ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 672 ให้หล่อนมีบ้านที่อบอุ่น
ตอนที่ 672 ให้หล่อนมีบ้านที่อบอุ่น
……….
ตอนที่ 672 ให้หล่อนมีบ้านที่อบอุ่น
เซี่ยไห่เดินกลับห้อง ในหัวยังคิดวนเวียนกับคำพูดของเซี่ยอวี่
คิดไม่ถึงว่าลินดาก็มีเส้นทางชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนกัน
ภายนอกหล่อนเป็นหญิงแกร่งที่ประสบความสำเร็จ ทว่าเบื้องหลังกลับมีเรื่องราวขมขื่นมากมาย
เขาโทรหาลินดา อยากจะถามว่าตอนนี้หล่อนอยู่ที่ไหน เขาอยากเจอหล่อนในตอนนี้แล้วโอบกอดหล่อนเอาไว้เหลือเกิน
“ฉันกำลังยุ่งอยู่ เดี๋ยวจะโทรกลับไปหาคุณนะ” ลินดาตอบกลับอย่างเย็นชา ก่อนจะวางสาย
เมื่อถูกวางสาย เซี่ยไห่นอนลงบนเตียง ยิ่งรู้สึกอึดอัดใจเป็นทวีคูณ
เมื่อใดที่คิดถึงคำพูดของเซี่ยอวี่ เขาก็เจ็บหัวใจราวกับถูกมีดกรีด
ไม่แปลกใจที่ลินดาจะไม่เคยพูดถึงครอบครัวของหล่อน ต่อให้เขาคาดคั้น หล่อนก็จะพูดเลี่ยงๆ หาข้ออ้างเปลี่ยนเรื่อง
เซี่ยไห่มองเพดานอย่างเลื่อนลอย ในใจคิดถึงแต่ลินดา จนในที่สุดก็ทนไม่ไหวลุกจากเตียง
เขาเคาะประตูห้องของเซี่ยอวี่ ถามที่ตั้งของสถานที่ทำงานของลินดา จากนั้นก็ออกจากบ้าน
ส่วนหลินเซี่ยที่อยู่บ้านก็เฝ้ารอให้ลินดากลับมาเร็วๆ เพื่อฟังผลการแนะนำงาน
จางซุ่นรอคอยข่าวสารที่ร้านชุดแต่งงานตลอดทั้งเช้า ซึ่งทุกคนเป็นกังวลมาก
ลินดาได้นัดกับผู้กำกับเหยียนที่ร้านน้ำชาแถวบ้านของเขา
เมื่อลินดากับผู้กำกับเหยียนเดินคุยและหัวเราะกันออกมาจากร้านน้ำชา พวกเขาก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนตากลมฤดูใบไม้ผลิที่พัดชายเสื้อและเรือนผมของเขาจนปลิวไสว
ใบหน้าหล่อเหลาของเซี่ยไห่เคร่งขรึมลงขณะมองชายวัยกลางคนที่คุยหัวเราะกับยัยทอมบอย หัวใจของเขารู้สึกหดหู่
ผู้กำกับเหยียนสังเกตเห็นสายตาของลินดา เขาหยุดเดินแล้วหัวเราะเย้าแหย่ “เฮ้ เขารอคุณอยู่หรือเปล่า?”
ลินดาตอบกลับด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “ใช่ค่ะ”
ผู้กำกับเหยียนรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าช่างดูคุ้นเคย แต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหน
“น้องชายของเซี่ยอวี่น่ะค่ะ” ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด ลินดาก็แนะนำเขา
ผู้กำกับเหยียนเข้าใจแล้ว “โอ้…แบบนี้เองสินะ ผมถึงรู้สึกคุ้น ๆ เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน”
เมื่อได้ยินว่าเป็นน้องชายของดาราสาว ผู้กำกับเหยียนก็มองเซี่ยไห่ด้วยสายตาเป็นมิตรและอบอุ่น จับมือเขาอย่างกระตือรือร้น
เซี่ยไห่จับมือเขาแล้วหัวเราะ “คุณคือผู้กำกับเหยียนใช่ไหมครับ ผมขอเสริมอีกนิดว่าผมไม่ใช่แค่น้องชายของเซี่ยอวี่เท่านั้น แต่ยังเป็นแฟนของลินดาด้วย”
“อะไรนะ” ผู้กำกับเหยียนได้ยินเซี่ยไห่แนะนำตัวเองเช่นนั้นก็ตกใจจนเกือบสำลัก
เซี่ยไห่ปล่อยมือเขาแล้วหยิบยื่นบุหรี่ให้พร้อมกับหัวเราะแล้วพูดซ้ำอีก “ผู้กำกับเหยียน ผมเป็นแฟนของลินดา แล้วก็กำลังจะแต่งงานกันแล้วครับ”
ปกติเซี่ยไห่ไม่สูบบุหรี่ แต่ในฐานะนักธุรกิจ เขาก็จะพกซองบุหรี่ดี ๆ ติดตัวไว้เสมอ เพื่อมอบให้คนที่เขาพบเจอระหว่างทาง ซึ่งเป็นการแสดงความเคารพ
ผู้กำกับเหยียนรับบุหรี่มาอย่างเป็นธรรมชาติ หยิบไฟแช็กออกจากกระเป๋าถือ แล้วจุดไฟอย่างคล่องแคล่ว เขามองเซี่ยไห่ด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็มองไปที่ลินดาแล้วเย้าแหย่ว่า “คุณลินดา คุณมีรสนิยมดีนะ”
ลินดาไม่เคยพูดเรื่องส่วนตัวกับเพื่อนร่วมงานคนไหนเลย
หลังจากที่งานของหล่อนขยายจากฮ่องกงไปยังไห่เฉิง ก็แทบจะไม่มีใครรู้เรื่องชีวิตส่วนตัวของหล่อน
เวลานี้เซี่ยไห่พลันโผล่มาทักทายผู้กำกับเหยียน ทำให้ลินดารู้สึกอึดอัดใจมาก
ลินดากระแอมสองครั้ง หวังให้เซี่ยไห่รีบๆ จากไปเสียที
แต่เซี่ยไห่ในฐานะนักธุรกิจ หลังจากพูดคุยทักทายกับผู้กำกับเหยียนสองสามประโยคแล้วก็พูดคุยถึงเรื่องการสนับสนุน การลงทุน
ผู้กำกับเหยียนได้ยินมาบ่อยครั้งแล้วว่าน้องชายของเซี่ยอวี่เป็นเจ้าของกิจการ ครั้งนี้เมื่อเซี่ยไห่พูดคุยถึงเรื่องการลงทุน ผู้กำกับเหยียนย่อมสนใจมาก
คนทั้งสองราวกับได้พบกันช้าเกินไป พลางเริ่มแลกเปลี่ยนวิธีการติดต่อกัน
ลินดายืนอยู่ข้างๆ รอให้พวกเขาแลกเปลี่ยนวิธีการติดต่อกัน แล้วก็เริ่มพูดคุยเล่นหัว
ในที่สุดหล่อนก็อดใจไม่ไหวที่จะพูดขึ้นเตือน “เซี่ยไห่ ผู้กำกับเหยียนมีเวลาน้อยมาก พวกเราอย่ารบกวนเขาเลย”
เซี่ยไห่พูดพร้อมกับยิ้ม “ผู้กำกับเหยียน คราวหน้าเถอะครับ คราวหน้าถ้าคุณมีเวลาแวะมาที่ห้องเต้นรำของเรา เรามีเครื่องคาราโอเกะใหม่ล่าสุด เดี๋ยวผมเลี้ยงคุณเอง”
“ได้สิๆ”
“งั้นพวกเราไปก่อนนะ”
เซี่ยไห่โบกมือลาผู้กำกับเหยียน
หลังจากส่งผู้กำกับเหยียนไปแล้ว เซี่ยไห่ก็เดินตามลินดาไปยังที่จอดรถ
ครั้นคนอื่นไม่อยู่แล้ว เขาจึงมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของลินดา หัวใจก็เริ่มรู้สึกหนักอึ้งอีกครั้ง
ลินดาเปิดประตูรถ เมื่อทั้งคู่ขึ้นรถ เซี่ยไห่ก็โอบกอดหล่อนทันที รัดหล่อนไว้แน่นในอ้อมกอด
ลินดาไม่ทันตั้งตัวเมื่อถูกเขาโอบกอด
หล่อนรีบผลักออกโดยสัญชาตญาณ
“คุณทำบ้าอะไรเนี่ย?”
เซี่ยไห่ยิ่งทำตัวไร้ขอบเขตมากขึ้น เรียกได้ว่าเห็นเมื่อไร ไม่ว่าสถานที่ เวลาใด ก็เดินเข้ามากอดทันที
คนแก่ไม่รู้จักกาลเทศะ
หล่อนพยายามผลักไสเซี่ยไห่ แต่เจ้าตัวกลับนิ่งเฉย กอดหล่อนแน่นพลางเอาหัวซบไหล่ จนหล่อนรู้สึกได้ว่าอารมณ์ของเขาแปลกไปจากเดิม
“คุณเป็นอะไร?” ลินดาผลักเขาอีกครั้งแล้วถาม
เซี่ยไห่ไม่พูดอะไร แค่กอดหล่อนแน่น มือข้างหนึ่งก็ล็อกที่ท้ายทอยของหล่อน
เขาไม่พูด แต่หล่อนกลับได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ของเขา
“คุณเป็นอะไรกันแน่?” ลินดาพลันตื่นตระหนก รีบดิ้นออกจากอ้อมกอดของเขาพลางเอ่ยถาม
เซี่ยไห่เงยหน้าขึ้นสบตากับหล่อน แววตาเต็มไปด้วยความรักใคร่
เขาพูดด้วยเสียงแหบพร่า แต่แฝงไปด้วยความทะนุถนอม “ที่รัก ผมจะดีกับคุณในอนาคต ผมจะปกป้องคุณจากอันตรายทั้งปวง ผมจะรักคุณ และจะให้บ้านที่แสนอบอุ่นกับคุณ”
“จู่ๆ ทำไมถึงพูดอะไรแบบนี้ล่ะ” ลินดาคุ้นเคยกับเซี่ยไห่ที่เป็นคนตรงไปตรงมา แต่จู่ๆ เขากลับอ่อนโยนเช่นนี้ หล่อนจึงมองเขาอย่างไม่เข้าใจและไม่คุ้นเคย
“ไม่ได้เป็นอะไร เพราะผมรักคุณมากจนอดจะแสดงความรู้สึกไม่ได้”
เซี่ยไห่ลูบหัวหล่อน เมื่อหล่อนเผลอ เขาก็ชิงหอมแก้มของหล่อน “ไปเถอะ กลับบ้านกัน”
ลินดาจ้องเขาอย่างครุ่นคิด ในใจเต็มไปด้วยคำถาม
หล่อนสตาร์ทรถ มองไปที่เซี่ยไห่ที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ
พอดีในเวลานี้สายตาของเซี่ยไห่ก็กำลังมองหล่อนด้วยความอ่อนโยน
สายตาของเขาแตกต่างไปจากปกติโดยสิ้นเชิง
ลินดาทำงานด้านการแสดง หล่อนเคยเห็นแววตาและอารมณ์ที่หลากหลายของนักแสดงขณะเข้าฉากแสดงมานับไม่ถ้วน
เพียงสบตากับเขาเพียงแวบเดียว ก็เข้าใจในทันทีว่าทำไมเซี่ยไห่ถึงมองหล่อนแบบนี้
เขาสงสารหล่อน
ลินดานึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่เขาอ้อนวอน และร้องขอให้หล่อนพาเขาไปพบกับครอบครัวของหล่อนที่ฮ่องกง
เหมือนหล่อนจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว
หล่อนขับรถไปตลอดทางอย่างเงียบงัน
เซี่ยไห่นั่งมองใบหน้าด้านข้างของหล่อน ไม่พูดอะไร
เมื่อมาถึงหน้าบ้านตระกูลเซี่ย เซี่ยไห่รีบลงจากรถ รอให้หล่อนลงตามมา แล้วจับมือหล่อนอย่างเป็นธรรมชาติ
ลินดาอยากดึงมือตัวเองกลับ เตือนอย่างเคอะเขินว่า “ถึงบ้านแล้ว”
“แล้วไง”
เขาไม่ยอมปล่อยมือ หล่อนจึงทำได้แค่อยู่เฉยๆ ปล่อยให้เขาจับมือเดินเข้าบ้าน
“พวกเรากลับมาแล้ว” เซี่ยไห่พูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง
ทุกคนในห้องโถงลุกขึ้นมาต้อนรับทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น
เซี่ยไห่ไม่ยอมให้หล่อนมีโอกาสดึงมือกลับเลย
“กลับมาแล้วเหรอ รีบเข้ามาสิ” คุณแม่เซี่ยถามไถ่พร้อมกับหันไปทางลินดาด้วยความห่วงใย “ลินดากินข้าวหรือยัง ฉันจะไปทำให้กิน”
“ฉันกินมาแล้วค่ะคุณป้า” ลินดากล่าว
หลังจากที่ลินดานั่งลง หลินเซี่ยก็อดใจรอไม่ไหวที่จะถาม “พี่ลินดา เป็นยังไงบ้างคะ ผู้กำกับว่ายังไง”
เซี่ยอวี่ก็เฝ้ารอคำตอบเช่นกัน
“ผู้กำกับบอกให้ซานเหยียไปที่กองถ่ายพรุ่งนี้เช้าแล้วทดลองถ่าย ดูว่าผลลัพธ์เป็นยังไง”
เมื่อได้ยินคำพูดของลินดา สีหน้าของหลินเซี่ยก็เปลี่ยนเป็นยินดีทันที “นั่นก็แปลว่าเขาจะให้โอกาสซานเหยียแล้วงั้นเหรอ?”
ลินดาพยักหน้า “ก็เท่ากับให้โอกาสพิสูจน์ตัวเองแหละ จะคว้าไว้ได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง”
“งั้นพรุ่งนี้ด้วยฉันต้องไปไหม” เซี่ยอวี่ถาม
ลินดากล่าว “ต้องไปสิ”
“ถ้าซานเหยียถ่ายไม่ผ่านพรุ่งนี้ ฉันก็เสียเที่ยวสิ”
“คุณอา ด้วยเทคนิคการถ่ายภาพของซานเหยียแล้ว ไม่น่าจะทำให้ผู้กำกับผิดหวังค่ะ”
หลังผู้กำกับเหยียนได้ดูรูปถ่ายที่จางซุ่นส่งมา เขาก็ยอมให้อีกฝ่ายไปที่กองถ่าย เพื่อพิสูจน์ว่ารูปที่ลินดาส่งมานั้นเป็นฝีมือของช่างภาพมือพระกาฬจริงหรือไม่
หลินเซี่ยรีบคว้าโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าขึ้นมา พูดว่า “เดี๋ยวฉันจะแจ้งให้เขาทราบตอนนี้เลยค่ะ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
บทจะคลั่งรักก็อบอุ่นเป็นเตาผิงเลยพ่อเอ๊ย ไหนล่ะผู้ชายที่เคยล้ออีกฝ่ายว่าเป็นยัยทอมบอย
ไหหม่า(海馬)