้นต่ำที่ชาติก่อนเธอเลี้ยงมากับมือได้ลืมตาดูโลกแล้ว เธอก็ยังอยากจะไปดูกับตาตัวเอง
แต่ไม่ใช่เพราะความคิดถึง เธอแค่อยากไปดูความสนุก และไปเห็นความตกต่ำของเสิ่นอวี้อิ๋งตอนนี้ต่างหาก
เธอวิ่งไปที่แผนกผู้ป่วยในเด็ก จากนั้นจึงได้เห็นเซี่ยหลานเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยจากระยะไกล
เนื่องจากมีเซี่ยหลานอยู่ด้วย หลินเซี่ยจึงไม่ต้องการทำให้อีกฝ่ายอับอาย
เธอจึงไม่ได้ตามเข้าไป
เธอแค่เฝ้าดูอยู่ห่างๆ หลังจากนั้นสักพักหนึ่ง เซี่ยหลานก็เดินออกมาและดูเหมือนจะลงไปชั้นล่างแล้ว
หลินเซี่ยจึงค่อยๆ เดินออกจากหัวมุมผนังและเดินไปยังห้องพักผู้ป่วยเด็ก
ทันทีที่มาถึงประตูห้องพักรวม เธอก็เห็นแผ่นหลังที่บวมหนาได้จากระยะไกล
ผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ข้างเตียง แม้อีกฝ่ายจะสวมเสื้อผ้าหนาเตอะทั้งยังหันหลังให้เธอ แต่หลินเซี่ยก็จดจำได้แม่นว่านั่นคือเสิ่นอวี้อิ๋ง
หลินเซี่ยเดินเข้ามาดูและพบว่าเด็กบนเตียงผู้ป่วยกำลังร้องไห้สะเทือนเลือนลั่น แต่เสิ่นอวี้อิ๋งไม่สนใจที่จะอุ้มด้วยซ้ำ ทำแค่นั่งอยู่ที่นั่นด้วยอาการหงุดหงิดและสายตาโกรธเคือง
ห้องพักผู้ป่วยนี้มีเพียงสองเตียงเท่านั้น ซึ่งเตียงข้างๆ ว่างเปล่า จึงมีเพียงเสิ่นอวี้อิ๋งและทารกบนเตียงอยู่ในห้องนี้
เสิ่นอวี้อิ๋งได้ยินเสียงฝีเท้าและคิดว่าเป็นพยาบาลเดินเข้ามา หล่อนจึงไม่ได้หันกลับมามอง
“เฮ้ เสิ่นอวี้อิ๋ง เป็นเธอเองเหรอเนี่ย?”
ทันใดนั้นเสิ่นอวี้อิ๋งก็ได้ยินเสียงของหลินเซี่ย จึงหันขวับมามอง เมื่อเห็นหน้าคนคุ้นเคย ก็ดูตกใจมากและรีบไปหยิบหน้ากากขึ้นมาใส่ แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
หลินเซี่ยรีบก้าวไวๆ และหยุดยืนอยู่ตรงเบื้องหน้าของอีกฝ่าย เธอแสร้งมองเสิ่นอวี้อิ๋งด้วยความไม่เชื่อ “เสิ่นอวี้อิ๋ง เด็กคนนี้เป็นลูกเธอเหรอ?”
ในตอนนี้เอง ทารกที่ร้องไห้หนักมากบนเตียงผู้ป่วยกลับหยุดร้องไห้ทันทีเมื่อได้เห็นหลินเซี่ย
ใบหน้าเล็กๆ ของหล่อนอาบไปด้วยคราบน้ำตา แต่หล่อนพยายามหันหน้าสุดกำลังเพื่อมองผู้พูด
ทารกพยายามถีบผ้าห่มโดยแรงและดิ้นรนอย่างหนัก หันหน้ามาเต็มที่เพราะต้องการเห็นหลินเซี่ยให้ชัดเจน ปากน้อยๆ ยังพูดพล่ามคล้ายพยายามดึงดูดความสนใจ
เสิ่นอวี้อิ๋งมองหลินเซี่ยด้วยความระมัดระวังราวกับแม่ไก่พร้อมสู้ และถามด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรว่า “เธอมาทำอะไรที่นี่?”
หลินเซี่ยยืนเอามือล้วงกระเป๋าและและพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ว่า “อ้อ ก็ฉันได้ยินมาว่าหลานสาวของหมอเซี่ยพาลูกมารักษาที่โรงพยาบาลนี้ด้วย ฉันจึงมาดูว่าเป็นหลานสาวคนไหน เพราะตอนแรกฉันคิดว่าเป็นลูกของลุงเซี่ยตง แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเธอน่ะ”
เธอมองเสิ่นอวี้อิ๋งและพูดด้วยความเย้ยหยันว่า “ยังนึกสงสัยว่าช่วงนี้เธอเงียบหายไปไหน ที่แท้ก็แอบไปคลอดลูกเองเหรอ?”
“ไม่เกี่ยวกับเธอ”
ดวงตาของหลินเซี่ยจ้องมองไปยังทารกบนเตียง ในสายตามีแต่ความเย็นชา
ในชีวิตใหม่นี้ เธอได้พบกับปีศาจชั้นต่ำเร็วกว่าเดิม
…………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เจอกับยัยลูกเปรตในชาติก่อนแล้ว จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงกับชีวิตเซี่ยเซี่ยในชาตินี้ไหมเนี่ย
ไหหม่า(海馬)
……………………………………