ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 715 หน่วยข่าวกรอง
ตอนที่ 715 หน่วยข่าวกรอง
เฉินเจียเหอรับเด็กมาจากอ้อมแขนของหลินเซี่ย ปลอบเธอเบา ๆ “อย่าโกรธเลยนะ คืนนี้อยากกินอะไร ผมจะทำให้”
หลินเซี่ยคำรามเบา ๆ “กินอะไรล่ะคะ อิ่มไปหมดแล้ว”
“แม่ของคุณต้องคิดว่าป้าหวังมาบ้านเราเพื่อสอนอะไรไม่ดีให้ฉันแน่ ๆ หล่อนคิดว่าฉันเป็นคนแบบไหนกัน”
ทุกคนรู้ว่าป้าหวังเป็นคนปากไม่มีหูรูด และเป็นศูนย์กลางการเผยแพร่ข่าวซุบซิบในย่านที่พักอาศัยของครอบครัว
หลังเกษียณแล้วก็ไม่มีอะไรทำ ชอบนินทาเรื่องส่วนตัวของผู้อื่น
แต่เธอยังมีขอบเขตอยู่ ไม่มีทางพูดถึงแม่สามีในทางที่ไม่ดีกับป้าหวังแน่นอน
โจวลี่หรงไม่เชื่อใจเธอจากก้นบึ้งของหัวใจ คิดว่าเธอมีจิตสำนึกต่ำ กลัวว่าจะถูกชักนำไปในทางที่ผิด
เฮอะ คนที่มีจิตสำนึกสูงส่งก็คงมีแค่สหายโจวลี่หรงล่ะนะ
เฉินเจียเหอปลอบหลินเซี่ยอยู่นาน กว่าจะทำให้เธอหายโกรธ
ส่วนใหญ่เป็นเพราะเฉินเจียเหอกลัวว่าเธอจะมีอารมณ์รุนแรงเกินไปจนส่งผลเสียต่อเต้านม ทำให้น้ำนมไม่ไหล และทำให้ตัวเองทรมานจากอาการคัดเต้านม จึงบอกให้เธออย่าทำร้ายร่างกายตัวเอง
ถึงอย่างไรแม่ของเขาก็กลับบ้านไปแล้ว ช่วงนี้คงไม่มาหา ขอให้หลินเซี่ยคิดบวกหน่อย
หลินเซี่ยจึงค่อยหายโกรธ ฟังเขาพูดแล้วนอนลง
เฉินเจียเหอวางเด็กลง แล้วไปทำอาหารในครัว ที่บ้านมีผักและเนื้อสดที่แม่ของเขาซื้อมาใหม่ ๆ ในตู้เย็นมีทุกอย่าง
บ้านก็เป็นระเบียบเรียบร้อยและสะอาดมาก
แท้จริงแล้วในฐานะลูกชาย เขาก็เห็นความทุ่มเทที่แม่มีให้พวกเขาเหมือนกัน เพียงแต่ติดที่นิสัยของหล่อนเท่านั้น
เฉินเจียเหอถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วเริ่มทำอาหาร
ขณะที่อาหารยังไม่สุก โทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น
เฉินเจียเหอสะบัดมือแล้วรีบวิ่งไปรับโทรศัพท์
“พ่อ”
สายนั้นเป็นเสียงของเฉินเจิ้นเจียง
เฉินเจิ้นเจียงที่ปลายสายถามว่า “เจียเหอ เซี่ยเซี่ยยังไม่พ้นอยู่เดือน แม่ของลูกกลับมาได้ยังไง”
กระทั่งขนกระเป๋าเดินทางกลับมาด้วย
ถามอะไรไปหล่อนก็ไม่พูด พอกลับมาก็เข้าครัวเลย
แววตาเฉินเจียเหอวูบไหว หาข้ออ้างในทันที “พ่อ อีกหน่อยก็จะพ้นช่วงอยู่เดือนแล้วครับ ช่วงนี้ผมก็ไม่ค่อยยุ่ง มาดูแลได้อยู่ เซี่ยเซี่ยก็พักฟื้นได้ดีแล้ว ทำอาหารกินเองได้ด้วย ให้แม่ผมพักผ่อนที่บ้านสักสองสามวันเถอะครับ ช่วงนี้แม่ก็เหนื่อยมาเยอะแล้ว”
“อ๋อ”
เฉินเจิ้นเจียงพูดว่า “อย่างนั้นก็ไม่เป็นไร”
พูดจบก็วางสายไป
………………………………………………………
ที่บ้านตระกูลเฉิน
เมื่อไม่นานมานี้ โจวลี่หรงไม่อยู่ เฉินเจียซิ่งกับหยางหงเสียก็ย้ายกลับมาอยู่บ้านอีกครั้ง
คุณย่าเฉินอายุมากแล้ว จึงทำอาหารค่อนข้างลำบาก หยางหงเสียเลิกงานค่อนข้างเร็ว ก็เลยช่วยคุณย่าเฉินทำอาหาร ทำให้บ้านดูคึกคัก
ตอนนี้เฉินเจียซิ่งกับเฉินเจียวั่งนั่งอยู่บนโซฟา ตาจ้องมองพ่อของพวกเขาที่กำลังคุยโทรศัพท์กับเฉินเจียเหออย่างใจจดใจจ่อ
เมื่อเห็นพ่อวางสายไวขนาดนั้น เฉินเจียซิ่งก็รีบกระซิบถามทันที “พี่ใหญ่พูดว่ายังไงบ้างครับ? แม่ทะเลาะกับพี่สะใภ้หรือเปล่า?”
สายตาเคร่งเครียดของเฉินเจิ้นเจียงจ้องมองเขา “ทะเลาะอะไรกัน? วันๆ หนึ่งแกจะหวังแต่เรื่องดี ๆ ไม่ได้หรือไง? คิดว่าทุกคนจะเหมือนแกที่ไม่รู้จักคิดหรือไง?”
เมื่อถูกเฉินเจิ้นเจียงดุ เฉินเจียซิ่งก็ลูบจมูกแล้วไม่กล้าพูดอะไร
เฉินเจิ้นเจียงลุกขึ้นเดินกลับห้อง เฉินเจียซิ่งหรี่ตามีสีหน้าเหมือนนักสืบ “เจ้าสาม ฉันกล้าพนันเลยว่าต้องมีปัญหากันแน่ ๆ ถึงได้กลับมา นายเชื่อไหม?”
เฉินเจียวั่งไม่ได้ชอบซุบซิบนินทาเหมือนเฉินเจียซิ่ง แต่เขาก็หรี่ตา ดูเหมือนจะเห็นด้วยกับการคาดเดาของเฉินเจียซิ่ง
เขาคิดว่าพี่สะใภ้จะอดทนได้จนกว่าจะหมดระยะอยู่เดือน ไม่คิดว่ายังเหลืออีกไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ความขัดแย้งก็ระเบิดขึ้นแล้ว
“พี่อย่าพูดเพ้อเจ้อ พ่อโทรไปถามแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น” เฉินเจียวั่งเตือนเขา “อย่าเติมน้ำมันลงในกองไฟเลย”
ถึงแม้จะมีปัญหากันจริง พวกเขาก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
แม่ของพวกเขาเป็นคนที่ใส่ใจหน้าตามาก
ถ้าใครรู้ว่าหล่อนไปดูแลลูกสะใภ้อยู่เดือน แต่เพราะมีปัญหากันเลยกลับมาก่อน ถ้าข่าวแพร่ออกไป หล่อนคงไม่กล้าโผล่หน้าในย่านนี้อีกแน่
“ใครเติมน้ำมันลงในกองไฟกัน? ไม่เชื่อก็พนันกันเลย”
เฉินเจียวั่งมองเขาอย่างไม่พอใจ
ดวงตาไร้แววอยากรู้และไม่สนใจ
พรุ่งนี้เฉินเจียซิ่งหยุดพักผ่อนพอดี ส่วนเฉินเจียวั่งตอนบ่ายไม่มีเรียน เขาอยากจะชวนเฉินเจียวั่งไปบ้านพี่ชายคนโต อ้างว่าจะไปเยี่ยมหลานชาย
แต่จริง ๆ แล้วก็อยากจะไปให้กำลังใจหลินเซี่ยด้วย
ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ เขาสังเกตอาการของแม่ตัวเองแล้ว ท่าทางไม่ปกติแน่ ๆ
เมื่อคืนนี้แม่ของเขานั่งไม่ติดที่ จ้องโทรศัพท์บ้านตลอดเวลา หยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมาหลายครั้ง แต่ก็วางลงอีก
เฉินเจียซิ่งยิ่งมั่นใจว่าแม่ของเขาต้องทะเลาะกับพี่สะใภ้คนโตแน่ ๆ
ตอนนี้อยากจะเจอหน้าหลาน แต่ไม่กล้าไปหา
เฉินเจียซิ่งอยากรู้เรื่องนี้มาก ว่าสุดท้ายแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ในความคิดของเขา ถ้าหลินเซี่ยต้องเผชิญหน้ากับแม่ของเขา หลินเซี่ยต้องแพ้แน่นอน
ซึ่งมันต้องโมโหมากแน่ ๆ
ตอนเฉินพวกเขาก็รู้สึกได้ถึงอาการผิดปกติของโจวลี่หรง
พวกเขาตั้งใจจะไปบ้านเฉินเจียเหอเหมือนกัน เพื่อไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
บอกว่าไม่มีอะไร ไม่ต้องให้ผู้สูงอายุเข้าไปยุ่งมากนัก
เมื่อพี่น้องทั้งสองมาถึงบ้านของพี่ใหญ่ เฉินเจียเหอเพิ่งส่งอาหารให้หลินเซี่ย แล้วกลับไปที่หน่วยงาน เด็ก ๆ ก็หลับไปแล้ว
หลินเซี่ยมองไปที่เฉินเจียซิ่งและเฉินเจียวั่งที่ปรากฏตัวอยู่ที่ประตู แล้วเลิกคิ้ว
“พวกนายมาทำไมกัน?”
กล่าวตามตรง ตอนนี้หลินเซี่ยรู้สึกค่อนข้างสับสนที่ได้เห็นพวกเขา
พี่น้องสองคนนี้จะมาตำหนิเธอหรือเปล่านะ?
เฉินเจียซิ่งพูดว่า
“มาเยี่ยมหลานชายน่ะสิ”
หลินเซี่ยสังเกตเห็นว่าเฉินเจียวั่งถือถุงอาหารที่แพ็คมาให้เธอ และไก่ตัวหนึ่ง
“พี่ใหญ่ไม่อยู่เหรอ?” เฉินเจียวั่งถาม “เธอกินข้าวหรือยัง? ฉันจะเอาซุปซี่โครงหมูนี่ไปวางไว้ที่ไหนดี?”
“ขอบใจนะที่เอาอาหารมาให้ด้วย” หลินเซี่ยพูด “ในที่สุดพี่ใหญ่ของนายก็เอาอาหารมาให้ฉัน เอาไปวางไว้ในครัวเถอะ”
“แม่ไม่อยู่ ผมไม่ต้องล้างมือแล้วใช่ไหม?” เฉินเจียซิ่งเดินเข้ามาอย่างเบิกบาน ยิ้มให้หลินเซี่ยแล้วถาม
หลินเซี่ยทำหน้าเคร่งเครียดและพูดเสียงจริงจัง “ทำไมจะไม่ต้องล้างล่ะ? นายล้างมือเพื่อทำท่าให้แม่ดูเหรอ?”
เฉินเจียซิ่งยักไหล่ก็เลยต้องไปล้างมืออีกครั้ง
“พี่สะใภ้ ทำไมแม่ถึงกลับบ้านล่ะ?” เฉินเจียซิ่งนั่งลงบนโซฟา ถามอย่างสงสัย
“แม่ดูแลฉันตลอดหนึ่งเดือนที่อยู่เดือน นอนไม่ค่อยหลับจนผอมไปหมดแล้ว ฉันเลยให้แม่กลับไปพักสักสองสามวัน”
หลินเซี่ยมองพวกเขาด้วยความสงสัย ถามว่า “อ้าว? แม่ไม่ได้บอกพวกคุณเหรอ?”
เฉินเจียซิ่งส่ายหัว “ไม่ได้บอกเลย พวกผมเห็นสีหน้าของแม่ไม่ค่อยดี อารมณ์ก็ไม่ดี ตอนเย็นไม่ยอมกินข้าวด้วย เหมือนทะเลาะกับใครมาอย่างนั้นแหละ”
ขณะที่เขาพูด สายตาก็จับจ้องมองหลินเซี่ย สังเกตสีหน้าของเธอ
หลินเซี่ยถูกเฉินเจียซิ่งจ้องมองก็รู้สึกผิดอยู่บ้าง
ดูจากท่าทางของพี่น้องทั้งสอง คงเป็นเพราะเห็นโจวลี่หรงกลับบ้านไปโดยไม่ได้พูดอะไร แล้วพวกเขารู้สึกได้ว่าอารมณ์ของโจวลี่หรงไม่ปกติ จึงวิ่งมาสอบถามข่าวกัน
จริง ๆ แล้วหลินเซี่ยไม่อยากให้เรื่องบานปลาย
เพราะมันเป็นเพียงการปะทะกันเล็กน้อยระหว่างเธอกับแม่สามี ถ้าให้พวกเฉินเจียซิ่งเข้ามายุ่งมันจะดูไม่ดี
ถึงแม้ปกติลูกชายทั้งหลายจะบ่นเกี่ยวกับแม่ของพวกเขา แต่นั่นก็เป็นแม่ของพวกเขา
ดังนั้นหลินเซี่ยจึงไม่ยอมรับอะไรทั้งนั้น
แต่เฉินเจียซิ่งไม่ยอมแพ้ เขายังคงพยายามหยั่งเชิงว่า
“พี่สะใภ้ จริง ๆ ถึงคุณไม่พูด พวกผมก็เดาได้ ต้องเป็นเรื่องที่คุณกับแม่ผมมีปัญหากันใช่ไหมล่ะ ไม่งั้นแม่จะหิ้วกระเป๋ากลับบ้านกลางคันแบบนั้นทำไม คุณพูดมาเถอะ พวกผมจะช่วยตัดสิน”
เรื่องพวกนี้เฉินเจียซิ่งคาดเดาไว้หมดแล้ว ตอนที่หลินเซี่ยเพิ่งคลอดลูกและโจวลี่หรงอยู่ที่นี่ เขายังทำนายเอาไว้เลยว่าแม่ของเขาคงอยู่บ้านพี่ชายได้ไม่ถึง 10 วันก็ต้องเก็บข้าวของกลับบ้านแน่ ๆ
ไม่คิดว่าเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งเดือนแล้ว
เขายกย่องในความอดทนของพี่ชายและพี่สะใภ้จริง ๆ
คิดว่าจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบจนกระทั่งลูกครบเดือน
อ่า สุดท้ายก็จบลงด้วยความล้มเหลว
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เจียซิ่งนี่หาข่าวซุบซิบเก่งไม่แพ้ป้าหวังที่อยู่บ้านพัสวัสดีการเลย
ไหหม่า(海馬)