ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 624 ลอบฆ่าเสิ่นอวี้หลง
ตอนที่ 624 ลอบฆ่าเสิ่นอวี้หลง
เสิ่นอวี้อิ๋งต้องการกำจัดหลินเซี่ย แต่หล่อนจะไม่มีวันโจมตีศัตรูหนึ่งพันโดยที่ตัวเองสูญเสียกำลังพลไปแปดร้อย
ครั้งนี้หล่อนต้องการยืมดาบฆ่าคน ไม่คาดคิดเลยว่าสุดท้ายแล้วหล่อนจะเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บเสียเอง
“จะน่ากลัวสักแค่ไหนกันเชียว เซี่ยหลานต้องเป็นคนเล่าเรื่องพวกนี้ให้หล่อนฟังแน่ ไม่งั้นหล่อนหรือจะมีปัญญาเอาจุดอ่อนมาทำลายอนาคตเธอ?” เสิ่นเสี่ยวเหมยมองเสิ่นอวี้อิ๋งด้วยท่าทางแปลก ๆ “เซี่ยหลานไม่เคยถือว่าเธอเป็นลูกสาวแท้ ๆ ด้วยซ้ำ ตรงข้ามหล่อนยังดูถูกเธอจากก้นบึ้งหัวใจ เอาเวลาไปสานสัมพันธไมตรีกับลูกสาวบุญธรรมแทน”
คำพูดของเสิ่นเสี่ยวเหมยยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดของเสิ่นอวี้อิ๋ง
ใช่แล้ว ข้อมูลที่หลินเซี่ยรู้มา คนที่เปิดเผยจะต้องเป็นเซี่ยหลานไม่ผิดแน่
เซี่ยหลานไม่เคยถือว่าหล่อนเป็นลูกสาวแท้ ๆ เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ดวงตาของเสิ่นอวี้อิ๋งก็ฉายแววเย็นชาขึ้นมา
เซี่ยหลานมีเพียงเสิ่นอวี้หลงและหลินเซี่ยเท่านั้นที่อยู่ในใจ แล้วหล่อนล่ะอยู่ตรงไหน?
เกรงว่าเซี่ยหลานอาจกำลังฆ่าหล่อนทางอ้อม
เสิ่นอวี้อิ๋งเริ่มเกลียดเซี่ยหลานจากก้นบึ้งของหัวใจ
ถังหลิงมองดูพวกหล่อน พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ฟังนะ พรุ่งนี้เราจะออกจากไห่เฉิง และไปที่ปินเฉิงเพื่อปักหลักตั้งตัวกันก่อน ฉันมีเพื่อนอยู่ที่นั่นที่ทำงานในห้องเต้นรำ ด้วยคุณสมบัติของเรา เราไปที่นั่นเพื่อพัฒนาทางด้านอาชีพได้อย่างไม่มีปัญหา เปลี่ยนชื่อแซ่ซะแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ ฉันคิดว่าสังคมนี้ช่างไม่ยุติธรรมกับผู้หญิงอย่างเรา เราจะต้องหาสามีรวย ๆ ในอนาคตจะได้มีเงินใช้สอยไม่ขาดมือ อยากทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ”
ถังหลิงผจญอะไรมามากมายในไห่เฉิง ที่จริงหล่อนรู้สึกไม่เต็มใจที่จะทำแบบนั้น แต่เนื่องจากหลินเซี่ยเริ่มสงสัยว่าการหายตัวไปของหู่จือนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเสิ่นอวี้อิ๋ง ไม่ช้าก็เร็วจะถูกค้นพบ ดังนั้นพวกหล่อนต้องจากไปโดยเร็วที่สุด
เสิ่นอวี้อิ๋งได้ยินถังหลิงบอกว่าจะไปทำงานในห้องเต้นรำ หล่อนก็เริ่มลังเลนิดหน่อย
ได้ยินถังหลิงพูดก่อนหน้านี้ ว่าเพื่อนของหล่อนทำงานเป็นนักเต้นในห้องเต้นรำ
ในเวลานั้นถังหลิงยังเหยียดงานของเพื่อนคนนั้นอยู่เลย
ไม่ยึกเลยว่าสักวันพวกตนต้องระเห็จไปพึ่งพาหล่อนตอนนี้
นั่นจะเป็น… งานใหม่ของพวกหล่อนสามคนด้วยงั้นเหรอ?
หล่อนกลัวว่าหากตัวเองทำงานแบบนั้น อีกหน่อยคงไม่พ้นแปดเปื้อนมลทินแน่
เสิ่นเสี่ยวเหมยก็ลังเลเช่นกัน ถึงอย่างไรลุงของหล่อนก็เคยเป็นถึงข้าราชการที่เกษียณอายุราชการแล้ว เขาคอยอบรมสั่งสอนให้หล่อนรักและเย่อหยิ่งในเกียรติของตัวเองตลอดมา ดังนั้นหล่อนจึงถือในศักดิ์ศรีของตัวเองมาก
ถ้าคนอย่างหล่อนต้องลดตัวลงไปทำงานในห้องเต้นรำ หล่อนอาจไม่สามารถเอาชนะอุปสรรคทางจิตของตัวเองได้
ถังหลิงเป็นคนประเภทที่เข้าใจความคิดของผู้คนได้ดี รู้ว่าในใจของเสิ่นเสี่ยวเหมยกำลังดิ้นรนต่อสู้กับอะไรอยู่ ดังนั้นจึงจับมือหล่อนไว้ และบอกว่าเมื่อไปถึงที่นั่น หล่อนสามารถจัดหางานตามความต้องการของหล่อนได้ เพื่อจะได้ไม่มีภาระทางจิตใจใด ๆ เสิ่นเสี่ยวเหมยอาจได้ทำงานด้านการบัญชี ดังนั้นหล่อนจะลองแนะนำให้เจ้านายดูว่าเขาสามารถช่วยรับหล่อนเข้าทำงานฝ่ายดังกล่าวได้ไหม
เสิ่นเสี่ยวเหมยรู้สึกโล่งใจเมื่อถังหลิงพูดแบบนี้
หล่อนไปทำงานบัญชีของร้านก็ได้
ถังหลิงรู้ข้อกังวลของเสิ่นอวี้อิ๋งเช่นกัน ดังนั้นหล่อนจึงเอ่ยเกลี้ยกล่อม โดยบอกว่ามีอุตสาหกรรมบันเทิงมากมายในปินเฉิง บุคคลสำคัญมากมายล้วนแวะเวียนไปสังสรรค์ที่ห้องเต้นรำ สิ่งที่เสิ่นอวี้อิ๋งขาดในตอนนี้คือโอกาส เมื่อไปถึงที่นั่น ก็แค่เข้าไปฝากเนื้อฝากตัวกับผู้จัดการล่วงหน้า ถ้ามีบุคคลระดับแนวหน้าในวงการบันเทิงปรากฏตัว เขาจะได้รีบแนะนำหล่อนให้รู้จัก ทองย่อมส่องประกายวาววับอยู่เสมอ ถึงเวลาเดี๋ยวเสิ่นอวี้อิ๋งก็คว้าโอกาสไว้ได้เอง
เสิ่นอวี้อิ๋งและเสิ่นเสี่ยวเหมยมั่นใจอย่างยิ่งกับแรงจูงใจอันเฉียบคมของถังหลิง ในที่สุดพวกหล่อนก็ตกลงที่จะจากไปพร้อมกับถังหลิงในวันพรุ่งนี้
ตอนนี้เสิ่นอวี้อิ๋งตัดสินใจแล้ว หล่อนยังเหลืออีกแผนการหนึ่งในใจ
หล่อนหรี่ตาลงเล็กน้อย มองไปที่ถังหลิงแล้วถามว่า “ตอนนี้หู่จืออยู่ที่ไหนแล้ว? เราต้องไปตามหาเจิ้งต้าเฉิง เพราะถ้ามันไม่ได้ผลขึ้นมาจริง ๆ คนพวกนั้นก็ไม่ควรได้หลักฐานใด ๆ ไปว่าพวกเราเป็นคนลงมือ”
ถังหลิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง เงาสีดำฉายวาบเข้ามาในดวงตา พยักหน้า “ได้ ไว้ฉันจะติดต่อเขา”
ถังหลิงส่งเพจเจอร์ไปให้เจิ้งต้าเฉิง แต่เจิ้งต้าเฉิงไม่มีวี่แววว่าจะตอบกลับ
หลังรุ่งสาง เสิ่นอวี้อิ๋งเริ่มโกรธมากขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ วันนี้หล่อนจะหนีไปจากไห่เฉิงพร้อมกับถังหลิงและเสิ่นเสี่ยวเหมย ดังนั้นหล่อนจึงมีบางอย่างที่ต้องทำก่อนออกเดินทาง
“พี่หลิง ฉันจำได้ว่าพี่เหมือนจะมีของดีอยู่ในมือใช่ไหม?”
ถังหลิงมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมากมายตามรายทางในการไต่เต้า เป็นธรรมดาที่จะได้ของแปลก ๆ ติดมือมาอยู่เสมอ อย่างเช่นสิ่งที่เสิ่นเสี่ยวเหมยเทลงในแก้วไวน์ของเฉินเจียซิ่งเมื่อครั้งที่แล้ว…
…
หล่อนตื่นนอนแต่เช้ามืด ออกไปที่บ้านและคลินิกของหมอเย่เพื่อเยี่ยมเสิ่นอวี้หลง
เมื่อหล่อนไปถึง เอ้อร์เลิ่งก็เพิ่งเปิดประตู เสิ่นอวี้อิ๋งรู้จักเอ้อร์เลิ่งดี รู้ว่าผู้ชายคนนี้มีปัญหาทางจิต หล่อนถามหาผู้เฒ่าเซี่ยและหมอแผนจีนเย่ว่าพวกเขาอยู่ที่บ้านหรือไม่ เอ้อร์เลิ่งบอกว่าพวกเขาไปออกกำลังกายกันสักพักแล้ว
เสิ่นอวี้อิ๋งบอกกับเขาว่า “ฉันมาเยี่ยมน้องชายฉัน”
เอ้อร์เลิ่งทำเสียงฮึดฮัด แต่ก็ยอมปล่อยให้หล่อนเข้าไป
แม้ว่าอาการของเอ้อร์เลิ่งจะฟื้นตัวได้ดี แต่ปฏิกิริยาของเขายังคงเชื่องช้าอยู่เสมอ ตอนที่เสิ่นอวี้อิ๋งเข้ามา เขาจดจำได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร และยังจำสิ่งที่หลินเซี่ยกำชับกับเขาได้ดี เมื่อใดก็ตามที่เสิ่นอวี้อิ๋งมาหาเสิ่นอวี้หลงเพียงลำพัง หล่อนไม่มีทางทำเรื่องดีแน่นอน เขาต้องระวังอย่าปล่อยให้หล่อนอยู่ตามลำพังกับเสิ่นอวี้หลงเด็ดขาด
เดิมทีเอ้อร์เลิ่งต้องการเดินตามหล่อนเข้าไป แต่เมื่อเห็นว่าเสิ่นอวี้อิ๋งปิดประตู จิตใจของเอ้อร์เลิ่งก็ตอบสนองไปในทิศทางอื่น เขาย่อตัวอยู่ที่หน้าต่าง ยืนอยู่ด้านนอกและสอดส่องมองเข้าไปข้างใน
หลังจากนั้น เขาเห็นเสิ่นอวี้อิ๋งยืนอยู่ตรงข้างเตียง จ้องมองเสิ่นอวี้หลงบนเตียงโดยไม่พูดอะไรสักคำ
แผ่นหลังของหล่อนหันเข้าหาหน้าต่าง ทำให้เอ้อร์เลิ่งมองไม่เห็นสีหน้าของหล่อน ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่จ้องมองแผ่นหลังของหล่อนต่อไป
เป็นเวลานานทีเดียวที่เสิ่นอวี้อิ๋งมองไปยังคนบนเตียงผู้ป่วย ก่อนจะพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เสิ่นอวี้หลง นายรู้ไหมว่าฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของนาย? รู้ไหมว่าตระกูลเสิ่นถูกทำให้พินาศย่อยยับเพราะหลินเซี่ย พ่อนายโดนจับเข้าคุก ปู่นายก็ตรอมใจล้มป่วยติดเตียง แต่แล้วเซี่ยหลานล่ะ? หล่อนยังลงเรือลำเดียวกันกับหลินเซี่ยอยู่เลย หล่อนเข้าข้างนังสารเลวหลินเซี่ยเพื่อจัดการกับฉัน ต้องการฆ่าฉันให้ตายไปข้าง หล่อนมีแค่นายกับหลินเซี่ยเท่านั้นที่อยู่ในใจ ไม่เคยปฏิบัติต่อฉันเหมือนเป็นลูกแท้ ๆ ของหล่อนเลย ฉันได้รับความทนทุกข์ทรมานอย่างมากจากหล่อน นายรู้บ้างไหม?”
พูดจบ หล่อนก็หยิบของออกจากกระเป๋า มองไปทางประตูอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นว่าบานประตูปิดสนิท ไม่มีเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จากภายนอก หล่อนก็รีบเทผงที่อยู่ในขวดสีขาวลงไปในขวดอาหารเหลวซึ่งต่อสายป้อนให้เสิ่นอวี้หลงผ่านทางปาก
สีหน้าอันน่ากลัวผ่านลามไปยังมุมปากของเสิ่นอวี้อิ๋ง “อย่าตำหนิฉันเลย ถ้านายอยากตำหนิใครสักคน… ก็ไปตำหนิเซี่ยหลานกับหลินเซี่ยเถอะ”
เสิ่นอวี้อิ๋งรีบจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ให้เสร็จอย่างรวดเร็ว ปรับโต๊ะข้างเตียงให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิม แล้วหันหลังกลับเพื่อจากไป
ทันทีที่เธอออกมาถึงประตู เอ้อร์เลิ่งก็คว้าแขนหล่อนไว้อย่างแน่นหนา
“อย่าเพิ่งไป เมื่อกี้เธอใส่อะไรลงไปในอาหารเหลวของอวี้หลง?”
“นายมองผิดแล้ว ฉันไม่ได้หยิบจับอะไรเลย ฉันแค่มาเยี่ยมน้องชาย”
เสิ่นอวี้อิ๋งจำได้ว่าเขาเป็นคนโง่เสียสติ ไม่คาดคิดว่าอาการทางสมองของเขาจะทุเลาลง
“ฉันเห็นทุกอย่างแล้ว” เอ้อร์เลิ่งจับหล่อนด้วยมือข้างหนึ่ง ขยับเข้าไปดึงสายอาหารออกอย่างรวดเร็วด้วยอีกมือหนึ่ง จากนั้นก็เปล่งเสียงตะโกนโดยที่ไม่ปล่อยมือให้เสิ่นอวี้อิ๋งหลบหนี
บังเอิญว่าหมอแผนจีนเย่และผู้เฒ่าเซี่ยกลับมาจากการออกกำลังกายพอดี
เมื่อเห็นเอ้อร์เลิ่งจับแขนของเสิ่นอวี้อิ๋งไว้พลางทำหน้าตาเหมือนไร้ความอดทน แวบแรกพวกเขาก็นึกว่าอาการป่วยทางจิตของเอ้อร์เลิ่งกำลังจะกำเริบอีกครั้ง
“เอ้อร์เลิ่ง เกิดอะไรขึ้น?”
“ลุงเซี่ยครับ ผู้หญิงคนนี้เอานมผงมาให้เสิ่นอวี้หลง แถมยังโรยผงอะไรบางอย่างลงไปก่อนจะต่อสายป้อนให้อวี้หลงกิน ดูเหมือนจะลงคออวี้หลงไปส่วนหนึ่งแล้ว รีบไปดูเขาเร็วเข้า”
“อวี้อิ๋ง เธอใส่อะไรลงไป?” ผู้เฒ่าเซี่ยถาม
เสิ่นอวี้อิ๋งไม่มีทางยอมรับแน่นอนอยู่แล้ว หล่อนแสร้งร้องไห้บีบน้ำตาพลางอธิบายว่า “ฉันแค่มาเยี่ยมอวี้หลงค่ะ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย”
หลังจากที่สภาพจิตใจของเอ้อร์เลิ่งฟื้นฟูกลับมา เขาก็ไม่ใช่คนโง่อีกต่อไป เมื่อกี้เขาเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจน เขาต่อว่า “ยังมีของเหลืออยู่ในสาย หมอเย่เข้าไปตรวจสอบดูเดี๋ยวก็รู้เอง”
ดวงตาของเสิ่นอวี้อิ๋งเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก มองเอ้อร์เลิ่งอย่างดุร้ายด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว เจ้าโง่คนนี้กลายเป็นคนสติดีตั้งแต่เมื่อใด?
ก่อนหน้านี้เหมือนเซี่ยหลานเคยเล่าว่าเอ้อร์เลิ่งมีอาการป่วยทางจิต สติปัญญาไม่เต็มบาท ดังนั้นหล่อนจึงลดความระมัดระวังลง
หมอเย่รีบพรวดพราดเข้าไปในห้องของเสิ่นอวี้หลง เสิ่นอวี้อิ๋งยิ่งกระวนกระวายเข้าไปใหญ่ ก้มหน้าลงและกัดมือของเอ้อร์เลิ่งอย่างแรง
เอ้อร์เลิ่งเจ็บปวดจนเผลอคลายมือออก เสิ่นอวี้อิ๋งจึงถือโอกาสหลบหนี แต่เอ้อร์เลิ่งรีบวิ่งตามจนทัน คว้าคอเสื้อด้านหลังของหล่อนไว้
เขามีพละกำลังแข็งแกร่งมาก ต่อให้เสิ่นอวี้อิ๋งกระเสือกกระสนแค่ไหนก็สู้แรงเขาไม่ได้
ทันใดนั้น ชายแปลกหน้าสองคนก็รีบวิ่งเข้ามา
“พวกนายเป็นใครกัน? อย่าคิดแม้แต่จะพาตัวผู้หญิงคนนี้ไปไหนทั้งนั้น”
เอ้อร์เลิ่งจับตัวเสิ่นอวี้อิ๋งไว้แน่น ทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้ตามที่ต้องการ
เขารู้แค่ว่าผู้หญิงคนนี้พยายามจะทำร้ายเสิ่นอวี้หลง ดังนั้นเขาจะต้องแจ้งให้เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยมาตรวจสอบ
“พวกเราเป็นพวกเดียวกันกับเฉินเจียเหอ” ชายชุดดำคนหนึ่งกล่าว
เอ้อร์เลิ่งไม่เชื่อคนง่าย ๆ เขาบอกว่ามีแค่เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยเท่านั้นที่มีสิทธิ์มาพาตัวผู้หญิงคนนี้ไป
เอ้อร์เลิ่งจับตัวเสิ่นอวี้อิ๋งไว้อย่างมั่นคง ไม่ว่าเสิ่นอวี้อิ๋งจะอธิบาย ร้องไห้ หรืออ้อนวอนขอร้องอย่างไร เขาก็ไม่มีทางปล่อยหล่อนไป
ชายชุดดำหยิบโทรศัพท์มากดโทรออก ในไม่ช้าเฉินเจียเหอและคนอื่น ๆ ก็มาถึง
“ต้าเหอ พี่สะใภ้ ผู้หญิงคนนี้เอายาบางอย่างใส่ลงในอาหารที่อวี้หลงกิน”
“เอ้อร์เลิ่ง นายทำงานได้ดีมาก ตำรวจจะมาที่นี่เร็ว ๆ นี้”
เฉินเจียเหอโทรแจ้งตำรวจ เซี่ยหลานก็ถูกผู้เฒ่าเซี่ยเรียกตัวมาเช่นกัน
เสิ่นอวี้อิ๋งน้ำตาไหลพราก ถึงขั้นนี้แล้วก็ยังปฏิเสธที่จะยอมรับว่าตัวเองใส่อะไรลงไปในอาหารเหลวที่ป้อนให้เสิ่นอวี้หลง
เซี่ยหลานไม่สนใจสิ่งอื่นใด วิ่งเข้าไปหาเสิ่นอวี้หลงก่อนเป็นอย่างแรก หมอแผนจีนเย่เพิ่งจับชีพจรเสร็จ ดึงสายป้อนอาหารออกมาได้ทันเวลา ทำให้อาหารเหลวที่อยู่ในถุงต้นทางไม่ทันไหลเข้าสู่ร่างกายเขา
เซี่ยหลานรู้สึกโล่งใจมากเมื่อได้ยินว่าเสิ่นอวี้หลงปลอดภัยดี
หล่อนมองไปที่เสิ่นอวี้อิ๋งด้วยสีหน้าเศร้าโศก เหวี่ยงฝ่ามือตบหน้าหล่อนอย่างแรง แล้วหันไปพูดกับตำรวจว่า “เชิญนำตัวหล่อนไปลงโทษตามกฎหมายได้เลยค่ะ”
ในไม่ช้าตำรวจก็นำหลักฐานออกมา แจ้งว่าจะนำไปตรวจพิสูจน์ ขณะที่เสิ่นอวี้อิ๋งก็ถูกเจ้าหน้าที่พาตัวไปเช่นกัน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ทำดีมากค่ะเอ้อร์เลิ่ง นังอวี้อิ๋ง เชิญเธอไปกินข้าวแดงในคุกซะเถอะ
ไหหม่า(海馬)