ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 618 หู่จือหายไป
ตอนที่ 618 หู่จือหายไป
หลังจากเข้าสู่เดือนสิบสอง บรรดาคู่รักก็วางฤกษ์แต่งงานกันในเดือนนี้เป็นจำนวนมาก ที่ร้านเช่าชุดเจ้าสาวจึงมีลูกค้าแวะเวียนกันมาดูชุดแต่งงาน และจองคิวถ่ายรูปแต่งงานหลั่งไหลเข้ามาไม่มีที่สิ้นสุด
หลินเซี่ยและคนอื่น ๆ เพิ่งมาถึงร้าน จางซ่วนก็เข้ามาพร้อมกล้อง บอกว่าวันนี้เขานัดหมายเจ้าบ่าวเจ้าสาวไว้สองคู่
ในช่วงไม่กี่เดือนนับตั้งแต่เปิดร้านเช่าชุดเจ้าสาว ธุรกิจของหลินเซี่ยก็ค่อย ๆ มีเสถียรภาพมาก เนื่องจากได้รับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ดี อีกทั้งยังเป็นร้านขนาดใหญ่ที่พ่วงด้วยบริการครบวงจรของเมืองไห่เฉิง ผู้ที่ต้องการถ่ายรูปแต่งงานต่างก็เดินทางมาที่นี่เพื่อใช้บริการร้านพวกเขาโดยเฉพาะ
อาจกล่าวได้ว่าชื่อเสียงมีความมั่นคงแล้ว
หลินเซี่ยยิ้มให้จางซ่วนและพูดว่า “ซานเหยี่ย ในช่วงเวลาที่ผ่านมาลำบากคุณแล้วนะคะ”
จางซ่วนวางกล้องลงและเริ่มปรับม่าน “หัวหน้าหลิน มันไม่ใช่งานที่หนักหนาสาหัสอะไร แล้วผมก็ไม่ได้ทำงานอย่างไร้ประโยชน์”
เขาไม่เพียงแต่ได้รับเงินเดือนพื้นฐานเท่านั้น ยังได้รับคอมมิชชั่นด้วย ดังนั้นแม้ว่าช่วงนี้งานของเขาจะค่อนข้างยุ่งมาก แต่ทุกงานก็มีค่ามีราคา รายได้ของเขายิ่งเพิ่มมากตามไปด้วย
ในเวลาว่างเขายังสามารถหลบออกไปทำงานส่วนตัวได้อีก
“ตั้งใจถ่ายภาพเข้านะคะ ถ้ามีงานอื่นน่าสนใจเข้ามา ฉันจะพาคุณไปแนะนำให้อีกฝ่ายรู้จัก”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย ดวงตาของจางซ่วนก็ฉายเป็นประกายขณะเอ่ยขอบคุณ “ได้ ขอบคุณครับ”
ตอนที่หลินเซี่ยชักชวนให้เขามาทำงานเป็นช่างภาพประจำร้านเช่าชุดเจ้าสาว เธอให้สัญญาว่าพวกเขาจะขยับขยายกิจการไปสู่อุตสาหกรรมอื่นในเครือเดียวกันในอนาคต ดังนั้นเขาจึงรู้สึกประทับใจ
เธอไม่ได้แค่พูดขายฝันไปลอย ๆ
ทันใดนั้นก็มีลูกค้าแวะเข้ามาเช่าชุดแต่งงานอีก เป็นหญิงสาวที่ตัดสินใจไม่ได้ รอบที่แล้วก็มาเช่นกันแต่ไม่รู้ว่าจะเช่าชุดไหน หลินเซี่ยเข้าไปต้อนรับหล่อนแนะนำให้หล่อนได้พิจารณาชุดแต่งงานหลากหลายสไตล์ตามความชอบส่วนตัว ทั้งยังแนะนำให้เลือกตามอุปนิสัยและรูปร่างของเจ้าตัวเป็นหลัก
คู่แต่งงานใหม่ที่จางซ่วนนัดไว้ทยอยมาถึง หลินเยี่ยนกำลังแต่งหน้าให้เจ้าสาว ส่วนหยางหงเสียก็กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมชุดแต่งงานสำหรับใช้ในการถ่ายรูป
“หู่จือ ลูกอยู่เล่นคนเดียวไปสักพักนะ ช่วงเช้านี้แม่อาจจะยุ่งหน่อย หลังเลิกงานแล้วค่อยไปซื้อขาหมูมากินกัน”
หู่จือพูดว่า “แม่ฮะ แต่ผมไม่อยากกินขาหมู”
หลินเซี่ยยิ้มและพูดว่า “แต่แม่อยากกิน เมื่อคืนแม่ฝันว่าแม่ได้กินขาหมูแสนอร่อย ไว้แม่จะซื้อกับข้าวแสนอร่อยอย่างอื่นให้ลูกแทน ไปรออยู่ตรงมุมห้องแล้วเล่นคนเดียวไปก่อนนะ จำได้ว่าลูกยังมีของเล่นที่ลูกหยิบติดมือมาครั้งล่าสุดด้วยนี่”
หลังจากที่หลินเซี่ยกำชับกับหู่จือแล้วก็เห็นลูกค้าทั้งสองคนเดินเข้ามา เธอลุกขึ้นไปหาพวกเขา อีกฝ่ายขอดูชุดแต่งงาน หลินเซี่ยจึงรีบพาพวกหล่อนไปที่โซนจัดแสดงชุดแต่งงาน
ลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาเป็นแม่และลูกสาว ทำให้ความคิดหัวเก่าและหัวใหม่ขัดแย้งกัน แม่และลูกสาวไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ในเวลาอันสั้น หลังจากโต้เถียงกันอยู่นาน หลินเซี่ยก็ช่วยไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองมาบรรจบกันตรงกลาง สุดท้ายก็เลือกชุดอนุรักษ์นิยมที่มีผ้าคลุมไหล่สีแดง
จากนั้นก็เริ่มแต่งหน้าและทำผม หลินเซี่ยโชว์รูปถ่ายเจ้าสาวที่เลือกทำทรงรวบผมให้พวกเขาดู แม่และลูกสาวโต้เถียงกันเป็นเวลานานเพราะความคิดเห็นที่แตกต่างกันอีกครั้ง แต่โชคดีที่ในที่สุดพวกหลอนก็จ่ายเงินค่ามัดจำ หลินเซี่ยออกใบเสร็จรับเงินให้ ส่งพวกหล่อนออกไปอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะผ่อนลมหายใจออก
แม้จะเหนื่อยนิดหน่อย แต่ก็ยังรู้สึกถึงความสำเร็จ
หลังจากที่หลินเซี่ยทำงานเสร็จ เธอวางแผนจะพาหู่จือไปซื้อขาหมู เพราะเริ่มรู้สึกปากแห้งแล้ว ถ้าฝืนทำงานต่อไปคงหิวจนไส้กิ่ว
“หู่จือ ออกไปซื้อของกันเถอะ” หลินเซี่ยเดินไปตรงมุมที่หู่จือเคยเล่นอยู่คนเดียว แต่ก็ไม่เห็นใครเลย
หลินเซี่ยหันกลับไปถามหลินเยี่ยน
“เสี่ยวเยี่ยน หู่จืออยู่ไหนเหรอ?”
หลินเยี่ยนเพิ่งแต่งหน้าเจ้าสาวเสร็จ ตอนนี้กำลังเตรียมเครื่องประดับศีรษะสำหรับผลัดเปลี่ยนไปสวมชุดที่สอง พูดว่า “เมื่อกี้เขายังอยู่ตรงนี้อยู่เลย ฉันเอาขนมปังมาให้เขา เขาก็นั่งอยู่บนเก้าอี้และกินขนมปังเงียบ ๆ”
หลินเซี่ยรีบค้นหาไปทั่วทุกซอกทุกมุมของร้าน รวมถึงห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่อยู่ข้าง ๆ รวมถึงด้านหลังราวแขวนชุดแต่งงาน
ไร้วี่แวว
หลังม่าน จางซ่วนกำลังถ่ายรูปแต่งงานให้ลูกค้า
หลินเซี่ยเริ่มวิตกกังวล ยกมือเปิดม่านขึ้น แต่ก็ไม่มีวี่แววของหู่จืออยู่ข้างหลังร้านเช่นกัน
หยางหงเสียออกมาจากห้องโดยถือชุดแต่งงานที่เจ้าสาวเพิ่งเปลี่ยนเสร็จ หลินเซี่ยถามคำถามแบบเดิม ปรากฏว่าหยางหงเสียก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน เพราะหล่อนคอยเดินตามเจ้าสาวที่เข้ามาใช้บริการถ่ายรูป จากนั้นก็ช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำผม ไม่ได้สนใจสิ่งอื่นใด
“เขาน่าจะออกไปข้างนอกละมั้ง”
หลินเซี่ยเดินออกจากร้าน ยืนอยู่บนขั้นบันไดเพื่อตะโกนเรียกหู่จือ แต่หลังจากตะโกนเรียกหลายครั้ง กลับไม่มีใครขานรับ
เธอจึงออกไปที่ร้านหลายแห่งที่อยู่ด้านข้างเพื่อตามหาเขา
ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เห็นเด็กเลย
สายตาของหลินเซี่ยจับจ้องมองไปยังร้านขายอาหารที่อยู่ไม่ไกลนักในแนวทแยง
เธอรีบข้ามถนนเข้าไปถามเจ้าของร้านว่ามีเด็กเดินเข้ามาหรือเปล่า
เจ้าของร้านขาหมูรู้จักหลินเซี่ย พวกเขาทั้งหมดทำธุรกิจบนถนนสายเดียวกัน หลินเซี่ยเคยมาที่ร้านเพื่อซื้อขาหมูอยู่บ่อยครั้ง เขาพูดว่า “เถ้าแก่เนี้ยหลิน เด็กคนนั้นเป็นลูกชายคุณเองเหรอ? เขาเพิ่งซื้อของร้านผมไปเมื่อประมาณสิบนาทีที่แล้วนี่เอง พอได้ขาหมูแล้วก็เดินออกไปเลย”
“เขาเพิ่งมาซื้อขาหมูเมื่อสิบนาทีที่แล้วเหรอคะ?”
“ใช่ ดูเหมือนเขาเล่าว่ามาซื้อของให้แม่ คุณฝากเขาข้ามถนนมาซื้อเองใช่ไหมล่ะ? เด็กคนนั้นฉลาดดีจริง ๆ เลือกขาหมูขาใหญ่ที่สุดในร้านกลับไปซะด้วย”
เจ้าของร้านขาหมูถามด้วยความประหลาดใจ “เขากลับไปที่ร้านคุณตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ?”
หลินเซี่ยส่ายหัว “ไม่เลยค่ะ”
เธอรีบออกจากร้านขาหมู หลินเยี่ยนและหยางหงเสียเพิ่งส่งลูกค้าออกไปต่างไล่ตามออกมา หลินเซี่ยจึงถามอย่างกังวลว่า “หู่จือยังไม่กลับไปที่ร้านอีกเหรอ?”
“ไม่เลย พวกเราค้นหาไปทุกที่แล้ว แต่เขาไม่ได้อยู่ในร้าน”
ใบหน้าของหลินเซี่ยซีดเผือดลงทันที เธอรีบโทรหาเซี่ยเหลย ขอให้พวกเขาออกไปเฝ้าที่หน้าประตูร้านอาหารเพื่อดูว่าหู่จือไปที่นั่นหรือเปล่า
จากนั้นเธอก็โทรไปที่ชุมชนบ้านพักทหาร เล่าให้พวกเขาฟังเกี่ยวกับการหายตัวไปของหู่จือ แต่ด้วยกลัวว่าชายชราจะแตกตื่น จึงพยายามทำน้ำเสียงให้ผ่อนคลายที่สุด ขอให้พวกเขาช่วยจับตาดูว่าหู่จือกลับไปที่บ้านหลังนั้นหรือไม่
เฉินเจียเหออยู่ในที่ทำงาน ช่วงนี้เป็นช่วงที่งานของเขายุ่งมากถึงมากที่สุด ไม่ค่อยมีเวลารับสายเรียกเข้าในช่วงเวลาทำงาน แต่หลินเซี่ยยังคงโทรไปที่สำนักงานของโรงงานเขา ขอให้เพื่อนร่วมงานช่วยบอกให้เขาโทรกลับ
จากนั้นพวกเขาก็กระจายตัวออกเป็นหลายกลุ่ม ค้นหาผู้คนตามถนน
เซี่ยเหลยโทรหาเซี่ยไห่และหลินจินซาน บอกพวกเขาว่าหู่จือหายตัวไป พวกเขาจึงรีบออกตามหาเช่นกัน
ในไม่ช้า เฉินเจียซิ่งและเฉินเจียวั่งก็ตามมาสมทบ
“พี่สะใภ้ เกิดอะไรขึ้น?”
ใบหน้าของหลินเซี่ยซีดเผือด กระวนกระวายจนไม่สามารถเรียบเรียงเรื่องราวเป็นประโยคได้ “เรากำลังต้อนรับลูกค้าอยู่ในร้าน ระหว่างนั้นหู่จือวิ่งออกมาตามลำพังเพื่อซื้อขาหมูให้ฉัน จากนั้นเขาก็ไม่กลับมาอีก”
“ซื้อขาหมูเหรอ?”
การแสดงออกของหลินเซี่ยเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด คราวนี้เสียงของเธอเจือสะอื้น “เขาอาจได้ยินฉันพูดแบบไม่ได้ตั้งใจว่าอยากกินขาหมู ดังนั้นเขาเลยแอบวิ่งออกไปซื้อหวังว่าจะนำกลับมาเซอร์ไพรส์ฉัน หลังจากซื้อเสร็จแล้วเขาจะไปที่ไหนได้ ทำไมจู่ ๆ เขาก็หายตัวไปกันนะ?”
ทุกคนค้นหาไปทั่วถนนข้างเคียง แต่ก็กลับมามือเปล่า
หลังจากที่เฉินเจียเหอมาถึงและได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็เคร่งขรึมอย่างยิ่ง ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “โทรแจ้งตำรวจ”
เขาโทรหาถังจวิ้นเฟิง บอกว่าเขาต้องการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยออกตามหาหู่จือ
วันนี้ถังจวิ้นเฟิงได้หยุดพักผ่อน เขากำลังรับประทานอาหารกลางวันกับไล่เสี่ยวอวิ๋นอยู่ใกล้ ๆ ในเวลานี้เมื่อเขาได้ยินว่าหู่จือหายตัวไป เขาก็รีบออกไปเสริมกำลังร่วมกับพวกเขา
ไล่เสี่ยวอวิ๋นไม่สนใจคนอื่น ๆ ติดตามเขาไปไม่ห่าง
ในเวลานี้มีสถานการณ์อื่นที่เร่งด่วนกว่า ไล่เสี่ยวอวิ๋นก็ไม่รู้สึกอับอายต่อให้ต้องเจอหน้ากับเฉินเจียเหอ ด้านเฉินเจียเหอก็เป็นกังวลเกินกว่าจะสนใจมองหล่อน
ความคิดทั้งหมดของเขาคือต้องตามหาเด็กให้เจอ
“เกิดอะไรขึ้น? แยกย้ายกันไปตามหาหรือยัง?” ถังจวิ้นเฟิงถามพวกเขา
หลินเซี่ยพูดว่า “พวกเราออกไปตามหาเขาแล้ว เขาไม่ได้ไปที่บ้านของใคร น่าจะยังอยู่บนถนนสายนี้ ปกติเขาไม่ใช่คนที่วิ่งไปไหนมาไหนโดยพลการ ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนเขาก็จะบอกเราก่อนเสมอ เขาต้องเจอคนไม่ดีมาลักพาตัวไปแน่ ๆ”
เฉินเจียเหอและถังจวิ้นเฟิงหันมองหน้ากันทันทีด้วยสายตาเคร่งขรึม
หลินเซี่ยไม่สามารถทนฝืนเข้มแข็งได้อีกต่อไป
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ไม่นะ ใครลักพาตัวหู่จือไป
ไหหม่า(海馬)
……………………………………