ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 617 จัดการอยู่หมัด
ตอนที่ 617 จัดการอยู่หมัด
เห็นเซี่ยอวี่ไม่สนใจและไม่มีความคิดอยากแต่งงานแต่แม้แต่น้อย ความผิดหวังก็วาบผ่านสีหน้าของเย่ไป๋ เขานั่งลงข้างกายเซี่ยอวี่ มองหญิงสาวพลางเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน “เสี่ยวอวี่ ทำไมคุณถึงไม่อยากแต่งงานล่ะ? หรือคุณกลัวจะกระทบกับหน้าที่การงาน? ถ้าอย่างนั้น พวกเราแต่งกันแบบเงียบ ๆ ก็ได้ ไม่ต้องจัดงานแต่งงาน ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ดีไหม?”
“พ่อแม่ของผมก็เร่งรัด ผมสัมผัสได้ว่าคุณป้าเซี่ยก็หวังให้พวกเราแต่งงานกันไว ๆ เหมือนกัน พวกเราคบกันมานานแล้ว คุณก็เข้าใจนิสัยของผมดีแล้ว ทำไมถึงไม่ยอมเข้าประตูวิวาห์กับผมสักทีล่ะ?”
“ปีหน้าฉันน่าจะยุ่งมาก ฉันกลัวว่าจะไม่มีเวลาและเรี่ยวแรงเหลือพอจะมาจัดการเรื่องแต่งงาน การแต่งงานหมายความว่าต้องแบกรับความรับผิดชอบของครอบครัว ฉันรู้สึกว่าฉันยังไม่พร้อมสำหรับเรื่องนี้ คุณให้เวลาฉันอีกสักนิด เอาไว้ปีหน้าฉันถ่ายละครเสร็จแล้ว พวกเราค่อยมาคุยเรื่องแต่งงานกันอีกที พอถึงตอนนั้น ฉันจะจัดเวลาพักผ่อนเอาไว้ ถ้าทำได้ จะได้มีเจ้าตัวเล็กให้พวกคุณพ่อคุณแม่เขาด้วย”
คำพูดอย่างจริงใจของเซี่ยอวี่ทำให้เย่ไป๋รู้สึกประทับใจมาก
เขาโอบหล่อนเข้ามาจูบลงบนหน้าผากเบา ๆ “ตกลง ผมจะทำตามที่คุณต้องการ”
ขอเพียงเซี่ยอวี่เต็มใจแต่งงานกับเขา ให้รอนานแค่ไหนเขาก็ยินดี
…….
หลินเซี่ยท้องได้สี่เดือนแล้ว เฉินเจียเหอยุ่งอยู่กับงาน โจวลี่หรงจึงไปรับหลินเซี่ยกับหู่จือกลับมาที่บ้านพักทหาร เพื่อให้หลินเซี่ยได้พักผ่อนบำรุงครรภ์
ปกติแล้ว หลินเซี่ยอยู่ที่บ้านแม่ตัวเองแล้วสบายใจมากกว่า แต่ถึงอย่างไรเธอก็ตั้งครรภ์อยู่ จะอยู่ที่บ้านแม่ตัวเองตลอดก็ไม่เหมาะสมเท่าใด จึงได้แต่ตามโจวลี่หรงมาพักที่บ้านพักทหาร
หู่จือกับเฉินเจียวั่งอยู่ในช่วงปิดเทอมฤดูหนาว ทุกคนล้วนอยู่ที่บ้าน ทำให้แต่ละวันคึกคักอย่างมาก
เดิมทีเฉินเจียซิ่งกับหยางหงเสียต้องย้ายไปอยู่บ้านอีกหลังที่ทำเสร็จแล้ว แต่ในฤดูหนาวที่บ้านหลังนั้นอากาศหนาวเย็นเกินไป ต้องก่อเตาผิงใช้เอง เฉินเจียซิ่งรู้สึกว่ายุ่งยากจึงไม่อยากย้าย
บอกว่ารอถึงปีหน้า อากาศอบอุ่นขึ้นแล้วค่อยย้ายออกไป
ตอนนี้เป็นฤดูหนาว พอเลิกงานแล้วพวกเขายังต้องทำกับข้าวอีก แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว
หยางหงเสียมีนิสัยอ่อนโยน สามารถอยู่ร่วมกับคนตระกูลเฉินได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นคนขยันขันแข็ง เต็มใจช่วยเหลือคนแก่ทำงานบ้าน ทุกคนจึงอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันได้โดยไม่มีความขัดแย้งใด ๆ
หลังจากหลินเซี่ยมาอยู่ที่บ้านเพื่อเตรียมตัวคลอด หยางหงเสียก็ขนเอาเครื่องสำอางของตัวเองมาที่บ้านด้วย ขอให้หลินเซี่ยช่วยสอนวิธีใช้ให้กับหล่อนในช่วงเย็น
บางครั้งทุกคนอยู่บ้านว่าง ๆ ก็จะขอความร่วมมือจากผู้อาวุโสในบ้าน
แม่เฒ่าเฉินให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและเต็มใจให้หลานสะใภ้ใช้ตนเป็นแบบฝึกแต่งหน้า
ช่วงนี้ทักษะการแต่งหน้าของหยางหงเสียจึงพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด
เมื่อถึงคราวเรียนรู้การแต่งหน้าผู้ชาย หลินเซี่ยก็จะลากเฉินเจียวั่งมาเป็นหนูทดลองให้พวกเธอ
เฉินเจียวั่งถูกสะใภ้ใหญ่อย่างหลินเซี่ยจัดการเสียอยู่หมัด ถ้าเขาไม่ยินยอม เธอก็จะพูดถึงเรื่องที่เธอเคยช่วยชีวิตเขาเมื่อครั้งอดีต บอกให้เขาตอบแทนบุญคุณตนเอง
เฉินเจียวั่งไม่อาจปฏิเสธได้ จึงถูกพี่สะใภ้ทั้งสองจับแต่งหน้าอยู่ทั้งวัน
แม่เฒ่าเฉินเห็นเฉินเจียวั่งเข้ากับพี่สะใภ้ทั้งสองได้ดีเช่นนี้ก็รู้สึกปลื้มใจ
แฟนของเฉินเจียวั่งเป็นเพื่อนสนิทของหลินเซี่ย หลังจากแต่งงานเข้ามาแล้ว พวกสาว ๆ ล้วนแต่เป็นเพื่อนกันก็คงจะอยู่กันอย่างปรองดอง ไม่มีทางเกิดเหตุการณ์พี่น้องสะใภ้ไม่ถูกกันอย่างแน่นอน ผู้อาวุโสในบ้านอย่างแม่เฒ่าเฉินคิดถึงเรื่องนี้แล้วก็มีความสุขมาก
แต่พอคิดถึงแฟนของเฉินเจียวั่ง แม่เฒ่าเฉินถึงนึกขึ้นได้ว่าพวกเขาเห็นเจียงอวี่เฟยตอนเฉินเจียเหอแต่งงานกับหลินเซี่ย หลังจากนั้นก็ไม่เคยเห็นอีกเลย เฉินเจียวั่งก็ไม่เคยพูดถึงหล่อนต่อหน้าพวกตนอีก
เรื่องนี้ทำให้แม่เฒ่าเฉินเป็นกังวลขึ้นมา
แม่เฒ่าเฉินบอกให้เฉินเจียวั่งพาเจียงอวี่เฟยมาที่บ้าน แต่เฉินเจียวั่งกลับไม่พูดอะไรเลย ทุกครั้งที่คนในบ้านพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็จะมองไปที่หลินเซี่ยด้วยสายตาขุ่นเคือง
หลินเซี่ยเป็นคนเปิดเผยเรื่องของเขากับเจียงอวี่เฟย ตอนนั้นทำไปเพื่อแก้ไขสถานการณ์คับขันต่อหน้าอาสะใภ้รอง ตอนนี้อาสะใภ้รองจากไปแล้ว แต่ปัญหาก็ยังคงค้างคาอยู่จนถึงตอนนี้ เขายังไม่กล้าพูดความจริงกับคนในบ้าน
เขาไม่กล้าบอกคนในบ้านว่าที่คบกับเจียงอวี่เฟยเป็นแค่การแสดง ด้านหนึ่งเป็นเพราะไม่อยากให้ผู้อาวุโสผิดหวัง ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้นเป็นเพราะส่วนลึกในใจของเขายังคงมีความหวังบางอย่าง
สัมผัสได้ถึงสายตาเย็นเยือกของเฉินเจียวั่ง หลินเซี่ยจำต้องออกหน้าอธิบาย “คุณย่าคะ ช่วงนี้อวี่เฟยค่อนข้างยุ่งเพราะต้องไปอัดรายการกับคุณอาของฉัน เจียวั่งก็ไม่กล้ารบกวนหล่อน ต้องรอถึงช่วงปีใหม่จึงจะได้เจอกันค่ะ”
“อวี่เฟยจะออกทีวีเหรอ?” เมื่อได้ยินข่าวนี้ คนทั้งครอบครัวต่างหันมามองและซักถามเกี่ยวกับเรื่องที่เจียงอวี่เฟยอัดรายการออกทีวี
“ใช่ค่ะ หล่อนเซ็นสัญญากับบริษัทของคุณอา ถ้ามีงานที่เหมาะสม คุณอามักจะพาหล่อนไปทำด้วยเสมอ อวี่เฟยเคยได้รางวัลจากการประกวดนางแบบ สถานีโทรทัศน์เมืองไห่เฉิงก็ยินดีที่จะร่วมมือกับพวกหล่อนอีกครั้ง”
เมื่อได้ยินว่าหน้าที่การงานของเจียงอวี่เฟยกำลังไปได้สวย ทุกคนก็ภูมิใจมาก
ถึงอย่างไรนั่นก็คือแฟนของเจ้าสามบ้านพวกเขานี่นา
แต่ในขณะเดียวกันก็อดเป็นห่วงไม่ได้
ถ้าเจียงอวี่เฟยกลายเป็นดาราดังแล้ว หล่อนกับเจียวั่งยังจะคบหากันต่อไปหรือเปล่า?
แม่เฒ่าเฉินยังอยากถามอะไรอีก แต่เฉินเจิ้นเจียงมองออกว่าแม่ของเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงพูดว่า “แม่ เรื่องของคนหนุ่มสาว ปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเองเถอะ พวกเขายังเด็ก เจียวั่งยังเรียนไม่จบ เรื่องส่วนตัวยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ถ้ามีวาสนาต่อกันก็คงจะได้ตกล่องปล่องชิ้นกันเองนั่นแหละ”
พอเฉินเจิ้นเจียงพูดแบบนั้น นางก็กลืนคำที่เตรียมจะพูดกลับลงไป
หลังจากเฉินเจิ้นเจียงกลับเข้าห้องไปแล้ว แม่เฒ่าเฉินก็ดึงเฉินเจียวั่งไว้ สุดท้ายยังคงกำชับอย่างอดไม่ได้ “เจียวั่ง อวี่เฟยงานยุ่ง ตอนกลางคืนอย่าลืมโทรหาหล่อนนะ คนหนุ่มสาวคบหากัน สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องติดต่อกันบ่อย ๆ ต่อให้รักกันมากแค่ไหน ถ้าไม่ติดต่อกันเป็นเวลานาน ความสัมพันธ์ก็จะจืดจางลงไปตามกาลเวลา”
เฉินเจียวั่งรับคำ “เข้าใจแล้วครับ”
“ดีแล้ว อวี่เฟยเป็นเพื่อนกับพี่สะใภ้ของเธอ ปกติเธอก็ทำดีกับพี่สะใภ้หน่อย ให้หลินเซี่ยพูดถึงเรื่องดี ๆ ของเธอต่อหน้าอวี่เฟยเข้าไว้ วันหน้าสองคนนั้นก็จะได้เป็นพี่น้องสะใภ้กันแล้ว”
“ครับ” เฉินเจียวั่งตอบรับส่ง ๆ ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน
เมื่อเข้าไปในห้องแล้ว เขาก็โทรหาเจียงอวี่เฟยตามคำแนะนำของคนเป็นย่า แต่ไม่มีใครรับสาย
หยางหงเสียไปเป็นเด็กฝึกงานที่ร้านชุดแต่งงานตรงเวลาทุกวัน ตั้งแต่หลินเซี่ยย้ายมาอยู่บ้านตระกูลเฉิน เธอก็ไม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
เธออยากไปที่ร้าน แต่ผู้อาวุโสในบ้านก็มักจะห้ามไว้ กลัวว่าเธอออกไปข้างนอกแล้วจะไม่ปลอดภัย ให้เธออยู่บำรุงครรภ์ที่บ้าน
เธอไปร้านตัดผมสัปดาห์ละครั้ง คนตระกูลเฉินจะต้องตามไปด้วยเสียทุกครั้ง
โดยเฉพาะหลังจากได้ยินว่าพวกเสิ่นอวี้อิ๋งไปลงทะเบียนสมัครเรียนที่สถาบันฝึกอบรมวิชาชีพ คนตระกูลเฉินก็ยิ่งระมัดระวังกว่าเดิม กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหลินเซี่ย
อย่าว่าแต่หลินเซี่ยเลย แม้แต่หู่จือที่อยู่บ้านมาหลายวันก็เริ่มรู้สึกอึดอัด เริ่มบ่นว่าอยากออกไปเล่นข้างนอก
ผู้อาวุโสเฉินจึงสั่งให้คนขับรถพาเขา หลินเซี่ยและหู่จือออกไปนั่งรถเล่นด้วยกัน
ช่วงปลายปีคนแต่งงานกันมาก หลินเซี่ยเป็นห่วงร้านชุดแต่งงาน กลัวว่าหลินเยี่ยนคนเดียวจะรับมือไม่ไหว
เธอตั้งใจจะไปร้านชุดแต่งงานสักรอบ เธอเพิ่งท้องได้สี่เดือนเศษ ร่างกายแข็งแรงดี ยังไม่รู้สึกว่าตัวเองมีตรงไหนไม่สะดวก
“หงเสีย ดูแลพี่สะใภ้ของเธอให้ดีนะ บ่าย ๆ ฉันจะไปรับพวกเธอ”
ผู้อาวุโสเฉินตั้งใจว่าจะออกไปด้วยตนเองเพื่อให้หลานสะใภ้ทั้งสองนั่งรถออกไปข้างนอกได้อย่างราบรื่น
“คุณปู่ ฉันจะดูแลพี่สะใภ้ให้ดีเองค่ะ”
เด็กน้อยบอกว่าไม่ได้เจอน้าเล็กมาหลายวันแล้ว เขาคิดถึงหล่อนมาก
หู่จือกอดขาหลินเซี่ยไว้แน่นไม่ยอมปล่อย จะตามไปให้ได้ หลินเซี่ยจึงให้เขากลับไปใส่เสื้อกันหนาว หมวกและถุงมือให้เรียบร้อย แต่งตัวจนกลมเหมือนลูกบอลแล้วค่อยยอมให้เขาไปด้วย
หลินเซี่ยบอกผู้อาวุโสทั้งสองว่า
“คุณปู่ คุณย่า งั้นพวกเราพาหู่จือไปก่อนนะคะ วันนี้พักผ่อนให้เต็มที่ เด็กคนนี้เล่นซนทั้งวัน แต่ละวันคุณปู่คุณย่าคงเหนื่อยแย่”
ผู้อาวุโสเฉินยิ้มพูด “พวกฉันเหนื่อยแต่ก็มีความสุข มีเหลนให้เลี้ยงน่ายินดีจะตายไป”
เฉินเจียซิ่งจะต้องไปทำงานตอนเช้า ตั้งใจจะออกไปพร้อมกับพวกเธอ เขาพูดว่า “คุณปู่คุณย่าก็พักผ่อนสักวัน รอปีหน้าบ้านเราจะยิ่งวุ่นวายกว่านี้ ถึงตอนนั้นต้องเลี้ยงทั้งคนพี่คนน้อง คงเหนื่อยน่าดูเลยล่ะ”
เฉินเจียซิ่งพูดจนผู้เฒ่าทั้งสองหัวเราะไม่หยุด
เดิมนั้นผู้อาวุโสทั้งสองก็อยากบอกให้เฉินเจียซิ่งและหยางหงเสียพยายามมากกว่านี้ เพื่อที่ปีหน้าพวกเขาจะได้อุ้มเหลนเพิ่มอีกคน แต่พอคิดว่าพวกเขาเพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นาน ก็ไม่อยากจะกดดันหยางหงเสีย จึงไม่ได้พูดออกมา
เรื่องมีลูกไม่อาจเร่งรัด ต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ย่อมจะมีเองไม่ช้าก็เร็ว
วันนี้เฉินเจียซิ่งเป็นฝ่ายเอ่ยถึงเรื่องนี้ ผู้เฒ่าทั้งสองก็เบาใจได้แล้ว
แม่เฒ่าเฉินดีใจมาก “ได้เลย พวกเราจะรอ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มีสะใภ้ดี บรรยากาศบ้านก็สงบสุขแบบนี้แหละ
ไหหม่า(海馬)
……………………………………