ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 713 จางเหมยอยากจะสารภาพความจริงกับหู่จือ
…………….
ตอนที่ 713 จางเหมยอยากจะสารภาพความจริงกับหู่จือ
อีกไม่นานก็จะถึงวันที่ 15 พฤษภาคมแล้ว
ช่วงหลัง ๆ มานี้ เซี่ยไห่อยู่เป็นเพื่อนหู่จือตลอด ไม่เปิดโอกาสให้จางเหมยได้อยู่กับหู่จือตามลำพังเลย
เซี่ยไห่ยังจำกัดเวลาให้สั้นลงด้วย ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็อ้างว่ามีธุระ แล้วพาหู่จือออกไป
เดือนที่แล้วตอนที่เจอกัน จางเหมยเคยเสนอว่าอยากพาหู่จือไปเที่ยวสวนสนุก บอกว่าเพิ่งสร้างเสร็จปีนี้ มีเครื่องเล่นสำหรับเด็ก ๆ เยอะแยะ
แถมยังมีม้าหมุนให้ขี่ด้วย
หล่อนบอกว่าครั้งนี้ที่มาเจอกัน หวังว่าเซี่ยไห่จะยืดเวลาให้นานขึ้นหน่อย เพราะหล่อนอยากพาหู่จือไปเที่ยว
เรื่องนี้ทำให้เซี่ยไห่ลำบากใจมาก
หลังจากที่ได้ใช้เวลาด้วยกันมาหลายครั้ง ในใจเขาก็เกิดความสงสารจางเหมยผู้หญิงยากจนคนนั้น และเห็นใจหล่อนพอสมควร
ถึงอย่างไรหล่อนก็เป็นแม่แท้ ๆ ของหู่จือ
แต่เขาก็รู้ดีว่าจางเหมยอยากจะสารภาพความจริงกับหู่จือ
ตอนนี้ก็แค่ยังไม่มีโอกาสเท่านั้นเอง
ยิ่งหู่จือไม่คุ้นเคยกับหล่อน เด็ก ๆ มักจะระแวงคนแปลกหน้าอยู่แล้ว
ทุกครั้งที่เจอกัน พวกเขาต้องหาข้ออ้างต่าง ๆ นานา
ถ้าเขาตกลงให้จางเหมยพาหู่จือไปเที่ยวตามลำพัง เขาไม่กล้ารับประกันหรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากเกิดเหตุการณ์ที่จางเหมยควบคุมอารมณ์ไม่ได้ แล้วพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด
เซี่ยไห่กังวลใจ เพราะเด็กมีจิตใจอ่อนไหว หากบอกให้เขาไปเที่ยวสวนสนุก เขาอาจจะไปกับจางเหมยจริง ๆ
ทันใดนั้นเซี่ยไห่ก็นึกบางอย่างขึ้นได้ เขาหันไปทางหู่จือที่เพิ่งเก็บของเสร็จและเปลี่ยนเป็นเสื้อแขนสั้นกับกางเกงขาสั้น แล้วพูดยิ้ม ๆ ว่า
“หู่จือ เดี๋ยวฉันพาเธอไปเที่ยวข้างนอกดีไหม”
“ไปสวนสนุก ไปนั่งม้าหมุน”
หู่จือตื่นเต้นมาก “จริงหรือฮะตารอง ทำไมตาถึงใจดีกับผมขนาดนี้ล่ะ เพื่อน ๆ ของผมบอกว่าม้าหมุนสนุกมาก พวกเขาไปเล่นกันมาแล้ว”
หู่จือวิ่งไปที่โซฟา กอดคอเซี่ยไห่แน่น แล้วหอมแก้มเขาอย่างแรง
“ตารอง ผมรักคุณที่สุดเลย”
เซี่ยไห่ “!!!”
“อย่ามาออดอ้อนนะ” เขากลอกตาเล็กน้อย แล้วพูดกับหู่จือว่า “ถ้าเธอชวนลินดาป้าสะใภ้รองในอนาคตของเธอไปได้ ฉันจะพาเธอไปเดี๋ยวนี้เลย”
หู่จือยังไม่ทันได้พูด ลินดาก็ตอบไปแล้วว่า “ฉันไม่มีเวลา”
เซี่ยไห่มองหล่อนอย่างน้อยใจ “ทำไมถึงไม่มีเวลาล่ะ ช่วงนี้พวกเธอไม่ได้พักผ่อนกันหรอกหรือ”
หู่จือมองลินดาด้วยสายตาอ้อนวอน หล่อนที่นึกถึงท่าทางระมัดระวังและกระวนกระวายอย่างน่าสงสารของหู่จือตอนอยู่ต่อหน้าโจวลี่หรงแล้วก็อดใจไม่ไหว
หล่อนกำลังจะบอกให้เซี่ยอวี่ไปด้วยกัน แต่เซี่ยอวี่หาวพลางบอกว่ารู้สึกเหนื่อยมาก ง่วงจนทนไม่ไหวอยากจะไปนอนแล้ว
ดังนั้นลินดาจึงต้องพาเซี่ยไห่ออกไปข้างนอกพร้อมกับหู่จือ
ตอนนี้ใกล้จะเป็นช่วงบ่ายแล้ว เซี่ยไห่บอกว่าจะพาไปเที่ยวสวนสนุกสักรอบ แล้วตอนเย็นค่อยพาหู่จือไปกินอาหารตะวันตก
หู่จือตื่นเต้นมาก หลิวกุ้ยอิงหยิบเสื้อนอกให้เขา แล้วบอกให้เซี่ยไห่เก็บไว้ในรถ ถ้าหนาวก็ให้เอามาใส่
หลังจากที่หู่จือกลับมาบ้านตระกูลเซี่ย หลินเซี่ยก็ได้อยู่กับโจวลี่หรงอย่างอึดอัดและเก้อเขินอีกครั้ง
โชคดีที่ไม่นานนักเฉินเจียเหอก็เปลี่ยนเป็นทำงานกะกลางวัน
ทำให้ตอนกลางวันแม้จะมีแค่พวกเธอสองคน ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร โจวลี่หรงออกไปซื้อของ ส่วนหลินเซี่ยก็จะอุ้มลูกไปมองคนในละแวกบ้านที่นั่งอยู่ข้างล่างจากหน้าต่าง
ญาติฝั่งแม่ของเธอก็จะมาเยี่ยมเป็นครั้งคราว
ตอนแรกทุกคนรู้สึกอึดอัดที่โจวลี่หรงจ้องมองตอนพวกเขาล้างมือ แต่ต่อมาก็ถูก โจวลี่หรง “ฝึก” ให้ล้างมือก่อนอุ้มเด็ก
ตราบใดที่เป็นสิ่งที่ดีต่อเด็กและหลินเซี่ย พวกเขาก็ยินดีปฏิบัติตาม
แต่เพื่อนบ้านที่มาเยี่ยมหลินเซี่ยกลับไม่ค่อยลงรอยกับโจวลี่หรงเท่าใดนัก
พี่สาวจาง ป้าหวัง พร้อมเพื่อนบ้านเก่าอีกหลายคนย้ายไปอยู่โรงงานใหม่ พวกเขาอยากมาเยี่ยมหลินเซี่ยนานแล้ว แต่เพราะเด็กเพิ่งคลอดได้ไม่นาน พวกเขาจึงกลัวว่าหลินเซี่ยจะพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงรอมาตลอด
ประกอบกับเมื่อเจอโจวลี่หรงในชุมชนบ้านพักแล้วเข้าไปถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของหลินเซี่ย โจวลี่หรงก็ไม่ค่อยสนใจตอบสักเท่าใด บอกแค่ว่าหลินเซี่ยกำลังพักฟื้น
พวกเขาหลายคนเลยไม่กล้ามา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเพื่อนบ้านเก่า หลินเซี่ยเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขา
ประกอบกับลักษณะงานของเฉินเจียเหอ ในฐานะเพื่อนบ้าน มารยาทก็ยังเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ขณะที่หลินเซี่ยอยู่เดือนได้เกินยี่สิบวัน พี่สาวจางก็ไปชวนพี่สาวหลิวกับป้าหวังมาด้วยกัน แล้วทั้งสามก็ชักชวนกันถือไข่มาเยี่ยมหลินเซี่ย
พวกหล่อนรอจังหวะที่โจวลี่หรงออกไปซื้อของแล้วก็รีบขึ้นมาทันที
ทั้งสามรู้สึกว่าโจวลี่หรงเข้ากับใครไม่ค่อยได้ จึงพยายามหลีกเลี่ยงหล่อน
ทุกคนเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม แล้วตรงไปนั่งที่ข้างเตียงของหลินเซี่ย แล้วก็ผลัดกันอุ้มเด็กด้วยความดีใจ
พวกหล่อนต่างก็เป็นคุณแม่ลูกหลายคน
โดยเฉพาะป้าหวังซึ่งมีหลานแล้ว
เมื่อเห็นทารกน้อยก็รักใคร่เอ็นดูมากเป็นพิเศษ
จึงต่างแย่งกันอุ้ม
หลินเซี่ยกลัวว่าแม่สามีของเธอจะกลับมาในทันใด จึงไม่ค่อยอยากให้พวกหล่อนอุ้ม กลัวว่าโจวลี่หรงจะไม่ให้เกียรติเพื่อนบ้าน แล้วจะรู้สึกอับอายในภายหลัง
แต่ลูกชายของเธอเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายและไม่กลัวคนแปลกหน้า ยอมให้ทุกคนอุ้มเขาได้
หลังจากที่พี่สาวจางอุ้มเด็กแล้ว หลินเซี่ยก็พูดอะไรไม่ออก
กระนั้นพี่สาวจางก็เป็นคนพิถีพิถัน สุขอนามัยย่อมไม่ต้องพูดถึง
แต่ป้าหวังมีอายุค่อนข้างมาก ฟันหลุดไปหลายซี่แล้ว เวลาพูดก็มักมีน้ำลายกระเด็นเป็นฟองฝอยจนไม่น่าดู
ขณะที่หลินเซี่ยคุยกับพวกหล่อน ใจก็คิดถึงแต่ลูก
เธอคิดว่าถ้าป้าหวังอยากอุ้มลูก เธอจะอ้างว่าต้องให้ลูกกินนมแล้วรับลูกมา
ทุกคนไม่ได้นั่งคุยกับหลินเซี่ยมานาน พอเจอกันก็เล่าเรื่องครอบครัวกันไม่จบไม่สิ้น
โดยเฉพาะเมื่อได้ยินว่าหวังซิ่วฟางและเจียงกั๋วเซิ่งจดทะเบียนสมรสกันแล้ว ทุกคนยิ่งมีเรื่องให้คุยกันมากขึ้น
หวังซิ่วฟางทำงานที่เดียวกับพี่สาวจางและสนิทกันมาก หวังซิ่วฟางบอกว่าจะไม่จัดงานแต่งงาน แต่จะเลี้ยงข้าวพวกหล่อนแทน ตอนนี้พี่สาวจางจึงถามความเห็นจากทุกคนว่าต้องให้ของขวัญอะไรไหม
ทุกคนเป็นเพื่อนบ้านกัน ควรทำตามขั้นตอนเดียวกัน และให้ของขวัญมูลค่าเท่ากัน เพื่อไม่ให้ใครรู้สึกอึดอัด
หลินเซี่ยเสนอความเห็นของเธอ “พี่สาวจาง งั้นเราช่วยกันซื้อของให้หล่อนดีไหมคะ”
พี่สาวจางตอบรับ “ก็ได้ ฉันได้ยินว่าตอนนี้กำลังนิยมชุดถ้วยน้ำชาหรือชุดถ้วยกาแฟอะไรแบบนั้น งั้นเราซื้อของแบบนี้กันเถอะ”
“ได้เลย คุณกับพี่สาวหลิวช่วยกันเลือกซื้อนะ แล้วค่อยบอกฉันทีหลังว่าต้องแบ่งจ่ายคนละเท่าไหร่”
ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันอยู่ โจวลี่หรงก็กลับมา
หล่อนเห็นพี่สาวจางอุ้มเด็กอยู่ ส่วนป้าหวังยืนยิ้มพูดอะไรสักอย่างอยู่ข้าง ๆ ทั้งที่น้ำลายเปื้อนมุมปาก ดูน่ารังเกียจมาก
สีหน้าของหล่อนพลันเคร่งขรึม ไม่ยิ้มให้ใครทั้งสิ้น เดินเข้าไปรับเด็กมาจากอ้อมแขนของพี่สาวจางทันที
พี่สาวจางตกใจที่เด็กหายไปจากอ้อมแขนกะทันหัน
หล่อนยืนกอดอากาศอย่างเก้อเขิน ขณะโจวลี่หรงอธิบายว่า “หลานน่าจะฉี่แล้ว ฉันจะไปเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เขา”
พูดจบ โจวลี่หรงก็อุ้มเด็กเดินออกไป
หลังโจวลี่หรงอุ้มเด็กออกไป เพื่อนบ้านทั้งสามคนรวมถึงหลินเซี่ยต่างรู้สึกอึดอัดใจ
หลินเซี่ยยิ้มกลบเกลื่อน “แม่สามีฉันรักหลานมาก หล่อนจับเวลาไว้ พอถึงเวลาก็จะเปลี่ยนผ้าอ้อมทันที กลัวว่าก้นหลานจะเปียกแฉะน่ะ”
พี่สาวจางยิ้มแหยอย่างอึดอัด “จริงด้วย คนที่เคยเป็นเจ้าหน้าที่รัฐมักจะเข้มงวดกันแบบนี้แหละ”
แต่ป้าหวังกลับรู้สึกไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หล่อนมองไปทางประตูแล้วเข้าไปใกล้หลินเซี่ย ส่งเสียงจุ๊ปากสองที “เสี่ยวหลิน แม่สามีของเธอนี่ไม่ธรรมดาเลยนะ ปกติเธอคงทนกับเรื่องแบบนี้บ่อยใช่ไหม ตอนที่หู่จือยังเด็ก หล่อนไม่เคยมาเยี่ยมหู่จือที่ชุมชนบ้านพักพนักงานเลย”
“ฉันจำได้ว่าตอนที่เธอกับเฉินเจียเหอเพิ่งแต่งงานกัน หล่อนเหมือนจะไม่ชอบเธอ ไม่ค่อยติดต่อกับพวกเธอด้วย”
ป้าหวังพูดต่ออย่างโมโห “เฮอะ ไม่ชอบลูกสะใภ้ แต่รักหลานที่ลูกสะใภ้คลอดให้เหลือเกิน ถ้าไม่มีลูกสะใภ้แล้วจะมีหลานได้ยังไง”
“ฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าแม่แท้ๆ ของหู่จือถูกแม่สามีของเธอไล่ออกไปเพราะไม่ชอบหน้าหรือเปล่า”
เรื่องแม่แท้ๆ ของหู่จือ ยังคงเป็นปริศนาในหมู่เพื่อนบ้าน
ทำให้พวกเขาคาดเดากันไปต่างๆ นานา
และสมมติฐานที่น่าเชื่อถือที่สุดคือ แม่ของหู่จือมีชาติกำเนิดไม่ดี ไม่คู่ควรกับเฉินเจียเหอ ครอบครัวเฉินไม่ยอมรับหล่อน เลยทำให้หล่อนต้องทิ้งลูกไว้แล้วจากไป
โจวลี่หรงไม่ชอบแม่แท้ๆ ของหู่จือ และยังเกลียดหู่จืออีกด้วย
โจวลี่หรงมาดูแลเรื่องอยู่เดือนให้หลินเซี่ยมากกว่า 20 วันแล้ว ทำให้ป้าหวังทนหล่อนไม่ไหวตั้งนานแล้ว
ทุกครั้งที่เรียกหล่อนมานั่งเล่น หล่อนก็ไม่สนใจ ตอนทักทายหล่อนก็ทำเฉยเมย ไม่ค่อยสนใจใคร
เป็นเจ้าหน้าที่รัฐแล้วเก่งนักหรืออย่างไร?
คราวนี้ป้าหวังจึงถือโอกาสระบายความในใจเสียเลย
“ป้าหวัง คุณอย่าเพิ่งคาดเดาเลย ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอก” หลินเซี่ยพูดอย่างจริงจัง “แม่สามีของฉันเป็นคนดีมาก แค่นิสัยเข้มงวดหน่อย แต่ใจดี ใส่ใจพวกเราทุกคน และเอาใจใส่ดูแลเก่งด้วย”
ป้าหวังเบ้ปากแล้วส่ายหัว บ่งบอกว่าหลินเซี่ยยังเด็กอยู่ ไม่เข้าใจอะไรเลย
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ถึงขนาดที่เพื่อนบ้านเก่าต้องแอบมาเยี่ยมเซี่ยเซี่ยลับหลังตัวเองอะ โจวลี่หรงจะรู้ตัวกี่โมงว่าเป็นคนแข็งกระด้างไม่น่าเข้าใกล้มากขนาดไหน
ไหหม่า(海馬)