ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 600 หวานชื่น
ตอนที่ 600 หวานชื่น
ดังนั้น เขาจึงซื้อขนมถุงใหญ่จากร้านขายของชำ แล้วนำพวกมันกลับไปที่ห้องเต้นรำ แจกจ่ายให้ลู่เจิ้งอวี่ และขอให้ลู่เจิ้งอวี่เอาไปแจกจ่ายให้กับพนักงานและลูกค้าที่มาในคืนนี้ เพื่อให้ทุกคนร่วมยินดีด้วยกัน
ลู่เจิ้งอวี่ดูงุนงง ถามอย่างสงสัย “พี่ไห่ จะให้เราแสดงความยินดีเนื่องในวาระของใครกันล่ะ? ของพี่จินซานเหรอ?”
เซี่ยไห่ตอบว่า “ไม่ใช่เขา”
ลู่เจิ้งอวี่ยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีก “แล้วมีใครอีกล่ะที่เราต้องยินดี? หรือเนื่องในโอกาสที่พี่เฉินกำลังจะเป็นพ่อคน พี่เลยแจกขนมพวกเราเป็นพิเศษหรือเปล่า?”
เซี่ยไห่นั่งบนเก้าอี้ประธานในห้อง กลอกตามองไปที่ลู่เจิ้งอวี่ พูดเยาะเย้ยว่า “คิดว่าพี่เฉินของนายใจดีขนาดนั้นเลยหรือไง? เขากำลังจะเป็นพ่อคนแล้วยังอุตส่าห์เจียดเงินมาแจกขนมให้นายงั้นเหรอ? อาหารหมาสักกำมืออาจจะเหมาะกว่า”
เมื่อลู่เจิ้งอวี่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ปรากฏว่ามันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ พี่เฉินได้รับเงินเดือนไม่มากนัก แถมเขายังต้องเลี้ยงดูหู่จือและดูแลพี่สะใภ้ จะเจียดเงินมาใช้จ่ายเพื่อพวกเขาได้อย่างไร?
เห็นลู่เจิ้งอวี่โง่มากจนไม่ได้คิดถึงเขาเลย เซี่ยไห่ก็มองเขาด้วยความรังเกียจ แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “ฉันซื้อเอง”
“พี่ไห่ พี่มีเรื่องอะไรที่น่ายินดีงั้นเหรอ?” ลู่เจิ้งอวี่ถามด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเขาเป็นประกาย
เซี่ยไห่เสยผมตัวเอง แล้วตอบแบบสบาย ๆ “ประมาณนั้น”
เมื่อลู่เจิ้งอวี่ได้ยินแบบนั้น ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นทันที “ข่าวดีอะไรกัน? สาขาใหม่ของเรากำลังจะเปิดตัวแล้วเหรอ? คราวนี้เปิดที่ไหนล่ะ? ผมควรไปดูแลที่นั่นแทนพี่ไหม?”
ลู่เจิ้งอวี่ผู้มุ่งมั่นกับอาชีพการงานเป็นที่หนึ่ง มักจะคิดถึงการเปิดสาขาใหม่อยู่เสมอ
เมื่อไม่กี่วันก่อนเซี่ยไห่บอกว่าเขาต้องการเปิดห้องเต้นรำและห้องร้องคาราโอเกะอีกแห่ง และกำลังมองหาสถานที่อยู่พอดี ลู่เจิ้งอวี่คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะได้ที่ทางแล้วจึงดีใจมาก
เนื่องจากเขาตัดสินใจติดตามเซี่ยไห่ จึงหวังว่าธุรกิจของพวกเขาจะใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน
จนถึงวันที่เขาสามารถจัดการดูแลสาขาได้ด้วยตัวเอง
เซี่ยไห่เสยผมอีกรอบแล้วพูดแบบสบาย ๆ อีกครั้ง “เรื่องส่วนตัวน่ะ”
“หืม? เรื่องส่วนตัว?” ลู่เจิ้งอวี่ดูสับสน หลังจากคิดอยู่นาน เขาก็ยังนึกไม่ออกว่าเซี่ยไห่จะมีเรื่องน่ายินดีกับอะไร?
ความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเขาคือการประสบความสำเร็จด้านการงาน ได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา หายจากอาการป่วยหนัก และพบเจอกับเพื่อนเก่าจากต่างถิ่น
สามสิ่งแรกไม่เกี่ยวข้องกับพี่ไห่อย่างแน่นอน
เป็นไปได้ไหมว่าเพื่อน ๆ ว่างมารวมตัวกัน?
แล้วทำไมอีกฝ่ายถึงไม่โทรหาเขาล่ะ?
เซี่ยไห่หมดความอดทนต่อการเล่นปริศนาคำทายกับเขาอีกต่อไป จึงประกาศโดยตรงว่า “พี่ไห่ของนายมีคนรักแล้ว ทีนี้หายสงสัยหรือยังล่ะ?”
“แฟนเหรอ? พี่ไห่ พี่ยังไม่ได้แต่งงานด้วยซ้ำ? จะไปเอาคนรักมาจากไหนล่ะ?” ลู่เจิ้งอวี่มองเขาและถามด้วยความประหลาดใจ
เซี่ยไห่ “…”
แต่ไม่นานลู่เจิ้งอวี่ก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เมื่อดูสีหน้าของเซี่ยไห่ที่น่าจะกำลังตกหลุมรักใครสักคน
ขึ้นชื่อว่าความรักแล้วไม่มีทฤษฎีใดตายตัว เมื่อความรู้สึกเกิดขึ้น กระทั่งเจตนารมณ์ที่หยั่งรากลึกที่สุดยังพลิกกลับตาลปัตรได้
ลู่เจิ้งอวี่ถามอย่างเร่งรีบ “พี่ไห่ สาวคนไหนคือผู้โชคดีคนนั้นกัน?”
ในที่สุดลู่เจิ้งอวี่ก็พูดอะไรบางอย่างที่เซี่ยไห่อยากได้ยิน จึงตอบกลับออกไปด้วยท่าทางภาคภูมิใจ “ไว้คราวหน้าฉันจะพาหล่อนมาที่นี่เพื่อแนะนำให้นายรู้จัก”
เขาโบกมือแล้วพูดว่า “ไปแจกขนมเถอะ”
“ครับพี่”
ไม่นานหลังจากที่ลู่เจิ้งอวี่ออกไปพร้อมกับลูกกวาด หลินจินซานที่รู้ข่าวใหญ่ก็รีบเข้ามายืนยันกับเซี่ยไห่ด้วย
หลังจากได้รับคำตอบเชิงบวก หลินจินซานก็แสดงความยินดีอย่างยิ่งกับเซี่ยไห่เช่นกัน
แน่นอนว่าเขายินดีแทนย่าของเขามากกว่า
หญิงชรากังวลเกี่ยวกับปัญหาส่วนตัวของเซี่ยไห่มานานพอสมควรแล้ว
ทันทีที่หลินจินซานเข้ามา เขาก็โค้งคำนับและแสดงความยินดี “อารอง ขอแสดงความยินดีด้วย แฟนสาวของอาใช่คุณลินดาหรือเปล่า?”
“นายรู้ได้ยังไง?” อย่าบอกนะว่าเด็กคนนี้ได้รับข่าวดีจากทางครอบครัวก่อนแล้ว?
หลินจินซานฟังดูเหมือนคนที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน “ผมสังเกตมานานแล้วว่าสายตาที่อามองหล่อนดูมีอะไรแอบแฝง”
เซี่ยไห่ “???”
นี่เขาแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ?
หลินจินชานยิ้มอย่างคลุมเครือ “ผมเห็นว่าชุนฟางเองก็มีสายตาทำนองเดียวกันนั้นเหมือนกัน บ่งบอกถึงการหลงรักได้เป็นอย่างดี”
“เด็กน้อยอย่างนายนี่พูดมากจริง ๆ ไปทำงานต่อซะ”
เซี่ยไห่คิดอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้ดูเหมือนว่ามีเพียงสหายน้องชายของเขาอย่างถังจวิ้นเฟิงและฟางจิ้นเป่าเท่านั้นที่ไม่รู้เกี่ยวกับข่าวดีของเขา ฟางจิ้นเป่าตามฝ่ายช่างไปซ่อมรถไฟนอกไห่เฉิง ดังนั้นจึงยังติดต่อเขาไม่ได้
แต่ถังจวิ้นเฟิงอยู่แถวนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องแจ้งให้อีกฝ่ายทราบถึงเรื่องสำคัญดังกล่าวให้ทันเวลาไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ไม่อย่างนั้นมันจะดูไม่สมเหตุสมผล
เซี่ยไห่รู้ว่าถังจวิ้นเฟิงมีโทรศัพท์ ดังนั้นจึงเลือกโทรหาเบอร์เขา
แต่ถึงอย่างนั้นเขาโทรไปกี่สายก็ไม่มีคนรับ เขาไม่รู้ว่าวันนี้ถังจวิ้นเฟิงเข้าเวรกะกลางวันหรือกะกลางคืนกันแน่ จึงตามตัวเขาไม่เจอ
เซี่ยไห่นั่งบนเก้าอี้ประธานต่อไป เมื่อคิดถึงใบหน้าของแม่สาวทอมบอยผู้เย็นชาคนนั้น เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเพ้อฝัน และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคัก
เขามีแฟนแล้วจริง ๆ และแฟนสาวคนนั้นก็คือคนที่เขาเคยเรียกหล่อนว่ายัยทอมบอย
ฟังจากน้ำเสียงของหล่อน ดูเหมือนว่าหล่อนเองก็แอบมีความรู้สึกดี ๆ ต่อเขามาเป็นเวลานานแล้ว เพียงแต่หล่อนเก็บอาการเก่งมาก แทบไม่ได้แสดงออกเลย
อย่างว่า ด้วยเสน่ห์ของเขาแล้ว ผู้หญิงคนไหนบ้างจะไม่ถูกเขาดึงดูด?
เซี่ยไห่ทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงลองโทรติดต่อผ่านหมายเลขโทรศัพท์ของถังจวิ้นเฟิงโดยตรงอีกครั้ง
แต่ก็ยังไม่มีการตอบรับ
ไอ้หมอนั่นมีโทรศัพท์มือถือที่ครอบครัวของไล่เสี่ยวอวิ๋นมอบให้ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไม่ยอมรับสายกันล่ะ?
หรือคืนให้พวกเขาไปแล้ว?
ครั้งสุดท้ายที่เขาแวะมากินข้าวเย็นกับพวกเขา เขาก็จากไปอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นก็ไม่ได้ข่าวคราวอีกเลย
พูดตามตรง เซี่ยไห่ยังอดคิดถึงเรื่องระหว่างถังจวิ้นเฟิงและไล่เสี่ยวอวิ๋นไม่ได้
ในฐานะเพื่อนรุ่นพี่ เขารู้สึกได้ว่าถังจวิ้นเฟิงสนใจในตัวไล่เสี่ยวอวิ๋นจริง ๆ แต่ด้วยเหตุผลหลายประการ เขาจึงไม่สามารถแสดงออกทางความสัมพันธ์หรืออารมณ์กับหล่อนได้ ไล่เสี่ยวอวิ๋นเองก็ชอบถังจวิ้นเฟิงอย่างชัดเจน ท้ายที่สุดความไว้วางใจที่หล่อนมีต่อถังจวิ้นเฟิงอาจเป็นแค่ข้ออ้าง เป็นข้อแก้ตัวเมื่อชอบใครสักคนและต้องการอยู่กับเขา
แต่น่าเสียดายที่ทั้งสองคนคลาดกันไปมาเนื่องจากปัจจัยภายนอกเหล่านั้น
เซี่ยไห่ตัดสินใจว่าจะตามหาถังจวิ้นเฟิงอีกทีในวันพรุ่งนี้
อีกด้านหนึ่ง ถึงเขาอยากบอกให้ถังจวิ้นเฟิงรู้เกี่ยวกับเรื่องที่น่ายินดีของตัวเอง แต่ในทางกลับกัน เขาก็ใส่ใจกับปัญหาส่วนตัวของเพื่อนรุ่นน้องด้วย
เขาเพิ่งจะคบกันได้ไม่นาน อีกหน่อยก็หมั้นหมาย และอาจถึงขั้นเป็นสามีภรรยากันในอนาคต
ในเวลานี้ ถังจวิ้นเฟิงซึ่งเซี่ยไห่กำลังเป็นกังวลยุ่งอยู่กับการทำงานกะกลางคืน
เขาเพิ่งกลับเข้ามาหลังจากลาดตระเวน ทันใดนั้นโทรศัพท์ของหน่วยก็ดังขึ้น
“สวัสดีจ้ะเสี่ยวถัง ฉันแม่ของเสี่ยวอวิ๋นเอง เธอช่วยแวะมาที่บ้านฉันหน่อยได้ไหม?”
“คุณป้า มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับ?” ทันใดนั้นสีหน้าของถังจวิ้นเฟิงก็เข้มขรึมขึ้น เมื่อเขาได้ยินเสียงของแม่ของไล่เสี่ยวอวิ๋น
แม่ไล่พูดอย่างเป็นกังวลว่า “ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาอาการของเสี่ยวอวิ๋นไม่ค่อยดีเลย หล่อนมักจะฝันร้ายในเวลากลางคืน สองสามวันก่อนก็เป็นไข้ ตอนนี้เอาแต่ละเมอเรียกชื่อเธอ เดิมทีเราอยากหาทางติดต่อเธอนานแล้ว แต่หล่อนไม่ยอมให้เราไปรบกวน เราไม่มีทางเลือกจริง ๆ เลยลองถามดูว่าพอจะสละเวลามาเจอหล่อนได้ไหม พรุ่งนี้หล่อนต้องเข้าไปรายงานตัวที่โรงเรียนแล้ว เราเป็นห่วงสถานการณ์ปัจจุบันของหล่อนจริง ๆ”
“คุณป้า ถ้าเพื่อนร่วมงานของผมกลับมา ผมจะรีบไปทันทีครับ”
ถังจวิ้นเฟิงรีบเรียกเพื่อนร่วมงานของเขาให้เข้ามารับช่วงต่อ จากนั้นจึงขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่บ้านของไล่เสี่ยวอวิ๋น
เมื่อเขามาถึงบ้านตระกูลไล่ ไล่เสี่ยวอวิ๋นเอาแต่นั่งกอดเข่า เอนตัวพิงอยู่ข้างเตียง ขณะที่พ่อของหล่อนนั่งอยู่ด้านข้างและคอยเฝ้าดูแล
“เสี่ยวอวิ๋น เป็นอะไรไป?”
เมื่อเห็นถังจวิ้นเฟิงเข้ามา ไล่เสี่ยวอวิ๋นก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น
ใบหน้าของหล่อนซีดเผือด รอบดวงตาเป็นรอยหมองคล้ำ เมื่อถังจวิ้นเฟิงเห็นภาพตรงหน้า หัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
“คุณฝันร้ายอีกแล้วเหรอ?” ถังจวิ้นเฟิงถามไถ่
พ่อไล่ดูเศร้าหมองพลางพูดว่า
“ใช่ ทุกครั้งที่หล่อนเข้านอน หล่อนมักจะฝันร้ายตลอดเวลา ช่วงหลังอาการเริ่มดีขึ้นขนาดกล้าปิดไฟนอนตอนกลางคืน จนเราทุกคนคิดว่าหล่อนกลับมาปกติดีแล้วแท้ ๆ กระทั่งช่วงสองวันที่ผ่านมาทุกอย่างกลับกลายมาเป็นเหมือนเดิมอีก ก่อนหน้านี้เสี่ยวอวิ๋นไม่ยอมให้เราติดต่อเธอ แต่เราไม่มีทางเลือกจริง ๆ หล่อนกำลังจะได้งานแล้ว และต้องไปรายงานตัวที่โรงเรียนในวันพรุ่งนี้ แต่ดูสภาพปัจจุบันของหล่อนสิ คงไปรายงานตัวไม่ไหวแน่ ๆ”
ถังจวิ้นเฟิงทรุดนั่งลงข้างเตียง จับมือหล่อนเบา ๆ และปลอบโยนเสียงแผ่ว “เสี่ยวอวิ๋น ไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่นี่แล้ว”
ไล่เสี่ยวอวิ๋นมองไปยังถังจวิ้นเฟิง ดวงตาที่เหมือนตายด้านของหล่อนค่อย ๆ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
เมื่อพ่อแม่ของไล่เสี่ยวอวิ๋นเห็นดังนี้ ทั้งคู่จึงถอยกลับไป
“ล่าสุดนี้คุณฝันร้ายอีกแล้วเหรอ?” ถังจวิ้นเฟิงมองไปที่หญิงสาวบนเตียง ไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าหล่อนจะกลับมาอยู่ในสภาพนี้อีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอเขาเพียงแค่สองสามวัน เขาให้ทางเลือกแก่หล่อนในเวลานั้น แต่หล่อนกลับไม่ได้เลือกเขา เขาจึงคิดว่าหล่อนอาจจะอยู่ได้ จึงถอยห่างออกมา เพื่อที่ต่างคนจะได้กลับไปเริ่มต้นชีวิตใหม่
แม้ว่าเขาจะเจ็บปวดและเสียใจแค่ไหน แต่เขาก็พอใจยิ่งกว่าที่รู้ว่าหล่อนจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้เป็นอย่างดี ความพยายามของเขาในช่วงเวลาที่ผ่านมาช่างคุ้มค่า
สภาพจิตใจหล่อนได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง อีกอย่างการพบเจอของพวกเขาในครั้งแรกก็เกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ แล้วมันจะสานต่อได้อย่างไร?
เขาตัดสินใจว่าจะฝังกลบความสัมพันธ์ที่ไร้ผลนี้ไว้ ณ ส่วนลึกในใจ
แต่เมื่อมองดูหล่อนในตอนนี้ เขาถึงตระหนักว่าตัวเองไม่อาจปล่อยมือจากหล่อนได้ และเขาเองก็ทำใจไม่ได้เช่นกัน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พี่ไห่นี่ถ้าประกาศความสัมพันธ์ให้รู้ทั้งเมืองได้ก็คงทำไปแล้ว
อะไรคือกำแพงระหว่างจวิ้นเฟิงกับเสี่ยวอวิ๋นหนอ อยู่ไกลก็ไม่ไหว อยู่ใกล้ก็เจ็บ
ไหหม่า(海馬)
……………………………………