ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 595 อาบังคับหล่อน
ตอนที่ 595 อาบังคับหล่อน
ริมฝีปากของเซี่ยไห่แตกเล็กน้อย แต่คุณแม่เซี่ยมีสายตาเฉียบคมจนสามารถมองเห็นแผลได้ชัดเจน
นัยน์ตาของเซี่ยไห่สั่นไหว เขากำลังจะตอบว่าถูกลูกแมวข่วน แต่ก็กลัวพวกหล่อนไม่เชื่อจึงเปลี่ยนน้ำเสียงแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่นอนดึก”
“โอ้”
คุณแม่เซี่ยไม่ได้ถามอีก แต่ยังคงจ้องมองใบหน้าของเขาด้วยความสสัยและไม่ปักใจเชื่อ
คนหนุ่มสาวสมัยนี้โกหกไม่แนบเนียนเอาเสียเลย
ดวงตาของนางจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากของเซี่ยไห่ราวกับเรดาห์ตรวจจับสิ่งของบางอย่าง
จากนั้นเลื่อนสายตามองลินดาที่ยืนอยู่ข้างเขา
จะพูดอย่างไรดี?
ในฐานะที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน การปรากฏตัวของทั้งสองคนในวันนี้ทำให้ทุกคนสับสนไม่น้อย
โดยเฉพาะแผลบนริมฝีปาก ฮ่าๆ พวกหล่อนพอจะปะติดปะต่อได้แล้ว
นั่นคือรอยถูกกัดใช่ไหม?
ขณะที่เซี่ยไห่กำลังจะอธิบาย ลินดาก็มองเซี่ยอวี่ด้วยสายตาจริงจังพลางถามว่า “คุณพร้อมหรือยัง? ถึงเวลาที่ต้องออกไปแล้ว”
เซี่ยอวี่ตอบ “ฉันพร้อมแล้ว เรากำลังรอเธออยู่น่ะ”
พวกหล่อนไม่มีเวลามากพอที่จะซักถามต่อ เซี่ยอวี่สวมเสื้อโค้ต แว่นกันแดด และถือกระเป๋าก่อนเดินออกไป
ตอนนี้ลินดามาถึงแล้ว ดังนั้นเซี่ยอวี่จึงไม่ต้องการให้หลินเซี่ยไปกับหล่อนอีกต่อไป จึงพูดว่า “เซี่ยเซี่ย ถ้าอย่างนั้นหลานรออยู่ที่บ้านก็แล้วกัน ตอนนี้หลานไม่ต้องไปแล้ว อาจะไปกับลินดาน่ะ”
อย่างไรก็ตามลินดาพูดว่า “พวกเราพาเซี่ยเซี่ยไปด้วยเถอะ หลังจากคุยเรื่องบทเสร็จแล้ว เราก็คุยเรื่องการแต่งหน้าของตัวละครกัน”
ลินดามองหลินเซี่ยแล้วพูด “อาของเธอได้รับบทละครสมัยใหม่ แล้วเธอก็แต่งหน้าเก่งมาก ถ้าอย่างงั้นมากับพวกเราสิ”
เมื่อลินดาต้องทำงาน คนรอบตัวก็สามารถสัมผัสได้ว่าบุคลิกของหล่อนเปลี่ยนไป ลินดาสำรวจการแต่งหน้าโดยรวมของเซี่ยอวี่ เมื่อมองไปที่หลินเซี่ย หล่อนก็เข้าใจบางอย่าง
นี่คือการแต่งหน้าแบบตัวละครที่เซี่ยอวี่ขอให้หลินเซี่ยแต่งให้เป็นพิเศษ
ดังนั้น เซี่ยอวี่จึงตั้งใจพาหลินเซี่ยเข้าสู่วงการบันเทิงด้วย เนื่องจากหลินเซี่ยมีทักษะในการจัดแต่งทรงผมที่ดี ดังนั้นฝีมือของเธอจึงควรปรากฏต่อสายตาผู้คนให้มากกว่านี้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเสื้อผ้าของเซี่ยอวี่ในวันนี้ คนเขียนบทและผู้กำกับจะต้องได้เห็นสไตล์การแต่งตัวของหล่อนแน่นอน
หลินเซี่ยตอบอย่างมีความสุข “ค่ะ ขอบคุณพี่ลินดานะคะ”
ลินดาเอ่ยปากชวนหลินเซี่ยไปด้วยกัน ทำให้หลินเซี่ยมีความสุขไม่น้อย เธอรีบกลับเข้าไปข้างในบ้านและสวมเสื้อคลุมอย่างรวดเร็ว
จากนั้นตามทั้งสองคนไปคุยเรื่องงาน
เซี่ยไห่ก็ตามไปด้วยเช่นกัน
เซี่ยอวี่เห็นว่าเซี่ยไห่แสดงท่าทางราวกับต้องการไปด้วย หล่อนจึงมองเขาแล้วถามด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “นายจะไปไหน?”
เซี่ยไห่ตอบ “ลินดายังขับรถไม่ได้ ฉันจะพาพวกเธอไปที่นั่นเอง”
เซี่ยอวี่อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนนี้ของทั้งสองคน แต่ตอนนี้หล่อนกำลังจะไปทำงาน จึงต้องมุ่งความสนใจไปที่การทำงานและอย่าวอกแวก
เมื่อขึ้นไปบนรถ เซี่ยไห่ก็พยายามขยิบตาให้ลินดาโดยหวังว่าหล่อนจะนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ แต่ลินดากลับเมินเฉยตัดสินใจอ้อมไปนั่งข้างหลัง
เซี่ยอวี่พูดกับหล่อนว่า “เธอนั่งข้างหน้าเถอะ เซี่ยเซี่ยท้องอยู่ เธอน่าจะอึดอัด”
เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยอวี่ เซี่ยไห่ก็มองพี่สาวด้วยสีหน้าซาบซึ้งใจจนแทบจะหลุดพูดขอบคุณออกมา
ลินดาจึงจำเป็นต้องนั่งข้างหน้าไปโดยปริยาย
เซี่ยวี่และหลินเซี่ยนั่งข้างหลัง ระหว่างทางหล่อนก็อธิบายเกี่ยวกับบทบาทที่ได้รับให้หลินเซี่ยฟัง
หล่อนหวังว่าเซี่ยเซี่ยจะเข้าใจบทละครของพวกเขา และหากหลานสาวมีโอกาสได้แต่งหน้าในกองถ่ายจริง ๆ มันคงจะดีไม่น้อย
ขณะที่เซี่ยไห่กำลังขับรถ เขาก็เหลือบมองไปด้านข้างตรงที่นั่งผู้โดยสายเป็นระยะ ตรงข้ามกับลินดาที่นั่งตัวตรงและมองไปข้างหน้า
ไม่สนใจเขาเลย
เซี่ยอวี่สังเกตเห็นเซี่ยไห่เหลือบมองลินดาจากข้างหลังอยู่บ่อยครั้ง ก่อนสะกิดหลินเซี่ยเบา ๆ และส่งสัญญาณให้เธอมองไปข้างหน้า
หลินเซี่ยสังเกตว่ารอยยิ้มของเซี่ยไห่มีเสน่ห์และหวานเยิ้มจนปิดไม่มิด
แต่วันนี้ลินดากลับเงียบเหมือนไก่ ถึงแม้เซี่ยอวี่จะพูดเกี่ยวกับบทละคร แต่หล่อนก็ไม่ได้พูดแม้แต่คำเดียว
หลินเซี่ยจึงถามหล่อนว่า
“ลินดา คุณสบายดีไหม? เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ?”
ลินดาหลุดออกจากห้วงภวังค์แล้วหันไปมองอีกฝ่าย “ฉันสบายดี เมื่อเช้านี้เพิ่งกินยาแก้หวัด เลยอาจจะรู้สึกง่วงนิดหน่อย”
“โอ้”
หลินเซี่ยยิ้มแล้วหันไปพูดกับเซี่ยไห่ “อารอง ทำไมไม่ชวนพี่ลินดาคุยหน่อยล่ะ ไม่งั้นหล่อนอาจจะผล็อยหลับไปก็ได้นะคะ”
เซี่ยไห่เหลือบมองเธอแล้วพูดเบา ๆ “ไม่เป็นไร ถ้าเหนื่อยก็ให้นอนเถอะ”
หลังจากมาถึงที่หมาย เซี่ยอวี่ก็ขอให้เซี่ยไห่และหลินเซี่ยรออยู่ในรถ ส่วนหล่อนเดินตามลินดาขึ้นไปบนตึก
หลังจากหารือกันแล้ว ถ้าคนเขียนบทและผู้กำกับอนุมัติการแต่งหน้าของหล่อนและให้โอกาสหลินเซี่ย หล่อนก็จะรีบบอกให้ลินดาโทรหาหลานสาวทันที
“ได้ค่ะอา ขอบคุณมากเลยนะคะ”
เซี่ยอวี่และลินดาเดินเข้าไปในอาคารสำนักงาน ขณะเดียวกันสายตาของเซี่ยไห่ก็จับจ้องอยู่ที่ร่างของหญิงสาวตลอดเวลา
หลินเซี่ยยกมือขึ้นโบกตรงหน้าเขา “เลิกมองได้แล้ว หล่อนเข้าไปแล้วค่ะ”
เซี่ยไห่รีบถอนสายตาและกระแอมเบา ๆ ราวกับจงใจปกปิดบางอย่าง “ฉันเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก ก็ต้องมองไปรอบ ๆ สิ ใครมองหล่อนกันล่ะ?”
“แล้วฉันบอกว่าอารองกำลังมองหล่อนอยู่ตอนไหน?” หลินเซี่ยโต้กลับ
เซี่ยไห่นึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอหลุดปาก ดวงตาของเขาจึงสั่นไหวเล็กน้อ ย ก่อนฮัมเพลงอยู่บนที่นั่งคนขับเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึก
“อาดูอารมณ์ดีจังเลยนะ?” หลินเซี่ยเขยิบเข้าไปหาเขาแล้วถามติดตลก “ปากของอาโดนกัดมาใช่ไหม? อาบังคับหล่อนเหรอ?”
“ใครบังคับหล่อนไม่ทราบ?” เซี่ยไห่แค่นเสียงเล็กน้อย
หลินเซี่ยระเบิดหัวเราะทันที
เซี่ยไห่จึงตระหนักได้ว่าตนเองเผลอหลุดความลับอีกครั้ง
เขาจ้องมองหลินเซี่ยด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
ทำไมเด็กคนนี้ถึงเจ้าเล่ห์ขนาดนี้นะ?
เธอทำให้เขาต้องหลุดความลับออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
เดิมทีเขาเห็นด้วยกับลินดาและปกปิดความสัมพันธ์นี้เป็นความลับสักสองสามวันเพื่อสร้างความรู้สึกน่าค้นหา
แต่ไม่คิดเลยว่ามันไม่อาจรอดพ้นจากดวงตาเล็ก ๆ ของหลินเซี่ยได้
การแต่งงานย่อมทำให้เห็นความแตกต่าง
เมื่อหลินเซี่ยได้ยินเซี่ยไห่พูดถึงเรื่องปากไม่มีหูรูด เธอก็หัวเราะเบา ๆ ขณะนั่งอยู่ที่เบาะหลัง
“แม้แต่เถ้าแก่เซี่ยผู้ฉลาดหลักแหลมยังต้องเล่นทีเผลอ”
หลินเซี่ยโน้มตัวลงไปใกล้เซี่ยไห่อีกครั้ง จากนั้นมองเขาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ก่อนถามว่า “บอกมาว่าอารองกับหล่อนตกลงคบกันตั้งแต่เมื่อไร?”
เซี่ยไห่ยกมือขึ้นแตะจมูกและเริ่มเถียงหลานสาวอีกครั้ง
เขาพูดแก้ตัวข้างๆ คูๆ “เธอคิดมากเกินไปแล้ว พวกเราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น”
เมื่อเห็นว่าเซี่ยไห่ยังคงปากแข็ง หลินเซี่ยก็กอดอกด้วยแขนทั้งสองข้างก่อนพูดเบา ๆ ว่า “อีกไม่นานลินดาก็จะกลับมาแล้ว ฉันจะบอกฟ้องเธอว่าอาคิดกับหล่อนแค่เพื่อนและหล่อนไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่อาชอบเลย เพราะอารองชอบผู้หญิงแต่งตัวทันสมัย ผมยาวและดัดลอน”
เซี่ยไห่ “!!!”
เขามองหลินเซี่ยด้วยความโมโหและอยากตีเธอให้รู้แล้วรู้รอด แต่ทำได้แค่กัดฟันถาม “ฉันได้พูดประโยคหลังด้วยเหรอ?”
เขาชอบผู้หญิงผมยาวและดัดลอนงั้นเหรอ เด็กเหลือขอคนนี้ตั้งใจจะทำอะไร?
ถ้าชอบก็คือชอบ ทำไมเขาต้องสนด้วยว่าหล่อนจะผมสั้นหรือผมยาว?
หลินเซี่ยตอบ “อาเป็นเพื่อนกับหล่อนไม่ใช่เหรอคะ ถ้าอย่างนั้นอาคงไม่ชอบการแต่งตัวของหล่อนแน่นอน และในเมื่ออาไม่ได้ชอบหล่อน ผู้หญิงในอุดมคติของอาจะต้องใกล้เคียงกับที่ฉันพูดออกไป”
การวิเคราะห์ของหลินเซี่ยชัดเจนอย่างมาก เซี่ยไห่ทำได้แต่รับฟังเรื่องไร้สาระของหลานสาวและมองเธอด้วยความโกรธเท่านั้น
แต่ในใจเขาก็กลัวมากว่าเด็กคนนี้จะซนเกินไป จนเผลอพูดเรื่องไร้สาระต่อหน้าลินดาในภายหลัง
ลินดาสงสัยในคำพูดของเขามาตลอด และยังคงสงสัยว่าเขาจริงจังกับหล่อนหรือไม่
จนถึงตอนนี้หลังจากที่เฝ้าไข้หล่อนมาทั้งคืน ลินดาก็ยังไม่วายกัดปากเขา
ถ้าเด็กคนนี้ราดเชื้อเพลิงลงไปในกองไฟอีก หล่อนจะต้องเกลียดเขาแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่กัดฟันยอมรับ “อย่าพูดเรื่องไร้สาระเลย หล่อนคือผู้หญิงแบบที่ฉันชอบ และฉันก็ชอบที่หล่อนไม่เหมือนคนอื่น นอกจากนี้หล่อนไม่เคยตัดสินฉันว่าเป็นพวกหยาบคายน่ะ”
หลินเซี่ยเห็นว่าในที่สุดเขาก็ยอมรับแล้ว เธอจึงรีบถามต่ออย่างรวดเร็ว “อาเริ่มชอบหล่อนเมื่อไหร่เหรอ? ตอนนี้ความสัมพันธ์พัฒนาไปถึงไหนแล้ว? อาเคยจูบหล่อนสักครั้งไหม?”
ใบหน้าของเซี่ยไห่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเมื่อมองเธอ เขารีบปิดแผลที่ถูกกัดอย่างรวดเร็ว จากนั้นกะพริบตาเล็กน้อยพลางมองหลานสาวด้วยสายตาไม่พอใจ “ดูซิ เธอร้ายกาจเกินไปแล้วนะ? ทำไมไม่รู้จักสงบปากสงบคำบ้าง อีกอย่างฉันแก่กว่าเธอ ดังนั้นควรถามในสิ่งที่เหมาะสม และไม่ควรถามในสิ่งที่ไม่เหมาะสม”
ถ้าเขาคุยเรื่องจูบกับหลานสาวจะเหมาะสมไหม?
“เอาล่ะ ฉันจะไม่ถามต่อแล้ว”
หลินเซี่ยเอนหลังพิงเบาะก่อนหลับตาและผล็อยหลับไป
เซี่ยไห่เห็นว่าหลานสาวไม่ถามต่อแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เพราะเขาจงใจตอบไม่หมดเพื่อที่จะให้เธอถามให้ลึกลงกว่าเดิม เพื่อที่เขาจะได้ไม่ดูร้อนอกร้อนใจเกินไป
ใครจะรู้ว่าเด็กคนนี้จะซื่อบื้อ ไม่ถามในสิ่งที่ไม่ควรถามจริง ๆ
ในใจของเซี่ยไห่เต็มไปด้วยความปรารถนาอยากจะเล่า แต่หลินเซี่ยยังคงหลับตา ดังนั้นเขาจึงไม่รู้จะเริ่มเล่าอย่างไร
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาจึงแกล้งทำเป็นบ่น “เซี่ยเซี่ย เธอเหนื่อยมากไหม? เมื่อคืนนี้ฉันแทบไม่ได้นอนทั้งคืนยังไม่เหนื่อยเลย เธอไปทำอะไรมาถึงเหนื่อยล่ะ? เจ้าหมู”
เมื่อหลินเซี่ยได้ยินว่าเขาไม่ได้นอนทั้งคืน เธอก็กะพริบตาและอดไม่ได้ที่จะคิดตาม
เซี่ยไห่คอยสังเกตดูเธอตลอด เมื่อเห็นว่าหลินเซี่ยกะพริบตา เขาก็รู้ทันทีว่าเธอสนใจคำพูดของตัวเองจึงพูดต่อว่า “อย่าแกล้งหลับเลย ฉันรู้ว่าเธอตื่นอยู่ตลอด ถ้างั้นก็มาคุยกันเถอะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เซี่ยเซี่ยร้ายกาจมาก ล้วงความลับอารองหมดเปลือกเลย
ไหหม่า(海馬)
……………………………………