ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 671 หล่อนถูกพ่อผีพนันขายเพื่อไถ่หนี้
ตอนที่ 671 หล่อนถูกพ่อผีพนันขายเพื่อไถ่หนี้
……….
ตอนที่ 671 หล่อนถูกพ่อผีพนันขายเพื่อไถ่หนี้
ปฏิกิริยาที่ลินดาแสดงออกหลังจากที่เขากล่าวว่าอยากนัดเจอพ่อแม่ของอีกฝ่ายทำให้เซี่ยไห่สงสัยเป็นอย่างมาก
เซี่ยไห่มองหล่อนอย่างฉงน ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ลินดาหลบสายตาของเขา ตอบแบบขอไปทีว่า “ถ้าเราแต่งงานกัน แค่ไปจดทะเบียนก็พอแล้ว ไม่ต้องจัดงานแต่งก็ได้”
เซี่ยไห่คิดว่าลินดาเกลียดความวุ่นวาย จึงถามพร้อมรอยยิ้มว่า “แล้วเงินที่เราจะให้เป็นของขวัญแต่งงานกับคนอื่นๆ ล่ะ”
“คุณยังจะเสียดายเงินแค่นั้นอีกเหรอ” ลินดามองเขาด้วยสายตาตัดพ้อ
“มันก็แค่พิธีกรรม ใครๆ ก็อยากแต่งงานกันแบบครึกครื้นและมีความสุขกันทั้งนั้น นี่มันงานมงคลนะ”
เซี่ยไห่เคยเป็นพวกต่อต้านการแต่งงาน แต่เมื่อเขาได้เห็นการแต่งงานของคนอื่น เขาก็อยากให้การแต่งงานของตัวเองเป็นไปอย่างครึกครื้น มีความสุข และได้คำอวยพรจากทุกคน
ทว่าลินดากลับแสดงท่าทางไม่พอใจ
“ไม่ล่ะ ฉันไม่ชอบพิธีการอะไรทั้งนั้น”
“แต่อย่างน้อยก็ต้องเจอพ่อแม่เธอบ้างสิ” มันเป็นเรื่องพื้นฐานมาก
ที่เขาควรจะแต่งงานกับหล่อนอย่างถูกต้องตามประเพณีต่อหน้าพ่อแม่ของหล่อน
“ไม่ต้อง”
ลินดาปฏิเสธและไม่สนใจที่จะคุยเรื่องนี้ต่อ ทำให้เซี่ยไห่แปลกใจกับท่าทางของหล่อนเป็นอย่างมาก
เมื่อลินดาออกจากห้องนอน เขาจึงวิ่งตามหล่อนไป ทรุดตัวลงกอดหล่อนไว้จากด้านหลังแล้วก็กระซิบข้างหู
มือของเขาก็เริ่มล้วงเข้าไปในชายเสื้อของหล่อน
“คนบ้า นายจะทำอะไร?” ลินดาหยิกเข้าที่หลังมือของเซี่ยไห่
เซี่ยไห่รีบชักมือออก “ปีใหม่ทั้งที ทำไมเธอถึงกลับมาดุอีกแล้วล่ะ?”
ก่อนหน้านี้หล่อนไม่เป็นแบบนี้ หล่อนไม่เคยต่อต้านเขาเลย
เซี่ยไห่มองรอยเขียวช้ำบนหลังมือที่ถูกลินดาหยิก พลางมองหล่อนอย่างน้อยใจ
“ดูสิ มือฉันเขียวหมดแล้ว”
ลินดาเผลอออกแรงมากไปหน่อย ในใจก็แอบรู้สึกสงสาร
“ไม่โอ๋ฉันหน่อยเหรอ”
เซี่ยไห่ฉวยโอกาสที่หล่อนรู้สึกผิด สอดมือเข้าไปใต้ชายเสื้อไหมพรมของหล่อนอีกครั้ง
…………………………………
กลางดึก
เซี่ยไห่ก็ยังไม่ยอมไปไหน พอกินอาหารเสร็จก็ไปนอนดูทีวีอยู่บนโซฟา รอกระทั่งลินดาเข้านอน เขาก็ออกจากบ้านเพื่อไปตรวจดูกิจการห้องเต้นรำ
ส่วนหลินเซี่ยโทรหาจางซุ่นตั้งแต่เช้าตรู่ พลางถามเขาว่าล้างรูปเสร็จหรือยัง
เธอกลัวว่าจางซุ่นจะพลาดโอกาสดีๆ แบบนี้ไป
จางซุ่นบอกว่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะไปที่ร้าน
“ตกลง อย่าลืมส่งให้เสี่ยวเยี่ยนล่ะ”
หลินเซี่ยโทรหาลินดา ลินดาบอกว่าเวลาที่นัดเจอผู้กำกับเหยียนคือสิบโมง เดี๋ยวตอนผ่านร้านหล่อนจะแวะเข้าไปเอาภาพถ่าย
เมื่อหลินเซี่ยได้ยินลินดาพูดว่าจะส่งภาพถ่ายไปให้ผู้กำกับเหยียน เธอก็โล่งใจ จึงวางแผนว่าจะตามติดเซี่ยเหลยและคนอื่นๆ ไปเดินออกกำลังกายที่ตลาดเช้าได้อย่างสบายใจ
เซี่ยไห่เพิ่งกลับจากห้องเต้นรำในตอนเช้า ที่บ้านเงียบสนิท มีเพียงเซี่ยอวี่ที่ยังนอนหลับอยู่
หลังรอให้เซี่ยอวี่ตื่นมารับประทานอาหารเช้า เขาจึงนั่งลงข้างๆ หล่อน คุยเล่นไปพลางๆ ถามว่า “พี่สาว ผมมีเรื่องจะถาม”
เซี่ยอวี่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและสบายๆ “ว่ามาสิ”
“ครอบครัวลินดามีใครอีกบ้าง ผมไม่เคยได้ยินหล่อนพูดถึงเลย เหมือนหล่อนจะไม่ค่อยได้กลับบ้านด้วย”
เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวของลินดาเลย เพิ่งจะรู้จักลินดาก็ตอนที่ไปฮ่องกง แต่ลินดาแทบจะตัวติดกับพี่สาวของเขาตลอด
ทว่านั่นก็เป็นที่ฮ่องกง
ตั้งแต่ปีที่แล้วที่พวกเขามาที่ไห่เฉิง ลินดาก็ไปเช่าห้องอยู่คนเดียว และมุ่งมั่นแต่เรื่องงาน
เหมือนกับว่าไม่ได้กลับบ้านไปเยี่ยมครอบครัวเลย และไม่เคยพูดถึงครอบครัวตัวเองเลยสักนิด
เขาเคยถามลินดาว่าจะกลับฮ่องกงในช่วงปีใหม่ไหม ตอนนั้นเขาก็คิดว่าถ้าลินดาจะไปเขาก็จะไปด้วยเพื่อจะได้เจอครอบครัวของหล่อน แต่ลินดากลับบอกว่าไม่จำเป็นต้องกลับไปเยี่ยมบ้าน
เมื่อคืนเขาก็ถามอีกว่าเมื่อไรจะพาเขาไปเจอครอบครัวหล่อนที่ฮ่องกง เพื่อจะได้แนะนำให้เขารู้จักกับครอบครัวของหล่อน ซึ่งหล่อนก็ปฏเสธเขาอีกครั้ง
ครั้งก่อนเขาถามลินดาต่อหน้าเซี่ยอวี่ว่าหล่อนมีญาติหรือไม่ ตัวเขาก็โดนเซี่ยอวี่เตะเข้าให้
ราวกับว่า…พี่สาวของเขาไม่อยากให้เขาเอ่ยถึงเรื่องครอบครัวของลินดา
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เซี่ยไห่ก็รู้สึกกังวล
นับตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ ความรู้สึกหนึ่งยังแฝงอยู่ในใจเขา
เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยไห่ เซี่ยอวี่ก็มีแววตาเคร่งขรึมลงเล็กน้อย “จู่ๆ ถามเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม?”
สีหน้าจริงจังที่หาได้ยากยิ่งปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาของเซี่ยไห่ เขาสบตาเข้ากับสายตาเซี่ยอวี่ที่จ้องเขม็ง และกล่าวว่า “ผมเป็นแฟนของหล่อน แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้จักสมาชิกครอบครัวและภูมิหลังครอบครัวของหล่อนเลย”
เซี่ยอวี่เลิกเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย กินโจ๊กในถ้วย และไม่ตอบคำถามของเขา
เซี่ยไห่ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความกังวล คร่ำครวญออกมาอย่างหนักใจ “ผมถามลินดาแล้ว หล่อนก็ไม่ยอมบอก แรกๆ ผมคิดว่าความสัมพันธ์ของเราคงยังไม่ถึงขั้นนั้น พอวันนี้เราก็คบหากันมาพักใหญ่แล้ว ครอบครัวเราก็ยอมรับสถานะของหล่อนแล้ว แต่ทำไมหล่อนถึงยังไม่ยอมพูดเรื่องครอบครัวตัวเองอีก ไม่ยอมพาผมไปเจอพ่อแม่ของหล่อน มันไม่น่าไว้ใจเลย ท่าทีแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกกลัว กังวลไปหมด”
เซี่ยไห่มองเซี่ยอวี่ด้วยสีหน้าที่จริงจังมาก “พี่สาว ลินดามีอะไรปิดบังหรือเปล่า หล่อนไม่ค่อยถูกกับครอบครัวหรือเปล่า หรือว่ามีอะไรแอบแฝง ผมที่คบกับหล่อนก็ควรมีสิทธิ์จะรู้เรื่องพวกนี้นะ”
เซี่ยอวี่วางช้อนในมือลง พลางพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ถ้าอยากคบกับหล่อนไปนานๆ ก็อย่าไปพูดถึงเรื่องครอบครัวหล่อน”
“ก็หล่อนไม่ยอมบอกนี่ว่าเกิดอะไรขึ้น จะไม่ให้ผมพูดได้ยังไง ผมจะแต่งงานกับหล่อน ผมก็ต้องรู้เรื่องในอดีตของหล่อนสิ” เซี่ยไห่ซักไซ้เซี่ยอวี่ “พี่สาว ผมไม่กล้าถามลินดาตรงๆ พี่ช่วยเล่าให้ผมฟังหน่อยว่าเรื่องมันเป็นยังไง”
วันนี้เซี่ยไห่ตั้งใจจะซักไซ้ให้ได้ความ เซี่ยอวี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เห็นด้วยว่าเซี่ยไห่มีสิทธิ์ที่จะรู้เรื่องของลินดา
หากหล่อนไม่บอก เซี่ยไห่ก็น่าจะทำทุกทางเพื่อให้รู้ความจริงจนได้
สำหรับลินดา นี่ถือเป็นการทำร้ายหล่อน
“กินข้าวให้หมดก่อนค่อยเล่า” เซี่ยอวี่กลัวว่าถ้าตนเองพูดถึงชาติกำเนิดของลินดาขึ้นมาตอนนี้ หล่อนและเซี่ยไห่อาจจะกินข้าวไม่ลง
เซี่ยไห่รีบกินข้าวจนหมดเกลี้ยง รอจนเซี่ยอวี่กินหมด เขาก็วางตะเกียบ พลางนั่งลงตรงหน้าเซี่ยอวี่ รอให้หล่อนอธิบายให้หายข้องใจ
“พ่อของหล่อนขายหล่อนไปใช้หนี้พนันตั้งแต่หล่อนยังเล็ก หล่อนไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวมาหลายปีแล้ว และทำงานหาเลี้ยงตนเองตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น”
“ว่าอย่างไรนะ?” เซี่ยไห่เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าก็แข็งค้างไปชั่วขณะ เขาเงยหน้ามองเซี่ยอวี่อย่างตกใจ ไม่รู้จะพูดอะไรดี
เขาพูดทวนคำพูดของเซี่ยอวี่ซ้ำๆ เป็นเวลาเนิ่นนาน พลางพึมพำอย่างไม่เชื่อหู “พ่อของหล่อนขายหล่อนใช้หนี้พนันงั้นเหรอ?”
เซี่ยอวี่เตือนเขาว่า “อย่าไปถามเรื่องครอบครัวหล่อนอีกเลย พวกเธอคบหากันให้ดีก็พอ ถ้าหล่อนพร้อมจะแต่งงานแล้ว หล่อนก็จะตอบตกลงกับเธอเอง”
เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยอวี่ สีหน้าของเซี่ยไห่ก็เคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย “ผมเข้าใจแล้ว”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ลินดาสู้ชีวิตมาก ไม่ง่ายเลยกว่าจะเติบโตมาอย่างดีได้ขนาดนี้ท่ามกลางสภาพครอบครัวแบบนั้น
ไหหม่า(海馬)
……….