ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 596 เซี่ยไห่ในห้วงรัก
ตอนที่ 596 เซี่ยไห่ในห้วงรัก
หลินเซี่ยลืมตาขึ้นแล้วบิดเอวอย่างเกียจคร้าน “จะคุยกันเรื่องอะไร? คุณเป็นผู้อาวุโส ฉันเป็นผู้เยาว์ ระหว่างพวกเรามีเรื่องให้คุยกันด้วยเหรอ? ฉันไม่กล้าล้ำเส้นหรอกนะ”
เซี่ยไห่กลอกตาอย่างหมดคำจะพูด กล่าวอย่างไม่พอใจ “เจ้าเด็กนี่ยังจำความแค้นฝังใจอยู่สินะ ถึงฉันจะเป็นผู้อาวุโส แต่ฉันเป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ อายุก็ไม่ได้มากขนาดนั้น ระหว่างพวกเราไม่มีปัญหาเรื่องช่องว่างระหว่างวัยพรรค์นั้นเสียหน่อย ทำไมจะคุยกันไม่ได้? เธออยากคุยเรื่องไหน พวกเราก็คุยกันเรื่องนั้น”
หลินเซี่ยมองเขาอย่างเฉยเมยแล้วเอ่ยว่า “ฉันอยากคุยเรื่องสถาบันฝึกอบรมวิชาชีพของฉัน อารอง ถ้ามีคนมาลงทะเบียนเรียนเยอะ ๆ แล้วสถาบันฝึกอบรมวิชาชีพของฉันไปได้สวย อารองก็มาร่วมทุนด้วยกันเถอะ มาเป็นหุ้นส่วนของฉัน พวกเรามาช่วยกันผลักดันให้สถาบันฝึกอบรมวิชาชีพพัฒนาไปเป็นโรงเรียนสอนวิชาชีพด้วยกัน”
หลินเซี่ยรู้เรื่องของเซี่ยไห่กับลินดาแล้ว คนทั้งสองเป็นคนรอบคอบระมัดระวังในเรื่องความรู้สึกทั้งคู่ เมื่อตกลงว่าจะคบหาดูใจกันแล้ว พวกเขาจะต้องคบกันไปได้ตลอดรอดฝั่งแน่นอน ในฐานะหลานสาว เธอย่อมจะได้เป็นประจักษ์พยานเรื่องระหว่างพวกเขาเองในวันข้างหน้า ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องถามมาก
เมื่อคืนเธอไตร่ตรองเรื่องสถาบันฝึกอบรมวิชาชีพมาแล้ว ในยุคนี้ สถาบันลักษณะนี้เพิ่งเริ่มเป็นที่รู้จัก คนที่อยากเรียนด้านวิชาชีพน่าจะมีมาก โดยเฉพาะช่วงหลังที่พวกเขาเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายไปรับสมัครคนจากชนบท จำนวนผู้สมัครน่าจะเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้น เธอจำเป็นต้องหาคนมาร่วมทำด้วยกันเพื่อให้โรงเรียนสอนวิชาชีพแข็งแกร่งมั่นคงกว่าเดิม
เซี่ยไห่ที่กำลังดื่มด่ำกับความรักหวังจะแบ่งปันความสุขในการมีรักสักหน่อย คิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้พอได้เอ่ยปากกลับมีแต่เรื่องงาน
แถมยังทะเยอทะยานมากอีกต่างหาก
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา “เธอทำสถาบันฝึกอบรมวิชาชีพให้ดีก่อนค่อยมาว่ากันใหม่ดีกว่า เพิ่งเริ่มอย่าทำให้ใหญ่โตเกินไป ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ก็เหมือนกับการคบหากันนั่นแหละ เธอต้องเริ่มจากทำความรู้จักกับอีกฝ่ายก่อน ค่อย ๆ พัฒนาไปเป็นความรักจนถึงขั้นตอนหมั้นหมาย ก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวอย่างมั่นคงและเป็นธรรมชาติ นี่ยังไม่ทันได้จับมือกันก็คิดจะเข้าหอเสียแล้ว”
หลินเซี่ย “!!”
นึกไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะโยงไปถึงความรักได้ เห็นทีหลังจากตาแก่คนนี้ตกหลุมรักแล้วก็เป็นบ้าเอาเรื่องเหมือนกัน
แม้การเปรียบเทียบนี้จะไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่ก็เป็นหลักการเดียวกันจริง ๆ
“อ้อ เข้าใจแล้ว”
เมื่อเซี่ยไห่เห็นว่าเธอไม่ได้ถามเกี่ยวกับเรื่องของเขากับลินดาอีกแล้วก็แอบผิดหวังอยู่บ้าง คนวัยเท่าเขาจะสละโสดเป็นเรื่องง่ายนักหรือ?
ทำไมเธอไม่สนใจเขาบ้าง?
“อารองกับลินดาอายุห่างกันกี่ปีคะ?” หลินเซี่ยมองเขาพลางถาม
ในที่สุดหลินเซี่ยก็ถามถึงลินดา ดวงตาของเซี่ยไห่พลันเป็นประกาย รีบตอบว่า “ห่างกันหกปี ฉันอายุมากกว่าลินดาหกปี”
หลินเซี่ยได้ยินอย่างนั้นก็ร้องอ้อ “อ้อ งั้นก็ไม่ห่างกันมากเท่าไหร่”
“ใช่น่ะสิ เธอกับเจียเหอยังห่างกันตั้งเก้าปี พวกเราห่างกันแค่หกปีกำลังพอเหมาะพอเจาะ จะรูปลักษณ์ภายนอกหรือความคิดล้วนไม่แตกต่างกันมากจนเกินไป”
หลินเซี่ยแย้งอย่างไม่ยอมแพ้ “ฉันกับเฉินเจียเหอก็เหมาะสมกันมากเหมือนกันแหละน่า”
เซี่ยไห่รีบพูดตามน้ำ “เหมาะสม เหมาะสม คนที่คบหากันได้ล้วนเหมาะสม”
“เมื่อคืนคุณไปค้างบ้านลินดามาจริง ๆ?” สายตาของหลินเซี่ยจับจ้องริมฝีปากของเซี่ยไห่อย่างแฝงเลศนัย
เซี่ยไห่ยิ้มขัดเขิน ยกมือขึ้นปิดบังใบหน้า “พิโธ่ อย่าเข้าใจผิดเชียวนะ เมื่อคืนนี้ลินดาเป็นไข้หนักมาก ฉันเลยอยู่ดูแลก็เท่านั้น พวกเราไม่ใช่คนปล่อยเนื้อปล่อยตัวแบบนั้นหรอกนะ”
หลินเซี่ยพูด “แล้วฉันได้ถามอย่างอื่นไหม?”
เธอยังถามต่ออย่างสงสัย “หมายความว่าอารองดูแลลินดาทั้งคืนเลยน่ะสิ เธอประทับใจแล้วมอบกายให้เป็นการตอบแทนหรือเปล่า?”
เซี่ยไห่ยังคงขัดเขิน “จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่ลินดาแอบชอบฉันมานานแล้ว เมื่อก่อนไม่มีความกล้ามาสารภาพกับฉัน เมื่อคืนหล่อนเป็นไข้ไม่ใช่หรือ? สมองมึน ๆ งง ๆ จึงเผลอพูดความในใจออกมา”
เห็นแววกังขาในดวงตาหลินเซี่ย เซี่ยไห่ตอบอย่างมั่นใจ “ถูกต้อง ลินดาแอบชอบฉัน ทำไมรึ? อย่างฉันไม่คู่ควรให้ใครมาแอบชอบนักหรือไง?”
เซี่ยไห่เต๊ะท่าอวดเบ่ง หลินเซี่ยเกลี้ยกล่อมด้วยความหวังดี “อารอง ถ่อมตัวบ้างก็ดีนะ”
ระวังจะสุขเกินจนกลายเป็นความทุกข์ ถึงตอนนั้นเขาคงทำหน้าระรื่นไม่ออกแล้ว
ทั้งสองนั่งรอในรถนานเกือบชั่วโมง เซี่ยไห่นอนหลับไปแล้ว ในที่สุดลินดาก็โทรมาหา บอกให้หลินเซี่ยขึ้นไปได้
หลินเซี่ยเห็นว่าเซี่ยไห่เอนกายหลับอยู่บนเบาะ เธอจึงหยิบกุญแจรถแล้วออกไปหาลินดาอย่างเงียบ ๆ
ลินดารออยู่ที่ชั้นล่าง
หลินเซี่ยเดินเข้าไปหาแล้วถามลินดาอย่างตื่นเต้น “พี่ลินดา ผู้กำกับกับนักเขียนบทตกลงจะพบฉันแล้ว?”
ลินดาตอบ “ใช่ ทีมแต่งหน้าของกองถ่ายก็อยู่ที่นั่นด้วย เธอขึ้นไปคุยกับพวกเขาได้เลย”
หลินเซี่ยได้ยินอย่างนั้นก็ดีใจมาก “เยี่ยมไปเลย”
วันนี้ผู้กำกับ นักเขียนบทและโปรดิวเซอร์ล้วนอยู่กันพร้อมหน้า
ปกติผู้กำกับต้องพาทีมสไตลิสต์มาด้วยอยู่แล้ว แต่ภาพลักษณ์ของเซี่ยอวี่ในวันนี้เหมือนกับตัวละครที่พวกเขาจินตนาการไว้ไม่ผิดเพี้ยน โดยเฉพาะการแต่งหน้า ทรงผมและเสื้อผ้าล้วนตรงตามคำบรรยายของนักเขียนบททุกกระเบียดนิ้ว
เซี่ยอวี่บอกว่าหลานสาวของเธอเป็นช่างแต่งหน้ามืออาชีพ ยังช่วยจัดการเรื่องทรงผมเครื่องแต่งกายให้เธอด้วยตนเอง ดังนั้นผู้กำกับและทีมงานจึงให้ความสนใจในตัวหลินเซี่ยมาก เซี่ยอวี่จึงบอกว่าวันนี้หลานสาวก็มาด้วย รออยู่ที่รถนี่เอง ผู้กำกับจึงขอให้เชิญหลินเซี่ยมาพูดคุยกับทีมสไตลิสต์
หลังจากหลินเซี่ยถูกเรียกตัวเข้าไป เธอก็พูดถึงความเข้าใจของเธอเกี่ยวกับการแต่งหน้า รวมถึงแนวคิดและเทรนด์แฟชั่นที่ต้องการสื่อสารผ่านตัวละครนี้ ทุกคนรับฟังด้วยความสนอกสนใจ
นักเขียนบทชื่นชมหลินเซี่ยมาก “สมแล้วที่เป็นหลานสาวของคุณเซี่ยอวี่ มีความรู้เรื่องการแต่งหน้ามากจริง ๆ”
ผู้กำกับยิ้มถาม “คุณหลิน สนใจเข้าร่วมทีมสไตลิสต์ของกองถ่ายของพวกเราไหม?”
“พวกคุณจะเริ่มเปิดกล้องกันเมื่อไหร่คะ?” หลินเซี่ยถามกำหนดการของพวกเขา
ผู้กำกับตอบ “เดือนมิถุนายนปีหน้า ตอนนี้พวกเรามีหลายอย่างที่ต้องเตรียมการไว้ล่วงหน้า ใกล้จะถึงเทศกาลปีใหม่แล้ว พวกเราจะเริ่มเตรียมการเปิดกล้องอย่างจริงจังหลังช่วงปีใหม่”
“ตกลง”
กำหนดคลอดของเธอคือเดือนพฤษภาคม เดือนมิถุนายนเธอก็สามารถเข้าร่วมกองถ่ายได้พอดี
“ดี งั้นเราแลกเปลี่ยนช่องทางติดต่อกันเอาไว้ ถึงวันถ่ายภาพฟิตติ้งนักแสดงเมื่อไหร่ คุณค่อยมาแต่งตัวให้นักแสดงร่วมกับทีมงาน”
“ตกลง ขอบคุณค่ะ”
หลังออกมาจากสตูดิโอ หลินเซี่ยเบิกบานใจยิ่งนัก ส่วนเซี่ยอวี่คุยกับลินดาเรื่องกำหนดการถ่ายทำละคร
เซี่ยอวี่รู้สึกใจร้อนอยู่บ้าง “กว่าจะเปิดกล้องก็มิถุนายนปีหน้า พวกเราต้องรอกันอีกตั้งครึ่งปี”
“การเตรียมการก่อนเปิดกล้องของละครเรื่องนี้พิถีพิถันมาก พวกเราก็ตั้งตารอกันเถอะ”
ลินดาพูดว่า “ได้ยินมาว่านิยายของอาจารย์เย่ คุณพ่อของหมอเย่ ถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปทำละครแล้ว เธอได้ไปคุยกับอาจารย์เย่ ขอให้เขาช่วยคุยกับผู้กำกับให้เธอรับบทหว่านหลินหรือยัง?”
เซี่ยอวี่แสดงออกว่าไม่เห็นด้วยกับคำแนะนำของลินดา “เรื่องนี้จะไปพูดกับอาจารย์เย่ไม่ได้ รอจนมีข่าวเรื่องเตรียมสร้างละครออกมา พวกเราค่อยไปคุยกับผู้กำกับกับโปรดิวเซอร์ดีกว่า”
ลินดาเข้าใจนิสัยเซี่ยอวี่ดี รู้ว่าอีกฝ่ายชอบแสดงความสามารถให้เห็นมากกว่า จึงไม่พูดอะไรอีก
“ได้ ถ้าอย่างนั้นช่วงหลายเดือนนี้ เธอก็ตั้งใจอ่านบทให้ดี นอกจากไปร่วมรายการฉลองปีใหม่กับทางสถานีโทรทัศน์เมืองไห่เฉิงก็ไม่มีกำหนดการอื่นอีก พักผ่อนให้เต็มที่ ตารางงานของปีหน้าจะแน่นมาก ถ้าเธอคิดจะจัดการเรื่องส่วนตัวก็ควรทำเสียแต่ตอนนี้”
เรื่องส่วนตัวที่ลินดาพูดถึงหมายถึงการแต่งงาน
เซี่ยอวี่เดินนำหน้าด้วยลีลามาดมั่น “เรื่องส่วนตัวไม่ต้องถามมาก สนใจเรื่องตัวเองเถอะ”
หลินเซี่ยเดินมาถึงรถก็คว้ากุญแจรถออกมาเปิดประตู เห็นเซี่ยไห่หลับอยู่ เซี่ยอวี่มองเขาอย่างรังเกียจแล้วบ่นพึมพำว่า “หลับเหมือนหมูตายไม่มีผิด ถูกคนอื่นโยนลงท่อน้ำก็คงไม่รู้สึกตัว”
“คุณอา เมื่อวานอารองไม่ได้นอนทั้งคืน ปล่อยให้เขาพักผ่อนเถอะค่ะ”
“ไม่ได้นอนทั้งคืน?” เซี่ยอวี่หันไปถามลินดา “พวกเธอทำอะไรกันอยู่ถึงไม่ได้นอนทั้งคืน? พวกเธอ…”
สายตาเซี่ยอวี่เหล่มองไปที่ริมฝีปากของเซี่ยไห่โดยไม่รู้ตัว ตรงที่ปากแตกเลือดหยุดไหลไปแล้ว แต่ก็ยังเห็นได้ชัดเจน
ลินดาไม่เคยรู้สึกอับอายขายหน้าเท่านี้มาก่อน
หล่อนจึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปเสียเลย “ฉันเป็นไข้ ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”
ใช่แล้ว หล่อนไม่รู้อะไรทั้งนั้นจริง ๆ
ลินดาคว้าโอกาสนั้นหนีไปทันที “ฉันจะโบกรถกลับ พวกเธอก็รีบกลับไปเถอะ”
เซี่ยไห่ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงคุยกันของพวกผู้หญิง ทันได้ยินที่ลินดาพูดว่าจะโบกรถกลับพอดี
เซี่ยไห่รีบลงจากรถไปคว้าแขนลินดา “กลับกับพวกเราเถอะ ไปกินข้าวที่บ้านผม”
ลินดาไม่อาจสู้หน้าพวกเซี่ยอวี่ได้เลย หล่อนสะบัดมือเซี่ยไห่ออก แสร้งเป็นไม่สนิทกันกับเขา “ฉันยังเป็นหวัดอยู่ จะกลับไปพักผ่อน พวกคุณกลับไปเถอะ”
เซี่ยไห่ไม่สนใจสายตาคนอื่นแม้แต่น้อย รีบตามมาทันที “งั้นผมไปด้วย ผมจะดูแลคุณเอง”
ลินดา “!!!”
เซี่ยอวี่กับหลินเซี่ยยืนดูเรื่องสนุกอยู่ข้าง ๆ
เซี่ยไห่จะตามลินดาไป พวกเธอสองคนก็ขับรถกลับกันเองได้พอดี
ความเอาใจใส่และความห่วงใยของเซี่ยไห่ทำให้พวกเธออดจะยิ้มออกมาไม่ได้
เพราะพวกเธอไม่เคยเห็นเซี่ยไห่ตามรบเร้าพัวพันใครแบบนี้มาก่อนเลย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แบบนี้ไม่ต้องปิดแล้วล่ะอารอง เขารู้กันหมดแล้ว
ไหหม่า(海馬)
……………………………………