ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 660 เสียงส่วนน้อยต้องเคารพเสียงส่วนมาก
ตอนที่ 660 เสียงส่วนน้อยต้องเคารพเสียงส่วนมาก
เฉินเจียวั่งเดินตามหลังพี่ชายพี่สะใภ้เข้าไปในบ้านตระกูลเจียง
เขามาบ้านเจียงอวี่เฟยเป็นครั้งแรก รู้สึกไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าใด นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขามาเยี่ยมทักทายปีใหม่บ้านคนอื่น
“เฉินกง เชิญ ๆ” เจียงกั๋วเซิ่งดีใจมากที่เฉินเจียเหอมาเยี่ยมบ้าน รู้สึกทั้งประหม่าและตื่นเต้น
แต่สถานการณ์นี้กลับค่อนข้างชวนลำบากใจสำหรับเฉินเจียเหอ
ปีใหม่คราวนี้เขาไปเยี่ยมทักทายหลายบ้าน ยังมากกว่าจำนวนครั้งที่เขาไปเยี่ยมสวัสดีปีใหม่บ้านคนรู้จักช่วงก่อนอายุสามสิบรวมกันเสียอีก
เมื่อก่อนเขาไม่ได้ไปเยี่ยมบ้านญาติช่วงปีใหม่
ปีนี้เขาไปเยี่ยมบ้านญาติกับภรรยาตั้งแต่วันที่สองมาก็ไม่ได้พักเลย
ความจริงวันนี้เขาไม่จำเป็นต้องมา แต่ว่า…
ภรรยาของเขาท้องโตแล้ว ให้ออกมากับเจ้าสามบ้านเขาตามลำพังดูไม่ค่อยเหมาะสม เกิดอะไรขึ้นน้องสามีก็ไม่สะดวกจะดูแล
เขาจึงตามมาด้วย
พอเขามา หู่จือก็มาเหมือนกัน
พอหู่จือเข้ามา เสี่ยวฮวาก็พาเด็กชายไปกินของอร่อยอย่างเบิกบานใจ
หวังซิ่วฟางสวมผ้ากันเปื้อนเดินออกมาจากในครัว
พอเห็นหลินเซี่ยกับเฉินเจียเหอก็ต้อนรับอย่างอบอุ่น
ในช่วงปีใหม่ พอในบ้านมีแม่บ้านคอยดูแล บรรยากาศในบ้านก็เปลี่ยนไป
สมาชิกทั้งสี่ในครอบครัวแลดูเข้ากันได้ดี บรรยากาศอบอุ่นมาก
เจียงกั๋วเซิ่งโอภาปราศรัยกับเฉินเจียเหอเล็กน้อย ความสนใจค่อยหันเหไปทางเฉินเจียวั่งที่มีสีหน้าประหม่า
สายตาของเจียงอวี่เฟยอยู่ที่เฉินเจียวั่งตลอดเวลา อยากบอกให้เขานั่งลง แต่ดูเหมือนว่าเฉินเจียวั่งจะประหม่ามาก หล่อนไม่ได้เจอเฉินเจียวั่งมาพักใหญ่ จึงไม่รู้ว่าควรชวนเขาพูดเรื่องอะไรดี
เจียงอวี่เฟยว้าวุ่นใจมาก ไม่รู้ว่าทำไมเฉินเจียวั่งถึงมาทักทายปีใหม่ที่บ้านตนเอง
เขามาสวัสดีปีใหม่ในฐานะอะไร?
เจียงกั๋วเซิ่งมองสีหน้าเขินอายของลูกสาวสลับกับชายหนุ่มที่ยืนไม่พูดไม่จา เขายิ้มเอ่ยว่า “นี่คงเป็นเจียวั่งสินะ? มาสิ นั่งลงเถอะ”
เฉินเจียวั่งได้ยินเสียงเจียงกั๋วเซิ่งก็เงยหน้าขึ้นทักทายอย่างสุภาพ “สวัสดีปีใหม่ครับคุณอา!”
“สวัสดีปีใหม่ สวัสดีปีใหม่” เจียงกั๋วเซิ่งมองเขาด้วยแววตาชื่นชม “เด็กคนนี้หล่อเหลาขึ้นทุกทีแล้ว มา นั่งลงสิ”
เจียงกั๋วเซิ่งหันไปพูดกับเจียงอวี่เฟย “อวี่เฟย ทำไมยังนิ่งอยู่? ไปยกน้ำกับของว่างมาสิ”
“อ้อ ค่ะ”
เจียงอวี่เฟยได้สติคืนมา รีบไปยกน้ำเปล่าน้ำชาเมล็ดแตงกับของหวานออกมา
หลินเซี่ยคุยสัพเพเหระกับเจียงกั๋วเซิ่งได้ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงหวังซิ่วฟางทำอาหารดังมาจากในครัว เธอหัวเราะเสียงเบา
“ลุงเจียง คุณกับพี่สาวหวังอยู่ด้วยกันแล้ว? จะจัดงานแต่งเมื่อไหร่คะ? พวกเรารอดื่มเหล้ามงคลอยู่นะ”
เธอพูด “เมื่อก่อนพวกเราเป็นเพื่อนบ้านกันก็นับได้ว่าเป็นคนจากบ้านเดิม พวกคุณแต่งงานเมื่อไหร่อย่าลืมเชิญพวกเราด้วยนะคะ”
เจียงกั๋วเซิ่งยิ้มกล่าว “รอจนพ้นช่วงปีใหม่กลับไปทำงานตามปกติ พวกฉันไปจดทะเบียนสมรสก็พอแล้ว อายุปูนนี้จะจัดงานแต่งไปทำไม? ไปจดทะเบียนด้วยกันก็พอ”
เจียงอวี่เฟยเปิดขวดเครื่องดื่มส่งให้เฉินเจียวั่งแล้วนั่งลงข้างเขา เฉินเจียวั่งกระถดหนีอย่างประหม่า
เจียงอวี่เฟยพูดกับเจียงกั๋วเซิ่ง
“พ่อ ทำไมพ่อถึงคิดอย่างนั้นล่ะ? อายุปูนนี้อะไรกัน? น้าหวังเพิ่งอายุเท่าไหร่เอง? หล่อนยังสวยขนาดนี้ ยังไงก็ต้องสวมชุดแต่งงานหน่อยสิ พวกพ่อจะได้อุดหนุนกิจการของเซี่ยเซี่ยไปด้วย ถึงจะไม่จัดงานแต่ง อย่างน้อยก็ควรเชิญญาติ ๆ มากินข้าวด้วยกัน ไม่อย่างนั้นใครจะรู้ว่าพ่อแต่งงานแล้ว?”
เจียงกั๋วเซิ่งกลับไม่เห็นด้วยกับความคิดของลูกสาว “เด็กคนนี้ ฉันแต่งงานก็ต้องป่าวประกาศให้โลกรู้เหรอ? คนอื่นได้หัวเราะท้องแข็งกันพอดีน่ะสิ?”
ตอนนี้เจียงกั๋วเซิ่งเป็นผู้อำนวยการโรงงานเครื่องจักร เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง เขาจึงค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัว บวกกับอายุมากแล้ว จึงไม่อยากทำให้เอิกเกริกเกินไป
เขาคิดว่าตนเองกับหวังซิ่วฟางแต่งงานครั้งที่สองกันทั้งคู่ ถึงเวลาก็ไปจดทะเบียนสมรส รับพวกหล่อนสองแม่ลูกเข้ามาอยู่ด้วยอย่างเป็นทางการ
แน่นอนว่าสินสอดที่ควรให้เขาก็จะให้หวังซิ่วฟาง ทั้งยังให้การรับรองหล่อนอย่างเต็มที่
เขาไม่อยากจัดพิธีใหญ่โตให้วุ่นวาย
เจียงอวี่เฟยพูด “อย่างน้อยก็ควรให้พวกแม่สื่อที่คอยแนะนำคู่ดูตัวให้พ่อรู้เรื่องด้วยนะ พวกหล่อนจะได้ตัดใจเสียที”
“มีแม่สื่อมาแนะนำคู่ดูตัวให้ฉันที่ไหนกัน ลูกอย่าพูดเหลวไหล” เจียงกั๋วเซิ่งตวัดสายตามองผู้มาเป็นแขก ถลึงตาให้เจียงอวี่เฟยอย่างเคือง ๆ บอกเป็นนัยให้ลูกสาวเงียบไปได้แล้ว
“ได้ งั้นพ่อไม่ต้องจัดงานก็ได้” เจียงอวี่เฟยอธิบายให้เขาฟังอย่างจริงจัง “พ่อ พ่อดูสิตอนนี้เข้าสู่สังคมยุคใหม่แล้ว แต่งงานทั้งทีก็ต้องถ่ายรูปแต่งงานเอามาแขวนไว้บนผนังบ้าน เห็นแล้วโรแมนติกจะตายไป รอจนพ่อแก่ตัวไปได้มาเห็นตัวเองสมัยหนุ่มก็ถือว่าเป็นที่ระลึกถึงช่วงเวลาดี ๆ เซี่ยเซี่ยยังเปิดร้านเช่าชุดแต่งงานทำผมแต่งหน้าให้เจ้าสาว พวกพ่อต้องถ่ายรูปไว้นะ”
เจียงอวี่เฟยหวังจากใจจริงว่าพ่อของหล่อนกับหวังซิ่วฟางจะถ่ายรูปแต่งงานเอาไว้เป็นที่ระลึก
อีกด้านหนึ่งก็อยากอุดหนุนกิจการของหลินเซี่ย
หลินเซี่ยเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของหล่อน ช่วยเหลือหล่อนมามาก หล่อนได้แต่ตอบแทนด้วยวิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้
“เรื่องอุดหนุนกิจการของเซี่ยเซี่ยยกให้ลูกดีกว่า รอจนลูกแต่งงานก็ไปถ่ายรูปแต่งงาน ถ่ายไว้เยอะ ๆ จนแขวนได้เต็มบ้านเลยก็ยังได้” เจียงกั๋วเซิ่งพูดขณะที่สายตามองไปทางเฉินเจียวั่งอย่างแฝงเลศนัย
เขาพูด “ถึงตอนนั้นพวกเธอก็ถ่ายรูปพ่อกับน้าหวังไปด้วยก็ได้ พ่อออกเงินให้เอง พวกเราอายุมากแล้ว ลูกอย่ามากดดันพวกพ่อเลย”
เฉินเจียวั่งกำลังดื่มเครื่องดื่ม เขารู้สึกแปลก ๆ เหมือนว่าสายตาของเจียงกั๋วเซิ่งจับจ้องตนเองตลอดเวลาที่คุยกับเจียงอวี่เฟย
เขาหลบสายตาของเจียงกั๋วเซิ่ง ก้มหน้าแทะเมล็ดแตง
“พ่อ พ่อเป็นหัวหน้าจนติดเป็นนิสัยแล้วเหรอ? พ่อเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่เกินไปแล้ว เรื่องนี้พ่อควรไปถามความเห็นของน้าหวังด้วยสิว่าอยากถ่ายภาพแต่งงานหรือเปล่า ถ้าน้าหวังอยากถ่ายพ่อก็ต้องให้ความร่วมมือ อายุมากอะไรกัน? น้าหวังของหนูเพิ่งอายุสามสิบต้น ๆ หน้าตาสะสวยขนาดนี้ ไม่ถ่ายรูปแต่งงานก็น่าเสียดายแย่น่ะสิ”
เจียงกั๋วเซิ่งได้ยินลูกสาวพูดถึงอายุก็รู้สึกเหมือนถูกมีดปักอก
ใช่แล้ว หวังซิ่วฟางเพิ่งสามสิบสอง ส่วนเขาอายุมากกว่าหล่อนนับสิบปี
เขากลัวว่าพอหวังซิ่วฟางแต่งเนื้อแต่งตัว เขาไปยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วจะกลายเป็นโฉมงามกับเจ้าชายอสูร
กลัวว่าหวังซิ่วฟางจะเสียใจทีหลัง
“ไป ๆ ไปช่วยน้าหวังของลูกทำอาหารไป”
เจียงอวี่เฟยลุกไปเข้าครัว แต่ไม่ได้ช่วยหวังซิ่วฟางทำอาหาร กลับดึงหวังซิ่วฟางออกมาจากในครัว
หล่อนคล้องแขนหวังซิ่วฟาง ทั้งสองคนยืนอยู่ตรงหน้าเจียงกั๋วเซิ่ง เจียงอวี่เฟยพูด “น้าหวัง ถ้าพ่อหนูไม่ไปถ่ายรูปแต่งงานกับน้าก็อย่าเพิ่งแต่งกับเขาเลยนะคะ รอจนเขาเต็มใจถ่ายรูปเมื่อไหร่พวกน้าค่อยไปจดทะเบียน”
เจียงกั๋วเซิ่ง “!!!”
ตกลงเป็นลูกสาวของใครกันแน่?
เสี่ยวฮวากำลังกินขนมหวานกับหู่จือ พอได้ยินเจียงอวี่เฟยพูดว่าไม่ให้แม่ของเธอแต่งงานกับอาเจียง เด็กหญิงก็มีสีหน้ากังวลขึ้นมา
เจียงกั๋วเซิ่งเห็นลูกสาวกำลังกระพือไฟ หวังซิ่วฟางก็มีสีหน้าผิดหวัง บอกว่าจะไปทำอาหารในครัว เจียงกั๋วเซิ่งถลึงตาใส่เจียงอวี่เฟยด้วยสีหน้ามืดครึ้ม
“เด็กคนนี้ พูดอะไรออกมาน่ะ? ไม่จัดงานแต่งงานอะไรกัน? ที่บ้านมีแขกอยู่ ลูกรู้ความหน่อยได้ไหม? ลูกพูดแบบนี้จะให้น้าหวังคิดยังไง?”
“น้าหวังเห็นด้วยกับความคิดของหนู หล่อนอยากถ่ายรูปแต่งงาน มีผู้หญิงคนไหนไม่อยากแต่งงานดี ๆ บ้าง? แม้แต่ถ่ายรูปแต่งงานก็ยังไม่ถ่าย ยังจะแต่งไปทำไม? ใช่ไหมคะ?”
เจียงอวี่เฟยคล้องแขนหวังซิ่วฟาง สะกิดแขนของอีกฝ่ายเบา ๆ บอกให้หล่อนให้ความร่วมมือ
หวังซิ่วฟางเข้าใจ ยืดหลังตรง
เสี่ยวฮวาเห็นอย่างนั้นก็เดินไปตรงหน้าเจียงกั๋วเซิ่ง ถามเสียงอ่อน “ลุงเจียง ทำไมพี่สาวไม่ให้แม่แต่งกับลุงแล้วล่ะคะ?”
เห็นชัดว่าเสี่ยวฮวาเห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้มากแค่ไหน
หล่อนกังวลว่าพวกเขาจะเลิกกัน
และนี่ยังแสดงให้เห็นว่าเจียงกั๋วเซิ่งดีต่อเสี่ยวฮวาจนเด็กน้อยยอมรับเขานานแล้ว
เจียงอวี่เฟยดึงเสี่ยวฮวามาเป็นพวก “เสี่ยวฮวา อยากให้แม่กับลุงเจียงถ่ายรูปแต่งงานสวย ๆ ด้วยกันไหมจ๊ะ?”
เสี่ยวฮวาเงยหน้าถาม “เหมือนกับที่พ่อแม่ของหู่จือถ่ายกันเหรอคะ?”
เจียงอวี่เฟยตอบ “ใช่ อยากให้พวกเขาถ่ายรูปแบบนั้นไหม?”
เสี่ยวฮวาพยักหน้าแรง ๆ “อยาก”
“พ่อ หนึ่งต่อสาม เสียงส่วนน้อยต้องเคารพเสียงส่วนมาก” เจียงอวี่เฟยมองเจียงกั๋วเซิ่งอย่างผู้ชนะ พูดขู่ว่า “พ่อเลือกเอาแล้วกันว่าจะเลือกถ่ายรูปแต่งงานหรือเลื่อนวันแต่งงานออกไป?”
เจียงกั๋วเซิ่ง “!!!”
ในบ้านยังมีแขก ลูกสาวคนนี้กลับจะให้เขาตัดสินใจ เห็นได้ชัดว่าอยากให้เขาตกที่นั่งลำบาก
เฉินเจียเหอกับหลินเซี่ยนั่งแทะเมล็ดแตง วางตัวเป็นผู้ชมติดขอบสนาม
เฉินเจียวั่งมองหญิงสาวผู้แสนน่ารักข่มขู่พ่อของตัวเอง มุมปากของเขาโค้งขึ้นโดยไม่รู้ตัว
…………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อวี่เฟยแผนสูงมาก คุณพ่อต้องยอมลูกสาวแล้วนะคะ
ไหหม่า(海馬)