ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 60 แยกครอบครัว
ตอนที่ 60 แยกครอบครัว
ตอนที่ 60 แยกครอบครัว
“อย่ามาเสแสร้งทำเป็นสำออยและไปสถานีตำรวจด้วยกันซะ”
เฉินเจียเหอไม่คิดจะปล่อยเขาไป เวลานั้นพ่อของหวังต้าจ้วงและหวังจวี๋เซียงก็วิ่งเข้ามา หลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมด พ่อของหวังต้าจ้วงก็เตะลูกชายด้วยความเดือดดาล “แกไม่เคยเห็นผู้หญิงหรือยังไง?”
ผู้เฒ่าหวังทำกิจการฆ่าหมูในหมู่บ้าน เขาเคยเห็นโลกและรู้กฎหมายมาบ้าง หากลูกชายพยายามข่มขืนจริง ๆ เขาจะมีความผิดและต้องถูกตัดสินลงโทษ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยภูมิหลังของเฉินเจียเหอ หากหวังต้าจ้วงถูกส่งไปที่สถานีตำรวจ เรื่องราวคงไม่จบลงโดยง่ายดาย
เขาหันมองเฉินเจียเหอและขอร้องว่า “เจียเหอ เห็นแก่หน้าของฉัน ปล่อยเขาไปเถอะนะ ถ้าเธอจับเขาส่งสถานีตำรวจ ชีวิตของเขาจะต้องจบสิ้นแน่”
“เขาก่ออาชญากรรมและควรรับผลที่ตามมา” เฉินเจียเหอคำรามและกอดหลินเซี่ยที่กำลังเสียใจ
“ฉันขอโทษเธอและภรรยาของเธอด้วย ฉันจะพาเขากลับไปและสั่งสอนบทเรียนให้หลาบจำ”
หลินเซี่ยเห็นหวังจวี๋เซียงตามมาที่นี่ด้วย ผู้หญิงคนนั้นมองภาพตรงหน้าด้วยความสับสนอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่หล่อนจะเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด หลินเซี่ยก็พุ่งตัวคว้าคอเสื้อของหวังจวี๋เซียงอย่างบ้าคลั่ง
“หวังจวี๋เซียง นี่ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า? แกขอให้หวังต้าจ้วงล่อลวงเสี่ยวเยี่ยนออกมาเพื่อจะเอาเปรียบหล่อน ไอ้อันธพาลคนนั้นไม่เพียงเอาเปรียบเสี่ยวเยี่ยน แต่มันยังเอาเปรียบฉันด้วย วันนี้แหละฉันจะต้องทุบตีแกให้ตายนังอสรพิษ”
เธอเหวี่ยงฝ่ามือตบหน้าหวังจวี๋เซียงสองครั้ง
ในชีวิตก่อนหน้าเธอถูกเสิ่นอวี้อิ๋งขายให้กับหวังต้าจ้วง และหวังจวี๋เซียงก็คือคนกลาง
“ฉัน…”
หวังจวี๋เซียงถูกตบหน้าจนพูดอะไรไม่ออก ไม่คาดคิดว่าเรื่องราวจะกลายเป็นแบบนี้
หล่อนบอกหวังต้าจ้วงว่าวันนี้ให้เขาพูดคุยกับหลินเยี่ยนเพื่อทำความสนิทสนม แต่เจ้าเด็กสารเลวนี่ทำไมถึงใจร้อนนัก?
แล้วทำไมต้องไปยั่วยุหลินเซี่ยด้วย?
เฉินเจียเหอยังคงยืนกรานที่จะส่งเขาไปยังสถานีตำรวจ
ผู้เฒ่าหวังและหัวหน้าหมู่บ้านช่วยกันร้องขอความเมตตา
หัวหน้าหมู่บ้านไม่อยากให้ตำรวจเข้ามาวุ่นวายในหมู่บ้านในช่วงปีใหม่
หลินเซี่ยดึงแขนเสื้อของเฉินเจียเหอพลางกระซิบว่า “ช่างเถอะค่ะ”
ต่อให้พวกเขาจะไปสถานีตำรวจ แต่ก็ไม่มีหลักฐานสำคัญในการเอาผิดหวังต้าจ้วงในข้อหาพยายามข่มขืน ท้ายที่สุดเขาก็ยังไม่ทันได้ทำอะไรเธอและล้มลงพื้นไปก่อน
หากมีหลักฐานไม่เพียงพอ ตำรวจมักจะตักเตือนด้วยคำพูด หรือควบคุมตัวไว้สองถึงสามวัน
ประเด็นสำคัญคือหวังต้าจ้วงได้รับบาดเจ็บสาหัส และจะได้รับสิทธิ์การประกันตัว
การไม่รายงานต่อตำรวจ ทำให้พวกเขายังสามารถรักษาอำนาจไว้ได้
แม้ว่าหลินเซี่ยจะบอกให้ลืมมันไป แต่เฉินเจียเหอไม่เห็นด้วย
เขาเห็นภรรยาถูกรังแกจนอยู่ในสภาพที่น่าสังเวช เมื่อนึกถึงมือใหญ่อันน่าขยะแขยงของหวังต้าจ้วงที่สัมผัสตัวเธอ เขาก็แทบอยากตัดมือของสารเลวคนนี้ออกซะ
หลินเซี่ยกระซิบข้างหู “ช่างเถอะค่ะ เขาไม่ได้ทำอะไรฉันหรอก ฉันแค่อยากหาข้ออ้างที่จะทุบตีเขา”
เฉินเจียเหอมองดวงตาอันชาญฉลาดของเธอ เมื่อมองดูดี ๆ เขาพบว่าเธอไม่ได้ตื่นตระหนกเลย
เขาพูดกับผู้เฒ่าหวังและหัวหน้าหมู่บ้านว่า “ลุงหวัง ถ้าหวังต้าจ้วงพยายามเอาเปรียบภรรยาและน้องภรรยาของผมอีกในอนาคต ผมจะจัดการเขาให้สาสม”
“มันจะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต”
หวังต้าจ้วงจึงได้รับการช่วยเหลือจากพ่อแม่ของเขา
หลิวกุ้ยอิงก้าวออกไปด้านหน้าเพื่อขวางทางหัวหน้าหมู่บ้านและพูดเสียงดัง “หัวหน้าหมู่บ้าน โปรดช่วยพวกเราที่เป็นแม่ม่ายและเด็กกำพร้าด้วย”
“ทุกคนต่างก็เห็นแล้วว่าน้องสะใภ้ของฉันสมรู้ร่วมคิดกับหลานชายเพื่อมาเอาเปรียบเด็กสาวทั้งสอง พวกเขาปฏิเสธที่จะออกจากบ้านที่ฉันและต้าฝูสร้างไว้ก่อนหน้า แล้วยังเรียกร้องให้ฉันรับใช้พวกเขาวันแล้ววันเล่า ตอนนี้พวกเขายังมาข่มเหงลูกสาวของฉันอีก ฉันทนใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว หัวหน้าหมู่บ้าน โปรดช่วยเราแบ่งทรัพย์สินด้วยเถอะค่ะ”
หล่อนฉวยโอกาสเพื่อกำจัดปรสิตเหล่านี้ออกจากบ้านโดยเร็ว
หลิวกุ้ยอิงเชิญหัวหน้าหมู่บ้านไปที่บ้านของหล่อน
เฉินเจียเหอกอดหลินเซี่ยไว้ในอ้อมแขนและต้องการพาเธอกลับบ้าน แต่หลินเซี่ยปฏิเสธและต้องการช่วยหลิวกุ้ยอิง
มือใหญ่ของเฉินเจียเหอช่วยจัดผมที่ไม่เรียบร้อยของเธอ และเช็ดเหงื่อจากหน้าผากหญิงสาวด้วยแขนเสื้อของเขา
จากนั้นพวกเขาติดตามหลิวกุ้ยอิงและหัวหน้าหมู่บ้านไปยังบ้านตระกูลหลิน
เมื่อหวังจวี๋เซียงได้ยินว่าอีกฝ่ายกำลังจะแยกครอบครัว หล่อนก็ติดตามไปด้วยความโกรธ ดูเหมือนว่าหลิวกุ้ยอิงจะเอาจริงในครั้งนี้
หลังจากเขาไปในบ้าน หญิงชราเห็นหัวหน้าหมู่บ้านและกำลังจะออกไปทักทาย แต่เมื่อเห็นหลิวกุ้ยอิงและคนอื่น ๆ กำลังแสดงสีหน้าขุ่นเคือง แม่เฒ่าหลินจึงถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
“แม่ ฉันอยากแยกครอบครัวค่ะ” หลิวกุ้ยอิงกล่าว
แม่เฒ่าหลินสาปแช่งเสียงดังทันทีที่ได้ยิน “แยก? แยกครอบครัว? แกเสียสติไปแล้วหรือไง? ลูกคนเล็กของฉันจะย้ายออกไปหลังวันปีใหม่อยู่แล้ว แกอดใจรอไม่ได้เลยหรือไง? หรือว่าแกคิดจะพาผู้ชายคนใหม่เข้ามาในบ้าน?”
“แม่เฒ่า ระวังคำพูดของตัวเองด้วย” หลินเซี่ยดุ
หลิวกุ้ยอิงเคยชินกับการด่าทอของหญิงชรา สีหน้าของหล่อนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
หล่อนมองผู้คนในลานบ้านและพูดอย่างใจเย็น “ครอบครัวนี้เคยแยกกันอยู่มาก่อน และที่ดินก็แยกจากกัน แต่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เมื่อเราเก็บเกี่ยวข้าวสาลีและข้าวโพด พวกเขาเข้ามาเก็บเกี่ยวและกินพืชผลที่ปลูกในที่ดินของฉัน ขณะพืชผลจากที่ดินของเอ้อร์ฝูกลับเอาไปขายเป็นเงิน เพื่อเห็นแก่ต้าฝูที่จากไปแล้ว ฉันจะไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต และจะไม่เถียงกับพวกคุณอยู่ที่นี่ ครอบครัวของเอ้อร์ฝูควรย้ายออกจากบ้านนี้ทันที
อีกประเด็นคือ แม่เฒ่าจะต้องไปกับหลินเอ้อร์ฝูด้วย ฉันจะไม่รับใช้คุณอีกต่อไป และก่อนจะย้ายออกไป คุณต้องคืนเงินค่าสินสอดที่ได้รับจากงานแต่งงานของลูกสาวฉันกลับมาทั้งหมด ต้าฝูประสบอุบัติเหตุตอนที่เขาทำงาน และรัฐบาลก็จ่ายค่าชดเชยแก่ครอบครัว แม่เฒ่าเป็นคนถือเงินไว้ และฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ฉันแค่ถือว่ามันเป็นความกตัญญูของต้าฝูต่อแม่ของเขา ซึ่งเป็นกองทุนเกษียณอายุสำหรับผู้สูงอายุ ในอนาคตฉันกับลูกสาวทั้งสองจะไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาอีก”
แม่เฒ่าหลินตกตะลึง “หลิวกุ้ยอิง แกพูดว่าอะไรนะ? แกจะไล่ฉันออกจากบ้านงั้นเหรอ?”
หลิวกุ้ยอิงกล่าว “ลูกชายของคุณจากไปแล้ว ฉันก็ดูแลคุณในฐานะลูกสะใภ้ของคุณมาเป็นเวลานานแล้ว ฉันทำหน้าที่นั้นอย่างเต็มที่ และไม่จำเป็นต้องทำอีกต่อไป ถ้าคุณไม่เข้ามาก้าวก่ายพวกเราเกินไป ฉันก็คงยังแสดงความเคารพต่อคุณเพื่อเห็นแก่ต้าฝู แค่ทำตัวเหมือนคนแก่ทั่วไปไม่ได้เลยเหรอ? คุณรังแกฉันและลูกสาวของฉันทุกหนทาง แล้วยังวางแผนต่อต้านเรา ถ้ายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ลูก ๆ ของฉันคงถูกคุณฆ่าเข้าสักวัน”
สิ้นเสียงของหลิวกุ้ยอิง เธอมองหัวหน้าหมู่บ้านและพูดว่า “หัวหน้าหมู่บ้าน โปรดตัดสินใจแทนเราด้วยค่ะ”
แม่เฒ่าหลินและคนอื่น ๆ ไม่เคยรู้เลยว่าหลิวกุ้ยอิงสามารถกล่าวคำได้เฉียบคมขนาดนี้
ผู้หญิงคนนี้ซึ่งมักจะก้มหัวให้พวกเขา แต่วันนี้กลับยืนหยัดและเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองโดยสิ้นเชิง
หลินเซี่ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยขณะมองหลิวกุ้ยอิงที่กำลังยืนหยัดเพื่อพวกเธอ
หล่อนไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยอง ไม่ส่งเสียงดังหรือสาปแช่ง แต่น้ำเสียงของหล่อนกลับมีพลังมากกว่าปกติมาก
หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวว่า “พี่สะใภ้ ผมคิดว่ากุ้ยอิงพูดถูกนะ คุณควรไปอยู่กับเอ้อร์ฝู และไม่ควรขอให้ลูกสะใภ้คนโตคอยรับใช้คุณอีกต่อไป”
แน่นอนว่าแม่เฒ่าหลินไม่ยอมจากไปพร้อมกับลูกชายคนรอง เมื่อเทียบกับการอยู่กับหลิวกุ้ยอิงแล้ว อยู่กับลูกชายจะสบายได้อย่างไร?
ครอบครัวของหวังจวี๋เซียงอยู่ในหมู่บ้านนี้ ผู้เฒ่าหวังคนฆ่าหมูเป็นลูกพี่ลูกน้องของหล่อน และหล่อนยังมีพี่ชายอีกสองคน แม่เฒ่าหลินจึงไม่กล้าเรียกใช้ลูกสะใภ้คนนี้
หลิวกุ้ยอิงแต่งงานกับครอบครัวจากที่อื่น ไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวตัวเองมาหลายปีแล้ว เมื่อสามีเสียชีวิตไป หลิวกุ้ยอิงก็กลายเป็นม่ายและมีนิสัยถ่อมตน เธอจึงต้องฟังคำสั่งของหญิงชราทุกอย่าง
หลินเซี่ยหันไปออกคำสั่งกับหลินเยี่ยน “เสี่ยวเยี่ยน ไปเก็บข้าวของของคุณย่าซะ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แม่เอาจริงแล้ว บทจะเอาจริงคือเฉียบขาดจนอึ้งเลย
ไหหม่า(海馬)