ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 585 แลกกันคนละหมัด
ตอนที่ 585 แลกกันคนละหมัด
เสิ่นอวี้อิ๋งได้รับเงินห้าร้อยหยวนมาจากครอบครัวหลิว จึงวางแผนจะออกไปลงทะเบียนและชำระค่าเล่าเรียนในวันรุ่งขึ้น แต่ตอนนี้หล่อนตั้งใจว่าจะแวะไปเยี่ยมผู้เฒ่าเสิ่นสักหน่อย
หล่อนรู้ดีว่าไม่มีใครชอบเด็กคนนี้ ดังนั้นจึงคิดว่าจะไม่พาออกไปด้วย
วันนี้เซี่ยหลานหยุดพักผ่อนพอดี ดังนั้นหล่อนจึงส่งมอบเด็กให้เซี่ยหลาน ฝากให้หล่อนช่วยดูแลเป็นเวลาสองชั่วโมง เซี่ยหลานที่ได้ยินว่าเสิ่นอวี้อิ๋งกำลังจะไปเยี่ยมผู้เฒ่าก็ไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด
ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นคุณปู่โดยสายเลือดของหล่อน
อีกอย่างการที่หล่อนออกปากว่าจะไปเยี่ยม แสดงให้เห็นว่ายังพอมีมโนธรรมอยู่บ้าง
เมื่อเสิ่นอวี้อิ๋งมาถึงบ้านตระกูลเสิ่น ก็เห็นผู้เฒ่าเสิ่นนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย มีอาการไอตลอดเวลา
เมื่อเห็นใบหน้าที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรงของชายชรา เสิ่นอวี้อิ๋งก็ถึงกับหลั่งน้ำตาพลางพูดว่า “คุณปู่คะ ฉันอวี้อิ๋งเอง ฉันกลับมาแล้วค่ะ”
เมื่อผู้เฒ่าเสิ่นเห็นเสิ่นอวี้อิ๋ง เขาก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นเรียบเฉยบึ้งตึงทันที
“กินแล้ว รู้สึกดีขึ้นมาก”
ลูกชายของเขาถูกตัดสินจำคุก เรื่องนี้ทำให้ผู้เฒ่าเสิ่นรู้สึกเสียหน้าเหมือนจะตาย
ผู้เฒ่าเสิ่นมองไปที่เสิ่นอวี้อิ๋งด้วยความรังเกียจอย่างชัดเจนผ่านสายตา
หล่อนกระทำสิ่งที่ผิดศีลธรรม นำความอับอายมาสู่ตระกูลเสิ่น เขาไม่อยากเจอหน้าหล่อนเลยจริง ๆ
แต่เมื่ออายุมากขึ้นทุกวัน เขาก็เริ่มโหยหาคนรุ่นหลังที่อายุน้อยกว่า
ดังนั้น เมื่อเขาเห็นหล่อนตอนนี้ เขาก็ไม่ได้ดุด่าหรือตำหนิอีกฝ่าย แน่นอนว่าเหตุผลหลักก็คือตอนนี้เขาไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะสาปแช่งหล่อนอีกแล้ว
เสิ่นอวี้อิ๋งร้องไห้ ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง
“คุณปู่คะ ฉันขอโทษ ฉันถูกคนอื่นหลอก เลยเผลอทำอะไรที่ไม่ดีไม่งาม ฉันเพิ่งเข้ามาอยู่ในเมืองเป็นครั้งแรก แต่ดันใจง่าย ไม่เข้าใจธรรมชาติอันเลวร้ายของจิตใจคน ทำให้ฉันประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ ถือเป็นบทเรียนราคาแพง จากนี้ฉันจะกลับตัวเป็นคนดีค่ะ”
ผู้เฒ่าเสิ่นเพิกเฉยต่อคำสารภาพของหล่อน ถามตรง ๆ ว่า “เด็กคนนั้นล่ะ? เธอวางแผนไว้ยังไง? ไปตรวจความเป็นพ่อหรือยัง?”
ผู้เฒ่าเสิ่นเยาะเย้ย “ฉันเคยบอกเธอแล้ว ว่าไอ้หมอนั่นน่ะเชื่อถือไม่ได้”
“ฉันเลยตั้งใจว่าจะส่งเด็กไปอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าค่ะ” เสิ่นอวี้อิ๋งแสดงความคิดของเธอ
เมื่อผู้เฒ่าเสิ่นได้ยินดังนั้น เขาก็คร่ำครวญ “ก็ดี”
ถ้าเก็บเด็กไว้ที่บ้านก็มีแต่จะกลายเป็นเรื่องที่น่าอับอาย มีแต่ทำให้คนในบ้านขายหน้า การส่งไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เสิ่นอวี้อิ๋งไม่เห็นเสิ่นเสี่ยวเหมย ดังนั้นหล่อนจึงถามผู้เฒ่าเสิ่น “คุณปู่ ลูกพี่ลูกน้องฉันล่ะคะ?”
“หล่อนออกไปซื้อของ น่าจะกลับมาเร็ว ๆ นี้”
ตอนแรกเสิ่นอวี้อิ๋งสอบถามเบื้องต้นจากคนอื่น ๆ คิดว่าระหว่างนี้เสิ่นเสี่ยวเหมยอาจจะยังถูกควบคุมตัวอยู่ หรือผู้เฒ่าเสิ่นอาจไล่หล่อนออกจากบ้านหลังจากถูกควบคุมตัว
เสิ่นเสี่ยวเหมยยังคงอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ แปลว่าหล่อนต้องการมรดกเป็นบ้านหลังนี้หลังจากผู้เฒ่าเสิ่นเสียชีวิตงั้นเหรอ?
ฝันไปเถอะ
เสิ่นอวี้อิ๋งช่วยทำความสะอาดบ้านอย่างขยันขันแข็ง พอเหลือบไปเห็นโถปัสสาวะของผู้เฒ่าเสิ่นที่อยู่ปลายเตียง หล่อนยังหยิบเอาไปเททิ้งให้โดยไม่รังเกียจ
ผู้เฒ่าเสิ่นเห็นว่าหล่อนขยันมากกว่าแต่ก่อน สีหน้าของเขาก็อ่อนลงเล็กน้อย
อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เป็นหลานสาวของตัวเอง ถึงแม้จะเคยทำผิดพลาด แต่ก็ยังพอรับได้
ทันใดนั้นเอง เสิ่นเสี่ยวเหมยก็กลับมาพร้อมกับอาหารเต็มมือ
มีผู้หญิงอีกคนหนึ่งตามกลับมาด้วย
“พี่ถังหลิง?” เสิ่นอวี้อิ๋งจำผู้หญิงที่อยู่ถัดจากเสิ่นเสี่ยวเหมยได้ในทันที สีหน้าดูประหลาดใจมาก
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าหล่อนสวมชุดพนักงานเสิร์ฟ มัดผมหางม้าต่ำ ถ้าไม่ใช่เพราะใบหน้าที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี เสิ่นอวี้อิ๋งคงไม่สามารถปะติดปะต่อได้ว่าหล่อนกับหญิงสาวที่แต่งตัวทันสมัยสวยระหงเมื่อก่อนคือคนคนเดียวกัน
อีกอย่าง ปรากฏว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยยังมีสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับถังหลิง เป็นสิ่งที่เสิ่นอวี้อิ๋งไม่คาดคิดมาก่อน
สมกับที่เป็นจอมงี่เง่าจริง ๆ
ด้านถังหลิงและเสิ่นเสี่ยวเหมยก็ประหลาดใจเช่นกันเมื่อเห็นเสิ่นอวี้อิ๋ง
“อวี้อิ๋ง?”
เห็นได้ชัดว่าพวกหล่อนประหลาดใจมากกับการปรากฏตัวของเสิ่นอวี้อิ๋งต่อหน้าต่อตาอย่างนี้
“อวี้อิ๋ง คลอดแล้วสินะถึงได้กลับมาได้?” น้ำเสียงของเสิ่นเสี่ยวเหมยเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย
ดวงตาของเสิ่นอวี้อิ๋งฉายแววเย็นชา
ผู้หญิงขี้แพ้คนนี้ยังมีแก่ใจมาเหน็บแนมชาวบ้านอีก
เสิ่นอวี้อิ๋งยิ้มพร้อมตอบว่า “ใช่ค่ะอา ฉันแวะมาเยี่ยมคุณปู่ นึกว่าคุณยังไม่ออกมาจากสถานกักกันซะอีก”
คิดจะหาข้อบกพร่องมากระแนะกระแหนงั้นเหรอ? ทำไมฉันจะมองไม่ออก!
ถ้าอย่างนั้นก็แลกกันคนละหมัดไปเลย
ใบหน้าของเสิ่นเสี่ยวเหมยเปลี่ยนเป็นสีคล้ำเข้มเหมือนตับหมูทันที
สีหน้าหล่อนพลันเย็นชา แค่นเสียงตะคอก “เธอเองก็กลับมาพร้อมกับลูกสาวนอกสมรสไม่ใช่เหรอ? อย่ามาทำให้พวกเราอับอายไปกว่านี้ รีบกลับไปซะ ที่นี่ไม่ต้อนรับแก”
เสิ่นอวี้อิ๋งต่อต้านความต้องการที่จะฉีกปากอีกฝ่าย พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าหมองว่า “อา ที่นี่คือบ้านของปู่ฉัน ถือเป็นบ้านของฉันด้วยเหมือนกัน วันนี้ฉันตั้งใจมาเยี่ยมคุณปู่ คุณมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉันออกไปมิทราบ? คุณไม่ใช่อาแท้ ๆ ของฉันด้วยซ้ำ ถ้าฉันไม่สมควรอยู่ที่นี่ คุณเองก็ควรระเห็จออกไปจากบ้านหลังนี้เหมือนกัน”
เสิ่นอวี้อิ๋งประกาศอำนาจอธิปไตยด้วยวิธีนี้
ต่อให้ชายชราตาย เสิ่นเสี่ยวเหมยก็ไม่ควรอยู่ในบ้านหลังนี้
เสิ่นเสี่ยวเหมยโกรธจัด จากนั้นก็เริ่มเปิดฉากทะเลาะกับหล่อน “พูดบ้าอะไรของแก? แกต่างหากกล้าดียังไงมาไล่ฉันออกไป? ฉันซุกหัวนอนอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็ก ที่นี่คือบ้านของฉัน แกจะไล่ฉันไปไหน?”
“อา คุณมายั่วยุฉันก่อนนะ” เสิ่นอวี้อิ๋งมองไปยังเสิ่นเสี่ยวเหมยที่กำลังโกรธแค้น จากนั้นก็ยอมอ่อนข้อในเวลาที่เหมาะสม “อาคะ เราเป็นคนกันเองแท้ ๆ จะโต้เถียงซ้ำเติมกันไปมาให้มันได้อะไร? ครอบครัวเราตอนนี้กลายเป็นแบบนี้ไปแล้วเพราะนังสารเลวหลินเซี่ย ถ้าคุณแค้นมากก็ควรไปหาหล่อนเพื่อเอาคืน จะต่อต้านฉันเพื่อประโยชน์อะไร?”
เสิ่นอวี้อิ๋งมองไปที่เสิ่นเสี่ยวเหมย เปิดเผยข้อบกพร่องของอีกฝ่ายต่อไป “ดูสิว่าการแต่งงานครั้งก่อนของคุณเป็นไปด้วยดีแค่ไหน? เฉินเจียซิ่งออกจะรักคุณปานนั้น แต่ทันทีที่เฉินเจียเหอกับหลินเซี่ยแต่งงานกัน ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ฉันรู้สึกเสียใจแทนคุณอยู่เสมอ แต่ตอนนี้ฉันแค่ยังไม่มีปัญญา ถ้าฉันมีความสามารถมากพอ คงพอช่วยคุณระบายความแค้นได้บ้าง”
เมื่อเอ่ยถึงหลินเซี่ย แววตาขุ่นเคืองก็ฉายไปทั่วใบหน้าของถังหลิง หล่อนสงบสติอารมณ์ “เอาน่า พวกเธอทั้งสองคนเป็นครอบครัวเดียวกัน อวี้อิ๋งพูดถูก หยุดทะเลาะกันในบ้านตัวเองได้แล้ว เข้าไปข้างในกันเถอะ”
พวกเธอทั้งสามไม่มีเสน่ห์แพรวพราวเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป ถังหลิงได้รับเชิญให้ไปปรับทัศนคติที่สถานีตำรวจเนื่องจากข้อพิพาททางการเงินกับอดีตสามี ทั้งยังถูกสอบสวนและควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ข้อหาสมรู้ร่วมคิดและให้แนวคิดที่ไม่ดีกับเสิ่นเสี่ยวเหมยเพื่อใส่ร้ายหลินเซี่ย ด้านเสิ่นเสี่ยวเหมยก็ถูกควบคุมตัวเช่นกัน หลังจากถูกกักกันในโรงพักอยู่ครึ่งเดือน ทั้งคู่ต่างก็หางานดี ๆ ทำไม่ได้ ไม่ต่างจากผีเสื้อกลางคืนที่เกาะอยู่ในบ้านของผู้เฒ่าเสิ่น
เสิ่นอวี้อิ๋งเพิ่งกลับบ้าน แต่บังเอิญเผชิญหน้ากับถังหลิงและเสิ่นเสี่ยวเหมย ดังนั้นหล่อนจึงกลับไปรวมกลุ่มกับทั้งสองอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม วันนี้เซี่ยหลานหยุดอยู่บ้าน คอยดูแลลูกน้อยให้หล่อนได้
ถึงสีหน้าของเสิ่นเสี่ยวเหมยไม่สู้ดีเท่าใด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากอีก ขณะที่ถังหลิงคลี่ยิ้มและพูดกับเสิ่นอวี้อิ๋งว่า “อวี้อิ๋ง อยู่ทำกับข้าวด้วยกันก่อนนะ”
เมื่อเข้าไปในครัว ถังหลิงก็ถามไถ่เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของเสิ่นอวี้อิ๋ง โดยมีเสิ่นเสี่ยวเหมยคอยประชดประชันอยู่ข้าง ๆ แต่เสิ่นอวี้อิ๋งไม่สนใจ ตอนนี้หล่อนต้องการเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ต่อให้อีกฝ่ายเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่ไร้ประโยชน์
“เด็กตายตั้งแต่ตอนคลอดแล้ว” เสิ่นอวี้อิ๋งตอบสนองต่อความอยากรู้อยากเห็นของถังหลิงและเสิ่นเสี่ยวเหมย
“ตายตั้งแต่คลอด?” เสิ่นเสี่ยวเหมยถามด้วยความไม่เชื่อ “ฉันได้ยินมาว่าเซี่ยหลานไปหาเธอนะ เด็กนั่นตายได้ยังไง?”
เสิ่นเสี่ยวเหมยรู้สึกเสียใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินข่าวดังกล่าว
“สุขภาพของฉันไม่ค่อยดีนักในระหว่างตั้งท้อง เด็กเลยอ่อนแอมาก หมอยื้อชีวิตไว้ไม่ได้”
เสิ่นอวี้อิ๋งหาข้อแก้ตัวแบบขอไปที เพราะถึงอย่างไรเด็กคนนั้นก็จะถูกส่งตัวไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าภายในไม่กี่วันนี้แล้ว ไม่ต่างจากการตายจาก
การบอกว่าเด็กตายไปแล้ว น่าจะดีกว่าบอกให้เสิ่นเสี่ยวเหมยรู้ว่าตัวเองส่งเด็กไปอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
มิฉะนั้น เสิ่นเสี่ยวเหมยจะหัวเราะเยาะหล่อนอีกครั้ง
และถ้าผู้เฒ่าเสิ่นถามอีกรอบ หล่อนจะกลับคำพูดเสียใหม่ บอกว่าเด็กคนนั้นขาดอากาศหายใจตายไปแล้ว
“อวี้อิ๋ง อย่าเศร้าไปเลยนะ”
ถังหลิงปลอบใจเสิ่นอวี้อิ๋งด้วยรอยยิ้มปลอม ๆ บนใบหน้า ในขณะที่เสิ่นเสี่ยวเหมยซึ่งกำลังหั่นผักพูดประชดขึ้นมาอีก “ก็แค่เด็กนอกสมรส มีอะไรให้เศร้ากัน ดีซะอีกที่ตาย ๆ ไปซะ จะได้ไม่ต้องอยู่ประจานให้ขายหน้า”
ถังหลิงรีบดึงแขนเสิ่นเสี่ยวเหมยแล้วพูดว่า “เสี่ยวเหมย หยุดพูดสักทีเถอะน่า”
ตั้งแต่เสิ่นเถี่ยจวินถูกจำคุก เสิ่นเสี่ยวเหมยก็รังเกียจหลานสาวอย่างเสิ่นอวี้อิ๋งมาก
นับตั้งแต่หล่อนเข้ามาอยู่ในเมือง ที่บ้านก็ไม่หลงเหลือความสงบสุขอีกเลย
ช่างเป็นตัวซวยของบ้านจริง ๆ
“อวี้อิ๋ง จากนี้ไปเธอวางแผนไว้ว่ายังไงบ้าง?” ถังหลิงถามหล่อน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ฉากฝนตกขี้หมูไหล คนจัญไรมาเจอกันชัดๆ จะร่วมมือหรือจะฆ่ากันตายก่อนล่ะเนี่ย
ไหหม่า(海馬)
……………………………………