ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 610 ช่วงเวลาอันคลุมเครือ
ตอนที่ 610 ช่วงเวลาอันคลุมเครือ
หลินเซี่ยยัดทุกสิ่งที่เธอเลือกให้กับเซี่ยไห่ เซี่ยไห่จึงต้องถือถุงใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยสิ่งของ
หลังจากที่เฉินเจียเหอทำงานเสร็จ พวกเขาก็พาเฉินเจียเหอไปซื้อของอีกครั้ง
คราวนี้เซี่ยไห่ได้จังหวะผลักของบางสิ่งไปให้เฉินเจียเหอช่วยถือโดยปริยาย
เฉินเจียเหอเดินทางมาทำงานโดยเฉพาะ หลังจากทำงานเสร็จแล้ว ทั้งสามคนก็มุ่งหน้ากลับบ้าน
ขากลับเฉินเจียเหอแนะนำให้ทุกคนขึ้นเครื่องบิน แม้ว่าจะต้องนั่งเครื่องไปลงที่ปินเฉิงก่อน แล้วค่อยขึ้นรถบัสเดินทางกลับไห่เฉิงก็ตาม อย่างน้อยก็สามารถหลีกเลี่ยงฝูงชนได้
ในเวลาเดียวกัน เขาก็อยากจะพาหลินเซี่ยขึ้นเครื่องบินด้วย
เซี่ยไห่ซื้อตั๋วเที่ยวบินกลางคืน
หลังจากทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน เมื่อมาถึงปินเฉิงแล้วก็ยังต้องใช้เวลานั่งรถบัสอีกสามชั่วโมงเพื่อกลับไปที่ไห่เฉิง
กว่าจะกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว
หลินจินซานขับรถไปรับพวกเขาที่สถานีขนส่ง
ดังนั้น เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยจึงต้องไปอาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลเซี่ยกันทั้งคู่
เวลานี้ยังไม่มีใครในครอบครัวได้กินข้าว เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงเตรียมอาหารไว้แล้ว แต่รอกินพร้อมกันเมื่อพวกเขากลับมา
หู่จือกำลังแทะขนมรองท้องด้วยความหิว หลิวกุ้ยอิงกลัวว่าหลินเซี่ยจะเมารถ จึงปรุงซุปรสเปรี้ยวเล็กน้อยให้เธอเป็นพิเศษ
ในฐานะหญิงตั้งครรภ์ หลินเซี่ยจึงเป็นเป้าหมายสำคัญที่คนทั้งครอบครัวช่วยกันปกป้อง ทุกคนต่างกังวลเสมอเมื่อเธอออกเดินทางไกล ไม่แปลกที่จะโล่งใจเมื่อเห็นว่าพวกเขากลับมา
หู่จือรีบวิ่งเข้าไปหาอย่างตื่นเต้นและกอดขาของเฉินเจียเหอไว้
“ลูกไม่ได้อยู่ที่บ้านคุณปู่ทวดหรอกเหรอ? มาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่” เฉินเจียเหอถามหู่จือ
หู่จือบอกว่า “ผมคิดว่าตายายกับป้าน่าจะอยู่ที่นี่ ก็เลยโทรหาลุงจินซานให้มารับฮะ”
“เซี่ยเซี่ย หลานเป็นยังไงบ้าง? รู้สึกไม่สบายตัวตรงไหนหรือเปล่า?”
หลินเซี่ยแสดงท่าทางราวกับพลังเต็มเปี่ยม “คุณย่า สุขภาพร่างกายฉันแข็งแรงดีค่ะ แค่เหนื่อยนิดหน่อยจากการนั่งตลอดเวลา”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปพักผ่อนเถอะ”
เฉินเจียเหอเปิดกระเป๋าเดินทางของหลินเซี่ย
หลินเซี่ยเริ่มหยิบข้าวของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เธอซื้อออกมา
เธอซื้อหวีไม้ให้กับคุณแม่เซี่ย ลิปสติกสำหรับเซี่ยอวี่และหลินเยี่ยน มีดโกนสำหรับเซี่ยเหลย และออยล์บำรุงผิวหน้าสำหรับหลิวกุ้ยอิง
“พี่ชาย นี่เน็คไทสำเร็จรูปของพี่ค่ะ”
หลินจินซานรับมันมาอย่างมีความสุขและพูดว่า “เซี่ยเซี่ย ของขวัญอันนี้ดีมากเลย ฉันจะเก็บมันไว้อย่างดี เอาไว้ผูกคู่กับสูทตอนฉันแต่งงาน”
หลินจินซานไม่คิดจะแกะกล่องมันด้วยซ้ำ
ของขวัญสำหรับสมาชิกตระกูลเฉินทั้งหมดอยู่ในกระเป๋าเดินทาง ยังไม่ได้นำออกมาทีเดียว
“ครั้งนี้ผมไม่ได้ซื้อของฝากมาให้ทุกคน เพราะเห็นว่าของหลาย ๆ อย่างที่เชินเฉิงมีล้วนเป็นของที่หาซื้อได้ในไห่เฉิง”
เซี่ยไห่เห็นหลินเซี่ยแจกของขวัญ เขาก็ควักกระเป๋าสตางค์ออกมาแจกจ่ายธนบัตรอย่างอู้ฟู่
ใกล้จะถึงวันสิ้นปี เซี่ยไห่มอบอั่งเปาซองใหญ่ให้กับคนในครอบครัวของเขาอย่างใจป้ำ ขอให้พวกเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อเสื้อผ้าตัวใหม่
หลินจินซานและหลินเยี่ยนได้รับเงินคนละห้าร้อยหยวน
หลินจินซานและหลินเยี่ยนรู้สึกยินดีมากเมื่อเห็นเซี่ยไห่ควักเงินออกมาปึกใหญ่ ถึงอย่างนั้นก็ไม่กล้ายอมรับมัน
ภายในเวลาสองเดือนบางทีพวกเขาอาจทำงานหาเงินไม่ได้เท่านี้ด้วยซ้ำ
พี่น้องสองคนยืนอยู่ที่นั่นอย่างละล้าละลัง ปฏิเสธซองจดหมายสีแดงปึกใหญ่ของเซี่ยไห่
เซี่ยเหลยต้องบอกว่า “จินซาน เสี่ยวเยี่ยน รับไปเถอะ จินซานจะได้ใช้มันเพื่อซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่สำหรับตัวเธอเองและชุนฟาง ช่วงปีใหม่นี้เราจะไปเจอกับครอบครัวของชุนฟางอย่างเป็นทางการ”
หลินจินซานได้เจอกับพ่อแม่ของชุนฟางแล้ว พวกเขาพึงพอใจในตัวหลินจินซานมาก ตกลงที่จะให้ทั้งสองคบหากันต่อไป เซี่ยเหลยและคนอื่น ๆ จึงต้องการใช้ประโยชน์จากวันปีใหม่ที่ทุกคนมีเวลาว่าง ให้ทั้งสองครอบครัวไปนั่งหารือกันเรื่องการแต่งงาน รวมถึงกำหนดฤกษ์ยามวันวิวาห์
เมื่อเซี่ยเหลยพูดออกปากอย่างนั้น หลินจินชานและหลินเยี่ยนจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องรับซองจดหมายสีแดงที่เซี่ยไห่มอบให้
“ขอบคุณครับคุณอา”
เมื่อเซี่ยไห่จ่ายเงินให้คนในครอบครัวของเขา เขาก็รู้สึกภาคภูมิมาก รู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จ
เขาตั้งใจทำงานหาเงินก็เพื่อให้ทั้งครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
หู่จือก็ได้อั่งเปาซองใหญ่ด้วยเช่นกัน ทันทีที่เขาหันกลับมา เขาก็มอบเงินจำนวนนั้นให้หลินเซี่ย
หลังจากที่เซี่ยไห่แจกอั่งเปาให้ครอบครัวของเขา เขาก็ถามเซี่ยอวี่ว่า “พี่สาว ลินดาอยู่ไหน?”
เซี่ยอวี่กำลังลองใช้ลิปสติกแท่งใหม่ที่หลินเซี่ยซื้อให้ ตอบว่า “คงอยู่ที่บ้านละมั้ง สองวันนี้ไม่มีงาน หล่อนเลยไม่ได้ตามติดฉันตลอดเวลา”
“โอ้”
หลังจากเซี่ยไห่กินข้าวเย็นเสร็จ เขาก็หยิบกระเป๋าแล้วขับออกไป โดยบอกว่าเขามีธุระต้องทำ
เขาขับรถตรงไปที่บ้านของลินดา
พอจอดรถแล้วก็ขึ้นไปชั้นบนพร้อมกระเป๋าแล้วเคาะประตู
ลินดาเพิ่งอาบน้ำเสร็จไม่นาน เห็นชายคนนั้นมาปรากฏตัวที่ประตู จึงถามด้วยความตกใจ “คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เพิ่งกลับมาได้สักพัก” เนื้อตัวเซี่ยไห่เต็มไปด้วยฝุ่น ไม่อาจซ่อนสีหน้าเหนื่อยล้าได้
เขามองผู้หญิงตรงหน้าที่สวมชุดนอนมีผ้าเช็ดตัวพันอยู่บนศีรษะ ดวงตาของเขามืดมนลงเล็กน้อย ก่อนจะเบียดตัวเข้าไปในห้อง
“แล้วคุณมาที่นี่ทำไม?” ลินดารีบสวมเสื้อคลุมผ้าฝ้ายตัวยาวแล้วถามเขา
เซี่ยไห่รู้สึกเจ็บปวดกับคำถามที่ดูห่างเหินเสียเหลือเกิน “ฉันเพิ่งกลับมาจากการไปทำงานต่างเมือง แปลกตรงไหนที่จะรีบมาหาแฟนเป็นคนแรก?”
แค่ไม่ได้เจอกันสามสี่วันเท่านั้นเอง ทำไมทำเหมือนเราคนแปลกหน้ากันนะ?
ลินดามองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่พูดอะไรอีก
“ฉันซื้อของขวัญมาให้”
เซี่ยไห่หยิบชุดกระโปรงที่ซื้อมาฝากลินดาออกจากกระเป๋า พร้อมกับลิปสติกที่หลินเซี่ยซื้อมาฝากลินดา ซึ่งเป็นเฉดเดียวกันกับเซี่ยอวี่
สิ่งที่เซี่ยไห่ซื้อคือชุดเดรสแขนยาว เนื้อผ้าหนาประมาณหนึ่ง สามารถสวมใส่ด้านในแล้วทับด้วยเสื้อโค้ตสำหรับฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวได้ ชุดนี้คอเสื้อเว้า เข้าทรงตรงเอว ซึ่งขับเน้นรูปร่างได้เป็นอย่างดี
“แบบนี้คงไม่เหมาะจะสวมช่วงอากาศหนาวหรอกมั้ง?” ลินดาไม่เคยใส่กระโปรงเลย พอเห็นว่าเขาซื้อกระโปรงมา หล่อนก็ไม่อยากหักหาญน้ำใจเขา ได้แต่หยิบเอาเรื่องสภาพอากาศมาอ้าง
เซี่ยไห่ยื่นชุดเดรสตัวนั้นให้หล่อนด้วยสีหน้าคาดหวัง “เอาไว้ใส่ด้านในเสื้อโค้ตอีกทีไง เธอลองใส่ดูสิ”
สีหน้าของลินดาเต็มไปด้วยการต่อต้าน “ไม่ลองดีกว่า”
“ลองเถอะ ฉันซื้อเป็นของฝากจากเชินเฉิงเลยนะ”
“ลองสวมดูสิ เอาไว้อากาศอุ่นขึ้นอีกหน่อยแล้วค่อยใส่ก็ได้”
“หรือถ้าเธอไม่อยากใส่กระโปรงออกไปข้างนอกจริง ๆ จะใส่อยู่แต่ในบ้านก็ได้นี่”
เซี่ยไห่ตื๊ออย่างน่ารำคาญจนลินดาไม่มีทางเลือกนอกจากเดินกลับเข้าห้องนอนไปลองชุด หลังจากนั้นไม่นานก็เดินออกมาพร้อมกับสไตล์ที่แปลกตา
ดวงตาของเซี่ยไห่เป็นประกาย “ว้าว สวยมาก สวยจนตาฉันแทบบอดเลยล่ะ”
การตัดเย็บแบบเข้ารูป ทำให้รูปร่างที่สมบูรณ์แบบของลินดาเปิดเผยออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ลินดากลับมีท่าทางสงบเสงี่ยมและรู้สึกอึดอัดมากเมื่อต้องสวมเสื้อผ้าแบบนี้
ตัวหล่อนเองไม่รู้ว่าทำไมเซี่ยไห่ถึงอยากให้ตนใส่ชุดกระโปรงนักหนา แต่สุดท้ายแล้วหล่อนก็ยอมใส่โดยดี ซึ่งเป็นสไตล์ที่ไม่เคยลองมาก่อน เสื้อผ้าแบบนี้ไม่เข้ากับอุปนิสัยส่วนตัวของหล่อนเลย
เซี่ยไห่เห็นลินดาสวมกระโปรงเป็นครั้งแรก สายตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นคิดไม่ซื่อ
ลำคอของหล่อนขาวผ่องเรียวระหง ผิวตรงช่วงคอลงมาเรียบเนียนราวกับหยก ทำให้ผู้คนอดจินตนาการถึงภาพที่ต่ำกว่าคอเสื้อลงไปไม่ได้
เขาสังเกตเห็นสีหน้าลำบากใจของลินดา จึงกระแอมไอเบา ๆ เปลี่ยนท่าทีกลายเป็นจริงจังทันที เอ่ยปากชมเธออย่างจริงใจ “สวยจังเลย”
“ฉันนี่รสนิยมดีจริง ๆ คนสวยใส่เสื้อผ้าอะไรก็สวย”
เขาขยับเข้าหาหล่อนอย่างช้า ๆ ในที่สุดก็ทนไม่ไหว รวบร่างหล่อนเข้ามากอดทันที
เดิมทีลินดาเขินอายอยู่แล้วเพราะเสื้อผ้าที่ไม่ใช่แนวตัวเอง จู่ ๆ ยังมาถูกเซี่ยไห่กอดอีก หล่อนจึงขัดขืนโดยสัญชาตญาณพลางพูดว่า “ทำอะไรน่ะ?! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ไม่ปล่อย เธอเป็นแฟนฉัน ฉันอยากจะกอดเวลาไหนก็ได้”
เซี่ยไห่มองหน้าหล่อน จากนั้นก็สาธยายข้อตกลงทั้งสามข้อออกมา
“เธอบอกว่าฉันสามารถเกาะติดเธอก็ต่อเมื่อเราสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพัง ตอนนี้ไม่มีคนอื่น เธอไม่สามารถปฏิเสธฉันได้”
ลินดามีบุคลิกที่เชื่องช้าและเย็นชา หล่อนรู้สึกอึดอัดน้อยลงเมื่อต้องใกล้ชิดกับเซี่ยไห่ ครั้งนี้หลังจากที่ไม่ได้เจอกันไม่กี่วัน หล่อนก็ต้องการเวลาสักหน่อยเพื่อปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมรุ่มร่ามแบบนี้
“ทำไมคุณถึงเป็นคนแบบนี้นะ? เป็นบ้า หรือว่าไม่ได้มีแฟนมาหลายปีจนเก็บกด?” ลินดาจ้องไปที่เซี่ยไห่อย่างขุ่นเคือง รู้สึกว่าสายตาที่เขามองหล่อนเมื่อกี้นี้เป็นเหมือนหมาป่าดุร้าย
เซี่ยไห่ไร้ยางอายยิ่งกว่า ยอมรับโดยตรง
“นั่นแหละเหตุผล”
“แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือฉันชอบเธอ ถ้าฉันชอบใครสักคน ฉันอดไม่ได้หรอกที่จะเข้าใกล้เธอให้มากขึ้น ฉันอยากแนบชิดเธอ สัมผัสถึงลมหายใจของเธอ นี่คือสิ่งที่เรียกว่าความรัก” เซี่ยไห่ดึงหล่อนเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของตัวเองอีกครั้ง พูดด้วยน้ำเสียงคลุมเครือข้างหูหล่อนว่า “ลินดา เธอต่อต้านการเข้าหาของฉันงั้นเหรอ? ตอนที่ฉันกอดเธอไว้แบบนี้ รู้สึกบ้างไหมว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้น แม้แต่ร่างกายก็พลอยอยู่ไม่สุขไปด้วย?”
เขากระชับแขนโอบรอบตัวหล่อน จ้องมองหล่อนด้วยสายตาวับวาว พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำเร้าอารมณ์ “หืม?”
ลินดาหน้าแดงเรื่อ เอาแต่หลบเลี่ยงสายตาของเซี่ยไห่
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พี่ไห่คนบ้า คนผีทะเล รู้ใจตัวเองแล้วก็รุกแรงเลยน้า
ไหหม่า(海馬)
……………………………………