ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 621 แม่แท้ ๆ ของหู่จือปรากฏตัว
ตอนที่ 621 แม่แท้ ๆ ของหู่จือปรากฏตัว
เนื่องจากไม่มีเบาะแสอะไรเลย เฉินเจียเหอกับถังจวิ้นเฟิงจึงคิดว่าแนวทางก่อนหน้านี้ของพวกเขาอาจผิดพลาด เรื่องนี้อาจไม่ใช่ฝีมือแม่แท้ ๆ ของหู่จือ
เฉินเจียเหอกับเซี่ยไห่เริ่มวางแผนใหม่โดยเปลี่ยนไปสืบจากเสิ่นอวี้อิ๋งอีกครั้ง
ตรวจสอบพวกหล่อนอย่างละเอียด
เฉินเจิ้นเจียงโทรมาหาเฉินเจียเหอพอดี เฉินเจียเหอจึงเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง
ขณะที่เขากำลังคุยโทรศัพท์ ถังจวิ้นเฟิงก็กลับไปที่สถานีตำรวจเพื่อแจ้งเรื่องนี้กับเพื่อนร่วมงาน
ถังจวิ้นเฟิงเพิ่งออกมาข้างนอก กำลังจะขี่มอเตอร์ไซค์ จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงผมยุ่งเหยิงหน้าตาซูบเซียวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขา
เมื่อถังจวิ้นเฟิงเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นชัดเจนแล้วก็ต้องตกใจ
“เธอ…” เขามองผู้หญิงคนนั้น ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
จางเหมย แม่แท้ ๆ ของหู่จือ
“คุณตำรวจถัง ฉันเอง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ” หญิงสาวคว้าชายเสื้อของเขาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ถามเสียงแหบแห้ง “ลูกชายฉันหายไปใช่ไหม?”
ถังจวิ้นเฟิงกำลังจะซักถามหล่อน พอหล่อนถามแบบนั้น เขาจึงพูดไม่ออก
“คุณตำรวจถัง เกิดอะไรขึ้น? ฉันอยากเจอเฉินเจียเหอ ลูกฉันหายไปได้ยังไง?”
จางเหมยขอพบเฉินเจียเหอ ถังจวิ้นเฟิงจึงต้องพาหล่อนเข้าไปข้างใน
เฉินเจียเหอเพิ่งคุยโทรศัพท์กับพ่อของเขาเสร็จและกำลังจะออกไปข้างนอก แต่ถังจวิ้นเฟิงย้อนกลับมาเสียก่อน
เมื่อเฉินเจียเหอกับเซี่ยไห่เห็นผู้หญิงที่มากับถังจวิ้นเฟิง พวกเขาก็ทั้งรู้สึกทั้งตกใจและขุ่นเคืองในเวลาเดียวกัน
“คุณเอาหู่จือไปไว้ที่ไหน?” เฉินเจียเหอเห็นหญิงสาวที่โผล่มาต่อหน้าพวกเขาแบบไม่ทันตั้งตัวก็คาดคั้นอย่างไม่พอใจ
สีหน้าของจางเหมยดูอิดโรยซูบเซียวอย่างมาก หล่อนส่ายหน้าปฏิเสธ
“เสี่ยวเฉิน ฉันไม่ได้เป็นคนพาหู่จือไป ฉันยอมรับว่าฉันแอบดูลูกมาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา แต่ฉันรู้ว่าฉันไม่มีหน้ามาเจอพวกเธอและไม่คู่ควรจะเป็นแม่คน พวกเธอก็คงไม่มีทางให้ฉันพาลูกไปอยู่ด้วย ดังนั้น ฉันจึงได้แต่แอบมองเขาอยู่ห่าง ๆ ฉันเห็นว่าพวกเธอเลี้ยงดูเขาได้ดีมาก เห็นเขามีความสุขแบบนั้น ฉันยิ่งไม่กล้าเข้าใกล้เขา แต่ตอนนี้ใกล้จะปีใหม่แล้ว ฉันต้านทานความคิดถึงไม่ไหวจึงแอบมาดูลูกแถวบ้านพวกเธอ เมื่อวานฉันพบว่าพวกเธอทุกคนตามหาหู่จือกันยกใหญ่ ฉันตามหลังพวกเธอไปตามหาทั้งคืนแต่ก็ไม่เจอ ฉันร้อนใจมากจริง ๆ ถึงได้รวบรวมความกล้าออกมา ฉันแค่อยากถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เสียงของจางเหมยแหบแห้ง ดูแล้วยังเหนื่อยล้ากว่าหลินเซี่ยเสียอีก ไม่เหมือนว่ากำลังโกหก
“คุณไม่ได้พาหู่จือไปจริง ๆ?” เฉินเจียเหอถามเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
จางเหมยส่ายหน้าน้ำตาไหลพราก “ไม่ใช่ฉันนะ ไม่ใช่ฉันจริง ๆ ถึงฉันอยากพาเขาไป เขาก็ไม่มีทางตามฉันไปอยู่ดี ฉันแค่แอบดูเขาอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น ฉันไม่ได้พาเขาไป ถ้าฉันพาเขาไปจริงก็คงไม่โผล่หน้ามาหาพวกเธอแล้ว”
เซี่ยไห่มองหล่อนพลางถามเสียงเข้ม “ตอนนี้เธออยู่คนเดียว? ฉันจำได้ว่าพี่ชายจากบ้านแม่พาเธอกลับไปและให้เธอแต่งงานใหม่แล้วนี่”
จางเหมยได้ยินคำพูดของเซี่ยไห่ก็มีสีหน้าขมขื่น
“ตอนนั้นฉันหน้ามืดตามัว ฟังคำพูดของพี่ชายตัวเอง คิดว่าตัวเองยังสาว ถ้ามีลูกติดคงใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้ จึงนำลูกมาทิ้งไว้กับพวกเธอแล้วแต่งงานเริ่มต้นชีวิตใหม่”
หลินเซี่ยมองใบหน้าซูบโทรมของจางเหมยขณะฟังคำพูดของอีกฝ่าย ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน ได้ยินคำพูดของหล่อนแล้วก็พอเข้าใจได้
หญิงสาววัยยี่สิบกว่าคนหนึ่งต้องสูญเสียสามีไป หล่อนเลี้ยงลูกตัวคนเดียวย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย จะมีความคิดอยากแต่งงานใหม่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
“อาจเป็นเพราะฉันทำผิด สวรรค์จึงไม่ยอมให้ฉันสมหวัง ฉันแต่งงานไปสามปีแต่กลับไม่มีลูกเสียที ไปหาหมอที่ไหนก็ไร้ผล คุณหมอก็วินิจฉัยไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ สุดท้ายสามีก็หย่าฉัน หลังทำเรื่องหย่าเสร็จปลายปีที่แล้ว ฉันก็กลับมาที่เมืองไห่เฉิง ได้งานล้างจานในร้านอาหารแห่งหนึ่ง แบบนี้จะได้อยู่ใกล้ลูกหน่อย”
จางเหมยอธิบายจบก็ปาดน้ำตาร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด
หลินเซี่ยส่งกระดาษทิชชู่ให้หล่อน
เฉินเจียเหอกับเซี่ยไห่ฟังคำพูดของจางเหมยแล้วก็รู้สึกสิ้นหวัง
เมื่อวานที่หู่จือหายตัวไป แม้ทั้งคู่จะร้อนใจ แต่ก็ไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัยของเด็กน้อยมากนัก พวกเขาคิดว่าแม่แท้ ๆ ของหู่จือพาตัวไป อย่างน้อยในด้านความปลอดภัยก็น่าจะไม่มีปัญหา
แต่ตอนนี้ หญิงสาวคนนี้ก็โผล่หน้าออกมา บอกว่าหล่อนไม่ได้พาหู่จือไป
ถ้าอย่างนั้น ใครลักพาตัวหู่จือไปกันแน่?
ร่างกายสูงใหญ่ของเฉินเจียเหอเริ่มยืนไม่ติดที่ ความหวาดหวั่นยึดครองจิตใจ
เขาสบตากับหลินเซี่ย แสดงออกว่าเห็นด้วยกับการคาดเดาของหลินเซี่ยแล้ว
การหายตัวไปของหู่จือเป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็นฝีมือของคนเสียสติตระกูลเสิ่นสองคนนั้น
สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างมาก ถังจวิ้นเฟิงรีบกลับไปประชุมกับเพื่อนร่วมงานที่สถานีตำรวจเพื่อปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการตามหาคน
ส่วนเฉินเจียเหอกลับไปที่บ้านตระกูลเฉิน เข้าพบเส้นสายของคุณปู่ ขอให้นักสืบช่วยตามหาร่องรอยอีกแรง
เขาบอกให้เซี่ยไห่กับลู่เจิ้งอวี่ส่งจางเหมยกลับไปก่อน จากนั้นก็ไปส่งหลินเซี่ยที่บ้านตระกูลเซี่ย เขาจะได้ออกไปตามหาคนข้างนอกอย่างวางใจ
จางเหมยร้องไห้ตลอดเวลา พอหล่อนร้องไห้ สีหน้าของหลินเซี่ยยิ่งซีดลงกว่าเดิม เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของจางเหมยย้ำเตือนหลินเซี่ยว่าเธอทำลูกคนอื่นหาย
จางเหมยร้องไห้จนเซี่ยไห่รำคาญใจ เขาทิ้งช่องทางติดต่อให้แก่จางเหมยแล้วบอกให้หล่อนกลับไปรอข่าวที่บ้าน
ยิ่งหล่อนร้องไห้ก็ยิ่งวุ่นวาย
สภาพจิตใจของหลานสาวเขาย่ำแย่อยู่เป็นทุนเดิม ถ้ายังร้องไห้แบบนี้ต่อไป อีกสักพัก หลินเซี่ยคงได้ร้องไห้ตามพอดี
ในที่สุด เซี่ยไห่ก็จัดการส่งจางเหมยกลับไปได้สำเร็จ
ตอนนี้ จิตใจของหลินเซี่ยว้าวุ่นถึงขีดสุด รอต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอแน่ใจว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของสามคนนั้น
เธอยกหูโทรศัพท์ขึ้นโทรหาเซี่ยหลาน
“แม่ ฉันเองค่ะ หลินเซี่ย” เธอพูดเข้าประเด็นทันที “เสิ่นอวี้อิ๋งอยู่กับแม่หรือเปล่า?”
เซี่ยหลานได้ยินเสียงหลินเซี่ย ตอนแรกว่าจะถามเรื่องหู่จือ แต่หลินเซี่ยเจาะจงถามหาเสิ่นอวี้อิ๋ง สีหน้าของเซี่ยหลานจึงแข็งทื่อไปเล็กน้อย ถามว่า “เซี่ยเซี่ย เธอถามหาอวี้อิ๋งมีเรื่องอะไรหรือ?”
“แม่ ถ้าหล่อนอยู่ด้วยก็ส่งโทรศัพท์ให้หล่อนหน่อย ฉันจะคุยกับหล่อนสักคำ”
เซี่ยหลานไม่อยากให้ลูกสาวทั้งสองทะเลาะกันอีก หล่อนพยายามไกล่เกลี่ย “เซี่ยเซี่ย มีอะไรคุยกับแม่ได้นะ”
หลินเซี่ยพูดว่า “ได้ แม่ ถ้าเสิ่นอวี้อิ๋งอยู่ข้าง ๆ ก็เปิดเสียงดัง ๆ ดีที่สุดคือให้หล่อนได้ยินคำพูดของฉันด้วยหูตัวเอง”
หลินเซี่ยเอ่ยเสียงกร้าว “เสิ่นอวี้อิ๋ง ฟังฉันให้ดี ถ้าเธอเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องที่หู่จือลูกชายของฉันหายตัวไป ฉันจะให้เวลาเธอสองชั่วโมง พาตัวเขากลับมาหาฉัน ไม่อย่างนั้น ฉันจะตรงไปอุ้มเสิ่นเสี่ยวอวี้ลูกสาวของเธอออกมาจากสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้ามาเรีย ฉันจะส่งเด็กให้เจิ้งต้าหมิงกับหลิวจื้อหมิง ให้พวกเขาได้เจอลูกสาว ฉันจะทำให้เธอชื่อเสียงป่นปี้ ถูกตราหน้าว่าเป็นนางแพศยาที่มีลูกทั้งที่ไม่ได้แต่งงาน ลืมตาอ้าปากไม่ได้ไปตลอดชีวิต เธออยากเข้าวงการบันเทิงนักไม่ใช่เหรอ? ได้ ฉันจะให้เธอกระเตงลูกสาวเข้าวงการไปด้วย”
เสิ่นอวี้อิ๋งกำลังเขียนคิ้วอยู่ ได้ยินเสียงหลินเซี่ยทางโทรศัพท์ มือที่กำลังเขียนคิ้วสั่นเทิ้มจนดินสอเขียนคิ้วตกลงบนพื้น
หลินเซี่ยเอ่ยเสียงดังฟังชัด “จำไว้ เธอมีเวลาแค่สองชั่วโมงเท่านั้น”
หลังวางสาย หลินเซี่ยก็พูดกับเซี่ยไห่ว่า “อารอง พาฉันไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเรียที”
เธอรู้ดีว่าแค่คำขู่ปากเปล่า เสิ่นอวี้อิ๋งคงไม่สะทกสะท้าน เธอต้องพูดจริงทำจริง
เพื่อไม่ให้เสิ่นอวี้อิ๋งพาลูกสาวไปที่อื่นเสียก่อน เธอต้องรีบไปรับตัวเด็กมาตั้งแต่ตอนนี้
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คนแบบอวี้อิ๋งมันต้องใช้ยาแรง ไม่งั้นก็บิดพลิ้วไปเรื่อย
ขอให้สืบได้นะคะว่าใครลักพาตัวหู่จือไป
ไหหม่า(海馬)
……………………………………