ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 628 จุดประสงค์ของแม่หู่จือ
ตอนที่ 628 จุดประสงค์ของแม่หู่จือ
หลังจากที่หู่จือเสร็จสิ้นการบันทึกปากคำ เฉินเจียเหอก็กอดและจูบหน้าผากของเขา ดวงตาเปียกชื้น “เจ้าลูกชาย ลูกเก่งมาก”
เฉินเจียเหอกอดหู่จือไว้แนบอก พูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “ขอโทษจริง ๆ ที่พวกเราปกป้องลูกไว้ไม่ได้”
“พ่อ อย่าขอโทษผมเลย คนที่ผิดคือผมเอง” หู่จือก้มหน้าลงและยอมรับความผิดพลาด “จากนี้ไปผมจะไม่ออกไปซื้อของคนเดียวอีกแล้ว”
หู่จือยังเสียใจไม่หายที่วันนั้นเขาตัดสินใจออกไปซื้อขาหมูเพียงลำพัง แม่ของเขาพร่ำเตือนทุกวันว่าข้างนอกมีคนไม่ดีมากมาย แต่เขากลับไม่เชื่อฟังเธอ
“มาเถอะ กลับบ้านกัน ตอนนี้แม่ของลูกเป็นห่วงแย่แล้ว”
จากนั้นเฉินเจียเหอก็หันไปพูดกับเซี่ยไห่ “ขอยืมโทรศัพท์หน่อย”
เขารีบโทรหาหลินเซี่ยเพื่อรายงานว่าลูกชายปลอดภัยแล้ว
หลินเซี่ยข่มตานอนไม่หลับตลอดทั้งคืน ส่วนร้านอาหารของเซี่ยเหลยก็ไม่เปิดตามปกติเช่นกัน ตอนนี้ทุกคนนั่งอยู่ด้วยกันเพื่อรอฟังข่าวเป็นเพื่อนหลินเซี่ย
ครั้นได้ยินจากเฉินเจียเหอว่ามีคนเจอหู่จือแล้ว อีกทั้งหู่จือก็ส่งเสียงทักทายแม่ผ่านทางโทรศัพท์ ทันใดนั้นหลินเซี่ยก็หลั่งน้ำตาด้วยความตื่นเต้น
ทุกคนที่รออยู่ในห้องต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกไปตาม ๆ กัน
“ขอบคุณเทวดาฟ้าดิน ในที่สุดก็เจอตัวหลานชายของฉันแล้ว”
“พวกเราไปขึ้นรถกันเถอะ” เฉินเจียเหอบอกกับคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ “เซี่ยเซี่ย คุณไปนอนสักงีบ หรือกินอะไรรองท้องสักอย่างเถอะ เย็นนี้คุณจะได้เจอลูกชายแล้ว”
“ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”
หลินเซี่ยโทรไปที่บ้านตระกูลเฉินอย่างรวดเร็วเพื่อบอกข่าวดีแก่พวกเขา
ทันใดนั้นหัวใจของทั้งสองครอบครัวก็กลับมาปลอดโปร่งอีกครั้ง
หลิวกุ้ยอิงรีบไปทำกับข้าวมาให้หลินเซี่ย
หล่อนทำบะหมี่ง่าย ๆ หนึ่งชามพร้อมกับเครื่องเคียง “เซี่ยเซี่ย มากินอะไรหน่อยเถอะ ลูกไม่ได้กินข้าวอิ่มท้องมาหลายวันแล้ว”
หลินเซี่ยมองไปยังอาหารที่หลิวกุ้ยอิงยกมาให้ ในขณะนี้เธอรู้สึกหิวจริง ๆ
“ค่ะ ฉันจะกินเดี๋ยวนี้” หลินเซี่ยหยิบตะเกียบแล้วมองไปที่หลิวกุ้ยอิง พูดอย่างจริงใจว่า “แม่ ช่วงนี้ลำบากแม่แล้วสินะคะ”
“แม่เป็นแม่ของลูก ทำไมจะทำเรื่องแบบนี้ให้ไม่ได้”
ผู้เฒ่าทั้งสองคนของตระกูลเฉิน เฉินเจิ้นเจียง และคนอื่น ๆ ก็มาที่บ้านตระกูลเซี่ยเช่นกัน ทุกคนต้องการมาอยู่รอจนกว่าเฉินเจียเหอและคนอื่น ๆ จะพาหู่จือกลับมา
ช่วงบ่าย แม่ผู้ให้กำเนิดของหู่จือก็กลับมาอีกครั้ง
จางเหมยเทียวมาถามข่าววันละครั้ง ดวงตาของหล่อนแดงบวมช้ำจากการร้องไห้ ผมเผ้ายุ่งเหยิง สภาพดูโทรมมาก
ตอนที่มาถึงเมื่อวานนี้ เนื่องจากอยู่ในภาวะอารมณ์อ่อนไหว หล่อนจึงค่อนข้างพูดจาอาละวาดหยาบคายกับหลินเซี่ย กล่าวโทษหลินเซี่ยที่ไม่มีปัญญาปกป้องความปลอดภัยของหู่จือ ล้มเหลวในการปฏิบัติตามความรับผิดชอบในฐานะแม่
หลินเซี่ยรู้สึกหดหู่ใจมาก เดิมทีก็โทษตัวเองพออยู่แล้ว เธอจึงไม่ได้หักล้างความผิดที่จางเหมยกล่าวหา
แต่ครอบครัวของเธอกลับทนฟังไม่ไหว เฉินเจียวั่งดุจางเหมยไปยกใหญ่และไล่หล่อนออกจากบ้านไป
คนอื่น ๆ อาจไม่รู้พฤติกรรมของจางเหมย แต่เขานั้นเข้าใจดีกว่าใคร ๆ
หลินเซี่ยอาจผิดก็จริง แต่นั่นเป็นเพียงความประมาทเลินเล่อ ไม่ใช่ปล่อยหายโดยตั้งใจ
จางเหมยถูกเฉินเจียวั่งและเฉินเจียซิ่งไล่ตะเพิดออกไป ไม่คาดคิดว่าวันนี้หล่อนจะกล้ากลับมาอีก
ในเวลานี้ ทุกคนในตระกูลเฉินและตระกูลเซี่ยต่างอยู่ที่นั่นกับครบ ต่างดื่มด่ำไปกับความสุขที่ได้เจอกับหู่จือ นับเวลาถอยหลังอย่างกระตือรือร้น รอคอยการกลับมาของพวกเขา
มีเสียงคนเคาะประตู หลินเยี่ยนเป็นคนเดินไปเปิด
เมื่อหลินเยี่ยนเห็นว่าอีกฝ่ายคือจางเหมย สีหน้าอารมณ์ดีแต่เดิมก็เปลี่ยนไป ที่จริงไม่ต้องการให้หล่อนเข้ามา แต่จางเหมยกลับแทรกตัวเข้ามาโดยพลการ
หลังจากที่จางเหมยกลับไป หล่อนก็ไตร่ตรองและตระหนักว่าทัศนคติของตัวเองที่มีต่อหลินเซี่ยนั้นรุนแรงเกินไป เห็นได้ชัดว่าหลินเซี่ยได้รับความรักอย่างสุดซึ้งจากตระกูลเฉิน อีกทั้งครอบครัวเดิมของเธอก็มีภูมิหลังที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน ถ้าหล่อนทำให้หลินเซี่ยขุ่นเคืองตอนนี้ เกรงว่าในอนาคตคงไม่มีโอกาสได้เจอหน้าลูกชายอีก
จางเหมยขอโทษหลินเซี่ยทันทีที่เข้ามา “น้องสาว ฉันขอโทษจริง ๆ เมื่อวานฉันหุนหันพลันแล่นไปหน่อย ฉันวิตกกังวลจนขาดสติ เมื่อวานนี้เลยเผลอพูดอะไรผิดพลาดไป อย่าถือสาฉันเลยนะ”
หลินเซี่ยเป็นแม่เลี้ยง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่เป็นแม่แท้ ๆ ของหู่จือ เธอก็รู้สึกขัดแย้งในตัวเองอย่างมาก
เธออาจไม่ระวังจนทำลูกหายก็จริง แน่นอนว่าเธอรู้สึกผิด ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับจางเหมยอย่างไร
แม้ว่าจางเหมยจะไม่ได้เป็นแม่ที่ดีเท่าเธอก็ตาม
เมื่อผู้เฒ่าเฉินเห็นจางเหมย เขาก็ดุจางเหมยด้วยสีหน้าเข้มขรึม
“สหายคนนี้ เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าเมื่อก่อนตัวเองประพฤติตัวได้แย่แค่ไหน เธอเป็นฝ่ายทิ้งลูกในไส้ของตัวเองแล้วหนีไป ในขณะที่เจียเหอเป็นหนุ่มโสดที่ยังไม่ได้แต่งงาน แต่เขากลับต้องมาเลี้ยงลูกให้เธอ รู้ไหมว่าชีวิตของเขายากลำบากแค่ไหน?”
“พ่อของหู่จือเป็นทหาร เขาตายเพราะสละชีพแทนสหายร่วมรบ เขาเป็นคนดี ทำไมถึงได้กล้าทำผิดต่อเขา? ดีแค่ไหนแล้วที่เพื่อน ๆ ของเขาไม่ทอดทิ้งเด็กคนนั้น ตอนแรกเธอทิ้งลูกตัวเองเพื่อไปแต่งงานกับผู้ชายคนใหม่นี่ ทำไมถึงกลับมาเอาป่านนี้?”
จางเหมยยืนอยู่ตรงนั้น ก้มหน้าลง สะอึกสะอื้นเบา ๆ
ผู้เฒ่าเฉินยังคงดุด่าหล่อนต่อไป บอกให้หล่อนอยู่ห่างจากหู่จือในอนาคต ตอนนี้หู่จือกลายเป็นลูกหลานของตระกูลเฉินไปแล้ว ไม่มีทางยอมให้ใครมาพรากไปเด็ดขาด
เขาบอกด้วยว่าถ้าหู่จือโตเป็นผู้ใหญ่เมื่อใด เขาจะเล่าประสบการณ์ชีวิตที่แท้จริงให้เขารับรู้เป็นธรรมดา
ไม่นานหลังจากนั้น หลินเซี่ยก็ทนสงสารไม่ไหว พูดกับจางเหมยว่า
“เจอแล้วเหรอ?” เมื่อจางเหมยได้ยินข่าว หล่อนก็รีบเช็ดน้ำตาด้วยความตื่นเต้น ถามยืนยันกับเธอว่า “เจอเขาแล้วจริง ๆ เหรอ?”
“ใช่ เจอตัวแล้ว คราวนี้คุณจะได้ออกไปจากที่นี่ได้อย่างสบายใจเสียที”
เมื่อจางเหมยได้ยินว่าลูกชายถูกพบตัวแล้ว หล่อนก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะทรุดตัวลง “ในที่สุดก็เจอเขาแล้ว ในที่สุดก็เจอเขาแล้ว”
หล่อนมองไปที่ผู้เฒ่าเฉิน หลินเซี่ย และคนอื่น ๆ แล้วอ้อนวอนขอร้องอย่างอ่อนแรง
“คุณเฉิน เสี่ยวหลิน ฉัน… ฉันขออยู่ที่นี่เพื่อรอเจอเด็กคนนั้นได้ไหม? ฉันไม่ได้เจอหน้าเขามาห้าปีแล้ว ฉันอยากเจอเขาจริง ๆ”
เมื่อพูดถึงหู่จือ จางเหมยก็หลั่งน้ำตา ดวงตาเต็มไปด้วยความโหยหา
หลินเซี่ยซึ่งกำลังจะเป็นแม่คนย่อมเห็นอกเห็นใจและรู้สึกสงสารจางเหมยเป็นธรรมดา
อย่างไรก็ตาม ในฐานะแม่เลี้ยงของหู่จือ หลินเซี่ยก็มีแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัวอยู่เหมือนกัน
หู่จือไม่รู้ประสบการณ์ชีวิตของตัวเองเป็นเวลาหลายปีมาแล้ว ความจริงที่ทุกคนบอกกับเขาคือเขาเป็นลูกชายของเฉินเจียเหอ แม่แท้ ๆ ของเขาเสียชีวิตไปแล้ว ถ้าจางเหมยมาเจอเขาในวันนี้ เขาจะต้องรู้ความจริงอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วหลังจากนั้นควรทำอย่างไรต่อไป?
เฉินเจียเหอเองก็คงไม่ได้เตรียมใจไว้อย่างแน่นอนที่จะเล่าประสบการณ์ชีวิตของเขาให้หู่จือฟังในตอนนี้
ชาติที่แล้ว เฉินเจียเหอบอกความจริงกับหู่จือตอนที่เขาโตจนอายุสิบแปดปี
ก่อนที่หลินเซี่ยจะได้พูดอะไร ผู้เฒ่าเฉินพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ไม่ได้ เรายอมรับคำขอร้องของเธอไม่ได้จริง ๆ เธอน่าจะสังเกตอยู่ห่าง ๆ มามากกว่าหนึ่งหรือสองวันในช่วงที่ผ่านมา คงเห็นแล้วว่าหู่จือเติบโตขึ้นท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและดีพร้อมแค่ไหน คนรอบตัวทะนุถนอมเขาเป็นอย่างดี เจียเหอและเซี่ยเซี่ยก็ปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นสายเลือดของตัวเองด้วยซ้ำ เขาถือเป็นสมบัติล้ำค่าของพวกเราทุกคน
เธอรู้ดีที่สุดว่าสถานการณ์ของตัวเองเป็นยังไง ยังไม่ต้องพูดถึงว่าลูกชายของเธอจะยอมรับเธอได้ไหมถ้าเขารู้ความจริง เพราะต่อให้จะยอมรับได้ เธอก็ไม่มีความสามารถพอที่จะเลี้ยงดูเขา เขาอยู่กับเราใช้ชีวิตสุขสบายเหมือนคุณชาย ถ้าไปอยู่กับเธอมีแต่จะอดอยากปากแห้ง อย่าเห็นแก่ตัวเกินไปหน่อยเลย”
จางเหมยพูดอย่างเร่งรีบว่า “คุณเฉิน ฉันไม่มีความตั้งใจที่จะพาเด็กกลับไปค่ะ ฉันแค่อยากเจอเขาและกอดเขาสักครั้ง”
พวกเขาไม่เชื่อคำพูดของจางเหมยเลย
ตอนแรกหล่อนบอกว่าไม่รู้จักเขา แต่เมื่อหู่จือกลับมา หล่อนก็อ้างสิทธิ์ในฐานะแม่ อยากเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงกับเขา หู่จืออายุหกขวบแล้ว แถมยังฉลาดเป็นกรดขนาดนั้น เขาจะไม่สงสัยตัวตนของหล่อนได้อย่างไร?
แล้วถ้าเขาถามขึ้นมา ผู้ใหญ่จะอธิบายความจริงเรื่องนี้อย่างไร?
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ดูอยู่ห่างๆ ต่อไปเถอะค่ะคุณแม่ ความรักคือการเสียสละนะคะ มาเรียกร้องสิทธิ์อะไรตอนนี้ ปล่อยให้ลูกได้ใช้ชีวิตดีๆ เถอะ
ไหหม่า(海馬)
……………………………………