ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 643 ลูกเขยใหม่มาสวัสดีปีใหม่
ตอนที่ 643 ลูกเขยใหม่มาสวัสดีปีใหม่
วันแรกของปีใหม่ หลังรับประทานมื้อเช้า บรรดาผู้เยาว์สวัสดีปีใหม่ผู้อาวุโสเสร็จ ผู้เฒ่าเฉินและเฉินเจิ้นเจียงก็แจกอั่งเปาให้ทุกคนอย่างมีพิธีรีตอง ปีนี้แม้แต่เฉินเจียเหอและเฉินเจียซิ่งก็ได้เหมือนกัน
หลังจากนั้นเฉินเจียเหอกับเฉินเจียซิ่งก็จะพาสะใภ้ใหม่ไปเยือนบ้านญาติฝั่งภรรยาเพื่อสวัสดีปีใหม่
หู่จือก็ตามไปด้วยเช่นกัน
หลินเซี่ยกับหยางหงเสียเป็นสะใภ้ใหม่ ขอแค่สวัสดีปีใหม่ผู้อาวุโสก็จะได้รับซองแดง
คนตระกูลเฉินล้วนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง
เมื่อได้เห็นว่าเฉินเจียเหอกับเฉินเจียซิ่งได้มีครอบครัวอบอุ่นและมีความสุขเป็นของตัวเองแล้ว ทุกคนก็รู้สึกดีใจแทนพวกเขา ผู้อาวุโสทั้งหลายต่างกำชับให้เฉินเจียซิ่งใช้ชีวิตให้ดี
ระหว่างทางกลับบ้าน หลินเซี่ยคล้องแขนหยางหงเสีย ยิ้มแย้มเอ่ยว่า
“หงเสีย พวกเราช่างโชคดีจริง ๆ ญาติผู้ใหญ่ในตระกูลเฉินล้วนแต่ใจดีกันทั้งนั้น เมื่อก่อนเวลาอยู่ต่อหน้าญาติ ๆ ฉันยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้มาก่อนเลย”
“ตอนอยู่บ้านตระกูลเสิ่น เธอก็รู้ว่าฉันอยู่ในสถานการณ์แบบไหน นอกจากแม่บุญธรรมของฉันแล้วก็ไม่มีใครดีกับฉันสักคน หลังจากนั้นพอมาอยู่ที่บ้านตระกูลหลิน คนที่ได้เจอก็มีแต่ผีดูดเลือด ช่วงชีวิตที่ผ่านมาได้เจอแต่ญาติแปลก ๆ ทั้งนั้น ตอนนี้ฉันถึงได้เข้าใจว่าคนอื่นจะปฏิบัติต่อพวกเราอย่างไรล้วนไม่สำคัญ สำคัญคือพวกเราต้องกัดฟันสู้ พยายามใช้ชีวิตของตัวเองให้ดี ทะนุถนอมคนที่รักพวกเราเอาไว้”
หยางหงเสียได้ยินคำพูดของหลินเซี่ยแล้วก็พยักหน้าอย่างเห็นพ้อง
“พี่สะใภ้พูดถูกค่ะ”
“ไปกันเถอะ”
ต้องยอมรับว่าคำพูดของหลินเซี่ยทำให้หยางหงเสียรู้สึกอบอุ่นในใจ ขณะเดียวกันก็ทำให้อารมณ์หม่นหมองของหล่อนดีขึ้นมาก
หยางหงเสียรู้ว่าหลินเซี่ยพูดแบบนี้เพราะต้องการปลอบโยนหล่อน
ใช่แล้ว ตอนนี้หล่อนแต่งงานแล้ว มีครอบครัวของตัวเอง หล่อนก็ควรดูแลครอบครัวของตัวเองให้ดี ทะนุถนอมคนที่รักห่วงใยหล่อน เรื่องอื่นล้วนไม่สำคัญ
ตอนบ่าย ตระกูลเซี่ยโทรมาหาอีกครั้ง กำชับให้เช้าพรุ่งนี้หลินเซี่ยกับเฉินเจียเหอไปที่นั่นไว ๆ
หลินเซี่ยกลัวว่าหยางหงเสียจะรู้สึกไม่ดี เมื่อได้รับสายก็รีบขึ้นชั้นบนไปคุยโทรศัพท์ในห้อง
โทรมาคราวนี้ก็เหมือนกับเย็นวาน ทุกคนในตระกูลเซี่ยผลัดกันมาคุยโทรศัพท์ ใช้เวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมงกว่าจะครบ
หลินเซี่ยพูด “คุณย่า ค่าโทรศัพท์แพงเกินไปแล้ว วางสายเถอะ ค่อยเจอกันพรุ่งนี้นะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก พวกเราใช้โทรศัพท์ของอารองของหนูโทรมา แค่นี้เขาจ่ายไหว”
เดิมทีเซี่ยไห่กำลังคุยอย่างอารมณ์ดี แต่แล้วก็ตระหนักได้ว่าที่ใช้อยู่คือโทรศัพท์ของเขา เขาจึงวางสายอย่างปวดใจทันที
หลินเซี่ยได้ยินเสียงโอดครวญของเซี่ยไห่ดังมาจากปลายสายก็หัวเราะจนน้ำตาเล็ด
วันที่สองของปีใหม่ ลูกเขยใหม่ไปทักทายปีใหม่บ้านพ่อตาแม่ยาย โจวลี่หรงเตรียมของขวัญแบบเดียวกันให้ลูกชายทั้งสองคน โดยไม่ได้ปฏิบัติกับหยางหงเสียต่างออกไปเพียงเพราะว่าหล่อนมาจากครอบครัวพื้นเพธรรมดา
วันนี้พวกเฉินเจียเหอไปบ้านตระกูลเซี่ย แต่หยางหงเสียยังมีลุงกับอา ในฐานะที่เป็นลูกเขย ปีนี้เฉินเจียซิ่งจึงต้องไปเยี่ยมบ้านญาติฝั่งภรรยา
โจวลี่หรงเตรียมของขวัญให้อย่างเอาใจใส่
“เจียซิ่ง เหล้าสองขวดกับใบชานี้สำหรับพ่อตาของลูก ส่วนนมกับใบชาฝั่งนี้สำหรับลุงกับอาของหงเสีย อย่าจำสลับกันล่ะ”
หยางหงเสียเดินลงมาชั้นล่าง เห็นโจวลี่หรงกำลังกำชับเฉินเจียซิ่งอยู่ต่อหน้าของขวัญที่ห่ออย่างดีกองใหญ่
พอได้ยินว่าของขวัญเหล่านั้นเตรียมไว้ให้ญาติฝั่งหล่อน ดวงตาก็ฉายแววตกใจ
ความแตกต่างของฐานะครอบครัวแสดงออกมาในเวลาเช่นนี้เอง
ที่ผ่านมาเวลาไปเยี่ยมบ้านญาติ แค่เอาของว่างสักห่อกับนมมอลต์ไปก็พอแล้ว
“หงเสีย เตรียมตัวพร้อมหรือยัง?”
หยางหงเสียหลุดจากภวังค์ “พร้อมแล้วค่ะ”
เฉินเจียซิ่งยัดนมมาให้ “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ คุณถือของพวกนี้เอาไว้”
ทั้งคู่บอกลาคุณปู่คุณย่าแล้วก็เดินออกไป
เฉินเจียเหอกับหลินเซี่ยก็พาหู่จือออกมาด้วยเช่นกัน
วันนี้หู่จือสวมชุดใหม่เอี่ยม กระโดดโลดเต้นนำอยู่ข้างหน้า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าดีใจมาก
หลังออกมาแล้ว เฉินเจียเหอบอกว่าต้องกลับบ้านของทั้งคู่สักรอบ
“กลับบ้านทำไมคะ?” หลินเซี่ยถามอย่างสงสัย
เฉินเจียเหอตอบ “กลับไปเอาของ”
เมื่อกลับถึงบ้าน เฉินเจียเหอก็บอกให้หลินเซี่ยกับหู่จือรออยู่ชั้นล่าง ตนเองขึ้นไปชั้นบนแล้วกลับลงมา มือถือของบำรุงร่างกายมาด้วยสองตะกร้า
เมื่อสบเข้ากับแววตาสงสัยของหลินเซี่ย เขาก็อธิบายว่า “นี่เป็นของที่ผมซื้อมาไว้ให้คุณย่ากับคุณแม่”
หลินเซี่ยจึงค่อยเข้าใจเจตนาของเฉินเจียเหอ
เขากลัวว่าเฉินเจียซิ่งกับหยางหงเสียจะคิดมาก จึงซื้อของส่วนของตัวเองแล้วเก็บไว้ที่บ้านก่อน
“ที่บ้านเตรียมของขวัญไว้มากพอแล้ว ไม่เอาไปก็ไม่เป็นไรหรอก”
เฉินเจียเหอรับสิ่งของจากมือเธอมาถือไว้ด้วยกัน “นี่เป็นน้ำใจของผม เหล้าสำหรับคุณพ่อ คุณย่ากับคุณแม่ไม่ดื่มชา ผมเลยซื้อของบำรุงร่างกายมาให้”
หลินเซี่ยรู้สึกประทับใจในความเอาใจใส่ของเฉินเจียเหอมาก “คุณละเอียดรอบคอบดีจริง ๆ”
ตอนที่คนทั้งสามไปถึงบ้านตระกูลเซี่ย คนทั้งบ้านล้วนกำลังชะเง้อคอรออยู่
เอ้อร์เลิ่งกับหลิวกุ้ยอิงกำลังยุ่งกับการทำอาหารในครัว
คนอื่น ๆ ออกมารอข้างนอก
เมื่อเห็นพวกเขาสามคนเดินเข้ามาก็รีบเข้ามาต้อนรับ
หลินเซี่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงมีความสุข
“ย่า พ่อ แม่ สวัสดีปีใหม่นะคะ”
“สวัสดีปีใหม่”
“อารอง อาหญิง พี่ลินดา สวัสดีปีใหม่”
“พี่ เสี่ยวเยี่ยน สวัสดีปีใหม่นะ”
“เจียเหอ เซี่ยเซี่ย สวัสดีปีใหม่ พวกเธอมาได้สักทีนะ วันนี้เวลาเดินช้าเกินไปแล้ว”
“คุณย่า สวัสดีปีใหม่ครับ”
เอ้อร์เลิ่งได้ยินเสียงเฉินเจียเหอกับหู่จือดังมาจากข้างนอกครัวก็วางตะหลิววิ่งออกมาข้างนอก
แม้คนตระกูลเซี่ยจะเห็นเอ้อร์เลิ่งเป็นคนในครอบครัว แต่เอ้อร์เลิ่งก็ยังไม่คุ้นชินอยู่ดี และรู้สึกคิดถึงบ้าน
พอเห็นเฉินเจียเหอ จิตใจค่อยสงบลงได้เสียที
มีเฉินเจียเหออยู่ด้วย เขาก็ไม่คิดถึงบ้านแล้ว
คุณแม่เซี่ยกับเสี่ยวเยี่ยนรวมถึงเซี่ยไห่ล้วนสวมชุดใหม่ ทั้งยังเป็นสีแดง แลดูเป็นสิริมงคล เข้ากับบรรยากาศช่วงปีใหม่เป็นอย่างมาก
ส่วนหลินจินซานสวมชุดสูท ผูกเนคไทสีแดง ผมก็หวีเสียเรียบแปล้
หลินจินซานพูด “เซี่ยเซี่ย ฉันจะไปทักทายปีใหม่ที่บ้านชุนฟาง ตั้งใจรอให้พวกเธอมาก่อนค่อยไปโดยเฉพาะเลยนะ”
ได้ยินอย่างนั้น หลินเซี่ยก็มองหลินจินซานที่ดูหล่อเหลาเป็นพิเศษ ยิ้มตอบว่า “มิน่าล่ะถึงได้แต่งตัวแบบนี้ พี่จัดเต็มเกินไปหรือเปล่า?”
รองเท้าหนังปลายแหลมก็แหลมเกินไปแล้ว ไม่กลัวว่าจะเดินสะดุดหัวทิ่มบ้างเหรอ?
ไหนจะทรงผมนั่นอีก ไปเยี่ยมญาติทั้งทีก็ไม่จำเป็นต้องประโคมเยอะขนาดนั้นก็ได้กระมัง
แต่ในยุคนี้ เสื้อผ้าและทรงผมแบบนี้ก็ได้รับความนิยมมากจริง ๆ นั่นแหละ
“ประโคมเยอะไปเหรอ?” หลินจินซานลูบผมเบา ๆ พูดว่า “อารองจะให้ฉันใส่เสื้อคลุมขนสัตว์ไปด้วย ติดที่วันนี้อากาศร้อน ไม่อย่างนั้นฉันคงสวมไปแล้ว”
หลินเซี่ย “…”
หลินจินซานล้วงซองแดงออกมาให้หู่จือ
หู่จือเอ่ยคำอวยพรอย่างปากหวาน
“คุณลุง สวัสดีปีใหม่ครับ ขอให้คุณลุงได้แต่งป้าสะใภ้เข้าบ้านไว ๆ นะ”
“หู่จือปากหวานจริง ๆ”
หลินจินซานให้อั่งเปาหลานชายเสร็จก็หมดธุระแล้ว จึงบอกลากับทุกคนแล้วหอบหิ้วสิ่งของเตรียมออกไปข้างนอก
“อารอง คือว่า…”
หลินจินซานมองเซี่ยไห่อย่างลังเล
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คนมันตื่นเต้นที่จะได้เป็นเขยใหม่ล่ะนะ ถึงแต่งตัวเต็มที่ขนาดนั้น
ไหหม่า(海馬)