ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 663 ทำไมพี่สาวผมถึงเปลี่ยนไปใช้ชื่อเซี่ยเซี่ย?
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80
- ตอนที่ 663 ทำไมพี่สาวผมถึงเปลี่ยนไปใช้ชื่อเซี่ยเซี่ย?
ตอนที่ 663 ทำไมพี่สาวผมถึงเปลี่ยนไปใช้ชื่อเซี่ยเซี่ย?
หลินเซี่ยเตือนเจียงอวี่เฟยว่า “ต่อไปถ้ามีงานที่เหมาะสมกับความสามารถของเขา ฉันจะต้องแนะนำเขาแน่นอน แต่ตอนนี้ฉันยังไม่ปล่อยคนไปหรอกนะ เรื่องนี้เธออย่าแทรกแซงจะดีกว่า”
ชาติที่แล้วซานเหย่ประสบความสำเร็จในวงการช่างภาพอย่างมาก แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงตกต่ำ ได้ยินมาว่าไปล่วงเกินคนในวงการข่าว เขาจึงจำเป็นต้องใช้เวลาก้าวออกมา
เจียงอวี่เฟยยังคุยกับหลินเซี่ยเรื่องช่างภาพต่อ เฉินเจียวั่งก้มหน้ากินข้าวอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ท่าทางของเขาอยู่ในสายตาของเจียงกั๋วเซิ่ง ทำให้เจียงกั๋วเซิ่งเลิกคิ้วเล็กน้อย ยิ้มถามว่า “เจียวั่ง อาหารไม่ถูกปาก?”
เฉินเจียวั่งเงยหน้าขึ้นมาพลางส่ายศีรษะ “อาเจียง เปล่าครับ อาหารอร่อยมาก”
หลินเซี่ยสังเกตเห็นสีหน้าของเฉินเจียวั่งก็กลอกตาให้เจียงอวี่เฟย อีกฝ่ายถึงค่อยรู้สึกตัว
เธอรีบรินเครื่องดื่มให้เฉินเจียวั่ง ถามเขาอย่างเอาใจใส่ว่า “ดื่มอะไรสักนิดเถอะ กินไปดื่มไปนะ”
เขามีสีหน้าเฉยเมย น้ำเสียงราบเรียบ “ขอบคุณ”
เฉินเจียเหอเห็นท่าทางไว้ตัวของเจ้าสามบ้านตัวเองแล้วก็ปวดหัว
จีบสาวด้วยท่าทางเย็นชาแบบนี้จะรอดหรือ?
ประสบการณ์ของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนบอกเขาว่าต้องโอนอ่อนผ่อนตาม
หลังกินข้าว หลินเซี่ยกับเฉินเจียเหอก็บอกลาเพื่อไปเยี่ยมเสิ่นอวี้หลงที่บ้านตระกูลเซี่ย
เฉินเจียเหอบอกให้เฉินเจียวั่งพาหู่จือกลับไปก่อน แต่หู่จือไม่ยอมไปกับอาสามของตัวเอง บอกว่าอยากไปเยี่ยมน้าเล็กด้วย
หู่จือกลัวหลินเซี่ยไม่พาตัวเองไปด้วยจึงพูดเหตุผลที่ตัวเองต้องไปด้วยออกมา “แม่ครับ ผมเป็นคนปลุกน้าขึ้นมานะ ถ้าผมไม่ไป น้าหลับไปอีกจะทำยังไง?”
หู่จือเป็นห่วงอาการของเสิ่นอวี้หลงมาก หลินเซี่ยหักใจปฏิเสธไม่ลง จึงพาเขาไปด้วย
เจียงกั๋วเซิ่งมองพวกหลินเซี่ยพลางกล่าว “ให้หู่จือไปกับพวกเธอเถอะ เจียวั่งมานั่งก่อน ฉันอยากพูดอะไรกับเขาหน่อย”
ดูออกว่าเจียงกั๋วเซิ่งชอบเฉินเจียวั่งมาก
“นายอยู่ต่อสักพักเถอะ” ก่อนจากไป เฉินเจียเหอส่งสายตาให้เฉินเจียวั่ง บอกให้น้องชายฉลาดหน่อย
หลังส่งพวกเฉินเจียเหอกลับไปแล้ว เจียงกั๋วเซิ่งก็เชิญเฉินเจียวั่งกลับเข้าไปนั่งในบ้านมาคุยกันสองคน “เจียวั่ง ฉันได้ยินว่านายเป็นนักเรียนดีเด่นคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์เหรอ?”
เฉินเจียวั่งพูดถ่อมตัวอย่างมีมารยาท “คุณอาชมเกินไปแล้วครับ ผมเป็นแค่นักศึกษาธรรมดานี่แหละ”
“คนหนุ่มอย่าถ่อมตัวไปเลย นายเรียนคณะสถาปัตย์ม.ไห่เฉิงเชียวนะ ฉันได้ยินจากอวี่เฟยว่านายสอบเข้าที่นั่นได้ด้วยคะแนนยอดเยี่ยม เรียนจบแล้วจะต้องได้เป็นสถาปนิกอนาคตไกลแน่นอน”
“อวี่เฟยมีสายตาไม่เลว…” เจียงกั๋วเซิ่งเพิ่งพูดจบ เฉินเจียวั่งกับเจียงอวี่เฟยหันไปมองเขาอย่างตกใจ
เจียงอวี่เฟยใจเต้นรัว
พ่อของหลอ่นหมายความว่ายังไง?
รู้ว่าหล่อนคิดอะไรอยู่?
แววตาของเฉินเจียวั่งไหวระริก
เจียงกั๋วเซิ่งมองคนหนุ่มสาวที่มีสีหน้าตกใจทั้งคู่ ยิ้มอธิบายประโยคสุดท้ายว่า “กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์ ในเมื่อพวกเธอเป็นเพื่อนกัน แสดงว่าลูกสาวฉันก็เก่งมากเหมือนกัน”
ได้ยินคำอธิบายของเขา ทั้งคู่ก็ถอนหายใจออกมา
ขณะเดียวกัน ส่วนลึกในใจยังแอบรู้สึกผิดหวัง
โดยเฉพาะเฉินเจียวั่ง เขานึกว่าเจียงอวี่เฟยพูดอะไรกับพ่อของหล่อนแล้วเสียอีก…
ที่แท้ เขาก็คิดไปเองสินะ
เพิ่งจะว้าวุ่นใจก็ได้ยินเจียงกั๋วเซิ่งถามมาว่า
“เจียวั่ง นายถือสางานในอนาคตของหล่อนหรือเปล่า?”
“หา?” เฉินเจียวั่งมีสีหน้างุนงง
เจียงกั๋วเซิ่งอธิบายอย่างละเอียด
“ฉันหมายความว่าในอนาคตหล่อนคงไปร้องรำทำเพลงอยู่บนเวทีอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในฐานะ…เพื่อน เธอถือสาเรื่องพวกนี้หรือเปล่า? ฉันได้ยินมาว่าผู้ชายที่ยึดถือลัทธิชายเป็นใหญ่บางคนจะเรื่องมากกับอาชีพของเพื่อน ชอบให้เพื่อนเป็นครูเป็นหมอหรือนักบัญชี…”
เจียงอวี่เฟย “!!!”
ใครเลือกคบเพื่อนจากอาชีพกัน?
มีแต่ตอนหาคู่หรอกถึงจะคิดเรื่องนั้น
พ่อหล่อนต้องการจะสื่ออะไรกันแน่?
ดูเหมือนพ่อกำลังหยั่งเชิงเฉินเจียวั่ง?
เฉินเจียวั่งตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไม่ถือสาครับ”
“เปิดกว้างดีนี่” เจียงกั๋วเซิ่งชูนิ้วโป้งให้เขาอย่างชื่นชม
“เอาล่ะ พวกเธอคุยกันเถอะ ฉันจะไปช่วยน้าหวังของพวกเธอล้างจาน”
เจียงกั๋วเซิ่งปลีกตัวอย่างรู้หน้าที่ เหลือเพียงเฉินเจียวั่งกับเจียงอวี่เฟยที่นั่งสบตากันอยู่ตรงนั้น
เฉินเจียวั่งไม่พูดอะไร เจียงอวี่เฟยเงยหน้ามองเขาอยู่หลายครั้ง เห็นแววตาเขาเย็นชา ท่าทางเหมือนกำลังโกรธอยู่ จึงถามว่า “ทำไมนายถึงมาทักทายปีใหม่บ้านฉันได้ล่ะ?”
เฉินเจียวั่งตอบ “อยู่บ้านเบื่อ ๆ ไม่มีอะไรทำเลยออกมาเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง”
“อ้อ” เจียงอวี่เฟยเม้มปาก
ที่แท้ก็รู้สึกอุดอู้ ออกมาเปลี่ยนบรรยากาศนี่เอง
หล่อนบ่นในใจ ทันใดนั้นเฉินเจียวั่งก็เงยหน้ามองหล่อน ถามเสียงเย็นชา “เธอสนิทกับจางซุ่นอะไรนั่นเหรอ?”
“จางซุ่น?” เจียงอวี่เฟยงุนงงไปครู่หนึ่งค่อยนึกออก จางซุ่นที่เขาพูดถึงก็คือช่างภาพซานเหย่ในร้านเช่าชุดแต่งงานของหลินเซี่ย
หล่อนส่ายหน้า “ไม่สนิท”
“ไม่สนิทแล้วอยากแนะนำงานให้เขาทำไม?”
“ฉันก็แค่พูดไปตามน้ำ ช่างภาพที่เก่งกาจขนาดนั้น ความสามารถของเขาไม่ควรถูกกลบฝังไป”
ได้ยินหล่อนชมชายอื่นว่าเก่งกาจมีความสามารถ เฉินเจียวั่งยิ่งหน้าบูดกว่าเดิม เขามองหล่อนขณะเอ่ยเสียงเนิบนาบ “อีกหน่อยฉันก็ต้องไปฝึกงานแล้ว รบกวนเธอแนะนำงานให้ฉันหน่อยสิ ฉันก็มีความสามารถเหมือนกันนะ”
“หา?” เจียงอวี่เฟยลำบากใจ “แต่ฉันไม่รู้จักคนในแวดวงสถาปนิกนี่นา”
เฉินเจียวั่งเห็นหล่อนมีท่าทางลำบากใจก็ยิ่งคับข้องใจ จึงลุกขึ้นเสียเลย
“ฉันกลับก่อนล่ะ”
เจียงอวี่เฟยไม่เข้าใจว่าทำไมเขาบอกว่าจะไปก็ไป หล่อนลองพยายามรั้งคนไว้ “นั่งต่ออีกหน่อยเถอะนะ”
“ไม่ล่ะ”
เฉินเจียวั่งร้องบอกไปทางห้องครัว “อาเจียงครับ ผมกลับก่อนนะครับ”
เจียงกั๋วเซิ่งกับหวังซิ่วฟางเดินออกมาจากในครัว เจียงกั๋วเซิ่งยิ้มพูด “เจียวั่ง กลับเร็วขนาดนี้เชียว? อยู่ต่อสักหน่อยเถอะ”
“อาเจียง ผมยังมีธุระต่อน่ะครับ”
“งั้นก็ได้ ต่อไปแวะมาเล่นที่นี่บ่อย ๆ นะ”
เจียงกั๋วเซิ่งมองลูกสาวตัวเองแวบหนึ่ง ยิ้มเอ่ยกับเฉินเจียวั่ง “เจียวั่ง ช่วยคุยกับอวี่เฟยของฉันบ่อย ๆ หน่อยนะ ลูกสาวฉันไม่มีเพื่อน เธอเป็นเพื่อนชายคนแรกที่มาสวัสดีปีใหม่ที่บ้านเลยนะ”
พูดจบยังยักคิ้วให้เฉินเจียวั่ง ท่าทางเหมือนจะบอกว่า “เข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม”
เฉินเจียวั่งพยักหน้าด้วยสีหน้าหนักแน่น “เข้าใจแล้วครับคุณอา”
เขาเพิ่งออกมาข้างนอก เจียงกั๋วเซิ่งก็ผลักเจียงอวี่เฟยออกไป “อวี่เฟย ไปส่งเจียวั่งสิ”
“อ้อ” เจียงอวี่เฟยรอให้คนเป็นพ่อพูดคำนี้ใจจะขาด รีบตามไปส่งเฉินเจียวั่งทันที
พอประตูปิดลงแล้ว เจียงกั๋วเซิ่งก็รีบไปดูตรงหน้าต่าง
หวังซิ่วฟางออกมาจากในครัว เห็นเจียงกั๋วเซิ่งทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ตรงหน้าปาก เธอถาม “เหล่าเจียง คุณดูอะไรน่ะ”
“ผมดูว่าพวกเขาจับมือกันไหมน่ะสิ”
หวังซิ่วฟางยืนอยู่หลังเขา ถามอย่างสงสัย “จับมือ?”
“คุณดูไม่ออก?” เจียงกั๋วเซิ่งหันกลับมาถามหล่อนด้วยสีหน้ามีลับลมคมใน
หวังซิ่วฟางเห็นแววตาแฝงเลศนัยของเจียงกั๋วเซิ่งแล้วก็พูดออกมาอย่างตกใจ
“คุณหมายความว่าอวี่เฟยกับเจียวั่ง…”
เจียงกั๋วเซิ่งมองลงไปข้างล่าง ทำท่าบอกให้เงียบเสียง “อย่าเพิ่งเอ็ดไป เดี๋ยวพวกเด็ก ๆ จะตกใจเปล่า ๆ”
……..
ตอนหลินเซี่ยมาถึงบ้านเซี่ย เสิ่นอวี้หลงนั่งเอนหลังบนเตียงได้แล้ว
เห็นภาพนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหลินเซี่ยดีใจมากแค่ไหน
เธออุทาน “อวี้หลง นายนั่งได้แล้ว?”
สีหน้าของเขาดูดีกว่าตอนเพิ่งฟื้นเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด
สำคัญที่สุดก็คือสายตาไม่เลื่อนลอยเหมือนเดิมแล้ว
“พี่” เสิ่นอวี้หลงเห็นหลินเซี่ยเข้ามาแล้วก็ทักทายเธอ
เสียงของเขายังเบาอยู่มาก ไม่ค่อยมีพลังนัก
แต่เมื่อแววตาที่ไม่ค่อยสดใสคู่นั้นมองเห็นหลินเซี่ย มันก็พลันเปล่งประกายขึ้นมา ดูออกได้ว่าเขารอคอยการมาถึงของหลินเซี่ยอยู่
สายตาของเขาเคลื่อนไปยังเฉินเจียเหอ เฉินเจียเหอกำลังจะทักทายเขา แต่ปรากฏว่าเสิ่นอวี้หลงหลบสายตากลับไปเสียก่อน ไม่หันมามองเขาอีก
“น้าเล็ก น้ารู้สึกยังไงบ้าง?” หู่จือเดินเข้าไปถามอย่างเป็นห่วง
หลินเซี่ยดึงตัวหู่จือเอาไว้ กลัวว่าเขาจะตื่นเต้นเกินไปจนเข้าไปดึงตัวเสิ่นอวี้หลง
ร่างกายของเสิ่นอวี้หลงยังรับการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันไม่ไหว
เขาโต้ตอบหู่จือได้ แต่ขยับมือไม้ไม่ได้เด็ดขาด
“เธอคือหู่จือ?”
เสิ่นอวี้หลงได้ยินชื่อหลานชายคนโตคนนี้จากเซี่ยหลาน
หู่จือตอบอย่างกระตือรือร้น “ใช่แล้ว ผมชื่อหู่จือ เป็นลูกชายคนโตของเฉินเจียเหอกับหลินเซี่ย”
เสิ่นอวี้หลงดูเด็กน้อยแล้วมองคนตัวโตที่ยืนอยู่ตรงนั้น เอ่ยกับหลินเซี่ยเสียงเนิบนาบ “พี่ ผมหลับไปตื่นเดียว ตื่นขึ้นมาพี่ก็มีลูกชายตัวโตขนาดนี้แล้วเหรอ”
ยังแต่งงานกับชายแก่คนหนึ่งอีกด้วย
แม้เขาจะไม่รู้อายุของผู้ชายคนนี้ แต่ก็ดูออกว่าเขาจะต้องอายุมากกว่าพี่สาวของเขามากแน่นอน
ท่าทีที่เสิ่นอวี้หลงมีต่อเฉินเจียเหอทำให้เซี่ยหลานรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ หล่อนพยายามยิ้มเข้าไกล่เกลี่ย
“เซี่ยเซี่ย เจียเหอ ด้านนั้นมีเก้าอี้ ไปนั่งลงเถอะ”
“ครับ” เฉินเจียเหอลากเก้าอี้มานั่ง โดยให้หลินเซี่ยนั่งลงก่อน
เสิ่นอวี้หลงที่อยู่บนเตียงเห็นท่าทางเอาใจใส่ที่ผู้ชายตัวโตคนนี้มีต่อพี่สาวของตัวเอง ใบหน้าซีดเผือดของเขาค่อยดีขึ้นบ้าง
“แม่ พี่มาแล้ว ตอนนี้แม่คงอธิบายให้ผมฟังได้แล้วใช่ไหมว่าทำไมพี่สาวผมถึงเปลี่ยนไปใช้ชื่อเซี่ยเซี่ย?”
เสิ่นอวี้หลงมองเซี่ยหลานอย่างเฝ้ารอคำตอบ
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พ่อเจียงก็รู้ทันลูกสาวอยู่เหมือนกันนะเนี่ย
จะอธิบายเรื่องราวยุ่งเหยิงนี้ให้คนที่สลบไปปีกว่าฟังยังไงดีนะ
ไหหม่า(海馬)