ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 717 รูปถ่ายอดีตภรรยาและอดีตแฟนสาวทั้งหมด
ตอนที่ 717 รูปถ่ายอดีตภรรยาและอดีตแฟนสาวทั้งหมด
เฉินเจียซิ่งอยากทำงานกับหลินเซี่ยจริง ๆ งานปัจจุบันของเขาอย่าว่าแต่จะมีโอกาสได้ก้าวหน้าเลย ประเด็นสำคัญก็คือรายได้ช่างน้อยนิด เหมาะสำหรับคนชราเสียมากกว่า
ตอนนี้พวกเขายังไม่มีลูก
แต่ถ้าไม่คิดวิธีหารายได้เพิ่ม ต่อไปพอมีลูก ก็ต้องพึ่งแม่ของเขาช่วยเลี้ยงหลาน
เขาคิดถึงชีวิตแบบนั้นแล้วก็ปวดหัว
เฉินเจียวั่งเห็นได้ชัดว่าพี่รองของเขารู้สึกกดดันกับการใช้ชีวิตมากขนาดไหนตั้งแต่ย้ายออกไป
ในเมื่อเขาตั้งใจจริงที่จะพัฒนาตัวเอง ถ้างั้นก็…
เฉินเจียวั่งเงียบไปครู่หนึ่ง มองไปที่เฉินเจียซิ่ง แล้วพูดว่า “แต่ก่อนพี่ชอบถ่ายรูปไม่ใช่เหรอ? ถ้าพี่อยากทำงานกับพี่สะใภ้จริง ๆ ตอนนี้พี่ก็ซื้อกล้องวิดีโอ เรียนรู้การถ่ายภาพ รอจนกว่าธุรกิจของพวกเขาจะใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่ง พี่ก็ทำงานร่วมกับช่างแต่งหน้าไปเป็นช่างภาพถ่ายรูปงานแต่งงานให้ลูกค้าสิ”
เฉินเจียวั่งรู้ว่าเฉินเจียซิ่งเคยชอบเล่นกล้องถ่ายรูปพวกนั้น และมีความสนใจงานอดิเรกด้านนี้
ช่วงไม่กี่ปีที่เขาไม่ได้ทำงาน วันทั้งวันก็เอากล้องถ่ายรูปเดินเตร็ดเตร่ไปทั่ว
ดวงตาของเฉินเจียซิ่งเป็นประกาย “ทำแบบนี้ได้เหรอ? มีอนาคตไหม?”
“ถามพี่สะใภ้ดูสิ ว่าหล่อนจะใช้พี่ไหม” เฉินเจียวั่งบอกเขา
“พี่สะใภ้ ผมทำอะไรได้บ้าง”
หลินเซี่ยพูดว่า “งานนี้มีข้อกำหนดด้านเทคนิคการถ่ายทำสูงมาก และก็ไม่ได้มีงานทุกวัน”
“ให้พี่รองของผมทำเป็นงานพาร์ทไทม์ก่อนก็ได้ รอจนกว่าร้านของพวกคุณจะขยายสาขา เมื่อเขาทำงานได้เสถียรแล้วค่อยคิดเรื่องลาออก”
พอเฉินเจียวั่งพูดแบบนั้น เฉินเจียซิ่งก็มองหลินเซี่ยด้วยสีหน้าคาดหวัง
หลินเซี่ยเห็นว่าถ้าไม่ตอบตกลง ก็จะดูเหมือนไม่รู้จักกาลเทศะ
“งั้นนายไปเรียนเทคนิคการถ่ายภาพก่อนนะ พอฝีมือผ่านเกณฑ์แล้วค่อยมาสัมภาษณ์”
“งั้นผมต้องซื้อกล้องเองเหรอ?” เฉินเจียซิ่งเป็นคนรสนิยมสูงแต่รายได้ต่ำ เขาทำหน้าด้านถามหลินเซี่ยว่า “พี่สะใภ้ ตอนที่หงเสียเรียนเป็นช่างแต่งหน้า อุปกรณ์แต่งหน้าพวกนั้นก็เป็นของร้านพวกพี่ทั้งนั้น พี่จะให้ยืมกล้องเก่า ๆ สักตัวให้ผมเอาไว้ฝึกฝนก่อนได้ไหม”
เธอจะมีกล้องเก่า ๆ ให้เขายืมใช้ได้อย่างไร
อุปกรณ์ถ่ายภาพที่จางซุ่นใช้ เป็นเขาที่เอามาเองทั้งหมด
และยังถือเป็นเหมือนของมีค่า คนอื่นแตะต้องไม่ได้ด้วยซ้ำ
แม้เฉินเจียซิ่งจะผิดหวัง แต่เขาก็ยังคงเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ
ในเมื่อหลินเซี่ยตอบตกลงและยินดีให้โอกาสเขา งั้นเขาต้องรีบหาวิธีเรียนรู้โดยเร็ว
เขาตั้งใจว่าจะกลับไปหากล้องถ่ายรูปเก่า ๆ ของเขาก่อน แล้วเริ่มจากการถ่ายรูป
พอกลับบ้าน เขาก็เล่าเรื่องนี้ให้หยางหงเสียฟัง
หยางหงเสียมองเขาด้วยความสงสัย ถามว่า “พี่สะใภ้ยอมใช้คุณจริง ๆ เหรอ?”
เฉินเจียซิ่งพยักหน้า “ใช่ แต่ผมต้องเริ่มเรียนรู้ก่อน”
“พวกคู่แต่งงานใหม่ที่มาร้านพวกคุณใช้บริการถ่ายภาพเยอะไหม เธอคิดว่าอนาคตของงานนี้เป็นยังไง?”
“แน่นอนว่าอนาคตต้องสดใสแน่ ๆ ในยุคสมัยที่เจริญก้าวหน้าแบบนี้ ชีวิตความเป็นอยู่ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แค่ร้านแนะนำช่างภาพให้คู่บ่าวสาว ปกติพวกเขาก็จะใช้บริการอยู่แล้ว” หยางหงเสียกล่าว
สำหรับครอบครัวที่ฐานะดีหน่อย มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่าง VCD ที่บ้าน พอถึงวันแต่งงาน พวกเขามักจะสอบถามเกี่ยวกับบริการนี้เป็นพิเศษ เพื่อให้ช่างภาพตามถ่ายภาพและตัดต่อลงในแผ่นดิสก์ภายหลัง
ก่อนหน้านี้มีคู่บ่าวสาวสองสามคู่ต้องการให้ช่างภาพตามถ่าย ซึ่งจางซุ่นเป็นคนจัดเวลาไปเอง
หลังจากที่จางซุ่นรับงานจากกองถ่าย เขาก็มีงานข้างนอกเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แม้แต่การถ่ายภาพให้คู่บ่าวสาวก็ต้องนัดล่วงหน้าเพื่อจัดสรรเวลาด้วย ขณะที่หลินเซี่ยไม่ค่อยได้ดูแลร้านในช่วงนี้เพราะเพิ่งคลอดลูกและอยู่เดือน
แต่แรกหลินเยี่ยนก็ตั้งใจจะรอให้หลินเซี่ยพ้นจากการอยู่เดือนแล้วค่อยปรึกษาเรื่องนี้อยู่แล้ว
เพื่อดูว่าจางซุ่นต้องการศิษย์หรือเปล่า
ไม่อย่างนั้นจะเสียเรื่องแน่ ๆ
ถ้าเฉินเจียซิ่งยินดีเรียนการถ่ายภาพจริง ๆ ก็จะประจวบเหมาะที่จะมาเติมเต็มช่องว่างนี้พอดี
หยางหงเสียหวังในใจว่าเฉินเจียซิ่งจะคว้าโอกาสนี้ไว้ได้ หล่อนมองเฉินเจียซิ่ง แล้วถามอย่างไม่แน่ใจ “คุณจะเรียนได้ไหม”
“อย่ามองข้ามผู้ชายของคุณสิ เอาเป็นว่า ผมเป็นคนแรกในหมู่บ้านทหารของพวกเราที่มีกล้องโง่ ๆ นะ สมัยก่อนผมไปไหนก็ถ่ายรูปไปทั่ว รูปในบ้านของพวกเราส่วนใหญ่ก็เป็นฝีมือผมนี่แหละที่ถ่ายให้ทุกคน”
แต่หลังจากนั้น ปู่กับพ่อของเขาคิดว่าเขาทำตัวไม่เอาถ่าน จึงยึดกล้องของเขาไป และหางานให้เขาทำ ส่งเขาออกไปทำงานข้างนอก
ลองนึกดูว่าตอนนั้นชีวิตของเขาสบายแค่ไหน ทั้งวันเอาแต่เที่ยวเตร่ไปทั่ว พกกล้องไปถ่ายรูปจีบสาวที่ไหนต่อที่ไหน ชีวิตช่างสุขสบายเหลือเกิน
แต่ตอนนี้มีครอบครัวแล้ว มีภาระหน้าที่บนบ่า
วันเวลาอันอิสระเสรีเหล่านั้นคงไม่มีวันหวนคืนมาอีกแล้ว
อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้ดีว่าควรทำอะไรในวัยไหน ตอนนี้ถึงเวลาที่เขาควรตั้งหลักปักฐานและใช้ชีวิตอย่างดี
เฉินเจียซิ่งรู้สึกกดดันอย่างหนัก
ดังนั้นเขาต้องเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตัวเอง
เกาะขาหลินเซี่ยและทำอะไรสักอย่าง
ต่อให้เริ่มจากงานพาร์ทไทม์ก็ยังดี
อย่างน้อยก็ต้องเพิ่มรายได้ขึ้นมาก่อน อย่าต่ำกว่าภรรยามากนัก
หยางหงเสียเป็นผู้หญิงที่เข้าอกเข้าใจสามี หล่อนมองเฉินเจียซิ่งที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดสีหน้าหนักอึ้งแล้วจับมือเขาเอ่ยปลอบใจว่า “เจียซิ่ง คุณไม่ต้องกดดันขนาดนั้นหรอก ตอนนี้งานของคุณก็ค่อนข้างมั่นคงแล้ว คุณแค่ทำมันให้ดีก็พอ ฉันกลัวว่าถ้าคุณไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านเช่าชุดแต่งงาน มันจะกระทบกับงานปกติของคุณ”
สิ่งที่หยางหงเสียกังวลที่สุดคือเฉินเจียซิ่งจะทำสองอย่างพร้อมกัน สุดท้ายแล้วจะไม่ได้อะไรเลยทั้งสองอย่าง
“หงเสีย คุณหมายความว่ายังไง คุณไม่อยากให้ผมก้าวหน้าหรือ?” เฉินเจียซิ่งถามหล่อนด้วยสีหน้าหม่นลงเล็กน้อย
หยางหงเสียตอบอึกอักด้วยสีหน้าลำบากใจ “ฉันแค่กลัวว่ามันจะกระทบกับงานของคุณน่ะ”
“จะกระทบอะไรกันล่ะ ผมจะเริ่มเรียนรู้ตอนว่างก่อน แน่นอนว่าจะยังไม่ลาออกจากงานในตอนนี้ พอทำได้เยอะแล้ว ผมก็แค่ลาพักงานโดยไม่รับเงินเดือนไง ไม่ดีหรือไง”
เฉินเจียซิ่งตัดสินใจแล้วว่าจะเรียนรู้ทักษะนี้
ส่วนใหญ่เป็นเพราะเขามีพื้นฐานด้านนี้อยู่แล้ว และเขาก็ชอบที่จะเล่นกับสิ่งพวกนั้นด้วย
เหลือแค่เร่งมือหน่อย
เขาพูดจบก็ค้นหากล้องถ่ายรูปของเขาทั่วบ้าน
พอหาทั่วแล้วไม่เจอ จึงวิ่งไปเคาะประตูถามปู่ย่าของเขา
คุุณย่าเฉินเพิ่งดูทีวีเสร็จกำลังจะเข้านอน ได้ยินเฉินเจียซิ่งกำลังหากล้องถ่ายรูป จึงถามขึ้นมาว่า “เธอจะทำอะไรอีกล่ะ?”
เฉินเจียซิ่งเอ่ยโกหก “พี่สะใภ้ใหญ่อยากยืมกล้องถ่ายรูปของผม ผมจะเอาไปให้หล่อนพรุ่งนี้”
“น่าจะอยู่ในห้องเก็บของนะ ไปหาเอาเองแล้วกัน”
เฉินเจียซิ่งวิ่งไปที่ห้องเก็บของ ค้นหากล้องถ่ายรูปจากกล่องกระดาษใบหนึ่งที่ปกคลุมด้วยฝุ่น
เขาหยิบกล้องถ่ายรูปออกมาเช็ดทำความสะอาด แล้วก็เห็นอัลบั้มรูปวางซ้อนกันอยู่บนโต๊ะเก่า ๆ ตัวหนึ่ง
มีอย่างน้อยสามสี่เล่ม
คงเป็นผลงานการถ่ายภาพของเขาในอดีต
ตอนที่เพิ่งซื้อกล้องถ่ายรูปใหม่ ๆ เขาจะถ่ายรูปไปทุกที่ที่ไป ทั้งคนในบ้าน เพื่อนบ้าน และบรรดาสหายเก่าของเขาต่างก็ถูกเขาถ่ายรูปกันหมด
เขาหอบอัลบั้มรูปทั้งหมดไว้ในอ้อมแขน
ตั้งใจจะเปิดอัลบั้มรูปหาแรงบันดาลใจก่อน
ช่างภาพต้องถ่ายรูปให้ดีเป็นอันดับแรก
เขาหอบกล้องถ่ายรูปและอัลบั้มรูปขึ้นไปชั้นบน “หงเสีย รับหน่อยสิ”
“ผมเจอกล้องถ่ายรูปแล้ว แถมยังมีรูปที่ผมเคยถ่ายไว้ด้วย เดี๋ยวจะให้คุณดูฝีมือการถ่ายรูปของผมนะ”
หยางหงเสียเห็นอัลบั้มรูปกองสูงขนาดนั้นก็อุทานด้วยความประหลาดใจ “ทำไมมีเยอะขนาดนี้ล่ะ?”
เฉินเจียซิ่งหัวเราะพลางพูดว่า “เมื่อก่อนถ่ายเล่นไว้ทั้งนั้น คุณลองดูสิ มีรูปตอนที่ผมเรียนหนังสืออยู่ด้วยนะ”
หยางหงเสียมองอัลบั้มรูปที่เขาวางไว้บนโต๊ะแล้วก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่างของชีวิตระหว่างหล่อนกับเฉินเจียซิ่งอย่างแท้จริง
เหมือนอย่างเมื่อไม่กี่ปีก่อน ตอนที่หล่อนไปถ่ายรูปที่ร้านถ่ายรูป เพราะเงินในกระเป๋าไม่ค่อยพอ หล่อนเลยไม่กล้าถ่ายหลายรูป
แต่เฉินเจียซิ่งกลับซื้อกล้องถ่ายรูปได้เอง ได้ถ่ายรูปอย่างอิสระและล้างรูปเอง
หยางหงเสียเปิดอัลบั้มรูปเล่มหนึ่ง ข้างในเต็มไปด้วยรูปคนในครอบครัวจริง ๆ
ตอนนั้นผมของคุณปู่คุณย่าก็ยังไม่ขาวโพลนทั้งหมด แล้วก็ยังมีคุณพ่อคุณแม่ของเขาด้วย ทุกคนยังดูอ่อนเยาว์มาก
เฉินเจียวั่งก็เป็นหนุ่มน้อยที่ยังไม่โตเต็มที่
เมื่อหล่อนเปิดไปอีกสองสามหน้า ก็เห็นเฉินเจียซิ่งใส่กางเกงขาบาน เสื้อเชิ้ตลายดอก ผมยาวเฟิ้ม ท่าทางเหลาะแหละ หล่อนก็อดมองหน้าเขาไม่ได้
“นี่คุณเหรอ?”
เฉินเจียซิ่งหัวเราะ “ใช่แล้ว เป็นยังไงบ้าง หล่อไหมล่ะ?”
หยางหงเสียพูดอย่างซื่อ ๆ “เหมือนนักเลงเลย”
พวกผู้หญิงอย่างพวกหล่อน ถ้าเห็นผู้ชายแต่งตัวแบบนี้บนถนน ต่างก็จะเดินอ้อมทางหนีกันทั้งนั้น
“คุณมันอ่อนเดียงสาเกินไป ไม่เข้าใจรสนิยมหรอก นั่นมันแฟชั่นล่าสุดในตอนนั้นเลยนะรู้ไหม?”
เฉินเจียซิ่งมองตัวเองในอดีตที่ดูมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม อดถอนหายใจไม่ได้ “ชีวิตสมัยก่อนนี่สบายจริง ๆ เลย”
หยางหงเสียได้ยินก็หันมามอง “แล้วชีวิตตอนนี้ไม่ดีหรือไงคะ?”
เฉินเจียซิ่งยิ้มแล้วพูดว่า
“ผมหมายถึง สมัยก่อนตอนอายุยังน้อย ไม่มีความกดดันในชีวิต ไม่ต้องไปทำงาน ก็เที่ยวไปทั่วไงล่ะ”
“ขอดูอันอื่นอีกหน่อยนะ”
หยางหงเสียหยิบอัลบั้มภาพอีกเล่มมาดูต่อ
มีรูปทิวทัศน์หลากหลาย และผู้ชายผู้หญิงที่หล่อนไม่รู้จัก แต่พอเปิดไปด้านหลังก็พบว่ามีรูปหญิงสาวแปลกหน้าเยอะมาก หล่อนมองเฉินเจียซิ่งด้วยความสงสัยแล้วถามว่า “พวกนี้เป็นใครกันคะ?”
“เอ่อ นี่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนสมัยก่อน พวกหล่อนให้ผมถ่ายรูปน่ะ ตอนหลังพอล้างรูปเสร็จก็ติดต่อคนไม่ได้ ผมเลยเอามาเก็บไว้ที่บ้าน เก็บไว้นานก็เลยลืมไปน่ะ”
พูดจบเฉินเจียซิ่งก็เกาจมูกอย่างใจเสีย เหงื่อเย็นผุดขึ้นที่หน้าผาก
ทำไมเขาถึงจำรูปพวกนี้ไม่ได้นะ?
ผู้หญิงพวกนี้เป็นคนที่เขาเคยจีบเมื่อสมัยก่อนทั้งนั้น และเขายังเคยคบกับหล่อนสองคนในนั้นด้วย
ต่อมาพ่อแม่ของผู้หญิงคนนั้นจับได้ พี่ชายของหล่อนพาพรรคพวกมาจะทุบขาเขา เขาเลยเลิกกับหล่อนไป
ส่วนอีกคนจำไม่ได้แล้วว่าเลิกกันอย่างไร แต่ก็เกือบโดนทุบตีเหมือนกัน
“พอแล้ว เรื่องพวกนี้ไม่สำคัญหรอก เรามาดูอย่างอื่นกันเถอะ”
เฉินเจียซิ่งหยิบอัลบั้มรูปจากมือของหยางหงเสียแล้ววางไว้ข้าง ๆ เขาตั้งใจจะไปจัดการมันทีหลัง
จากนั้น เขาก็หยิบอัลบั้มเล่มใหม่ให้หล่อนอีกครั้ง
“เอ้านี่ ดูอันนี้สิ”
ผลปรากฏว่า…
เมื่อเปิดหน้าแรกของอัลบั้มเล่มนี้ ก็เป็นรูปคู่ของเขากับเสิ่นเสี่ยวเหมย
เฉินเจียซิ่ง “!!!”
“พอแล้ว เรื่องพวกนี้ไม่สำคัญหรอก เรามาดูอย่างอื่นกันเถอะ”
เฉินเจียซิ่งหยิบอัลบั้มรูปจากมือของหยางหงเสียแล้ววางไว้ข้าง ๆ เขาตั้งใจจะไปจัดการมันทีหลัง
จากนั้น เขาก็หยิบอัลบั้มเล่มใหม่ให้หล่อนอีกครั้ง
“เอ้านี่ ดูอันนี้สิ”
ผลปรากฏว่า…
เมื่อเปิดหน้าแรกของอัลบั้มเล่มนี้ ก็เป็นรูปคู่ของเขากับเสิ่นเสี่ยวเหมย
เฉินเจียซิ่ง “!!!”
เขาคิดจะแย่งอัลบั้มจากมือหล่อนโดยไม่ทันได้คิด แต่หยางหงเสียกลับหลบ จ้องเขาด้วยสายตาดุดันแล้วเปิดต่อไป ซึ่งก็เป็นรูปเดี่ยวของเสิ่นเสี่ยวเหมย
หล่อนรีบเปิดไปอีกสองสามหน้า พบว่าข้างในเป็นรูปของเสิ่นเสี่ยวเหมยทั้งหมด
มีทั้งเสิ่นเสี่ยวเหมยยามสวมใส่เสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ ๆ หลากหลายแบบ แม้กระทั่งรูปในห้องนอนที่หล่อนสวมเพียงเสื้อกล้าม
ใบหน้าของหยางหงเสียซีดลงในพริบตา
เฉินเจียซิ่งเองก็ไม่คิดว่าตนจะยังมีรูปพวกนี้อยู่
“หงเสีย เรื่องนั้น…”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เป็นเรื่องแล้วเจียซิ่งเอ๊ย อดีตเคยทำอะไรไว้กรรมตามสนองตอนนี้หมดเลย
ไหหม่า(海馬)