ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 613 ยังไม่ถึงขั้นนั้น
ตอนที่ 613 ยังไม่ถึงขั้นนั้น
ลินดามองดูท่าทางราวกับเป็นผู้เสียหายของเซี่ยไห่ เริ่มรู้สึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าฉากที่หล่อนจินตนาการอาจเป็นเรื่องจริง
จู่ ๆ หล่อนก็สูญเสียความมั่นใจที่เคยมีเมื่อกี้ พูดด้วยแววตาสลดว่า “ฉันขอโทษ”
แต่เซี่ยไห่ยังไม่ยอมปล่อยหล่อนไป เขาไม่สวมเสื้อ เท้าคางด้วยมือเดียว หน้าตาดูชั่วร้ายราวกับสัตว์ประหลาด
เขายกริมฝีปากขึ้นแล้วพูดว่า “เมื่อคืนนี้มีหลายเรื่องที่คุณควรขอโทษนะ คุณกำลังพูดถึงเรื่องไหนอยู่ล่ะ?”
เรื่องไหนเหรอ?
ลินดาเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องไหน
หล่อนเร่งเร้าเขาอย่างเชื่องช้า “ลุกขึ้นเร็วเข้า รีบกลับไปได้แล้ว”
เซี่ยไห่จับคางของหล่อนไว้ จ้องมองลึกลงไปในดวงตาหล่อน
ลินดาลุกขึ้นนั่ง คว้าเสื้อผ้ามาแต่งตัว ยังคงกระตุ้นเขาต่อไป
“ลุกได้แล้ว ฉันจะได้ทายาตรงรอยขีดข่วนบนหน้าให้นายไง”
“ก็ได้”
หลังจากได้ยินหล่อนพูดว่าจะทายาตรงรอยขีดข่วนบนใบหน้าเขาให้ เซี่ยไห่ก็ยอมลุกขึ้นแต่โดยดี
ลินดาไม่ได้ถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ต่อไป ราวกับเชื่อคำโกหกของเขาจริง ๆ
เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่นึกซุกซนนิดหน่อย และอยากจะแกล้งเธอต่อไป
อดกลัวไม่ได้ว่าถ้าหล่อนรู้ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ ในภายหลัง หล่อนอาจทุบตีเขาได้
เซี่ยไห่เอามือแตะจมูกแล้วถามว่า
“งั้นเมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ…”
ลินดาได้ยินเซี่ยไห่พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้อีกครั้งก็แสดงสีหน้าเขินอาย มองเขาอย่างเป็นกังวลแล้วพูดว่า “เราเป็นแฟนกัน พอเข้าใจได้อยู่ว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้น แต่เราทุกคนต่างก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันหวังว่านายจะเข้าใจเหตุผลที่สถานการณ์มันพาไป อย่าจริงจังกับมันไปหน่อยเลย”
เซี่ยไห่ระเบิดอารมณ์ทันที “อย่าจริงจังไปหน่อยเลยงั้นเหรอ?”
เซี่ยไห่ค่อนข้างไม่พอใจกับทัศนคติอันเฉยชาของลินดา
เขาคิดว่าคงจะดีกว่าหากหล่อนทุบตีเขาหรือร้องห่มร้องไห้ หรือเรียกร้องให้เขารับผิดชอบ เพื่อที่เขาจะได้เดินหน้าต่อไปและพูดคุยเกี่ยวกับขั้นตอนที่เหลือ
“แล้วยังไงล่ะ? นายต้องการอะไร?” ความคิดหล่อนกระจัดกระจายโดยสิ้นเชิงจนไม่รู้สึกรู้สาอะไร ไม่ว่าใครเป็นฝ่ายเริ่มก่อนก็ตาม นับเป็นความเมตตามากแค่ไหนแล้วที่หล่อนเลือกจะปล่อยผ่าน เขายังต้องการอะไรอีก?
ยิ่งพูดต่อไม่ยิ่งน่าอายแย่หรอกเหรอ?
เซี่ยไห่มองหน้าหล่อนแล้วถามว่า “เธอไม่มีความทรงจำอะไรเลยจริง ๆ เหรอ?”
หล่อนทำท่าทีแบบนั้นราวกับเชื่อว่าตัวเองเป็นฝ่ายขอหลับนอนกับเขา และไม่ต้องการรับผิดชอบเขาอย่างไรอย่างนั้น
ลินดาพยักหน้าอย่างจริงจัง “ไม่เลย”
เซี่ยไห่เงยหน้าขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “เธอทำงานด้านนี้ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นคนคออ่อนขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย?”
พูดจบเขาก็ไม่อยากล้อเล่นกับหล่อนอีกต่อไปแล้ว
ลินดาอธิบาย
“ปกติเวลาฉันมีความจำเป็นต้องเข้าสังคมมักจะมีคนอื่นอยู่รอบตัว แล้วฉันก็ไม่ค่อยดื่มเครื่องดื่มทุกชนิดอย่างเกินกำลังตัวเอง ตราบใดที่อารมณ์ของฉันไม่แปรปรวนจนควบคุมไม่ได้ สถานการณ์ทำนองนี้ก็ไม่มีทางเกิดขึ้น”
หล่อนเป็นพวกขี้เมาคออ่อน แต่นั่นขึ้นอยู่กับอารมณ์ของหล่อนในเวลานั้น ๆ ด้วย
ปกติหล่อนไม่ได้มีนิสัยดื่มหนักเวลาต้องออกไปคุยงาน นอกจากนี้ ทุกครั้งต่อให้จะเมาแค่ไหน ก็ยังสามารถประคองสติสัมปชัญญะตัวเองเอาไว้ได้
ถ้าความสัมพันธ์ไม่ชัดเจน คนอย่างหล่อนไม่มีวันไปใกล้ชิดกับอีกฝ่ายมากเกินไปในลักษณะนั้น
จริง ๆ แล้วหล่อนจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้นับตั้งแต่เริ่มร้องเพลงเพลงแรกได้ แต่หลังจากนั้นก็ไม่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
กระนั้นอย่างน้อยหล่อนก็มีสามัญสำนึกเพียงพอ เมื่อคืนเซี่ยไห่ดื่มหนักมาก คนเราพอดื่มเหล้าจัดเกินกำลังตัวเอง เขายังจะมีเรี่ยวแรงเหลือพอทำอะไรแบบนั้นอยู่เหรอ?
โดยปกติแล้วคนที่ดื่มมากเกินไปไม่มีทางทำอย่างนั้นได้แน่
โดยเฉพาะเมื่อต้องรับมือกับคนเมาแล้วอาละวาดเช่นหล่อน
ทันทีที่ดวงตาของลินดากะพริบ เซี่ยไห่ก็รู้ว่าหล่อนกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง จึงสารภาพอย่างรวดเร็วทันท่วงที
“จริงหรือเปล่า?” ลินดามองเขาแล้วถามคาดคั้น
“เธอเห็นร่องรอยไม่เหมาะไม่ควรบนร่างกายตัวเองบ้างไหมล่ะ? ฉันเซี่ยไห่เป็นสุภาพบุรุษมากพอ จะทำเกินเลยกับคนที่เมาจนไม่มีสติรู้ตัวได้ยังไง? ฉันจะไม่ฉวยโอกาสจากความประมาทของคนอื่นหรอก”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็เหยียดยิ้มอย่างชั่วร้าย พาหญิงสาวตรงหน้าล้มลงไปกองบนเตียงด้วยกันโดยตรง “ฉันชอบทำอะไรแบบนั้นตอนเรามีสติกันทั้งคู่มากกว่า”
“หยุดทำตัวเป็นหมาป่าที่พร้อมจะตะครุบเหยื่อตลอดเวลาได้ไหม?” ลินดาแสร้งทำเป็นข่วนเขา
เซี่ยไห่มีประสบการณ์แล้ว จึงหลบเลี่ยงได้อย่างชาญฉลาด เขาคว้าข้อมือเธอแล้วรั้งเอาไว้ “เธอพูดถูก ฉันอยากตะครุบคนที่ฉันรักทุกช่วงเวลาเลย”
“ลุกได้แล้ว วันนี้ฉันยังมีงานที่ต้องทำนะ” ลินดาตั้งใจว่าจะเข้าไปอาบน้ำ เพราะต้องไปเจอกับผู้รับผิดชอบการออกอากาศประจำสถานีโทรทัศน์เพื่อหารือเกี่ยวกับการบันทึกรายการเทศกาลฤดูใบไม้ผลิของเซี่ยอวี่
เซี่ยไห่รู้ว่าหล่อนต้องไปทำงาน เขาจึงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว วางแผนว่าจะออกไปซื้ออาหารเช้ากลับมาให้หล่อน
หลังจากที่ลินดากินข้าวเสร็จและออกไปทำงาน เซี่ยไห่ก็ออกไปที่ห้างสรรพสินค้า ซื้อชุดเครื่องครัวจำพวกหม้อ กระทะ และอย่างอื่นกลับมา
ครั้งแรกที่เขามาที่บ้านของลินดา เซี่ยอวี่ให้กุญแจบ้านของลินดาแก่เขา แต่เขาไม่ยอมคืนมันให้ลินดา ไม่รู้ว่าหล่อนลืมมันไปแล้วหรือเป็นเพราะยังอารมณ์ไม่ดี จึงไม่ได้ถามหามันกับเขา
เซี่ยไห่ขนสิ่งของออกจากรถหลายครั้ง แล้วจัดการนำไปเรียงไว้ในบ้าน ทำความสะอาดห้องครัวใหม่ทั้งหมด
ที่บ้านมีตู้เย็น แต่ในนั้นเต็มไปด้วยขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มที่ลินดายัดไว้ลวก ๆ
น้ำอัดลมเหล่านั้นคงยัดไว้ตั้งแต่สมัยที่อากาศยังอบอุ่น เพราะเมื่ออากาศหนาว การดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ ก็ไม่เป็นที่น่าอภิรมย์อีกต่อไป เซี่ยไห่หยิบขวดทั้งหมดออกมา แล้วยัดเนื้อสัตว์ ไข่ และผักที่เขาเพิ่งซื้อเข้าไปแทนที่
เขาโทรหาลินดาและถามว่าจะกลับกี่โมง ลินดาบอกว่าน่าจะเสร็จงานตอนเที่ยง และกลับบ้านหลังจากกินข้าวนอกบ้านเรียบร้อยแล้ว
เซี่ยไห่สวมผ้ากันเปื้อนสีชมพูที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ถือไม้พายไว้ในมือ ส่วนมืออีกข้างถือโทรศัพท์มือถือ ท่าทางราวกับเป็นพ่อบ้านมือฉมัง “ไม่ต้องไปกินข้าวนอกบ้านหรอก ทำงานเสร็จก็กลับได้แล้ว ที่บ้านมีอะไรรออยู่”
ลินดานึกแปลกใจ เซี่ยไห่ไม่ได้กลับไปแล้วหรอกเหรอ?
“โอ้” เมื่อได้ยินน้ำเสียงเข้มงวดของเขา หลังจากคุยโทรศัพท์จบก็ไม่ได้แวะกินข้าวนอกบ้าน รีบตรงกลับที่พักทันที
ทันทีที่เข้าไปในบ้าน หล่อนก็เห็นเซี่ยไห่สวมผ้ากันเปื้อน มีจานเปล่าสี่ใบและซุปอีกหนึ่งชามวางอยู่บนโต๊ะ
เซี่ยไห่วิ่งไปรับกระเป๋ามาจากหล่อน บอกให้หล่อนไปล้างมือแล้วมากินข้าว
ลินดามองเขาพลางถามว่า
“เข้ามาในบ้านฉันทำไม? ไม่มีงานต้องทำเหรอ?”
จากนั้นก็ถามต่อว่า “สั่งกับข้าวพวกนี้มาจากไหนล่ะ?”
“ฉันทำทุกอย่างให้เธอเองกับมือ”
ลินดายิ่งทำหน้าประหลาดใจเข้าไปใหญ่ เซี่ยไห่จึงพาหล่อนไปดูห้องครัว เมื่อเห็นว่าภายในห้องครัวมีอุปกรณ์เครื่องครัวต่าง ๆ อย่างครบครัน รวมถึงหม้อหุงข้าวและกระทะใหม่เอี่ยม หล่อนจึงมองหน้าเซี่ยไห่ด้วยความเหลือเชื่อ
เซี่ยไห่อธิบายด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ฉันออกไปซื้อเครื่องครัวชุดใหม่มา กับข้าวเพิ่งทำเสร็จเมื่อกี้”
ลินดาบอกว่า “ปกติฉันไม่ค่อยทำอาหารเวลาอยู่บ้าน และฉันก็ทำอาหารไม่เป็นด้วย ซื้อของพวกนี้มาเสียเปล่า”
“อีกหน่อยถ้าฉันมีเวลาฉันจะแวะมาทำกับข้าวให้ ยังไงซะเธอก็ไม่อยากไปกินข้าวมื้อเย็นที่บ้านฉันอยู่แล้ว เธอออกไปกินข้าวข้างนอกไม่ได้ตลอดเวลาหรอก สู้กินอาหารทำเองจะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านมากกว่า ถ้าเธอยังเอาแต่ไปกินข้าวนอกบ้าน เธอจะรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นแค่ผู้อาศัย”
ตอนนี้พวกเขาคบกันแล้ว เขาต้องมอบความปลอดภัยและความอบอุ่นให้หล่อนอย่างเพียงพอ
เซี่ยไห่ผลักหล่อนออกจากห้องครัว “ไปล้างมือแล้วมากินข้าว”
เซี่ยไห่ตักข้าวให้หล่อน จากนั้นก็รอให้เธอออกมานั่งลง แล้วทั้งสองถึงกินข้าวด้วยกัน
ลินดากัดมันฝรั่งทอดฝีมือเซี่ยไห่ ขณะที่เคี้ยวมันอยู่ในปากก็เงยหน้ามองเขาอีกครั้ง ด้วยเหตุผลบางอย่าง หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตา
“ร้องไห้ทำไม?” เซี่ยไห่กังวลทันที “ไม่อร่อยเหรอ?”
เขารีบคีบเข้าปากเพื่อชิมบ้าง
แม้ว่ารสชาติจะไม่ดีเท่ากับกับข้าวฝีมือพี่ใหญ่ แต่ก็ไม่ถึงขั้นเลวร้ายจนทำให้คนร้องไห้ได้นี่นา
“หรือว่าประทับใจ?” เขาถามพร้อมกับมองหล่อนด้วยรอยยิ้ม
“ดูสิ คนอย่างเธอสะเทือนใจกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ด้วยเหรอเนี่ย? ไม่ต้องมาซาบซึ้งกับการปรนนิบัติเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้หรอก นี่ก็แค่มื้ออาหาร รอจนกว่าฉันจะซื้อวิลล่าให้เธออยู่แล้วค่อยร้องแล้วกันนะ”
ลินดามองหน้าชายหนุ่มช่างพูด ความรู้สึกจากซาบซึ้งก็เปลี่ยนเป็นหมั่นไส้เขาอีกครั้ง หล่อนเช็ดน้ำตา หยิบตะเกียบขึ้นมาและเริ่มละเลียดชิมอาหารทุกจานที่เขาปรุง
รู้สึกเหมือนอยู่บ้านจริงด้วย
ทันใดนั้นหล่อนก็รู้สึกสบายใจ รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของเมืองนี้เสียที
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พี่ไห่เวอร์ชันพ่อบ้านนี่มันอบอุ่นดีจริงๆ เป็นพ่อหนุ่มธงเขียวผืนเบ้อเริ่มเลย
ไหหม่า(海馬)