ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 597 ลงโทษเธอเสียให้เข็ด
ตอนที่ 597 ลงโทษเธอเสียให้เข็ด
เซี่ยไห่อยากตามลินดากลับไป ลินดามองเขา ชะงักฝีเท้าอย่างลำบากใจ เธอหงุดหงิดใจจริง ๆ เสียใจมากที่หน้ามืดไปตกลงคบหากับผู้ชายคนนี้
ตอนนี้ตามติดเหมือนลูกแหง่ไม่มีผิด สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด
เซี่ยอวี่ดูออกว่าลินดาลำบากใจจึงยิ้มเอ่ยว่า “ไป ไปบ้านฉันกันเถอะ ถ้าเป็นหวัดยังไม่หายก็ไปหาหมอก่อนแล้วค่อยมากินข้าวที่บ้านฉันก็ได้ ฉันเลี้ยงข้าวเธอเอง ไม่ต้องเกรงใจ”
“พี่สาวฉันก็เชิญเธอแล้ว ไปเถอะ กลับไปกับพวกเรา”
ลินดาจำต้องขึ้นรถ
หลินเซี่ยกลัวว่าเซี่ยไห่จะเผลอหลับจึงอาสาขับรถเอง เซี่ยอวี่จับจองที่นั่งตรงเบาะหน้าอย่างว่องไว
เซี่ยไห่กับลินดาจึงต้องไปนั่งเบาะหลัง
ช่วงแรกเซี่ยไห่ยังสงวนท่าที ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่เมื่อนั่งไปนาน ๆ เห็นมือขาวผ่องนุ่มนิ่มที่วางอยู่บนตักของหญิงสาว เขาก็ยื่นมือออกไปกุมมือหล่อนอย่างอดใจไม่อยู่
ลินดาถูกการกระทำของเขาทำให้ตกใจจนหน้าซีด ร่างบอบบางแข็งทื่อ
หล่อนพยายามดึงมือตัวเองกลับ แต่เซี่ยไห่กลับจับมือหล่อนไว้แน่นกว่าเดิมจนไม่อาจดึงออกได้
คู่รักจับมือกันเป็นเรื่องปกติ หล่อนจะปฏิเสธไปทำไม?
เซี่ยไห่จับมือหล่อนไว้ไม่ยอมปล่อย ทำให้ลินดากลัวว่าเซี่ยอวี่กับหลินเซี่ยจะสังเกตเห็นความผิดปกติ จึงไม่กล้าส่งเสียง พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปรกติที่สุด แต่ยื่นมืออีกข้างหนึ่งมาข่วนหลังมือของเซี่ยไห่เต็มแรง
“โอ๊ย?”
เซี่ยไห่ร้องเสียงหลงเหมือนหมูตาย
“พวกคุณทำอะไรกันอยู่ข้างหลังน่ะ?” เซี่ยอวี่เอ่ยเตือน “ข้างหน้ายังมีคนอยู่นะ อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อ”
หลังมือของเซี่ยไห่เจ็บแปลบแต่จนใจที่น้ำท่วมปาก “ประเจิดประเจ้ออะไรกัน ฉันแค่ทับมือตัวเองต่างหาก”
เซี่ยไห่มองรอยข่วนสามสายบนหลังมือแล้วถลึงตาใส่ลินดา
แต่ลินดาไม่สนใจเขาเลย เพียงหลับตาแสร้งทำเป็นหลับ
เซี่ยไห่เพิ่งสละโสดได้แค่สิบสองชั่วโมง ริมฝีปากก็โดนกัดจนเป็นแผล หลังมือก็ยังโดนข่วน บริเวณที่ถูกข่วนแสบร้อนไปหมด จิตใจอันแสนบอบบางของเขาถูกทำร้ายอย่างแสนสาหัส
แทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความน้อยใจ
ความรักมอบสิ่งใดให้คนเรากันนะ?
มีแต่รอยแผลเต็มตัว
ลินดาไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวของเขาจึงแอบลืมตาขึ้นมอง แล้วก็เห็นว่าเขาวางมือไว้บนเข่า บาดแผลบนหลังมือเด่นหราจนน่าตกใจ เขาลดสายตาลง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ลินดาเริ่มรู้สึกผิดที่ลงมือหนักเกินไป
เวลาที่เผชิญหน้ากับ “ภัยคุกคาม” จิตใต้สำนึกมักสั่งให้หล่อนใช้กำลังตอบโต้กลับอย่างรุนแรงเพื่อปกป้องตัวเอง
นี่คือทักษะที่หล่อนสั่งสมมาตลอดหลายปีที่ใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านตามลำพัง
หล่อนใช้เปลือกที่แข็งกระด้างห่อหุ้มปกป้องตัวเองเอาไว้ ดังนั้นเมื่อหล่อนรับรู้ถึงสัญญาณอันตราย จึงมักจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรุนแรง
แต่ตอนนี้ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คือแฟนของหล่อน
ในเมื่อตัดสินใจไปแล้ว หล่อนก็ควรยอมรับความจริงข้อนี้
ร่างกายก็ควรปรับตัวยอมรับการสัมผัสใกล้ชิดของเขา
ไม่อาจทำร้ายเขาสุ่มสี่สุ่มห้า
คิดได้เช่นนี้ แววตาของลินดาก็อ่อนโยนลงหลายส่วน
ครุ่นคิดอยู่นาน หล่อนก็ยื่นมือออกไปวางทับบนหลังมือของเขาเบาๆ
เซี่ยไห่สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นบนหลังมือก็หันมามองหล่อนอย่างช้าๆ ด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
สายตาของหญิงสาวจ้องมองไปข้างหน้า สีหน้าไร้อารมณ์
แต่การกระทำของหล่อนกลับมีพลังอย่างมาก ราวกับกำลังใช้วิธีนี้มาแสดงออกถึงท่าทีของตัวเอง
เซี่ยไห่เปลี่ยนจากรับเป็นรุก เป็นฝ่ายกุมมือของหล่อนเอาไว้ ซึ่งหนนี้ หล่อนไม่ได้ปฏิเสธ
สิบนิ้วประสานกัน บรรยากาศฝั่งเบาะหลังเงียบสงบ
เมื่อเห็นว่าทั้งสองนั่งตัวตรงโดยไม่พูดอะไร ทว่ารอยยิ้มหวานล้ำที่ยากจะปิดบังประดับอยู่บนใบหน้าของเซี่ยไห่
เซี่ยอวี่เห็นน้องชายและผู้จัดการของหล่อนเข้ากันได้ดีก็รู้สึกยินดี
คนความรู้สึกช้าสองคนนี้ในที่สุดก็ตาสว่างเสียที
ในเมื่อขึ้นรถมาด้วยกันแล้ว ลินดาจึงเอ่ยถึงอีกหลายประเด็นเกี่ยวกับบทละครที่หล่อนอยากจะพูดคุยกับเซี่ยอวี่โดยละเอียด
เซี่ยอวี่บอกว่าไปกินข้าวที่ร้านอาหารกันก่อน เสร็จแล้วค่อยไปคุยรายละเอียดกันที่บ้าน
เซี่ยอวี่ยังโทรไปบอกพี่ชายล่วงหน้าว่าจะไปกินข้าวด้วยกัน
เมื่อลงจากรถ เซี่ยไห่ก็ไม่ช่างจ้อเหมือนที่ผ่านมา แต่เดินตามหลังเงาร่างคนบางคนอย่างเงียบเชียบ โดยไม่ละสายตาจากร่างนั้นเลย
ตอนนี้เลยเวลาอาหารไปแล้ว ในร้านมีเพียงลูกค้าสองคนกำลังรับประทานอาหาร
อาหารของเซี่ยเหลยถูกยกมาเสิร์ฟแล้ว
เซี่ยไห่เบียดแทรกเข้ามานั่งข้างๆ ลินดา ขณะรินน้ำให้ทุกคนก็รินให้ลินดาก่อน
สายตาคู่นั้นไม่ได้ปิดบังความรู้สึกเลยแม้แต่น้อย
รอบนี้ทุกคนในครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า เซี่ยอวี่เห็นเซี่ยไห่คอยดูแลลินดาไม่ห่าง คล้ายกับไม่มีความคิดอื่นอีก หล่อนจึงเอ่ยถามเซี่ยไห่ว่า “น้องชาย นายไม่มีอะไรจะพูดเลย?”
“พูดอะไร?” เซี่ยไห่แกล้งโง่ รินน้ำให้พวกเธอโดยไม่สะทกสะท้าน
“ฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้ง อย่าลืมสิว่าฉันเป็นใคร”
เซี่ยอวี่เอ่ยวาจาน่าเกรงขาม สายตาของหล่อนจับจ้องไปที่ลินดา
หล่อนไม่เพียงเป็นพี่สาวของเซี่ยไห่ ลินดายังเป็นผู้จัดการของหล่อน เซี่ยอวี่เป็นนายจ้างของลินดา
ถ้าหากเขาแค่คิดจะเล่นสนุก หล่อนจะไม่ยอมเด็ดขาด
เซี่ยไห่เห็นท่าทางราวกับราชินีของเซี่ยอวี่ก็ใจฝ่อแล้ว
เขามองไปทางห้องครัวแล้วกระซิบว่า “พี่สาว อย่าเพิ่งใจร้อน ตอนเย็นกลับบ้านก่อนค่อยพูด”
ในร้านยังมีลูกค้า เรื่องสำคัญแบบนี้ควรประกาศอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่ทำอย่างขอไปที
เซี่ยอวี่ได้ยินดังนั้นก็ร้องอ้อและไม่ได้ซักไซ้ต่อ “ได้ งั้นรอตอนเย็นก็แล้วกัน”
แม่เฒ่าเซี่ยกำลังเช็ดโต๊ะ พอได้ยินสองพี่น้องเล่นปริศนาทายอักษรก็เดินเข้ามาถาม “พวกเธอสองคนคุยอะไรกัน? มีเรื่องอะไรคุยกันเดี๋ยวนี้เลยไม่ได้รึ? ยังต้องรอถึงตอนเย็นอีกต่างหาก”
เซี่ยอวี่กินข้าวพลางว่า “แม่ รอคุยกันตอนเย็นดีกว่า”
ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมจะพูดเรื่องนี้จริง ๆ นั่นแหละ
“อ้อ” แม่เฒ่าเซี่ยสงสัยมาทั้งเช้าว่าเมื่อคืนเซี่ยไห่ไปนอนที่ไหน ตอนนี้สายตาของนางจับจ้องลูกชายกับลินดา พยายามค้นหาเบาะแสบางอย่าง
เซี่ยไห่ใช้ตะเกียบคีบอาหาร แม่เฒ่าเซี่ยพลันสังเกตเห็นรอยขีดข่วนสามรอยบนหลังมือของเขา นางอุทานอย่างตกใจ “เสี่ยวไห่ มือของเธอไปโดนอะไรมา? ทำไมถึงเป็นรอยแบบนั้น?”
สีหน้าของเซี่ยไห่แข็งค้างทันที “แม่ เปล่า ไม่มีอะไรเลย”
เซี่ยไห่รีบวางตะเกียบลงแล้วล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้ออย่างเป็นธรรมชาติ
จากนั้นก็ใช้มือซ้ายหยิบตะเกียบขึ้นมากินข้าว
คอยจับตามองเขาอยู่ทั้งวันเลยใช่ไหมเนี่ย?
เมื่อเช้าแม่ของเขาก็เป็นคนสังเกตเห็นรอยแผลบนปากของเขาคนแรกเหมือนกัน
“แม่เห็นว่ามือของลูกได้รับบาดเจ็บ” แม่เฒ่าเซี่ยถามอย่างเป็นห่วง ยังคิดจะล้วงมือของเขาออกมาเพื่อตรวจดูอาการ
ลินดาที่อยู่ข้าง ๆ ตระหนกจนแทบหายใจไม่ออกแล้ว
หล่อนไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิตการทำงาน
เซี่ยอวี่ดึงแม่เฒ่าเซี่ยเอาไว้
“แม่ ลูกชายแม่โดนแมวข่วนนิดหน่อย คนอายุสามสิบกว่าเข้าไปแล้ว แผลแค่นั้นไม่ถึงตายหรอก แม่อย่าตื่นตูมนักได้ไหม เก็บอาการบ้าง”
เซี่ยอวี่พูดอย่างนั้น แม่เฒ่าเซี่ยค่อยยอมเก็บมือกลับไป “อ้อ โดนแมวข่วนหรอกเหรอ งั้นกลับไปทายาซะนะ สัตว์พวกนี้มีเชื้อโรคเยอะ ระวังจะติดเชื้อ”
ลินดา “!!!”
เซี่ยไห่เห็นหญิงสาวข้างตัวหัวแทบจะมุดลงในชามข้าวอยู่รอมร่อ เขาพยายามกลั้นขำ ตอบหน้าตายว่า “รู้แล้ว กลับไปผมจะทายา แล้วก็จะลงโทษแมวตัวนั้นเสียให้เข็ด”
เซี่ยอวี่ “……..”
หลินเซี่ย “……..”
อารองของเธอทำแบบนี้เรียกว่าแทะโลมอย่างเปิดเผยหรือเปล่า?
เซี่ยอวี่มองเซี่ยไห่อย่างหมดคำจะพูด “อย่าห้าวให้มากนัก ระวังจบไม่สวย”
เซี่ยไห่รีบเก็บอาการ
หลังกินข้าวเสร็จ หลินเซี่ยบอกว่าจะไปทำงานที่ร้านทำผมครึ่งวัน เซี่ยอวี่จึงพาลินดากลับไปคุยเรื่องงานที่บ้าน
เซี่ยไห่เดินตามมาด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ
หลินเซี่ยหันมาถามเขา “อารอง จะไปไหนน่ะ?”
เซี่ยไห่ตอบ “กลับบ้านไปนอน”
“อ้อ”
พอคนทั้งสามออกไปแล้ว แม่เฒ่าเซี่ยก็หันมาถามหลินเซี่ยอย่างสงสัย “เซี่ยเซี่ย พวกเธอถามอารองหรือยังว่าเมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน? ค้างคืนกับลินดารึเปล่า? วันนี้ท่าทางสองคนนั้นแลดูแปลกชอบกล”
ความอยากรู้อยากเห็นแทบจะล้นทะลักออกมาจากดวงตาของแม่เฒ่าเซี่ยอยู่รอมร่อ
“ไม่ได้ถามค่ะ เย็นนี้พวกเราค่อยกลับไปถามเขาโดยตรงดีกว่า”
หลินเซี่ยไม่กล้าบอกใบ้ล่วงหน้า
เธอกลัวแม่เฒ่าเซี่ยจะถามต่อจึงตรงไปร้านทำผมทันที อาจารย์หวังกับชุนฟางกำลังทำงานกันอยู่ หลินเซี่ยเห็นหลินจินซานกำลังสระผมให้ชายสูงวัยคนหนึ่ง
“พี่มาทำงานที่ร้านทำผมของพวกเราตั้งแต่ตอนไหน?”
หลินจินซานมือเคลื่อนไหวอย่างชำนิชำนาญ ปากก็ตอบว่า “ฉันเห็นชุนฟางกับพี่หวังทำงานไม่ทัน ฉันสระผมให้ผู้หญิงไม่เป็น แต่สระให้คุณลุงคนนี้ได้ไม่มีปัญหา ช่วยได้ก็ช่วย”
หลินจินซานทำงานอย่างคล่องแคล่ว สระผมได้มืออาชีพอย่างมาก สระผมให้คุณลุงเสร็จก็ใช้ผ้าขนหนูเช็ด แล้วให้คนไปนั่งรอที่ด้านข้าง
ความรู้สึกหวานชื่นฉายชัดบนใบหน้าของชุนฟาง
“อาจารย์หวัง เมื่อคืนคุณไม่ได้เลยไปพลาดเรื่องใหญ่เลย” หลินเซี่ยยิ้มพูดกับอาจารย์หวัง
“เหรอ? มีเรื่องอะไรกันล่ะ?” อาจารย์หวังถาม
“พวกเราอาจได้ดื่มเหล้ามงคลกันเร็ว ๆ นี้น่ะสิ”
อาจารย์หวังเหลือบมองชุนฟางที่หน้าแดงด้วยความเขินอาย ตามด้วยมองหลินจินซานที่พอได้ยินว่าจะมีเรื่องดีก็แลดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ฉับพลันนั้นก็คล้ายจะเข้าใจอะไรขึ้นมา
“ฉันรอดื่มเหล้ามงคลแก้วนี้มานานแล้ว ในที่สุดก็จะได้ดื่มสักทีสินะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พี่ไห่จะกล้าลงโทษแมวน้อยตัวนี้เหรอ
ไหหม่า(海馬)