ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 648 ปัญหาที่แก้ด้วยเงินได้ไม่เรียกว่าปัญหา
ตอนที่ 648 ปัญหาที่แก้ด้วยเงินได้ไม่เรียกว่าปัญหา
หลิวกุ้ยอิงเห็นหลินจินซานแล้วก็โมโหนัก ใช้ชีวิตดี ๆ ไม่ชอบ ดีแต่จะหาเรื่อง ทำให้ทุกคนไม่ได้พักผ่อนช่วงปีใหม่
หล่อนเห็นหลินจินซานลูกบุญธรรมคนนี้เป็นเสมือนลูกแท้ ๆ ของตัวเอง เพียงหวังว่าเขาจะตั้งใจทำงาน ตบแต่งชุนฟางเข้าบ้านมาภายใต้ความช่วยเหลือของทุกคน แล้วใช้ชีวิตของตัวเอง เมื่อเป็นเช่นนี้หล่อนก็มีคำอธิบายให้หลินต้าฝูแล้ว
แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้หลินจินซานเหลิงแล้ว
หลิวกุ้ยอิงมองเขาพลางตำหนิอย่างไม่พอใจ “ใครใช้ให้ลูกขับรถไปอวดคนอื่นเขา? ตอนนี้นอกจากจะเอารถไปชน กระทั่งญาติของชุนฟางก็ไปล่วงเกินเขาแล้ว”
หลินจินซานมีสีหน้าละอายใจ ก้มหน้าไม่พูดไม่จา
เดิมทีเซี่ยไห่ถูกเกลี้ยกล่อมจนเกือบจะหายโกรธแล้ว เรื่องนี้ก็ผ่านไปแล้ว หลังปีใหม่ค่อยซ่อมรถก็ได้
แต่พอหลิวกุ้ยอิงตำหนิหลินจินซานเช่นนี้ บรรยากาศก็กลับมาหนักอึ้งอีกครั้ง
ได้ยินหลิวกุ้ยอิงพูดอย่างนั้น เซี่ยอวี่ก็เอ่ยขึ้นมาว่า “พี่สะใภ้ ล่วงเกินก็ล่วงเกินไปเถอะ ญาติขี้อิจฉาแบบนั้น ล่วงเกินแต่เนิ่น ๆ จะได้สบายใจหน่อย วันหน้าจะได้ไม่ต้องไปมาหาสู่ มีอะไรต้องกังวลด้วย?”
จ่ายเงินซื้อบทเรียน เวลานี้คือโอกาสเหมาะในการคัดกรองญาติ ๆ ที่สุดแล้ว
หลิวกุ้ยอิงย่อมไม่กล้าเห็นด้วยกับคำพูดของเซี่ยอวี่ ชุนฟางยังไม่ทันแต่งเข้ามา ถ้าเรื่องนี้จัดการไม่ดี คนที่บ้านชุนฟางไม่พอใจหลินจินซาน เรื่องราวหลังจากนี้ก็จัดการยากแล้ว
นอกจากนี้ ที่ชนบทยังมีความเชื่ออย่างหนึ่ง ถ้าระหว่างคนหนุ่มสาวสองครอบครัวเจรจาเรื่องมงคลกันอยู่แล้วเกิดเหตุไม่ราบรื่นขึ้นกับที่บ้านเป็นลางบอกเหตุว่าสองคนนี้ไม่ใช่คู่บุพเพสันนิวาสของกันและกัน ในวันหน้าเมื่ออยู่ด้วยกันแล้วชีวิตก็จะไม่ราบรื่น ญาติผู้ใหญ่ก็จะพิจารณาเรื่องมงคลนี้ใหม่
แม้หลิวกุ้ยอิงจะไม่ได้เห็นด้วยกับคำกล่าวที่คนเฒ่าคนแก่พูดต่อกันมาเหล่านี้ แต่หล่อนกลัวว่าญาติผู้ใหญ่บ้านชุนฟางจะถือสาเรื่องนี้
กลัวว่าเรื่องมงคลของหลินจินซานกับชุนฟางจะคว้าน้ำเหลว
เซี่ยเหลยมีท่าทางจริงจังขึ้นมา ถามหลินจินซานว่า “พ่อแม่ของชุนฟางว่ายังไงบ้าง?”
หลินจินซานตอบ “พ่อแม่ของชุนฟางโกรธมากที่อาเขยของชุนฟางให้สัญญาณมั่วซั่ว บอกว่าพวกเขาจงใจ ไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ”
พอหลินจินซานพูดเช่นนี้ ทุกคนค่อยโล่งอก
เซี่ยอวี่เอ่ยเสียงเรียบ
“อย่างนั้นก็ดี ญาติที่ไม่จำเป็นต้องไปมาหาสู่ก็ไม่ต้องไปสนใจ ความสัมพันธ์แบบนี้ถ้ายื้อต่อไปก็เหนื่อยเปล่า ๆ แค่พ่อตาแม่ยายของเธอแยกแยะได้ก็พอแล้ว วันหน้าจะช่วยตัดความยุ่งยากไปได้มาก”
“เอาล่ะ ปีใหม่แบบนี้อย่าเก็บเรื่องเล็กน้อยมาคิดมากเลย หลังปีใหม่ ให้จินซานเอารถของเสี่ยวไห่ไปซ่อมก็พอแล้ว คราวนี้ก็ถือเสียว่าจ่ายเงินซื้อบทเรียน”
สำหรับคนมีเงินอย่างเซี่ยอวี่ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเสียด้วยซ้ำ
ปัญหาที่แก้ด้วยเงินได้ไม่คู่ควรมาทำให้ทุกคนหมดสนุก
แต่เซี่ยอวี่ก็ไม่ใช่คนที่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย เมื่อครู่หล่อนย้ำแล้วว่าให้หลินจินซานซ่อมรถของเซี่ยไห่
เขาอยากออกไปอวดนักไม่ใช่หรือ?
คราวนี้ก็ให้โอกาสเขาอวดก็แล้วกัน
หลินจินซานไม่กล้าเห็นแย้งข้อเสนอของเซี่ยอวี่ คุณแม่เซี่ยที่อยากช่วยพูดให้หลินจินซานยิ่งไม่กล้าเห็นแย้ง
เรื่องนี้ก็ผ่านไปเช่นนี้ เดิมทีเซี่ยไห่ไม่ได้คิดจะหักขาเขา เขาสัมผัสได้ว่าหลินจินซานที่หลงคิดว่าตัวเองรอดตัวไปพอได้ยินเซี่ยอวี่บอกให้ออกค่าซ่อมรถก็นิ่งอึ้งไปอย่างตกใจ
ซ่อมรถยนต์ต้องใช้เงินเท่าใดกัน แค่คิดก็รู้สึกว่าหัวใจหลั่งเลือดออกมาแล้ว
แต่เรื่องนี้ตนเองเป็นคนก่อ ต่อให้ต้องกรีดเลือดขายก็ต้องรับผิดชอบ
หลินเซี่ยนั่งอยู่ข้างหลินจินซาน เห็นพี่ชายกลุ้มใจเรื่องเงินจนใบหน้าบิดเบี้ยว ริมฝีปากกระตุก ก็เตือนเขาเสียงเบาว่า “พี่ ต่อไปก็ตั้งสติให้ดี ภาพลักษณ์จอมปลอมมันฆ่าคนได้ ใช้ชีวิตตามกำลังของตัวเอง ระวังญาติ ๆ ของชุนฟางอิจฉาพี่แอบทำลายงานแต่งของพี่ลับหลัง แบบนั้นจะได้ไม่คุ้มเสีย”
หลินจินซานรับปากแต่โดยดี “เซี่ยเซี่ย ฉันจะจำเอาไว้”
“อารอง ขอโทษจริง ๆ นะครับ” เขาลุกขึ้นกล่าวขอขมาต่อหน้าเซี่ยไห่อีกครั้ง
“ช่างเถอะ นายซ่อมให้ฉันก็พอแล้ว” แม้เซี่ยไห่จะไม่พอใจ แต่ตอนนี้อยู่ต่อหน้าทุกคนจึงไม่สะดวกจะด่าคนซ้ำอีก
เซี่ยไห่ไม่ได้กล่าวโทษหลินจินซาน ทุกคนในบ้านจึงกลับสู่อารมณ์ฉลองปีใหม่อีกครั้ง หลิวกุ้ยอิงค่อยวางใจได้เสียที
เฉินเจียเหอไม่เห็นเอ้อร์เลิ่งกับหู่จือก็หันมาถามหลินเซี่ย “เซี่ยเซี่ย เอ้อร์เลิ่งกับหู่จือไปไหน?”
“ฉันเห็นว่าพวกเขาสองคนเหนื่อยแล้วเลยให้ไปนอนที่ห้องของเอ้อร์เลิ่งน่ะ”
“ผมไปดูหน่อย” เฉินเจียเหอลุกขึ้น ตั้งใจจะไปดูที่ห้องของเอ้อร์เลิ่ง แต่พอแหวกม่านประตูออกไปก็เจอกับเอ้อร์เลิ่งที่ถือพริกกับน้ำส้มสายชูเดินเข้ามาพอดี
เอ้อร์เลิ่งยิ้มกว้าง “ต้าเหอ ทุกคนกำลังจะกินข้าวกันใช่ไหม ผมทำบะหมี่เสร็จแล้ว”
ทุกคน “???”
หลิวกุ้ยอิงกำลังว่าจะเข้าครัวไปทำกับข้าว พอเห็นเอ้อร์เลิ่งถือพริกกับน้ำส้มสายชูเข้ามาก็ตกใจ
เอ้อร์เลิ่งยิ้มซื่อ ๆ “ผมว่างอยู่ก็เลยทำบะหมี่มาให้ทุกคน ต้มเส้นไว้แล้ว เดี๋ยวผมจะกลับไปตักขึ้นมา”
หลิวกุ้ยอิงเตรียมเครื่องทำบะหมี่เอาไว้แล้ว ทั้งหมดล้วนอยู่บนเขียง พอเอ้อร์เลิ่งไปทำจึงสะดวกมาก หั่นผัก ต้มน้ำซุป ลวกเส้นก็เสร็จแล้ว
เวลานี้ ทุกคนล้วนประทับใจในสิ่งที่เอ้อร์เลิ่งทำ
เมื่อครู่นี้พวกเขากำลังคุยกันเรื่องหลินจินซานอยู่ในห้อง ไม่ได้ยินว่ามีคนไปทำอาหารอยู่ในครัวเลยสักนิด
“เด็กคนนี้ขยันขันแข็งเกินไปแล้ว เวลาเดี๋ยวเดียวก็ทำอาหารเสร็จแล้ว”
หลิวกุ้ยอิงให้เอ้อร์เลิ่งนั่งพัก เธอจะทำที่เหลือเอง
หลิวกุ้ยอิงเข้าครัว คุณแม่เซี่ยมองเอ้อร์เลิ่งด้วยสีหน้ารักใคร่เอ็นดู ชมเชยเขาไม่หยุดปาก
คุณแม่เซี่ยถึงขั้นคิดในใจว่าเด็กดีขนาดนี้ นางจะต้องช่วยแนะนำแฟนให้เขาให้ได้
หลินเซี่ยไปเรียกหู่จือ เฉินเจียเหอกับเซี่ยไห่เข้าไปในครัวช่วยหลิวกุ้ยอิงยกอาหาร ในไม่ช้าทุกคนก็ได้กินบะหมี่ฝีมือเอ้อร์เลิ่ง
เฉินเจียเหอกับหลินเซี่ยเคยลิ้มรสมือเอ้อร์เลิ่งตั้งแต่อยู่ที่บ้านผู้อาวุโสเย่แล้ว วันนี้อาจเป็นเพราะมีความสุขมากจึงรู้สึกว่าบะหมี่ถ้วยนี้ยังอร่อยกว่าที่ร้านอาหารของพ่อแม่เธอเสียอีก
ทุกคนล้วนชมเชยฝีมือทำอาหารของเอ้อร์เลิ่ง
เซี่ยเหลยที่มีสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังตลอดมาเสนอกับเอ้อร์เลิ่ง “เอ้อร์เลิ่ง สนใจมาทำงานที่ร้านอาหารของพวกเราเพื่อเรียนรู้เป็นพ่อครัวหรือเปล่า?”
เอ้อร์เลิ่งดีใจมากที่พวกเขาไม่รังเกียจตนเอง ชอบอาหารของเขา และเต็มใจหยิบยื่นโอกาสในการทำงานให้
เฉินเจียเหอพาเขาออกมาจากหมู่บ้านเป็นการกอบกู้เขา เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเขาโดยแท้
ไม่อย่างนั้นเขาในวันนี้คงยังเป็นคนเฝ้าหมู่บ้านอยู่
ทว่า…เขาจำต้องปฏิเสธข้อเสนอมากน้ำใจของเซี่ยเหลยอย่างละมุนละม่อม
เขาเกาศีรษะ เอ่ยด้วยสีหน้าลำบากใจ “อาเซี่ย ผู้อาวุโสเย่บอกว่าจะสอนวิชาแพทย์ให้ผม ผมอยากเรียนกับเขา ระหว่างนั้นก็ทำอาหารให้เขาด้วยครับ”
ชั่วขณะที่เอ้อร์เลิ่งได้สติกลับมาก็ตั้งปณิธานไว้ว่าจะตอบแทนบุญคุณของผู้อาวุโสเย่ ผู้อาวุโสเย่เต็มใจรับเขาเป็นลูกศิษย์นับว่าให้เกียรติเขา เขาจะต้องตั้งใจเรียนรู้ ทำอาหารให้ผู้อาวุโสเย่ ตั้งใจทำงาน และดูแลเรื่องอาหารสามมื้อของผู้อาวุโสเย่ให้ดี
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
คราวนี้ได้บทเรียนราคาแพงเลยจินซาน หาเงินมาซ่อมรถให้อารองไวๆ นะ
ไหหม่า(海馬)