ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 605 โลกกลมสังคมเหลี่ยม
ตอนที่ 605 โลกกลมสังคมเหลี่ยม
หลินจินซานมารอต้อนรับนักเรียนหกคนที่มาลงทะเบียนในตอนเช้า แบ่งเป็นผู้หญิงห้าคนและผู้ชายหนึ่งคน หลังจากที่พวกเขามาถึงจุดลงทะเบียน พวกเขาก็รับฟังคำแนะนำโดยละเอียดจากหลินเซี่ยเกี่ยวกับชั้นเรียนฝึกอบรมเสริมสวยและสิ่งที่ทำได้หลังเรียนจบ เรียกได้ว่าพวกเธอวางแผนเตรียมงานไว้อย่างละเอียด คนหนุ่มสาวเหล่านี้ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกตื่นเต้น เพราะความกังวลใหญ่ที่สุดของพวกเขาคือการหางานไม่ได้หลังจากเรียนรู้ทักษะหรือไม่มีเงินทุนสำหรับเปิดร้าน หลินเซี่ยบอกว่าเมื่อถึงเวลานั้นผู้สอนจะยึดตามสถานการณ์เรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคน และจะจัดให้พวกเขาได้ทำงานในร้านของตนเองทันที และถ้านักเรียนมีความต้องการที่จะเปิดร้าน คนที่มีภาวะขัดสนทางการเงินก็จะได้รับการสนับสนุนที่สมเหตุสมผลเช่นกัน
หลังจากได้ยินสิ่งที่หลินเซี่ยพูด คนหนุ่มสาวเหล่านี้ก็ตัดสินใจลงทะเบียนทันที
ค่าลงทะเบียนเท่ากับห้าสิบหยวนต่อคอร์สเท่านั้น และจะเรียกเก็บค่าเล่าเรียนเมื่อเริ่มชั้นเรียนในฤดูใบไม้ผลิ
หลังจากหลินเซี่ยรับลงทะเบียนแล้ว เธอก็พูดกับพวกเขาว่า “พรุ่งนี้เวลาสิบโมงเช้า เราจะพาทุกคนไปเยี่ยมชมร้านเช่าชุดเจ้าสาวและร้านตัดผม จากนั้นทุกคนค่อยมารวมตัวกันใต้อาคารสำนักงานนะคะ”
“เข้าใจแล้วครับ/ค่ะ ขอบคุณอาจารย์หลิน”
หลังจากส่งนักเรียนที่ลงทะเบียนเสร็จออกไปแล้ว ก็มีนักเรียนอีกระลอกหนึ่งมาถึง
นอกจากนี้ยังมีบางคนที่รู้สึกลังเลอยู่บ้างกับการฝึกอบรม ต้องการรอจนกว่าชั้นเรียนจะเริ่มก่อน ถึงค่อยสมัครอีกครั้ง
ในเรื่องนี้ หลินเซี่ยไม่ได้ทำอะไรมากนักเพื่อชักชวนให้พวกเขามั่นใจ ทั้งยังให้พื้นที่พวกเขาได้พิจารณาก่อนจะตัดสินใจสมัคร เพราะถึงพลาดเรียนช่วงฤดูใบไม้ผลิไปก็ยังมีคลาสฤดูใบไม้ร่วง
หลังจากทำงานจนถึงประมาณสิบโมง หลินเซี่ยก็ถามหยางหงเสีย
“หงเสีย ตอนนี้มีนักเรียนทั้งหมดกี่คนแล้ว? หลังลงทะเบียนกลุ่มนี้เสร็จแล้วจะยังมีมาเพิ่มไหม?”
หยางหงเสียเปิดสมุดบันทึกการลงทะเบียน แล้วพูดว่า “พี่สะใภ้ วันนี้มีผู้สนใจทั้งหมดสิบห้าคน ลงทะเบียนแล้วสิบคน ที่จริงมีอีกสามคนที่แจ้งความจำนงว่าจะลงทะเบียนทางโทรศัพท์ แต่พวกหล่อนยังมาไม่ถึงค่ะ”
“แน่ใจเหรอว่าจะมีมาอีกสามคน?” หลินเซี่ยถามหยางหงเสีย
หยางหงเสียพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “พี่สะใภ้ ฉันจำได้ชัดเจนเลยค่ะ สายจากผู้หญิงคนนั้นบอกว่าพวกหล่อนมีด้วยกันสามคน ทั้งยังขอให้ฉันเว้นพื้นที่สำหรับลงทะเบียนให้พวกหล่อนด้วย พวกหล่อนต้องมาแน่นอน”
หลินเซี่ยดูเวลาแล้วพูดกับหยางหงเสียว่า “ลองค้นหมายเลขโทรศัพท์ของหล่อนแล้วโทรหาเป็นการยืนยันอีกรอบว่าวันนี้จะเข้ามาสมัครจริงไหม? ถ้าไม่เราจะได้ไม่รอ เรายังมีเรื่องต้องทำอีกในช่วงบ่าย”
“โอ้ ได้ค่ะ”
หยางหงเสียโทรกลับไปที่หมายเลขนั้น อีกฝ่ายบอกว่าเพิ่งลงจากรถเมล์ และกำลังมองหาอาคารสำนักงานของพวกเขา
หยางหงเสียตอบปลายสายอย่างสุภาพ “อยู่บนชั้นสามค่ะ เมื่อคุณขึ้นมาแล้ว จะมีคนรอต้อนรับคุณอยู่ที่หน้าประตู”
“รับทราบแล้ว ขอบคุณค่ะ”
หยางหงเสียวางสาย จากนั้นก็หันมารายงานหลินเซี่ยว่า “พวกหล่อนมาถึงแล้ว ตอนนี้อยู่ชั้นล่างค่ะ”
หลินจินซานกระตือรือร้นในการทำงานอย่างมาก ถึงกับออกไปยืนรออยู่ที่ประตูเพื่อต้อนรับอีกฝ่าย
ทันทีที่มาถึงโถงทางเดิน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น
หลินจินซานขยับเนคไทของเขาให้ตรง แสดงรอยยิ้มอย่างมืออาชีพบนใบหน้า ก่อนจะออกไปทักทายนักเรียนที่มาลงทะเบียน
ผลคือเมื่อหันกลับไป เขาก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยสามหน้า
หลินจินซานดูอึดอัดเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้หญิงทั้งสามคนที่เดินตรงมาหาเขากำลังพูดคุยและหัวเราะกัน
เขาตกใจมาก
ผู้หญิงสามคนที่หยางหงเสียพูดถึง…
จริง ๆ แล้วคือพวกหล่อนทั้งสามคนเองเหรอเนี่ย
โลกมันกลมสังคมมันเหลี่ยมจริง ๆ ทำไมผู้หญิงพวกนี้ถึงยังมีที่ยืนในสังคมอยู่นะ?
พวกหล่อนอย่าหวังเลยว่าจะมาสร้างปัญหาที่นี่ได้
สมองหลินจินซานประมวลผลเร็วจี๋ คิดวิธีส่งพวกหล่อนกลับออกไปอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้คนเหล่านี้ปรากฏตัวต่อหน้าหลินเซี่ย ทำให้เธอต้องขัดเคืองใจ
เสิ่นอวี้อิ๋งเดินนำหน้า วันนี้ทั้งสามสาวแต่งตัวดีกว่าทุกวัน เดินไปหัวเราะกันไป เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและความหวังใหม่สำหรับอนาคต
ทันทีที่พวกหล่อนมาถึงโถงทางเดิน เสิ่นอวี้อิ๋งก็เห็นหลินจินซาน ทั้งสามจึงตกตะลึงนิ่งงันกันไป
แต่พวกหล่อนไม่ได้คิดมาก หรือบางทีอาจเพราะมีจุดมุ่งหมายอยู่ในใจ เลยไม่ใส่ใจกับความแปลกประหลาดตามรายทาง
พวกหล่อนไม่มีความตั้งใจที่จะหยุดคุยกับหลินจินซาน ยังคงเดินตรงไปข้างหน้า
“พวกเธอสามคนรอเดี๋ยว” หลินจินซานเข้าไปหยุดพวกหล่อน
การสกัดกั้นของหลินจินซานทำลายความหวังต่ออนาคตอันสวยงามของพวกหล่อนทั้งสาม
พอพวกหล่อนเห็นหลินจินซานเป็นครั้งแรกที่นี่ ทุกคนต่างก็คาดเดาในใจอย่างคลุมเครือ แต่เพราะไม่ต้องการที่จะตื่นจากความฝัน ดังนั้นจึงถือโอกาสเดินผ่านเขาไปดื้อ ๆ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ไม่นึกเลยว่าจะถูกเขาขวางทางไว้
มือของเสิ่นอวี้อิ๋งที่ห้อยตกอยู่ข้างลำตัวค่อย ๆ กำแน่น
แววไม่พอใจปรากฏในดวงตา
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” ถังหลิงแสร้งทำเป็นสงบสติอารมณ์ มองหน้าเขานิ่ง
หลินจินซานมองหน้าพวกหล่อนเช่นกันแล้วถามว่า “พวกเธอมาลงทะเบียนเรียนหลักสูตรเสริมความงามและทำผมงั้นเหรอ?”
“เกี่ยวอะไรกับนายด้วยเล่า?” เสิ่นอวี้อิ๋งถามอย่างเย็นชา สายตาและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
หลินจินซานยกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้มหยัน แล้วพูดว่า “พอดีว่าฉันมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องต้อนรับนักเรียนที่สนใจมาสมัคร ในเมื่อฉันยืนอยู่ตรงนี้ เธอก็ควรจะเดาได้แล้วว่าใครเป็นอาจารย์ของชั้นเรียนฝึกอบรมที่ว่า ดังนั้น ฉันคงไม่จำเป็นต้องอธิบายเพิ่มเติมใช่ไหม?”
หลินจินซานแสดงปณิธานแรงกล้า หวังว่าพวกหล่อนจะถอยกลับเมื่อเผชิญกับความลำบากใจ และจากไปอย่างชาญฉลาด
เพราะถ้าพวกหล่อนมาก่อปัญหาที่นี่ ผู้สมัครรายอื่นที่ตามมาทีหลังจะเห็นเข้า ซึ่งจะก่อให้เกิดผลเสีย
เมื่อหลินจินซานพูดแบบนี้ การแสดงออกของพวกหล่อนก็เกินจะจำกัดความได้ว่าน่าเกลียดแค่ไหน
อย่าบอกนะว่าหลินเซี่ยเป็นคนก่อตั้งชั้นเรียนฝึกอบรมนี้?
พวกหล่อนในตอนนี้เต็มไปด้วยความคาดหวังและความฝันในอนาคต นี่คือโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเอง
ดังนั้นทุกคนจึงไม่อาจยอมรับความจริงดังกล่าวได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
ผู้หญิงคนนั้นมีความสามารถเหลือล้นมากขนาดนี้ได้อย่างไร หล่อนไม่ได้เป็นแค่เจ้าของร้านตัดผมเล็ก ๆ หรอกเหรอ?
หล่อนหรือจะก่อตั้งชั้นเรียนฝึกอบรมขึ้นมาได้?
หลินเซี่ย หยางหงเสีย และคนอื่น ๆ ในออฟฟิศได้ยินเสียงคนพูดคุยกันอยู่ตรงทางเดิน แต่รออยู่สักพักพวกเขาก็ไม่ยอมเดินเข้ามาเสียที
ดังนั้นพวกเขาจึงออกไปตรวจสอบ เฉินเจียวั่งก็ลุกขึ้นตามทุกคนออกไปเช่นกัน เมื่อเห็นร่างคนน่ารังเกียจทั้งสาม เขาก็ประหลาดใจและตกใจมาก
ไม่คาดคิดว่าคนที่จะมาลงทะเบียนก็คือสามคนนี้
“เซี่ยเซี่ย พวกหล่อนมาที่นี่เพื่อลงทะเบียนเรียน” หลินจินซานทำได้เพียงพูดตามความเป็นจริงเมื่อเขาเห็นหลินเซี่ยเดินออกมา ในเวลาเดียวกันเขาก็ก้าวไปยืนอยู่ข้างน้องสาวเพื่อปกป้องเธอ
หลินเซี่ยมองพวกหล่อนด้วยสีหน้าไม่แยแส “ถ้ายังมีสติครบถ้วนอยู่ กรุณาออกไปเถอะนะคะ”
เมื่อเสิ่นเสี่ยวเหมยเห็นว่าเธอสวมชุดสูทอย่างเป็นทางการ แต่งตัวดูดีมีมาดสาวนักธุรกิจที่แข็งแกร่ง ทั้งยังรายล้อมไปด้วยเฉินเจียวั่ง หยางหงเสีย และคนอื่น ๆ เปลวไฟริษยาในใจหล่อนก็ปะทุลุกโชน อารมณ์คุกรุ่นแต่เดิมพลันระเบิดอีกครั้ง
“หลินเซี่ย เป็นแกเองเหรอที่เปิดคอร์สเรียนฉ้อโกงคนอื่น คนอย่างแกเนี่ยนะจะไปสอนสั่งใครเขาได้? ตัวเองมีความสามารถขนาดนั้นเลยเหรอ? ที่ทำ ๆ อยู่ก็เพราะอยากโกงค่าลงทะเบียนจากคนที่สนใจละสิท่า?”
“ไม่ว่าฉันจะโกงจริงหรือเปล่า แต่น่าเสียดายที่ฉันไม่มีโอกาสได้โกงค่าลงทะเบียนจากพวกเธอด้วยซ้ำ พี่ชาย ส่งแขก”
เมื่อเห็นตัวปัญหา หลินเซี่ยไม่เสียเวลาเปลืองน้ำลายโต้แย้งทางวาจากับพวกหล่อน หลังจากพูดอย่างนั้นแล้ว เธอก็ตั้งท่าหันหลังกลับเข้าไปในออฟฟิศ
“เดี๋ยวก่อน” ถังหลิงไม่ยอมแพ้ ทำตัวเหมือนเสือร้ายเผยรอยยิ้มจอมปลอมบนใบหน้า เดินบิดเอวเข้าไปหาพลางมองดูหลินเซี่ย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “หลินเซี่ย ไม่นึกเลยว่าเธอจะมีคลาสฝึกอบรมเป็นของตัวเอง เห็นแก่ความที่พวกเราเคยรู้จักกันมาก่อน การที่เธอเปิดรับสมัครนักเรียน ฉะนั้นก็ถือว่าเป็นอาจารย์อยู่กลาย ๆ เธอคงไม่ปฏิเสธพวกเราเพียงเพราะความขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราเคยมีต่อกันในอดีตหรอกนะ คนทำธุรกิจต้องใจกว้าง เธอเองก็คงไม่ใจแคบขนาดนั้นหรอกจริงไหม?”
หลินเซี่ยมองผู้หญิงตรงหน้า อดชื่นชมคุณภาพทางจิตใจของอีกฝ่าย และความหน้าด้านเหมือนกำแพงเมืองจีนของหล่อนไม่ได้
สิ่งที่หล่อนพูดเป็นเรื่องจริง คนทำธุรกิจต้องมองภาพรวมเป็นอันดับแรก และมีความคิดที่กว้างไกล เมื่อเปิดกิจการเป็นของตัวเอง เจ้าของกิจการที่ดีต้องเรียนรู้ที่จะจับมือกับศัตรูและสร้างสันติภาพร่วมกับพวกเขา แต่…นั่นต้องขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ที่อีกฝ่ายสามารถนำมาให้ได้ โดยตั้งอยู่เป็นหลักความเป็นจริง
ผู้หญิงสามคนที่อยู่ตรงหน้าสามารถทำประโยชน์อะไรให้เธอได้บ้าง?
มีแต่จะทำให้เธอขย้อนน้ำย่อยออกมา…
เธออยากได้เงินค่าลงทะเบียนขนาดนั้นเลยเหรอ?
ถ้ายอมรับสมัครพวกหล่อนเข้ามา คิดว่าชั้นเรียนฝึกอบรมของเธอจะยังราบรื่นดีอยู่ไหม?
หลินจินซานและเฉินเจียวั่งช่วยกันปกป้องหลินเซี่ย ป้องกันไม่ให้ถังหลิงเข้าใกล้
เมื่อเห็นฉากนี้ เสิ่นอวี้อิ๋งก็โกรธมากยิ่งขึ้น
หลินจินซานเคยเป็นพี่ชายของหล่อนมาก่อน
พวกเขาอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันมานานกว่าสิบปี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจหล่อนด้วยซ้ำ ถึงขนาดไม่อยากปรายตามองหน้า
กลายเป็นสุนัขรับใช้ของหลินเซี่ย
“คุณถังยังเป็นคนที่มีวาทศิลป์เก่งกาจเหมือนเคย ฉันขอชื่นชมคุณสมบัติทางจิตวิทยาของคุณมาก ๆ แต่ต้องขอโทษด้วยที่ฉันไม่ใช่คนใจกว้างแบบคุณ ฉันแค่หาอะไรทำฆ่าเวลา วัดเล็ก ๆ นี้เป็นที่ประดิษฐานพระประธานอย่างพวกคุณไม่ได้หรอก เชิญกลับไปเถอะค่ะ”
หลินเซี่ยปฏิเสธตรง ๆ อย่างไม่อ้อมค้อม เสิ่นเสี่ยวเหมยจึงเข้าไปดึงมือของถังหลิงกลับมาด้วยสีหน้าดุร้าย “พี่หลิง ทำไมต้องไปร้องขอความเมตตามันด้วย? ต่อให้เปิดสอนฟรี ฉันก็ไม่อยากเรียนกับมัน”
เสิ่นเสี่ยวเหมยโกรธมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าหยางหงเสียเองก็อยู่ที่นี่ด้วย
หล่อนรับไม่ได้จริง ๆ ที่เฉินเจียซิ่งทอดทิ้งภรรยาเก่าอย่างหล่อนอย่างไม่ไยดี และแต่งงานใหม่กับหญิงสาวที่ดูซื่อสัตย์และน่ารักคนนี้
ไอ้โง่เฉินเจียซิ่ง นายมันหมาตาบอดที่คว้าไม่เลือกจริง ๆ
เสิ่นเสี่ยวเหมยตั้งตนเป็นศัตรูคู่อาฆาตของหยางหงเสียทันที ในเมื่อตัวเองไม่มีช่วงเวลาดี ๆ ฉะนั้นหล่อนก็ไม่ยอมปล่อยให้หยางหงเสียมีช่วงเวลาที่ดีเช่นกัน
หล่อนมองหยางหงเสีย พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า “เฉินเจียซิ่งได้บอกเธอหรือเปล่า ว่าก่อนจะถึงวันแต่งงานของพวกเธอ เราไปกินข้าวมื้อเย็นด้วยกันและเปิดห้องนอนในโรงแรมเดียวกันด้วย? เขาบอกว่าที่เขาแต่งงานกับเธอก็เพราะอยากได้แม่บ้านมารับใช้เท่านั้นแหละ”
หยางหงเสียตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เล่าสิ เขาบอกว่าเขาโทรแจ้งตำรวจเป็นการส่วนตัว แล้วพวกเขาก็ส่งตัวเธอเข้าศูนย์กักกันไปแล้ว ไม่นึกเลยว่าเธอจะออกมาเร็วขนาดนี้”
เสิ่นเสี่ยวเหมย “!!!”
หลินเซี่ยขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับพวกหล่อนต่อ จึงหันกลับเข้าไปที่ออฟฟิศ หยางหงเสียก็เดินตามไปด้วย ปล่อยให้ผู้หญิงทั้งสามคนยืนอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าเดือดดาลเพราะทำอะไรไม่ได้
หลินจินซานทำท่าผายมืออีกครั้ง “พวกเธอสามคน กรุณาออกไปด้วย”
เขาพยายามอย่างดีที่สุดที่จะรักษามารยาทที่พนักงานต้อนรับพึงมี
ถังหลิงกัดฟันกรามดังกรอด แล้วพูดกับเสิ่นอวี้อิ๋งและเสิ่นเสี่ยวเหมยว่า “ไปเถอะ พวกเรากลับกันก่อน”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
โดนไล่ออกมาแบบไม่เหลือเค้าความเป็นผู้ดีก่อนหน้านี้เลยยัยสามคนนี้ แล้วจากนี้จะไปทำกินอะไรต่อล่ะเนี่ย ฝันสลายป่นปี้ไม่มีชิ้นดีแบบนี้
ไหหม่า(海馬)
……………………………………