ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 650 แต่ละวิชาชีพล้วนมีผู้เชี่ยวชาญ
ตอนที่ 650 แต่ละวิชาชีพล้วนมีผู้เชี่ยวชาญ
หลังจากเฉินเจียซิ่งเมาหลับไปแล้ว คุณลุงคุณอาของหยางหงเสียก็เอาแต่ตำหนิติติงหล่อน
บอกว่าหล่อนช่างไม่รู้ความ ไม่รู้จักคุมเฉินเจียซิ่งให้ดี รีบจัดการให้เฉินเจียซิ่งหาทางช่วยเหลือตระกูลหยาง
ขณะที่หยางหงเสียถูกตำหนิอยู่ ก็เห็นเฉินเจียซิ่งลืมตาขึ้นมาสีหน้ากรุ่นโกรธ
หล่อนกดมือเฉินเจียซิ่งเอาไว้โดยไม่ส่งเสียง แล้วอดทนอดกลั้นต่อคำพูดของคุณลุงคุณอา
ต่อมา พอพวกเขาเห็นว่าเฉินเจียซิ่งเมาหลับไปแล้ว จึงแยกย้ายกลับไปด้วยความผิดหวัง
พอคนไป พ่อของหล่อนก็คะยั้นคะยอให้เฉินเจียซิ่งดื่มเหล้า
ดังนั้น แท้จริงแล้วคนที่มอมเหล้าเฉินเจียซิ่งคือพ่อของหล่อนต่างหาก
พอเฉินเจียซิ่งถามหล่อนว่าเขาได้รับปากญาติ ๆ ของหล่อนส่งเดชหรือไม่ หยางหงเสียจึงสามารถตอบได้อย่างหนักแน่นว่า “เปล่าค่ะ”
เฉินเจียซิ่งลอบถอนหายใจโดยไม่รู้ตัว โชคดีที่ตอนนั้นเขาแกล้งเมาคอพับไป ไม่อย่างนั้นหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาก็ไม่กล้ารับประกันเลยจริง ๆ
เฉินเจียซิ่งมองเฉินเจียวั่งด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง “ได้ยินแล้วใช่ไหม? ฉันไม่ได้เลอะเลือนขนาดนั้น พี่สะใภ้รองของนายก็ไม่ได้เลอะเลือนขนาดนั้น พวกเราแค่ดื่มเหล้าตอนไปเยี่ยมบ้านหงเสีย”
แววตาที่ผู้เฒ่าเฉินมองหยางหงเสียเต็มไปด้วยความเมตตาชื่นชม
เฉินเจียซิ่งเป็นคนเลินเล่อไม่รอบคอบ แต่งงานกับหยางหงเสียที่เป็นคนเงียบ ๆ จิตใจละเอียดอ่อน แต่ละด้านชดเชยส่งเสริมกัน เฉินเจียซิ่งก็ก้าวหน้าไปมาก
“เอาล่ะ ขึ้นห้องไปพักผ่อนเถอะ ดูซิว่าดื่มไปเยอะขนาดไหนถึงต้องให้หงเสียประคองกลับมาเนี่ย”
“ครับ ถ้าอย่างนั้นพวกผมขอตัวขึ้นไปนอนก่อน”
รอจนเฉินเจียซิ่งกับหยางหงเสียขึ้นไปชั้นบนแล้ว พวกเฉินเจียเหอก็จะไปพักผ่อนเหมือนกัน แต่คุณย่าเฉินเรียกพวกเขาเอาไว้
คุณย่าเฉินมองเฉินเจียวั่งที่ทำโมเดลสถาปัตยกรรมอยู่ตรงนั้นแล้วทอดถอนใจกล่าวว่า “เจียเหอ เธอกับเซี่ยเซี่ยช่วยพูดกับเจ้าสามหน่อยสิ เขากับอวี่เฟยเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ? วันนี้ให้เขาไปสวัสดีปีใหม่บ้านอวี่เฟย เขากลับยืนกรานไม่ยอมไป ถามว่าจะไปวันไหนเขาก็ไม่บอก เอาแต่อยู่กับพวกคนแก่อย่างฉันทั้งวันแบบนี้คงได้อุดอู้ตายพอดี”
เฉินเจียวั่งกำลังทำโมเดลห้องเรียนแบบตะวันตก ได้ยินคำพูดของคนเป็นย่า มือก็พลันหยุดชะงัก มองคุณย่าเฉินอย่างไม่พอใจ
คุณย่าเฉินแค่นเสียง “จ้องฉันทำไม? ฉันพูดผิดงั้นรึ?”
“ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ย่าพูดต่อเถอะ”
เฉินเจียวั่งพูดจบก็หันไปทำโมเดลของเขาต่อ
หลินเซี่ยตวัดสายตามองเฉินเจียวั่งที่ก้มหน้าต่อโมเดล เธอยิ้มพูด “อีกไม่กี่วันฉันก็จะไปสวัสดีปีใหม่บ้านอวี่เฟยแล้ว ให้เจียวั่งไปกับฉันก็ได้ค่ะ”
“วันไหน?” เฉินเจียวั่งพลันเงยหน้าขึ้นมาถาม
หลินเซี่ยตอบ “วันมะรืนก็แล้วกัน”
“ได้” เฉินเจียวั่งตอบรับอย่างรวดเร็ว
ท่าทางของเฉินเจียวั่งต่างจากเมื่อครู่ก่อนราวคนละคนจนหลินเซี่ยหมดคำจะพูด
“คุณย่า ดูท่าทางกระตือรือร้นของเขาสิคะ ไปคนเดียวคงเขินเลยไม่กล้าไปล่ะสิ”
ได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย คุณย่าเฉินค่อยถึงบางอ้อ “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ย่านึกว่าพวกเขาเลิกกันแล้วเสียอีก กลุ้มใจแทบแย่”
คุณย่าเฉินอารมณ์ดีขึ้น ดวงตาของเฉินเจียวั่งก็เป็นประกายอย่างเห็นได้ชัด
……..
วันที่สามของปีใหม่ เฉินเจียเหอกับหลินเซี่ยไปบ้านตระกูลเซี่ย บ้านตระกูลเซี่ยถือว่าเป็นบ้านน้าชายของเธอ ตามธรรมเนียมแล้ว วันที่สามต้องมาสวัสดีปีใหม่คุณตากับน้าชาย
น้าชายกับแม่ของเธอเพิ่งมาเจอกันทีหลัง แต่ในสายตาของหลินเซี่ย เขาก็เป็นเหมือนน้าแท้ ๆ ของเธอ
คุณแม่เซี่ยกับเซี่ยเหลยจะไปสวัสดีปีใหม่ผู้อาวุโสเย่ที่บ้านของเย่ไป๋ เซี่ยไห่ตัดสินใจพาลินดาไปบ้านตระกูลเซี่ยเพื่อไปทักทายญาติ ๆ
แค่คิดเขาก็รู้แล้วว่าถ้าวันนี้ไปบ้านตระกูลเย่จะเผชิญหน้ากับอะไร
จะต้องเป็นการกดดันให้แต่งงานอีกแน่นอน
ตัวเขาเองอย่างไรก็ได้ กลัวก็แต่คุณนายบ้านเขาเอาแต่พูดกดดันไม่หยุด ถ้าลินดารู้สึกกดดันแล้วทิ้งเขาไปก็แย่น่ะสิ
ลินดาจัดการเรื่องราวรวบรัดเด็ดขาดแค่ไหน เขาเคยได้รับการสั่งสอนมาแล้ว
การมาถึงของเฉินเจียเหอกับหลินเซี่ยก็ได้รับการต้อนรับจากคนตระกูลเซี่ยเป็นอย่างดี
หลินเซี่ยสามารถมาเยี่ยมที่นี่ในช่วงเวลานี้แสดงชัดว่าเธอเห็นพวกเขาเป็นญาติแท้ ๆ ของตนเอง
เห็นว่าเซี่ยไห่ก็มาด้วย พวกเขายิ่งดีใจมาก
แต่เมื่อเห็นลินดาที่ยืนอยู่ข้างกายเขาก็ประหลาดใจอยู่บ้าง
เซี่ยไห่คล้องแขนลินดา แนะนำด้วยสีหน้าขัดเขิน “อาเซี่ย น้าเซี่ย นี่คือลินดา แฟนผมเองครับ เป็นผู้จัดการของพี่สาวผม คนฮ่องกง”
เมื่อได้ยินว่าเป็นแฟนของเซี่ยไห่ ดวงตาของผู้เฒ่าเซี่ยก็สว่างวาบ เขายิ้มเอ่ยกับลินดา
“แม่หนู พวกเราเคยเจอกันมาก่อน ที่แท้เธอก็เป็นแฟนของเซี่ยไห่นี่เอง?”
ผู้เฒ่าเซี่ยไม่กล้าบอกว่าตอนเจอลินดาที่งานเปิดร้านของหลินเซี่ย เขาเข้าใจว่าหล่อนเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งเสียอีก
คิดไม่ถึงว่าเป็นผู้หญิง ทั้งยังเป็นแฟนสาวของเซี่ยไห่
เซี่ยไห่พูดมาตลอดว่าจะไม่มีแฟนและไม่แต่งงาน
ท่าทางเหมือนคนไม่เคยชอบใครมาก่อน
ผู้หญิงที่แต่งตัวแบบนี้ในเมืองไห่เฉิงมีน้อยมากจริง ๆ
ไม่ง่ายเลยกว่าเซี่ยไห่จะมีแฟน ผู้เฒ่าเซี่ยย่อมต้องพูดชมเซี่ยไห่ต่อหน้าแฟนสาวให้มากหน่อย เขามองลินดาพลางเอ่ย “แม่หนู เธอตาแหลมจริง ๆ เซี่ยไห่เป็นเด็กดี หาเงินเก่ง นิสัยเปิดเผยร่าเริง วันหน้าถ้าใช้ชีวิตร่วมกับเขาจะต้องครึกครื้นมากแน่นอน”
ลินดาตอบยิ้ม ๆ “ใช่ค่ะ อยู่กับเขาแล้วครึกครื้นดีจริง ๆ”
เซี่ยไห่ได้ยินแล้วมุมปากกระตุกยิบ ชั่วขณะนั้นไม่รู้ว่าสองคนนี้กำลังชมเชยเขาหรือนินทาเขาอยู่กันแน่
“มา ทุกคนมานั่งลงเถอะ”
ทุกคนเข้ามาสวัสดีปีใหม่ผู้เฒ่าเซี่ยกับภรรยา ผู้เฒ่าเซี่ยยังเตรียมอั่งเปาไว้ให้ บรรยากาศเป็นพิธีรีตองอย่างมาก
ลินดามองอั่งเปาที่ผู้อาวุโสให้มาแล้วก็ทั้งดีใจและซาบซึ้งใจ
“ขอบคุณค่ะคุณตา คุณยาย”
“ขอบคุณตาทวดกับยายทวดครับ” หู่จือโขกศีรษะคำนับผู้อาวุโส รับอั่งเปาด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว ท่าทางน่ารักน่าชัง
คุณครูจางแม่ของเซี่ยหลานเมื่อก่อนเป็นคนเข้มงวดมาก แต่พอคนแก่ตัวลงก็ชอบเด็ก ๆ นางลูบศีรษะหู่จืออย่างปลื้มใจ สีหน้าเมตตาปรานี
สำหรับหลินเซี่ย เมื่อก่อนนางแค้นใจที่เหล็กไม่เป็นเหล็กกล้า ต่อมาเป็นเพราะการสอนการบ้านให้หลินเซี่ยนั้นน่าเหนื่อยหน่ายเกินไป บวกกับงานยุ่ง จึงไม่ได้มาสนใจเรื่องการเรียนของหลินเซี่ยอีก
หลินเซี่ยไม่ได้ประสบความสำเร็จด้านการเรียน แต่ชีวิตในตอนนี้กลับเกิดความเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง อาศัยทักษะวิชาชีพจนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ทั้งยังมีครอบครัวที่มีความสุขของตัวเอง คุณครูจางจึงเริ่มมองหลินเซี่ยใหม่อีกครั้ง รวมถึงเริ่มทบทวนวิธีการสั่งสอนของตัวเองใหม่
สามร้อยหกสิบวิชาชีพ ทุกวิชาชีพล้วนมีผู้เชี่ยวชาญของด้านนั้น บางทีที่ผ่านมาพวกตนอาจใช้วิธีการผิดไป ทุกคนล้วนมีความสามารถ ขอเพียงวางคนผู้นั้นไว้ในตำแหน่งที่ถูกต้อง
เทียบกับความรู้แล้ว ในฐานะที่พวกตนเป็นคุณครู สิ่งแรกที่ควรสอนพวกเด็ก ๆ ก็คือ…การเป็นคน
คุณครูจางมองหลินเซี่ย รู้สึกปลื้มปีติจากใจจริง เด็กคนนี้เป็นคนที่ตาของเธอสั่งสอนมา ถือว่าไม่ได้ทำให้พวกเขาขายหน้า
ในความทรงจำของหลินเซี่ยกลับไม่ได้ใกล้ชิดกับคุณยายผู้นี้สักเท่าใด
ตอนยังเด็กเธอกลัวคุณยายมาก ไม่กล้าเข้าใกล้คุณยายที่แสนเข้มงวดผู้นี้
ตอนนี้ จิตใจของเธอแข็งแกร่งแล้ว สามารถเผชิญหน้ากับทุกคนได้อย่างเป็นธรรมชาติ
แต่ต่อหน้าคุณยายก็ยังคงไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะฝ่ายตรงข้ามเคร่งขรึม เธอไม่กล้าแสดงตัวร่าเริงเกินไปนัก ไม่รู้ว่าควรคุยกันเรื่องอะไรดี
ทักทายง่าย ๆ ไปไม่กี่ประโยค หู่จือก็ดึงมือเธอบอกว่าอยากออกไปแล้ว
“แม่ครับ พวกเราไปหาน้าเล็กคนนั้นกันเถอะ”
ระหว่างทาง หลินเซี่ยบอกหู่จือแล้วว่าวันนี้จะต้องไปพูดคุยกับน้าเล็กที่นอนอยู่บนเตียงคนนั้น
หลังจากหู่จือเห็นมือของเสิ่นอวี้หลงขยับที่บ้านผู้อาวุโสเย่คราวนั้น หลินเซี่ยก็ไม่ได้พาเขาไปหาเสิ่นอวี้หลงอีก
“ได้ เดี๋ยวแม่พาลูกไปสวัสดีปีใหม่คุณน้ากันนะ”
หลินเซี่ยจะไปหาเสิ่นอวี้หลงจึงเรียกเซี่ยหลานไปด้วย
เสิ่นอวี้หลงนอนอยู่ตรงนั้น เซี่ยหลานเปลี่ยนชุดใหม่ให้เขาแล้ว ข้างหัวเตียงยังมีซองแดงที่ผู้เฒ่าเซี่ยกับเซี่ยตงให้เขาวางอยู่
แม้เสิ่นอวี้หลงจะยังไม่รู้สึกตัว แต่ความรักและความปรารถนาดีที่ผู้ใหญ่ในบ้านมีให้เขาก็ไม่ได้น้อยลงไป
สิ่งที่เด็กคนอื่นได้รับ เขาก็ได้รับเช่นกัน
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งชวนให้คนพบเห็นรู้สึกเศร้าใจ
ถ้าเขาแค่เพียงนอนหลับไปจะดีแค่ไหนกัน ถ้าเขาหลับไปชั่วคราวแล้วตื่นขึ้นมา เอาเงินอั่งเปานี้ไปจับจ่ายใช้สอยก็คงดี
ช่วงปีใหม่แบบนี้หลินเซี่ยไม่อยากคิดถึงเรื่องเศร้า แต่ก็รู้สึกตื้อในอกอย่างอดไม่ได้
โดยเฉพาะเมื่อเห็นเซี่ยหลานที่มีสีหน้าอิดโรยฝืนทำตัวเข้มแข็ง เธอก็ยิ่งรู้สึกจนปัญญา
ถ้าเป็นปัญหาอื่น เธอยังสามารถช่วยแก้ไขแบ่งเบาภาระได้
แต่เรื่องการรักษาคนแบบนี้ เธอทำได้เพียงมองดูอย่างจนปัญญา
ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อวี้หลงจะฟื้นขึ้นมาตอนไหนกันน้า อยากให้ฟื้นขึ้นมาใช้ชีวิตอย่างคนอื่นๆ แล้ว
ไหหม่า(海馬)