ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 608 เถ้าแก่อู๋ผู้มัธยัสถ์
ตอนที่ 608 เถ้าแก่อู๋ผู้มัธยัสถ์
เมื่อเธอลืมตาตื่นขึ้นกลางคัน ก็เห็นเซี่ยไห่กลับมายังห้องโดยสารที่พวกเขาอยู่แล้ว ส่วนเฉินเจียเหอเป็นคนเดียวที่นั่งโดยหลับตาอยู่ ไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไร
“ตื่นแล้วเหรอ?” พูดแล้วก็หยิบขวดน้ำแล้วยื่นให้หลินเซี่ย “ดื่มน้ำสักหน่อยสิ”
เมื่อมีเฉินเจียเหออยู่เคียงข้าง หลินเซี่ยรู้สึกสบายใจมากไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม เธอลุกขึ้นนั่งพิงไหล่เขาและเริ่มกินขนมอีกครั้ง
เมื่อถึงเวลากินข้าว เซี่ยไห่กลับมาอีกครั้งพร้อมกับกล่องอาหารกลางวันสามกล่อง
“ขอบคุณนะครับอารอง” เฉินเจียเหอเอ่ยอย่างอ่อนโยน แถมน้ำเสียงของเขาก็ดูจริงใจมากอีกด้วย
หลินเซี่ยรู้สึกหิวมาพักใหญ่แล้ว เฉินเจียเหอกังวลว่าเธอจะอยู่คนเดียว จึงไม่กล้าไปซื้ออาหาร
เซี่ยไห่กลอกตาใส่เขาด้วยสีหน้าหมั่นไส้ “ฉันเอามาให้หลานสาวต่างหาก นายมันเป็นแค่ทางผ่าน”
เฉินเจียเหอไม่สนใจคำพูดของเซี่ยไห่ เขายิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ว่าจะทางผ่านหรือตั้งใจซื้อ แค่ให้ก็รู้สึกดีแล้ว”
ครั้งสุดท้ายที่เฉินเจียเหอมาเชินเฉิง คือตอนที่เขาเปลี่ยนรถไฟที่สถานีเชินเฉิงเมื่อห้าปีที่แล้ว
ทันทีที่พวกเขาออกจากสถานี ก็เห็นเฉียนต้าเฉิงโบกมือให้พวกเขา
หลังจากเฉียนต้าเฉิงได้รับมอบหมายจากเซี่ยไห่ให้ดูแลห้องเต้นรำในเชินเฉิง เขาก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการทันที เขาทำงานอย่างหนักและทำให้ธุรกิจของห้องเต้นรำเฟื่องฟู
“เสี่ยวหลิน ในที่สุดฉันก็ได้เจอเธอแล้ว”
เฉียนต้าเฉิงห่างจากไห่เฉิงมาสองสามเดือน เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อเห็นผู้คนมาจากไห่เฉิง
โดยเฉพาะหลินเซี่ยซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน พอไม่ได้เจอกันนาน ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความจริงใจเมื่อได้พบกันอีกครั้ง
“เหล่าเฉิง ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”
เฉียนต้าเฉิงมองไปทางหลินเซี่ยแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“นี่เสี่ยวหลิน ฉันคิดว่าเธอคงน้ำหนักขึ้นไม่น้อยแล้วแน่ ๆ”
หลินเซี่ยยิ้มอย่างเชื่องช้า “จริงเหรอ?”
ดูเหมือนว่าท้องเธอเริ่มใหญ่ขึ้นมากจริง ๆ
ขนาดเฉียนต้าเฉิงยังสังเกตเห็นว่าเธอมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น
“เฉินกง ไม่เจอกันนานนะ”
เฉินเจียเหอพยักหน้าเบา ๆ ให้เขา “อืม นานมากจริง ๆ”
หลังจากเฉียนต้าเฉิงทักทายเฉินเจียเหอ เขาก็รีบรับสัมภาระจากเซี่ยไห่และพาพวกเขาไปที่รถ
เซี่ยไห่มาส่งเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยที่โรงแรมเพื่อพักผ่อนก่อน จากนั้นจึงค่อยไปยังห้องเต้นรำเพื่อตรวจสอบดูงานและเคลียร์บัญชี
เซี่ยไห่ถามขึ้นว่า “รู้เส้นทางที่จะไปทำธุระของตัวเองไหมว่าอยู่ที่ไหน? พรุ่งนี้จะได้ให้เฉียนต้าเฉิงพาไป”
“ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เราจะจัดการกันเอง ไปทำงานของคุณเถอะ”
เซี่ยไห่ไม่ได้กลับมาที่โรงแรมในตอนเย็น เพราะเข้าไปตรวจสอบดูงานที่ห้องเต้นรำอย่างขยันขันแข็ง
ทุกครั้งที่เขามาเมืองเชินเฉิง เขาจะบุกเข้าตรวจสอบกิจการอย่างกะทันหัน โดยปกติถ้าเขาอยู่คนเดียวจะไม่ต้องการให้ใครมารับ และจะตรงเข้าห้องเต้นรำอย่างเดียว
เนื่องจากครั้งนี้หลินเซี่ยและเฉินเจียเหออยู่ที่นี่ด้วย และส่วนใหญ่เป็นเพราะกลัวว่าหลินเซี่ยจะมีปัญหาในการขึ้นรถ เขาจึงกำชับกับเฉียนต้าเฉิงที่อยู่ในรถว่าให้คอยรับส่งพวกเขาเวลาจะเดินทางไปไหนมาไหน
เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยพักผ่อนอยู่ที่โรงแรมครู่หนึ่ง แต่เนื่องจากพวกเขาตื่นตั้งแต่บนรถไฟแล้ว นอกจากนี้หลินเซี่ยก็ไม่รู้สึกเหนื่อยด้วย เธอจึงคิดชวนเฉินเจียเหอไปเดินเล่นด้วยกัน
การเดินบนถนนในต่างเมืองให้ความรู้สึกต่างจากเมืองบ้านเกิดอย่างชัดเจน
ให้อารมณ์แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เมื่อมองไปยังฝูงชนที่ไม่คุ้นเคยบนท้องถนนในตอนเย็น เฉินเจียเหอก็รู้สึกได้ชัดเจนว่าหลินเซี่ยกำลังมีความสุขมาก แต่เขากลับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “เซี่ยเซี่ย ผมขอโทษที่ผมหาเวลาให้คุณไม่ได้จริง ๆ แทนที่ผมจะพาคุณมาเที่ยวหลังจากแต่งงานกันมานาน แต่ครั้งนี้ผมกลับไม่ค่อยมีเวลาให้คุณเลย”
หลินเซี่ยโอบแขนของเขาแล้วพูดว่า “ทำไมถึงเอาแต่พูดขอโทษล่ะ? เรายังเด็กกันอยู่ ก็ควรมุ่งความสนใจไปที่เรื่องงานก่อนสิ รอจนกว่าฐานะมั่นคงพอที่จะได้ออกไปเห็นโลกด้วยกัน ถึงคุณต้องการพาฉันไปตอนนี้ฉันก็ไม่ไปหรอก ฉันไม่อยากเสียเวลาเริ่มต้นงานของเรา”
หลินเซี่ยคุ้นเคยกับเชินเฉิงดี เธอจึงเป็นฝ่ายพาเฉินเจียเหอไปกินอาหารขึ้นชื่อของเชินเฉิง และยังซื้ออาหารอร่อย ๆ ให้เฉินเจียเหอชิมอีกด้วย จากนั้นทั้งสองก็เดินกลับโรงแรม ซึ่งเป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว
“เหนื่อยไหม? รู้สึกอึดอัดตรงไหนหรือเปล่า?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันสบายดี”
หลินเซี่ยมีร่างกายแข็งแรงดี ยกเว้นอาการแพ้ท้องเมื่อตั้งครรภ์ครั้งแรก หลังจากนั้นก็ไม่มีอาการของคนตั้งครรภ์ใด ๆ อีกเลย เธอทั้งกินอิ่มและนอนหลับได้เป็นอย่างดี สุขภาพของเธอแข็งแรงดีมากจริง ๆ
ทั้งสองเพิ่งซื้อขนมในร้านเล็ก ๆ มา และหลินเซี่ยก็เริ่มกินอีกครั้งทันทีที่นั่งลง
เฉินเจียเหอเฝ้ามองปากเล็ก ๆ ของเธอโดยไม่กะพริบตาอยู่ครู่หนึ่ง แก้มทั้งสองที่กลมพองราวกับกระรอกทำให้เขาอดหัวเราะไม่ได้ขณะนั่งอยู่ข้าง ๆ ตราบใดที่เธอกินได้ขนาดนี้ ทั้งแม่และลูกก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
วันรุ่งขึ้น เฉินเจียเหอจะต้องเดินทางไปดูงานที่โรงงานเครื่องจักรซึ่งร่วมมือกับทางโรงงานผลิตหัวรถจักรที่เขาสังกัดอยู่ ซึ่งทางเซี่ยไห่ก็รู้ที่รู้ทางในเชินเฉิงดีและขับรถมารอรับแต่เช้า
หลินเซี่ยมองไปไปรอบ ๆ ภายในรถและถามเซี่ยไห่ “อารอง นี่รถของใครคะ? ฉันจำได้ว่าคุณไม่มีรถในเชินเฉิงนี่”
เซี่ยไห่ตบพวงมาลัยด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “ของเพื่อนฉันเอง และจะยืมตอนไหนก็ได้ด้วย”
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะไปส่งพวกเธอก่อน”
เฉินเจียเหอมาที่เซินเฉิงไม่บ่อยนัก ดังนั้นเซี่ยไห่จึงรู้สึกว่าเขาควรสร้างความบันเทิงให้สักเล็กน้อย ปล่อยให้อีกฝ่ายเห็นความชำนาญของเขาเวลาอยู่ที่นี่
เฉินเจียเหอถือกระเป๋าหนังใบเล็กอยู่ในมือ แต่งตัวเรียบง่าย เขาพูดกับเซี่ยไห่ว่า “ไม่ต้องไปส่งฉันหรอก นายกับเซี่ยเซี่ยไปช้อปปิ้งกันเถอะ เสร็จธุระแล้วฉันจะกลับโรงแรมเอง ไว้เจอกันตอนบ่าย”
เซี่ยไห่ต้องการหยุดเขา แต่ถูกหลินเซี่ยห้ามไว้ก่อน “อารอง อย่าไปยุ่งเรื่องงานของเฉินเจียเหอเลย งานของเขามีลักษณะพิเศษกว่าใคร ถ้าเราไม่รู้เรื่องอะไรก็อย่าไปรบกวนจะดีกว่า“
เมื่อหลินเซี่ยพูดแบบนี้ เซี่ยไห่ก็เข้าใจว่าหลินเซี่ยหมายถึงอะไร
กลัวความลับรั่วไหล
“ฉันรู้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่เข้าใจ ก็แค่สนใจงานของเขานิดหน่อย”
หลังเฉินเจียเหอจากไป เซี่ยไห่ก็พาหลินเซี่ยไปหาคนที่ดูแลโรงงานชุดแต่งงานที่ซื้อสินค้าไปเมื่อครั้งที่แล้ว
การมาของหลินเซี่ยในครั้งนี้ ทำให้เธอได้พูดคุยเป็นพิเศษกับผู้ผลิตชุดแต่งงานเพื่อสร้างสไตล์ชุดฤดูหนาวที่มีผ้าคลุมไหล่ และสไตล์ที่มีขนสีแดงด้านนอก ซึ่งดูสง่างามมาก
หลินเซี่ยสั่งชุดอื่น ๆ และติดต่อคนดูแลเครื่องแต่งกายกับอุปกรณ์ประกอบฉากผ่านทางเซี่ยอวี่ และยังซื้อชุดอีกหลายชุดรวมถึงเสื้อผ้าสไตล์อนุรักษ์นิยม โดยวางแผนจะแขวนไว้ในร้านเพื่อใช้ถ่ายรูปแต่งงานสำหรับคู่รักหลายแบบ
เธอเคยเห็นร้านถ่ายรูปแต่งงานมาแล้ว ซึ่งคู่รักที่มาถ่ายรูปมักจะเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างน้อยสี่หรือห้าชุด จึงหาเงินได้ค่อนข้างง่ายจากจุดนี้
เธอลงทุนซื้อชุดแต่งงานใหม่ทุกประเภทตามฤดูกาลและเทรนด์แฟชั่นต่าง ๆ ที่นิยม
โรงงานชุดแต่งงานบอกว่าหลังจากเสื้อผ้าพร้อมแล้ว จะส่งตรงไปยังไห่เฉิงผ่านช่องทางของพวกเขา
หลังจากติดต่อกับผู้ดูแลโรงงานชุดแต่งงานเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็ไปที่บริษัทผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเพื่อซื้อสินค้ากันต่อ
คราวนี้หลินเซี่ยกำลังมองหาแบรนด์ในประเทศ เธอพบบุคคลที่รับผิดชอบของบริษัทโดยตรง และติดต่อพวกเขาเพื่อซื้อสินค้าทันที
ในช่วงบ่าย เธอและเซี่ยไห่กลับถึงโรงแรมหลังจากเสร็จงาน เมื่อพักผ่อนได้ไม่นานเฉินเจียเหอก็กลับมาพอดี
“เสร็จธุระแล้วเหรอ?” เซี่ยไห่ถามเฉินเจียเหอ
“พรุ่งนี้ยังต้องแวะเข้าไปที่นั่นอีก”
เฉินเจียเหอตรวจสอบเครื่องจักรที่พวกเขาต้องการจากโรงงานเครื่องจักรเฉพาะทาง โดยมีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการสำหรับการประมวลผลที่เป็นความลับ ซึ่งผู้นำของพวกเขาไม่อยู่ คนอื่นที่รับผิดชอบจึงไม่มีอำนาจมากพอที่จะเจรจากับเฉินเจียเหอ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องกลับบ้าน เลื่อนการประชุมไปอีกวันในวันพรุ่งนี้
หลินเซี่ยโทรศัพท์หาอู๋เซิ่งหง บอกว่าพวกเขามาที่เชินเฉิงแล้ว ถ้าพรุ่งนี้มีเวลาพวกเขาอาจหาช่วงเวลามาพบกันได้
เมื่ออู๋เซิ่งหงได้ยินว่าจู่ ๆ หลินเซี่ยและเซี่ยไห่มาที่เชินเฉิง เขาจึงขอที่อยู่และจะเข้ามาหาทันที
อู๋เซิ่งหงยังคงสวมกางเกงเรียบง่ายและแจ็กเก็ตสีดำ เมื่อมาถึงและเห็นเซี่ยไห่กับหลินเซี่ย ใบหน้าอันผ่องใสของเขาก็ยิ้มแป้น “เสี่ยวหลิน เถ้าแก่เซี่ย มาไม่บอกไม่กล่าว ครั้งต่อไปบอกล่วงหน้าไว้นะครับ ผมจะได้ไปรอรับถึงสถานีเลย”
หลังพูดอย่างนั้น เขาก็ต้องประหลาดใจที่เห็นเฉินเจียเหอยืนอยู่ข้างหลังหลินเซี่ย “อา เสี่ยวเฉินก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?”
“ใช่ เรามาที่นี่ด้วยกันครับ”
หลินเซี่ยอธิบายว่า “เถ้าแก่อู๋ เดิมทีฉันวางแผนจะพบคุณพรุ่งนี้ แต่ไม่คิดว่าคุณจะมาวันนี้เลย”
“พอได้ยินมาว่าคุณและเถ้าแก่เซี่ยมาเชินเฉิงทั้งที ผมก็แทบรอไม่ไหวที่จะถึงวันพรุ่งนี้แล้ว” อู๋เซิ่งหงมีความสุขมากที่ได้พบพวกเขา และยังเชิญพวกเขาไปรับประทานมื้อค่ำอย่างอบอุ่นด้วยกันอีก
“เอาล่ะ ไปกินข้าวกันเถอะ”
อู๋เซิ่งหงใจดีมาก แต่เมื่อมาถึงร้านอาหาร เซี่ยไห่ก็เริ่มกลอกตาไปมา
บะหมี่อีกแล้วเหรอเนี่ย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เถ้าแก่อู๋เป็นคนเรียบง่ายสบายๆ น่ะค่ะ ถ้าอยากกินอาหารเหลาก็เสนอตัวเป็นเจ้ามือเลี้ยงเองนะคะเถ้าแก่เซี่ย
ไหหม่า(海馬)