ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 601 ความรักของถังจวิ้นเฟิง
ตอนที่ 601 ความรักของถังจวิ้นเฟิง
ครั้นไล่เสี่ยวอวิ๋นเห็นถังจวิ้นเฟิงนั่งอยู่ข้าง ๆ จิตใจของหล่อนก็สงบลงในทันที
แต่หล่อนไม่กล้าเข้าใกล้เขาโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง
“ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องสนใจฉัน กลับไปเถอะ ฉันจัดการตัวเองนิดหน่อยก็ดีขึ้นเอง”
“คุณเป็นแบบนี้แล้วผมจะกลับไปได้ยังไง?” ตอนนี้ถังจวิ้นเฟิงไม่มีแก่ใจไปสนเรื่องอื่นอีกแล้ว เขารวบตัวหล่อนเข้าสู่อ้อมแขน ลูบหลังหล่อนอย่างแผ่วเบาพลางปลอบโยน “ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณตรงนี้ นอนเถอะ ไม่มีอะไรหรอก”
“คุณตำรวจถัง ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้มีเจตนาจะรบกวนคุณ แต่แม่ของฉันโทรเรียกคุณออกมาโดยพลการ ฉันรู้ว่าฉันมันไม่เอาไหน ฉันเห็นคุณเป็นที่พึ่งทางใจ ฉันขาดคุณไม่ได้ ฉันไม่รู้ว่าควรทำยังไง ฉันสับสนจริง ๆ และปวดใจมากเหลือเกิน”
“ฉันมันใช้ไม่ได้ ฉันอยากเริ่มต้นใหม่จริง ๆ อยากลืมทุกสิ่งทุกอย่างในอดีต ทำเหมือนไม่เคยรู้จักคุณ ทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น แต่พอฉันนอนลงแล้วปิดไฟ ความทรงจำที่น่ากลัวที่สุดก็ผุดขึ้นมาในหัว รวมถึงคุณด้วยเหมือนกัน ฉันอยากจะคว้าคุณไว้ แต่ทำยังไงก็คว้าคุณไว้ไม่ได้ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าควรทำยังไง ฉันไม่อยากพัวพันกับคุณ ฉันอยากลืมคุณ แต่ฉันก็ทำไม่ได้”
ไล่เสี่ยวอวิ๋นซบอยู่บนอกของถังจวิ้นเฟิง พร่ำพูดถึงความทุกข์ในใจด้วยเสียงสะอึกสะอื้น
ดวงตาของถังจวิ้นเฟิงแดงก่ำ
ที่แท้ ช่วงที่ผ่านมา หล่อนเป็นทุกข์มากขนาดนี้
ส่วนเขากลับยุ่งอยู่กับงานทุกวัน พยายามไม่ปล่อยให้ตัวเองคิดถึงเรื่องอื่น อาศัยงานยุ่งมาทำให้ความรู้สึกของตัวเองชืดชา
ตอนนี้พอได้อยู่ใกล้ ๆ หล่อน ได้ยินเสียงของหล่อน จิตใจเครียดเขม็งของเขาก็พลันขาดผึง
เขาบังเกิดความคิดชั่ววูบว่าอยากทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแล้วมาอยู่กับหล่อน
“ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณตรงนี้แล้ว คุณนอนเถอะ”
ไล่เสี่ยวอวิ๋นนอนลงบนเตียง ถังจวิ้นเฟิงนั่งลงริมเตียง ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้หล่อนแล้วตบเบา ๆ เพื่อให้หล่อนหลับไป
ช่วงที่ผ่านมาหล่อนฝันร้ายทุกคืน เวลาที่ไม่กล้านอนคนเดียว เขาก็จะอยู่เป็นเพื่อนหล่อนแบบนี้
พอมีถังจวิ้นเฟิงอยู่ข้าง ๆ ไล่เสี่ยวอวิ๋นก็จมสู่ห้วงนิทราไปอย่างรวดเร็ว
รอจนหล่อนหลับไปแล้ว ถังจวิ้นเฟิงจึงค่อยออกไปจากห้องของหล่อน
พ่อแม่ของไล่เสี่ยวอวิ๋นนั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าหนักอึ้ง เมื่อเห็นถังจวิ้นเฟิงเดินออกมา พวกเขาก็รีบลุกขึ้นยืน
ถังจวิ้นเฟิงกล่าวอย่างสุภาพ “คุณน้า ไม่เป็นไรครับ”
“เสี่ยวถัง นั่งลงก่อนสิ พวกเรามาคุยกันสักหน่อย”
พ่อของไล่เสี่ยวอวิ๋นเชื้อเชิญให้ถังจวิ้นเฟิงนั่งลงบนโซฟา มองเขาพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า “เธอกับเสี่ยวอวิ๋นรู้จักกันมานาน เธอคงรู้ว่าเสี่ยวอวิ๋นรู้สึกยังไง ช่วงที่ผ่านมา อาการของเสี่ยวอวิ๋นดีขึ้นมากเพราะมีเธออยู่ข้าง ๆ มีท่าทางสดใสขึ้นไม่น้อย พวกเราหาโรงเรียนให้หล่อนแล้ว กำลังจะไปรายงานตัว แต่จู่ ๆ ช่วงไม่กี่วันมานี้ อาการของเสี่ยวอวิ๋นกลับแย่ลง เมื่อวานนี้พวกเราถึงได้รู้ว่า ที่แท้พวกเธอไม่ได้ติดต่อกันแล้ว”
พ่อไล่พูดต่อไป “ฉันรู้ว่าการกระทำของพวกเราอาจดูเหมือนใช้คุณธรรมมาบีบบังคับเธอจนเกินไป แต่พวกเรามีลูกสาวเพียงคนเดียว เสี่ยวอวิ๋นเป็นแบบนี้ พวกเราก็ปวดใจมาก และดูออกว่าเสี่ยวอวิ๋นชอบเธอจากใจจริง ในใจเสี่ยวอวิ๋น เธอเป็นคนที่เสี่ยวอวิ๋นไว้ใจมากที่สุดและพึ่งพาได้มากที่สุด พวกเราสองคนก็ชื่นชมเธอมาก และยังดูออกว่าเธอเองก็มีความรู้สึกดี ๆ ให้กับเสี่ยวอวิ๋นเหมือนกัน ฉันจึงหวังจากใจจริงว่าเธอจะพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเสี่ยวอวิ๋นใหม่อีกครั้ง ลูกสาวของฉันก็ไม่ได้แย่ เธอก็เห็นแล้วว่าเสี่ยวอวิ๋นหน้าตาสะสวย แต่ก่อนเป็นคนร่าเริงแจ่มใสมาก แต่เพราะโดนพวกค้ามนุษย์สารเลวพวกนั้นลักพาตัวไปถึงกลายเป็นแบบนี้ ตอนนี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่จะช่วยเสี่ยวอวิ๋นได้”
“เสี่ยวถัง พวกเราเลยอยากถามเธอว่า เธอคิดยังไงกับเสี่ยวอวิ๋นงั้นหรือ?”
แม่ของไล่เสี่ยวอวิ๋นมองถังจวิ้นเฟิงด้วยแววตาเปี่ยมความหวัง หล่อนคิดว่าถังจวิ้นเฟิงคอยดูแลลูกสาวของพวกตนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาน่าจะมีความรู้สึกส่วนตัวอยู่บ้างกระมัง ถ้าเป็นเพราะเรื่องงานอย่างเดียวคงไม่ยืนหยัดมาจนถึงทุกวันนี้
จากที่ได้คลุกคลีกันมา พวกเขาชื่นชอบคนหนุ่มแบบถังจวิ้นเฟิงมากจริง ๆ
ซื่อสัตย์ จิตใจดี รูปร่างหน้าตาก็ดี
ถ้าได้ลูกเขยแบบนี้ พวกเขาก็พอใจมาก
เผชิญหน้ากับแววตาคาดหวังของผู้อาวุโสทั้งสอง ถังจวิ้นเฟิงเงียบไปครู่หนึ่งจึงพูดความในใจของตัวเองออกมา “คุณอาคุณน้าครับ ผมสารภาพตามตรงว่าผมก็ชอบเสี่ยวอวิ๋นเหมือนกัน”
“จริงเหรอ แล้วทำไมช่วงหลายวันที่ผ่านมาพวกเธอถึงเป็นแบบนั้นกันล่ะ?” แม่ไล่ถามอย่างสงสัย
ในเมื่อชอบกัน ทำไมต้องเลิกกัน จนเป็นเหตุให้ลูกสาวของหล่อนต้องมีสภาพแบบนี้?
ใบหน้าหล่อเหลาของถังจวิ้นเฟิงฉายแววหนักอึ้ง มองพวกเขาพลางอธิบายว่า
“ผมมีเหตุผลส่วนตัว ลูกชายของบ้านที่รับเสี่ยวอวิ๋นไปเลี้ยงดูในตอนนั้นเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเพื่อนสนิทของผม ตอนนี้พวกเขาล้วนอยู่ที่เมืองไห่เฉิง ตอนที่กำลังสืบคดีนี้ พวกคุณก็คงรู้เรื่องแล้ว เพื่อนสนิทของผมรู้มาจากปากของคนที่บ้านเกิดว่าบ้านเพื่อนสมัยเด็กซื้อลูกสะใภ้คนหนึ่ง เขาจึงเอาเรื่องนี้มาบอกผมอีกที และพาพวกเราไปช่วยเหลือเสี่ยวอวิ๋นที่หมู่บ้านชนบท ถ้าคิดจากบางแง่ เขาก็นับว่าเป็นผู้มีพระคุณของเสี่ยวอวิ๋น
เรื่องที่เสี่ยวอวิ๋นอยู่ในหมู่บ้านแห่งนั้นครึ่งเดือน เขารู้ดีกว่าใครทั้งหมด ผมเป็นเพื่อนกับเขามาสิบกว่าปีก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาตลอด หลายวันก่อนเพื่อนสนิทของผมแต่งงาน เพื่อนสมัยเด็กของเขาก็อยู่ที่นั่นด้วยเหมือนกัน แถมยังบอกให้ผมมาขอโทษกับเสี่ยวอวิ๋น
ผมรู้ว่าเสี่ยวอวิ๋นอยากเริ่มต้นใหม่ พวกคุณสองคนก็เคยพูดว่าไม่หวังให้ใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเสี่ยวอวิ๋นในช่วงนั้น ผมกลัวมากว่าถ้าเสี่ยวอวิ๋นเข้ามาอยู่ในชีวิตของผมแล้วก็คงต้องได้เจอกับเพื่อนของผมอย่างไม่อาจเลี่ยง ผมกลัวว่าหล่อนจะเอาชนะความทุกข์ในใจไม่ได้”
ไม่ง่ายเลยกว่าไล่เสี่ยวอวิ๋นจะเดินออกมาจากฝันร้ายนั้นได้ แต่ถ้าได้เจอกับเฉินเจียเหอหรือเอ้อร์เลิ่ง การปรากฏตัวของพวกเขาก็จะทำให้หล่อนนึกถึงฝันร้ายในอดีตขึ้นมาได้อีกครั้ง
เรื่องนี้โหดร้ายเกินไปสำหรับหล่อน
ได้ยินคำพูดของถังจวิ้นเฟิงแล้ว พ่อแม่ของไล่เสี่ยวอวิ๋นก็เงียบไป
“เสี่ยวถัง ถ้าเธอชอบเสี่ยวอวิ๋นจริง ๆ เธอสามารถทำเพื่อเสี่ยวอวิ๋น…” พ่อไล่กระดากใจเกินกว่าจะเอ่ยคำพูดต่อจากนั้นออกมา
ถังจวิ้นเฟิงพูด
“คุณอา คุณน้า ผมเข้าใจความหมายของพวกคุณ ผมคิดว่าต่อให้ผมไม่ไปมาหาสู่กับเพื่อนของผมอีกต่อไปก็ไม่อาจแก้ไขต้นตอของปัญหาได้อยู่ดี ต่อให้พวกเราจงใจหลีกเลี่ยง ปมในใจก็ยังคงอยู่ เว้นเสียแต่ว่าเสี่ยวอวิ๋นจะรวบรวมความกล้าเผชิญหน้ากับพวกเขา ปล่อยวางอดีตลงอย่างแท้จริง เผชิญหน้ากับทุกอย่างอย่างสงบ แต่เรื่องนี่โหดร้ายเกินไปสำหรับหล่อน ผมไม่อาจหักใจให้หล่อนทำแบบนั้น”
ตอนที่ถังจวิ้นเฟิงพูดสิ่งเหล่านี้ออกมา เขาเองก็ปวดใจมากเหมือนกัน
ในบรรดาเพื่อนของเขา เซี่ยไห่กับเฉินเจียเหอล้วนรู้เรื่องของไล่เสี่ยวอวิ๋น เขาไม่สนิทกับเอ้อร์เลิ่ง วันหน้าก็คงไม่ได้พบกันอีก แต่เขากลัวว่าวันหน้าถ้าเขาอยู่กับไล่เสี่ยวอวิ๋น หล่อนอาจไม่สามารถทำใจยอมรับเรื่องที่เพื่อนของเขาล่วงรู้อดีตที่ไม่น่าจดจำของหล่อนได้
เขาไม่อยากให้ไล่เสี่ยวอวิ๋นต้องมีชีวิตอย่างเจ็บปวดทรมาน เขาจึงเลือกถอยออกมาจากชีวิตของหล่อนเอง เพื่อให้หล่อนใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และสามารถเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้ง
แต่เขาคิดไม่ถึงว่าอาการของไล่เสี่ยวอวิ๋นจะทรุดหนักลงขนาดนี้ การที่เขาหายไปกลับไม่ได้ทำให้ชีวิตของหล่อนดีขึ้นแต่อย่างใด
ตรงกันข้าม กลับแย่ลงไปกว่าเดิม
เขาสงสารหล่อนจนแทบอยากละทิ้งทุกสิ่งเพื่ออยู่ดูแลหล่อนตลอดเวลา
พ่อไล่กล่าวว่า “จวิ้นเฟิง พวกเราเข้าใจความกังวลของเธอ พวกเรารู้ว่าเธอทำไปเพราะหวังดีกับเสี่ยวอวิ๋น เธอไปคุยเรื่องนี้กับเสี่ยวอวิ๋นดี ๆ พวกเราจะคอยให้กำลังใจเสี่ยวอวิ๋น เสี่ยวอวิ๋นจะต้องกล้าหาญขึ้นมาได้แน่นอน”
“ครับ”
ตอนที่พวกเขาคุยกันเสร็จ ท้องฟ้าก็ใกล้สว่างแล้ว ถังจวิ้นเฟิงกำลังจะกลับ ไล่เสี่ยวอวิ๋นก็ตื่นขึ้นพอดี
หล่อนลืมตาขึ้นมา เห็นว่าถังจวิ้นเฟิงยังอยู่ แววตาไร้ชีวิตชีวาของหล่อนก็พลันย้อมด้วยแสงอันอบอุ่น
“ตื่นแล้ว? ผมควรกลับไปได้แล้ว” ถังจวิ้นเฟิงพูดกับหล่อน
“ฉันอยากคุยกับคุณ” ไล่เสี่ยวอวิ๋นเงยหน้ามองเขาด้วยความคาดหวัง
ถังจวิ้นเฟิงกลับมานั่งลงอีกครั้ง
“อยากคุยเรื่องอะไร?” เวลาอยู่กับหล่อน เขามักจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเสมอ
……….
บ่ายวันนั้น เซี่ยไห่มาหาที่บ้าน ทุกครั้งที่มาบ้านตระกูลถัง เขามักจะหอบหิ้วถุงน้อยใหญ่มาด้วยเสมอ ทั้งอาหารเสริมหรือนมมอลต์อะไรทำนองนี้มาฝากพ่อของถังจวิ้นเฟิง
ช่วงนี้พ่อของถังจวิ้นเฟิงรับงานฝีมือมานั่งทำงานคนเดียวที่บ้าน
พอเห็นเซี่ยไห่ เขาก็แปลกใจมาก “เสี่ยวไห่ ลมอะไรหอบเธอมาได้ล่ะ?”
เซี่ยไห่ยิ้มตอบ “คุณอา ผมไม่ได้มานานแล้วเลยแวะมาเยี่ยมคุณอาสักหน่อย สบายดีไหมครับ? คุณอาทำอะไรอยู่?”
พ่อถังทำงานในมือไปพลางยิ้มอธิบายว่า “ที่บ้านไม่มีอะไรทำ เพื่อนบ้านเลยช่วยหางานฝีมือมาให้ งานพับกระดาษเงินกระดาษทองสำหรับเซ่นไหว้น่ะ วันนึงอาพับได้ตั้งร้อยกว่าชิ้นเลยนะ”
“สุดยอดเลยครับคุณอา” เซี่ยไห่หยิบเก้าอี้มานั่ง ดูวิธีการพับจากพ่อของถังจวิ้นเฟิงแล้วเริ่มพับด้วยเหมือนกัน
พ่อของถังจวิ้นเฟิงเห็นเจ้าของกิจการใหญ่โตอย่างเซี่ยไห่ไม่มีท่าทีถือตัวเลยสักนิด ตลอดหลายปีมานี้ไม่เคยเปลี่ยนไป ทุกครั้งที่มาถ้าไม่ช่วยทำงานก็คุยเป็นเพื่อนเขา เขารู้สึกอบอุ่นใจมากจริง ๆ
หลายปีมานี้ จวิ้นเฟิงลูกชายเขาโชคดีจริง ๆ ที่มีเพื่อนฝูงแบบนี้คอยช่วยเหลือดูแล
เขามองเซี่ยไห่แล้วพูดออกมาจากใจจริงว่า “เสี่ยวเซี่ย ขอบใจพวกเธอมากนะ”
เซี่ยไห่หยิบกระดาษชิ้นใหม่มาพับ “คุณอาจะขอบคุณผมไปทำไม? ผมแค่ช่วยพับเงินกระดาษก็เท่านั้นเอง”
“อาไม่ได้หมายความอย่างนั้น อาขอบคุณที่พวกเธอคอยเป็นเพื่อนและดูแลจวิ้นเฟิงมาตลอดหลายปีนี้ ตั้งแต่เกิดเรื่องกับครอบครัวพวกเราในปีนั้น ภาระหนักของที่บ้านก็ตกมาอยู่ที่จวิ้นเฟิง สมัยจวิ้นเฟิงยังเด็ก พวกเราอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่โตในเขตอยู่อาศัยของทหาร คิดไม่ถึงว่าต่อมาจะเกิดเรื่องมากมายแบบนั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังย้ายออกจากตรอกเล็ก ๆ นี่ไม่ได้ อารู้สึกละอายใจต่อครอบครัวเหลือเกิน แม่ของจวิ้นเฟิงอายุปูนนี้แล้วยังต้องออกไปทำงานข้างนอก จนถึงทุกวันนี้จวิ้นเฟิงก็ยังไม่มีแฟนสักคน อาปวดใจจริง ๆ”
เขาหันไปมองเซี่ยไห่ สีหน้าเปี่ยมด้วยความซาบซึ้งใจ “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จวิ้นเฟิงโชคดีที่มีเพื่อนฝูงอย่างพวกเธอคอยอยู่เคียงข้าง อารู้สึกขอบคุณพวกเธอมากจริง ๆ”
“คุณอา พวกเราเป็นเพื่อนที่ฝ่าฟันอะไรมาด้วยกัน มิตรภาพจะคงอยู่ไปชั่วชีวิต พวกเราดูแลกันและกัน ไม่มีใครต้องขอบคุณใคร”
เซี่ยไห่ถามเขา “จริงด้วย จวิ้นเฟิงล่ะครับ เขาไปทำงานแล้ว?”
พ่อของถังจวิ้นเฟิงตอบกลับ “เมื่อคืนเขาเข้าเวรดึก วันนี้กลับมาถึงสายมาก ตอนนี้คงกำลังนอนอยู่”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ความหวังอยู่ที่เธอแล้วล่ะเสี่ยวอวิ๋น มูฟออนจากอดีตได้เมื่อไหร่ ทุกคนรอบข้างก็จะพลอยเป็นสุขตามไปด้วย
ไหหม่า(海馬)
……………………………………