ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 670 ขอสถานะหน่อยจะเป็นไรไป
ตอนที่ 670 ขอสถานะหน่อยจะเป็นไรไป
ทั้งหยางหงเสียกับหลินเยี่ยนต่างรับผิดชอบหน้าที่แจ้งเวลาเรียนกับนักเรียนที่ลงทะเบียนเรียนผ่านทางโทรศัพท์ รวมถึงดูแลความสะอาดเพื่อเตรียมเปิดสถาบันอย่างเป็นทางการพรุ่งนี้
เมื่อเห็นว่าจางซุ่นมาแล้ว หลินเซี่ยก็สั่งหลินเยี่ยนว่า “เสี่ยวเยี่ยน เตรียมเครื่องสำอางให้ทีนะ ฉันจะแต่งหน้าให้คุณอาเอง”
ครั้งก่อนที่เซี่ยอวี่เข้าพบนักเขียนบทและโปรดิวเซอร์ หลินเซี่ยก็เคยแต่งหน้าให้
เธอได้ต่อบทละครกับเซี่ยอวี่ ดังนั้นตัวละครทุกตัวในบทละครนี้ย่อมผ่านตาเธอมาแล้วทั้งสิ้น
ทำให้เธอรู้ว่าควรจะแต่งหน้าให้เซี่ยอวี่ยังไง
หลังจากแต่งหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เซี่ยอวี่ก็สามารถสวมบทบาทและเข้าถึงบทบาทได้ในพริบตา
แตกต่างจากตอนปกติที่เกียจคร้านและเฉื่อยชาโดยสิ้นเชิง
ปกติจางซุ่นมีบุคลิกลอยชาย แต่พอได้ยินว่าหลินเซี่ยแนะนำงานสำคัญให้ก็จริงจังมาก
“ซานเหยีย ภาพถ่ายนี้จะถูกส่งให้ผู้กำกับพิจารณา นี่เป็นโอกาสครั้งสำคัญ ทำให้ดีแล้วคว้ามันมาให้ได้ล่ะ”
“ครับ”
จางซุ่นรู้สึกขอบคุณหลินเซี่ยที่ให้โอกาสนี้แก่เขา
เขาปรารถนาในการคว้าโอกาสนี้มากกว่าใคร
จางซุ่นพูดไม่ค่อยเก่ง แต่หากพูดถึงเรื่องงานเขาจะจริงจังมาก “คุณหลิน สิ่งสำคัญคือฉากมันดูไม่ค่อยเข้ากัน”
ฉากในการถ่ายภาพแต่งงานจะมีพื้นหลังจะเป็นวิวทิวทัศน์ตามแบบฉบับภาพถ่ายในสตูดิโอ
หลังจากฟังหลินเซี่ยเล่าถึงฉากที่จะถ่ายรูปพลางแนะนำเกี่ยวกับภูมิหลังของหนังเรื่องนี้ จางซุ่นก็รู้สึกหนักใจ ครั้นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เลื่อนฉากออก และใช้กำแพงเดิมเป็นฉากหลัง พร้อมทั้งจัดไฟใหม่
เขาเอ่ยปากอย่างเคารพกับเซี่ยอวี่ว่า “คุณเซี่ยครับ รบกวนคุณช่วยเดินมาทางนี้นิดนึงครับ”
เซี่ยอวี่เดินไปที่ริมกำแพง แล้วก็โพสต์ท่าตามใจชอบ
ลินดายืนอยู่ข้างๆ สังเกตการณ์อยู่พักใหญ่ ก่อนพูดกับหลินเซี่ยว่า “ใช้ได้เลย ท่าทางดูเป็นมืออาชีพมาก”
“ซานเหยียมีความสามารถในเรื่องพวกนี้ แถมยังเคยเรียนจิตรกรรมจีนมาด้วย แต่น่าเสียดายที่สตูดิโอของเราไม่มีอุปกรณ์ครบครัน ทำให้เขาแสดงความสามารถได้ไม่เต็มที่”
ลินดาหัวเราะ “ไม่เป็นไร ผู้กำกับเขาก็เป็นมืออาชีพเหมือนกัน เขาดูออก”
จางซุ่นถ่ายภาพไปหลายภาพเพื่อนำกลับไปเลือกเอารูปที่ดีที่สุดภายหลัง
เมื่อถ่ายภาพเสร็จ หลินเซี่ยก็กำชับเขาว่า “ซานเหยีย รีบกลับไปทำให้เสร็จนะคะ พรุ่งนี้เช้าลินดาจะส่งให้กับผู้กำกับดู”
“ได้ครับ”
จางซุ่นรับปากว่าจะทำให้ดีที่สุด
โอกาสนี้หลินเซี่ยเป็นคนหามาให้ จะคว้าไว้ได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของตนเองแล้วก็โชคชะตา
กว่าจะถ่ายภาพเสร็จฟ้าก็มืดแล้ว จางซุ่นรีบแบกกล้อง พลางเดินหายไปอย่างรวดเร็ว
“พวกเธอแจ้งให้นักเรียนทราบกันหรือยัง?” หลินเซี่ยหันไปถามหยางหงเสียและหลินเยี่ยน
หยางหงเสียกล่าว “เราแจ้งคนที่ติดต่อทางโทรศัพท์ได้ไปหมดแล้วค่ะ แต่คนที่อยู่ทางชนบทติดต่อทางโทรศัพท์ไม่ได้ ฉันได้ติดต่อไปทางจดหมายตามที่อยู่ที่แนบมาเรียบร้อยแล้วค่ะ ไม่เกินสองสามวันก็คงจะถึง”
“ดีมาก” หลินเซี่ยพอใจกับหยางหงเสียที่ทำงานได้ละเอียดรอบคอบและมีความรับผิดชอบ “กลับบ้านกันได้เลยนะ ไม่มีอะไรแล้ว”
เฉินเจียซิ่งมารับหยางหงเสียตรงตามเวลานัดหมาย หลินเยี่ยนก็เลยตามพวกหลินเซี่ยกลับบ้านพร้อมกัน
ส่วนลินดาที่จะกลับบ้าน เซี่ยไห่ได้หาข้ออ้างว่าจะไปที่ห้องเต้นรำ จึงขอติดรถไปด้วย
แต่พอขึ้นรถเขาก็เปลี่ยนใจ จะขอติดรถกลับบ้านกับหล่อน
ไล่ก็ไม่ยอมไป
ความเคยชินเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก
แต่ก่อนลินดาเคยชินกับการอยู่คนเดียว อยู่บ้านคนเดียว ทำอะไรคนเดียว แต่พอมีผู้ชายคนนี้เข้ามาในชีวิต คอยแวะเวียนไปมาในชีวิตหล่อน บ่นอยู่ข้างหูหล่อนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หล่อนก็เริ่มไม่ค่อยชินที่จะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม
บางทีในตอนที่กลับบ้านคนเดียวแล้วเข้ามาในบ้านอันมืดมิด ความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างก็ได้โถมเข้ามาหาหล่อน มันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก
ทุกครั้งที่ออกไปทำงานข้างนอกจนดึกดื่นมืดค่ำ เมื่อกลับมา สิ่งแรกที่จะทำคือเงยหน้ามองขึ้นไปยังห้องของหล่อนว่ามีแสงไฟอยู่หรือไม่
บางทีเมื่อก่อนที่หล่อนสามารถอยู่คนเดียวได้อาจจะไม่ใช่เพราะว่าชอบ แต่อาจเป็นเพราะสถานการณ์บีบบังคับให้อยู่เป็น
ทันทีที่เข้าประตูมา เซี่ยไห่ก็ตรงไปที่ห้องครัวเพื่อต้มน้ำ และเมื่อตรวจดูตู้เย็นของลินดา ก็พบว่าอาหารที่หยิบมาจากบ้านของพวกเขาวันก่อนยังคงอยู่ที่เดิมในตู้เย็น
เซี่ยไห่เริ่มบ่น
“สองสามวันนี้เธอไม่ได้กินข้าวเลยเหรอ ทำไมอาหารที่พี่สะใภ้ทำให้ยังอยู่ที่เดิม”
ลินดาจึงอธิบายว่า “สองสามวันนี้ฉันมีงาน ฉันเลยกินมาจากข้างนอกน่ะ”
“งั้นเย็นนี้เราอุ่นกับข้าวที่อยู่ในตู้เย็นกินก็แล้วกัน”
เซี่ยไห่หยิบอาหารออกจากตู้เย็นแล้ววางลงบนเขียงในห้องครัว และก็เริ่มทำความสะอาด
ลินดาต้องทำงานและออกไปข้างนอกบ่อย นานๆ ทีถึงจะมีเวลาทำความสะอาด
เสื้อผ้าที่ใส่แล้วก็เช่นกัน หล่อนจะเก็บไว้หลายๆ ชิ้นก่อนจึงจะซักทีเดียว
บางครั้งเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้า หล่อนก็มักจะวางกองไว้บนโซฟา
เซี่ยไห่พราะเคยเป็นทหาร เคยทำหน้าที่เกี่ยวกับการรักษาความสะอาดในกองทัพ ดังนั้นจึงจริงจังมากในเรื่องความสะอาด
อาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นคนที่รักความสะอาดมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสื้อผ้าที่วางกองระเกะระกะจนเกลื่อนกลาด เขาเห็นแล้วทนไม่ได้ที่จะรีบตรงปรี่เข้าไปเก็บมัน
เขาหยิบเสื้อไหมพรมตัวหนึ่งบนโซฟาขึ้นมา แต่ทันทีที่หยิบขึ้นมา เสื้อชั้นในสีดำของผู้หญิงก็หล่นลงมา
เซี่ยไห่ที่เห็นขอบลูกไม้บนเสื้อตัวเล็กๆนั่น ใบหูเขาก็แดงก่ำขึ้นมาทันที พลางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก รู้สึกได้ถึงความร้อนที่พุ่งขึ้นมา
ยัยทอมบอยเนี่ยนะใส่ชุดชั้นในเซ็กซี่แบบนี้
ลินดากำลังจะดื่มน้ำ พอเหลือบไปเห็นเซี่ยไห่ที่กำลังจ้องชุดชั้นในตัวหนึ่งบนโซฟาตาแทบจะถลน หล่อนก็รีบรุดไปคว้าเสื้อผ้าตัวนั้นมาถือไว้ แล้ววิ่งไปที่ห้องนอน
เซี่ยไห่เห็นหล่อนวิ่งหนีก็รีบวิ่งตามไป
ลินดาเพิ่งจะยัดเสื้อผ้าชิ้นนั้นเข้าไปในตู้เสื้อผ้า พอหันกลับมาก็เห็นเซี่ยไห่มองหล่อนด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ด้วยความอับอาย หล่อนจึงหลบสายตาเขาเล็กน้อย “คุณกลับไปได้แล้วค่ะ”
“จะรีบกลับทำไมเล่า”
เซี่ยไห่ก้าวเข้ามา พร้อมดึงตัวหล่อนเข้ามากอด พลางโน้มตัวมาหอมแก้มของหล่อน
“ไปหาซื้อมาจากไหน? ชุดชั้นในเซ็กซี่แบบนั้นน่ะ หืม” เขาเอ่ยที่ข้างหูหล่อนด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเย้ายวน
ครั้งก่อนในตู้เสื้อผ้าหล่อนมีแต่เสื้อชั้นในที่เป็นสปอร์ตบราแบบเดียวกับเสื้อกล้ามของผู้ชาย
ลินดาหน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหู
“สนใจด้วยเหรอ?”
หล่อนพยายามผลักเขาออก แต่กลับทำได้เพียงสะกิด ไม่สามารถดันเขาออกไปได้เลย
“ที่รัก พี่สาวของฉันกำลังจะหมั้นแล้วนะ เธอไม่คิดจะให้สถานะกับฉันเลยหรือไง?”
เซี่ยไห่โอบกอดหล่อนเอาไว้ พร้อมกับอ้อนวอนขอความเห็นใจจากหล่อน
“เวลามันผ่านไปเร็วนะคุณ เนี่ย ผมก็แก่ลงทุกปีๆ คุณจะแต่งงานกับผม ให้ผมได้เป็นสามีของคุณตามกฏหมายไม่ได้เหรอ”
ลินดายังไม่คล้อยตามคำขอของเซี่ยไห่ หล่อนตอบกลับ “แค่เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน จะแต่งหรือไม่แต่งมันสำคัญตรงไหนล่ะ?”
เซี่ยไห่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คุณไม่แต่งงานกับผม ไม่ยอมจดทะเบียนสมรสกับผม ผมก็ไม่สามารถใช้สิทธิ์ของผมได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผมอายุเท่านี้แล้วนะคุณ คุณทนได้เหรอ?”
เขาทำหน้าเจ้าเล่ห์ ลินดาเข้าใจความหมายของเขาในทันที สีหน้าพลันมืดครึ้มอีกครั้งขณะขบเคี้ยวฟัน
“คุณจะแต่งงานกับฉันเพื่อเรื่องนี้เหรอ?”
“ไม่ใช่แค่เรื่องแบบนั้น นั่นมันแค่ส่วนหนึ่ง”
“อีกอย่าง การแต่งงานมันก็มีข้อดีหลายๆ อย่าง เช่น หากฉันตายไป ทรัพย์สินของฉันก็จะตกเป็นของเธอทั้งหมด เธอไม่ใส่ใจเรื่องนี้เลยเหรอ?”
เซี่ยไห่ยิ่งพูดก็ยิ่งเหลวไหลไร้ยางอาย จนลินดากลอกตามองบนด้วยความเบื่อหน่าย “พูดอะไรไร้สาระ ทำไมฉันจะต้องสนใจทรัพย์สินอันน้อยนิดของนายด้วย?”
“ผมรู้น่าว่าคุณรวย นายหญิง ได้โปรดรับผมไว้เป็นทาสรับใช้สักคนเถอะครับ” เซี่ยไห่คล้องแขนโอบคอหล่อนแล้วทำตัวออดอ้อน
เขาเหมือนกับปีศาจยั่วสวาท ลินดาไม่เคยจะเอาชนะเขาได้เลยสักครั้ง
หล่อนอยากกระชากชายหนุ่มที่ทำตัวเหมือนหมีโคอาล่าออกจากตัวเหลือเกิน แต่ก็ทำได้แค่พูดปัดว่า “รอเสร็จธุระช่วงนี้ก่อนแล้วกัน”
ในที่สุดเซี่ยไห่ก็พอใจ มองหล่อนอย่างมีความหวัง “งั้นเมื่อไหร่คุณจะพาผมไปเจอครอบครัวคุณที่ฮ่องกงเสียทีล่ะ ผมอยากให้พวกเขายอมรับผมด้วย”
เมื่อใดที่ได้รับการยอมรับจากพ่อตาแม่ยาย นั่นจะถือว่ามีสถานะรับรองอย่างแท้จริง
แต่พอเซี่ยไห่พูดจบ สีหน้าของลินดาก็เปลี่ยนไปฉับพลัน และปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่จำเป็น”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ลินดามีความหลังไม่ดีกับครอบครัวตัวเองแน่เลย
ไหหม่า(海馬)
……….