ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 659 มรสุมผ่านพ้น ฟ้าหลังฝนก็มาเยือน
ตอนที่ 659 มรสุมผ่านพ้น ฟ้าหลังฝนก็มาเยือน
เซี่ยเหลยตอบ “วันนี้เซี่ยเซี่ยติดธุระเลยไม่ได้มาน่ะครับ”
“จังหวะไม่ดีจริง ๆ ผมตั้งใจว่าจะมาขอบคุณหล่อนสักหน่อย”
พ่อของชุนฟางล้วงธนบัตรห้าสิบหยวนใหม่เอี่ยมออกมาจากกระเป๋า บอกว่าเตรียมมาให้อั่งเปาหู่จือ
เดิมทีตั้งใจว่าจะให้หู่จือตอนเจอหน้ากันวันนี้ แต่ปรากฏว่าหู่จือไม่มาจึงได้แต่ฝากเงินไว้กับคุณแม่เซี่ย ตอนพบกันคราวหน้าค่อยเอาให้หู่จือ
คุณแม่เซี่ยยิ้มกล่าว “พ่อชุนฟาง ไม่ต้องเกรงใจไปหรอก หู่จือไม่มาก็ไม่เป็นไร รอปีหน้าค่อยให้ก็ได้”
แต่พ่อของชุนฟางยืนยันว่าจะให้ เขาวางเงินไว้บนโต๊ะน้ำชา เอ่ยเน้นหนักว่า “ไม่ได้หรอกครับ ผมเตรียมมาให้หู่จือโดยเฉพาะ อย่าได้รังเกียจว่าน้อยไปเลย ถ้าหู่จือมาจะต้องให้เขาให้ได้นะครับ อีกไม่กี่วันผมก็ต้องกลับไปทำงานแล้ว อาจไม่มีเวลามาหาอีก”
“เถ้าแก่หลินเป็นผู้มีพระคุณของชุนฟาง ถ้าไม่ใช่เพราะเถ้าแก่หลินเห็นความสามารถ รับชุนฟางมาจากร้านตัดผมของรัฐ ตอนนี้ลูกสาวผมอาจตกงานกลับไปอยู่บ้านแล้วก็ได้”
ได้ยินว่ากิจการร้านตัดผมรัฐซบเซา ลูกค้าประจำของช่างตัดผมเหล่านั้นก็หายหน้าหายตาไปแล้ว
คิดว่าอีกไม่นานก็คงต้องเปลี่ยนงานแล้ว
ชุนฟางได้มาเจอหลินเซี่ยต้องกล่าวได้ว่าโชคดีโดยแท้
เห็นพ่อของชุนฟางยืนกราน หลินจินซานก็ว่าตามนั้น
“คุณย่า รับไว้เถอะครับ นี่เป็นน้ำใจของคุณอาคุณน้า”
คุณแม่เซี่ยจึงยิ้มรับเอาไว้
ในฐานะพ่อแม่ของหลินจินซาน วันนี้เซี่ยเหลยกับหลิวกุ้ยอิงจึงหารือเรื่องงานแต่งของหลินจินซานกับชุนฟางบ้างเล็กน้อย
พ่อของชุนฟางบอกว่ายินดีให้ทั้งสองแต่งงานกันเร็วหน่อย ทุกคนล้วนดีใจมาก
วันนี้ญาติฝ่ายหญิงมาเยี่ยมสวัสดีปีใหม่ จึงยังไม่ได้ลงรายละเอียดกันมากนัก
เซี่ยเหลยบอกว่ารอวันไหนพวกเขาไปสู่ขออย่างเป็นทางการค่อยคุยกันเรื่องสินสอดอีกที
การสู่ขอต้องให้ผู้ใหญ่ฝ่ายชายไปเยือนบ้านฝ่ายหญิง
พ่อแม่ของชุนฟางเห็นคนตระกูลเซี่ยรู้กาลเทศะเช่นนี้ก็เคารพความคิดของพวกเขา รู้สึกประทับใจต่อคนตระกูลเซี่ยมาก
ไม่ว่าด้านไหนพวกเขาล้วนเหนือกว่าพวกตน แต่ก็ยังทำอะไรตามกำลังของตนเอง ปราศจากท่าทีดูแคลนพวกตน
ผู้หญิงเวลาแต่งงานกับใครสักคน กล่าวถึงที่สุดแล้วก็คือการแต่งให้ครอบครัวของเขา
สิ่งที่พ่อแม่ของชุนฟางกังวลมากที่สุดก็คือกลัวว่าฐานะทางบ้านของพวกตนดูธรรมดาเกินไป แล้วครอบครัวของหลินจินซานจะไม่ชอบพวกเขา
เมื่อได้พบกันครั้งนี้ ในที่สุดพวกเขาก็สลายความกังวลนี้ไปได้เสียที
พวกเขาดีใจมากที่ลูกสาวได้มาพบกับครอบครัวที่ดีเช่นนี้
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เพียงเรื่องฐานะครอบครัว
เซี่ยเหลยยังบอกว่าพวกเขาจะเตรียมที่พักอีกที่หนึ่งไว้สำหรับเตรียมงานแต่งให้หลินจินซาน เดี๋ยวนี้คนหนุ่มสาวชอบแยกออกไปอยู่กันเองมากกว่า
แม่ของชุนฟางได้ยินอย่างนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ อยู่กับทุกคนก็ดีแล้ว พวกเราไม่มีความเห็นใดๆ ทั้งนั้น คนหนุ่มสาวอย่างพวกเขาอาศัยอยู่กับผู้ใหญ่ ตามหลักแล้วก็ควรเคารพกตัญญูต่อผู้ใหญ่”
พูดจบยังหันไปทางลูกสาว กำชับว่าต่อไปจะต้องเคารพกตัญญูต่อผู้ใหญ่
ชุนฟางย่อมขานรับอย่างว่าง่าย
เซี่ยเหลยพูด “พวกเราอายุยังน้อย รอแก่ตัวเมื่อไหร่ค่อยพึ่งพาพวกเด็ก ๆ ก็ได้ ตอนนี้ให้พวกเขาใช้ชีวิตของตัวเองดีกว่า”
คุณแม่เซี่ยเสริม “ใช่แล้ว คนหนุ่มสาวก็ควรได้ใช้ชีวิตของคนหนุ่มสาว รอจนพวกเขามีลูก ฉันจะเลี้ยงให้เอง ร่างกายฉันยังแข็งแรงดีอยู่นะ”
กล่าวได้ว่าคู่ของชุนฟางกับหลินจินซานไม่มีอะไรให้คนในครอบครัวต้องกังวล
พ่อแม่ของชุนฟางเป็นคนเข้าใจเหตุผลและซื่อสัตย์มาก ลูกสาวได้มาพบคู่ชีวิตที่พึ่งพาได้ พวกเขาก็วางใจแล้ว
ทั้งสองบ้านเข้ากันได้เป็นอย่างดี
แม้แต่เซี่ยเหลยที่เป็นคนจู้จี้จุกจิกยังพูดว่าหลินจินซานเป็นคนที่โชคดีมาก
ไม่ได้เจอพ่อตาแม่ยายเจ้าปัญหา คบหากับแฟนสาวอย่างอิสระ ความสัมพันธ์ไม่มีสะดุด สามารถแต่งงานกันได้อย่างราบรื่น
เรื่องนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลลัพธ์จากความพยายามของหลินจินซาน ส่วนหนึ่งยังเป็นเพราะการสนับสนุนของครอบครัวตระกูลเซี่ย
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การมีผลลัพธ์ที่ดีเช่นนี้ได้เป็นสิ่งที่ทุกคนดีใจที่ได้เห็นมากแล้ว
ตอนหลิวกุ้ยอิงทำอาหารอยู่ในครัว พ่อแม่ของชุนฟางก็ยืนกรานให้ชุนฟางเข้าไปช่วยงานในครัว
กำชับลูกสาวไม่หยุดว่าหล่อนจะต้องรู้ความ ขยันขันแข็ง อย่าคอยแต่ให้ผู้อาวุโสมาปรนนิบัติ
ชุนฟางมีฝีมือทำอาหารมาก เข้าไปทำอาหารหลายอย่างด้วยกันกับหลิวกุ้ยอิง ตอนที่ทุกคนชมอาหารฝีมือชุนฟาง พ่อแม่ของชุนฟางมีสีหน้าภาคภูมิใจมาก
ทั้งยังวางใจ
คนรุ่นพวกเขามีความคิดอนุรักษ์นิยม การสั่งสอนลูกสาวก็มีแต่เรื่องสนุบสนุนสามีเลี้ยงลูก ซักผ้าทำอาหาร ฝีมือทำอาหารเป็นสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้ แม่ของชุนฟางจึงสอนหล่อนทำอาหารมาตั้งแต่เด็ก เรื่องเย็บปักถักร้อยก็ทำเป็น
แม้ตอนนี้ชุนฟางจะเป็นช่างตัดผมที่มีความสามารถของร้านตัดผมของหลินเซี่ย แต่สำหรับพวกเขา ลูกสาวจะต้องมีฝีมือในการทำอาหาร
นี่คือสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตในอนาคต
ตอนบ่าย หลังจากคนในครอบครัวของชุนฟางกลับไป คุณแม่เซี่ยก็เริ่มตบหน้าตัก
ปีใหม่คราวนี้ช่างเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับครอบครัวจริง ๆ คำอวยพรที่หู่จือพูดตอนมาอวยพรปีใหม่ล้วนเป็นจริงหมดแล้ว
คุณแม่เซี่ยมองหลิวกุ้ยอิงกับเซี่ยเหลย แล้วมองหลินจินซานที่กำลังทำความสะอาดอย่างอารมณ์ดี
แล้วก้มหน้ามองตัวเอง รู้สึกจากใจจริงว่าครอบครัวของตนเองกำลังจะพบฟ้าหลังฝนหลังจากมรสุมผ่านไปแล้ว
เรื่องแต่งงานของเด็ก ๆ ล้วนราบรื่น
ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ของฝ่ายตรงข้ามหรือคนหนุ่มคนสาวล้วนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
สงสัยปีนี้จะได้จัดงานแต่งหลายรอบแล้วกระมัง
คุณแม่เซี่ยรู้สึกลึก ๆ ว่าในเรื่องนี้เป็นความดีความชอบของเฉินเจียเหอกับหลินเซี่ย
น่าจะเป็นเพราะคนหนุ่มสาวที่ยังโสดเหล่านั้นเห็นว่าเฉินเจียเหอกับหลินเซี่ยมีชีวิตแต่งงานที่มีความสุข พวกเขาจึงเริ่มครุ่นคิดเรื่องแต่งงาน
ค่อย ๆ มีความคิดอยากสร้างครอบครัวขึ้นมา
ไม่อย่างนั้น เด็กหลายคนนี้คงยังลอยไปลอยมาอยู่แน่นอน
คุณแม่เซี่ยคิดถึงตรงนี้ก็เริ่มคิดถึงหลานสาวขึ้นมา
และยังคิดถึงหู่จือ อยากมอบอั่งเปาที่พ่อของชุนฟางฝากไว้ให้เขา
ดังนั้น นางจึงยกโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาหลินเซี่ยเพื่อถามว่าเย็นนี้ว่างหรือเปล่า อยากมากินข้าวเย็นที่นี่ด้วยกันไหม
ยามนี้หลินเซี่ยกับเฉินเจียเหอกำลังพาเฉินเจียวั่งไปทักทายปีใหม่ครอบครัวของเจียงอวี่เฟย
หลินเซี่ยโทรบอกเจียงอวี่เฟยล่วงหน้าแล้ว เจียงอวี่เฟยได้ยินว่าพวกเธอจะมาก็ลุกมาทำความสะอาดบ้าน อาบน้ำแต่งตัวแต่เช้าตรู่
แม้หวังซิ่วฟางกับเจียงกั๋วเซิ่งยังไม่จัดงานแต่ง ทว่าตั้งแต่เจียงอวี่เฟยกับเจียงกั๋วเซิ่งรับพวกหล่อนแม่ลูกมา พวกเขาก็อาศัยอยู่ด้วยกันมานับแต่นั้น
นี่เป็นการแต่งงานครั้งที่สองของหวังซิ่วฟาง จึงไม่มีใครถือสาเรื่องนี้ ในบ้านเจียงยังมีห้องนอนสองห้อง สามารถอาศัยอยู่ด้วยกันได้
ตอนนี้หวังซิ่วฟางก็เป็นแม่บ้านเต็มตัวแล้ว ได้ยินว่าพวกหลินเซี่ยจะมา ก็ไปเตรียมอาหารในครัวกับเจียงอวี่เฟย
เจียงอวี่เฟยสวมเสื้อไหมพรมสีแดงเข้ากับบรรยากาศช่วงปีใหม่และสวมกางเกงยีนส์ มัดผมทรงหางม้า แลดูสดใสสมวัยมาก
เมื่อเห็นเฉินเจียวั่งที่เดินตามมาข้างหลังก็แย้มยิ้มบาง กล่าวทักทายหลินเซี่ยแล้วเชิญแขกเข้าบ้าน
เจียงกั๋วเซิ่งเห็นหลินเซี่ยก็ยิ้มพูด “เซี่ยเซี่ย ดูเธอสิ ร่างกายไม่สะดวกแล้วยังมาสวัสดีปีใหม่บ้านฉันอีก เห็นเป็นคนอื่นคนไกลไปแล้ว เมื่อวานพวกฉันยังบอกกับอวี่เฟยอยู่เลยว่าให้ถามว่าพวกเธอกลับบ้านกันแล้วหรือยัง ถ้ากลับแล้ว พวกฉันจะได้ไปเยี่ยมเธอที่บ้านหลังใหม่”
เจียงกั๋วเซิ่งเคยได้รับความช่วยเหลือจากหลินเซี่ย
หากมองในมุมกว้างแล้ว หลินเซี่ยนับว่าเป็นผู้ช่วยชีวิตเขา
ตอนนั้นถ้าไม่ได้หลินเซี่ยเตือนให้เขาระวังเสิ่นเถี่ยจวินกับหลิวจื้อหมิงเอาไว้ เกรงว่าคนที่ต้องเข้าไปกินข้าวแดงในคุกคงเป็นเขาแล้ว
แต่หลินเซี่ยกับเฉินเจียเหอพักอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ในเขตทหาร ที่นั่นเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างพิเศษ
เจียงกั๋วเซิ่งไม่ค่อยสนิทกับคนตระกูลเฉิน เกรงว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจเจตนาของเขาผิด จึงไม่สะดวกจะไปสวัสดีปีใหม่ที่บ้านตระกูลเฉิน
ถ้าจะไปบ้านตระกูลเซี่ย ก่อนหน้านี้เขาก็เคยลองจีบหลิวกุ้ยอิงมาก่อน
แบบนั้นยิ่งน่ากระอักกระอ่วน
เขาจึงพูดกับเจียงอวี่เฟยว่ารอให้หลินเซี่ยกลับบ้านหลังเล็กของตัวเองก่อน พวกเขาค่อยไปทักทายปีใหม่
คิดไม่ถึงว่าหลินเซี่ยจะแบกท้องมาหาเสียก่อน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ชีวิตแต่ละคนดูมีความหวังมากเลย ตั้งแต่ไร้เงาคนตระกูลเสิ่น
ไหหม่า(海馬)