ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 720 กอด
ตอนที่ 720 กอด
ชาวบ้านที่นั่งรับลมอยู่ด้านนอก ต่างก็มุงดูกันยกใหญ่
ในกลุ่มคนยังมีบางคนถือชาม กินข้าวไปพลาง พูดคุยซุบซิบไปพลาง
พวกขานินทาต่างคุยกันว่า “ฉันว่าแล้วไง บอกแล้วว่าคู่หงเสียนี่คงอยู่ด้วยกันไม่ยืดหรอก ดูสิฐานะทางบ้านต่างกันขนาดนี้ แต่งงานกันได้ไม่เท่าไหร่ก็ไม่เห็นหัวกันแล้ว ถูกกลั่นแกล้งจนต้องกลับบ้านเกิด”
“จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ได้ คนแก่บ้านเขาถึงกับมาตามตัวถึงที่เลยนะ แสดงว่ายังให้ความสำคัญกับหงเสียอยู่”
“นั่นมันแค่การเสแสร้ง ทำไปให้ดูดีเท่านั้นแหละ”
คุณย่าเฉินกำลังเดินผ่านหน้าเพื่อนบ้านพอดี ได้ยินคำวิจารณ์ของพวกเขาเข้า นางก็หยุดฝีเท้าหันมองพวกเขาด้วยสีหน้าจริงจัง “ครอบครัวเราไม่มีทางกลั่นแกล้งสะใภ้ที่แต่งเข้ามาเด็ดขาด หงเสียแต่งเข้ามาบ้านเราก็คือคนของตระกูลเฉิน ถ้าหลานชายเราทำให้หล่อนโกรธ เขาก็ควรยอมรับผิดและขอโทษ ไม่ได้มีเจตนาเสแสร้งแต่อย่างใด”
…………………
เฉินเจียซิ่งวิ่งตามหยางหงเสียในระยะกระชั้นชิด จนในที่สุดก็ตามหล่อนทัน
เขาขวางทางหยางหงเสีย พูดด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว “หยางหงเสีย คุณเลิกทำตัวงี่เง่าแบบอยู่ดีๆ ก็วิ่งหนีไปเฉยๆ แบบนี้ได้ไหม? คิดจะทำอะไรกันแน่?”
หยางหงเสียหลั่งน้ำตาพราก สะอื้นด้วยความโศกเศร้า ไม่พูดจาอะไร
“คุณย่ามาตามตัวคุณถึงบ้านแม่ด้วยตัวเองแล้ว คุณจะเอายังไงอีก? ต่อให้เป็นนักโทษประหารยังมีสิทธิ์ได้พูดสั่งเสียเลย แต่คุณกลับไม่ให้โอกาสผมได้อธิบายสักนิด กำลังเล่นซ่อนแอบอยู่หรือไง ผมตามคุณมาที่นี่คุณก็หนีไปที่นั่น ผมตามคุณไปที่นั่นคุณก็กลับมาที่นี่ แล้วยังให้พ่อแม่คุณมาขู่ผมอีก จะเอายังไงกันแน่? ผมผิดผมก็ยอมรับผิดแล้วไง คุณให้โอกาสผมแก้ตัวบ้างไม่ได้หรือ เราสองคนปิดประตูคุยกันเองไม่ได้เหรอ? คุณจะตี จะด่า หรือจะให้ผมคุกเข่าซักผ้าก็ได้ทั้งนั้น แต่ขอร้องว่าอย่ามาทำแบบนี้ที่บ้านแม่ของคุณได้ไหม?”
เขาเกิดอาการหวาดหวั่นขึ้นมาในใจจริงๆ กับสถานการณ์กลับบ้านเกิดเพื่อขอความช่วยเหลือจากคนในครอบครัวของหล่อน
เฉินเจียซิ่งที่กำลังโมโหจึงพูดจาใส่อารมณ์แบบไม่ยั้งคิด
“ที่พ่อแม่คุณพูดมันเป็นความจริงหรือเปล่า ที่จะใช้เรื่องเล็กน้อยแบบนี้มาข่มขู่ให้ครอบครัวเราช่วยน้องชายคุณได้เข้ากรมผ่านเส้นสาย เราต้องแยกแยะทีละประเด็นนะ อย่าเหมารวมเป็นเรื่องเดียวกันสิ”
เขาแสดงท่าทางแข็งกร้าวอย่างมาก “ผมบอกพวกเขาชัดเจนแล้วว่าการเข้ากรมผ่านเส้นสายมันเป็นไปไม่ได้ น้องชายคุณไม่ผ่านการตรวจร่างกาย จะเข้ากรมผ่านเส้นสายได้ยังไง ด้วยสมรรถภาพของเขาแล้ว ถ้าส่งเข้าไปในกองทัพก็คงเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ”
หยางหงเสียที่กำลังร้องไห้อยู่ได้ยินเฉินเจียซิ่งพูดเช่นนั้นก็พลันเงยหน้าขึ้น เช็ดน้ำตา แล้วตอบกลับไปว่า “ฉันไม่ได้ให้พ่อแม่ฉันไปขอร้องคุณให้ช่วยฝากน้องชายฉันเข้ากรมสักหน่อย ฉันไม่รู้เรื่องนี้เลย คุณอย่ามาใส่ร้ายฉัน ฉันไม่ได้ให้พ่อแม่ไปหนุนหลังทั้งนั้น แต่พวกท่านคงสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เลยไปรับตัวฉันมาจากที่ร้าน อย่าพยายามเบี่ยงประเด็น”
ยามที่หล่อนรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ พ่อแม่ก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหันและพาหล่อนกลับบ้าน ในตอนนั้น น้ำตาของหล่อนก็ไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
ระหว่างทาง แม่ของหล่อนก็ซักไซ้ไล่เลียง หล่อนจึงเล่าเรื่องราวเมื่อคืนให้ฟัง
ตอนที่กลับมาถึงซอยหน้าบ้านก็มีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่เคยสนิทสนมกันมาก บังเอิญมาพบหล่อนในซอย แล้วพูดว่าอยากสอบถามเกี่ยวกับเรื่องลงทะเบียนฝึกอบรมวิชาชีพ หล่อนที่กลัวว่าแม่ของตนได้ยินแล้วจะคิดแผนร้ายอีกเลยตามเพื่อนคนนั้นไปที่บ้านของอีกฝ่าย
พอหยางหงเสียพูดเช่นนี้ จิตใจของเฉินเจียซิ่งก็สงบลงทันที
เขารู้ว่าหยางหงเสียไม่ใช่คนแบบนั้น
“เอาล่ะ งั้นเราไม่ต้องคุยเรื่องนี้กันแล้ว” เขาไม่สนใจว่าตอนนี้พวกเขากำลังอยู่บนถนนใหญ่ รวบร่างหยางหงเสียเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน “ผมผิดไปแล้ว เรื่องรูปถ่ายนั่นให้ผมอธิบายให้คุณฟังก่อนได้ไหม ผมกับเสิ่นเสี่ยวเหมยเลิกกันมานานแล้ว แล้วผมก็ให้ย่าทิ้งรูปถ่ายพวกนั้นไปนานแล้วด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่ารูปพวกนั้นไปอยู่ในอัลบั้มได้ยังไง”
“ที่ผมพาย่ามาวันนี้ก็เพื่อให้ท่านมาอธิบายให้คุณฟังด้วยตัวเอง คุณให้โอกาสเราอธิบายก่อนได้ไหม แล้วค่อยลงโทษผมทีหลัง ได้ไหม”
ถึงเฉินเจียซิ่งจะแสดงท่าทางสำนึกผิดอย่างจริงใจ แต่หยางหงเสียก็ยังรู้สึกไม่ดี และไม่เข้าใจกับเรื่องนี้ “แต่ทำไมคุณต้องถ่ายรูปแบบนั้นให้หล่อนด้วย”
อีกฝ่ายแต่งตัวเซ็กซี่ขนาดนั้น ผู้หญิงอย่างหล่อนยังรู้สึกเขินอายเลย
พูดตามจริงแล้วหล่อนโกรธมาก และหึงมากด้วย
เฉินเจียซิ่งพูด “หล่อนเป็นคนขอให้ฉันถ่าย แล้วอีกอย่างหล่อนก็ยังใส่เสื้อผ้าอยู่ ต่างจากรูปถ่ายอื่นๆ ก็ตรงที่อยู่ในห้องนอนเท่านั้น”
แสงไฟที่สาดส่องในห้องทำให้เสิ่นเสี่ยวเหมยที่โพสต์ท่าทางใจกล้าดูเย้ายวนคลุมเครือ
เฉินเจียซิ่งรู้ว่าหยางหงเสียเป็นคนหัวโบราณและซื่อตรง หล่อนกับเสิ่นเสี่ยวเหมยเป็นคนละประเภทกัน
เฉินเจียวั่งพยุงคุณย่าเฉินเดินออกจากซอยแล้ว และเห็นร่างที่โอบกอดกันอยู่ไม่ไกลนัก
ดวงไฟข้างถนนสว่างขึ้น ทำให้ภาพนั้นงดงามมาก
“คุณย่าครับ พวกเขาคืนดีกันแล้ว เราไม่ต้องกังวลแล้ว กลับบ้านเถอะครับ”
เฉินเจียวั่งมองภาพคนสองคนโอบกอดกันตรงหน้าแล้วก็แสบตาอย่างบอกไม่ถูก
พี่ชายรองของเขาไร้ความสามารถด้านอื่น ๆ แต่เรื่องเอาใจผู้หญิงนี่ไม่เป็นรองใครเลย
คุณย่าเฉินเป็นคนสายตายาว เมื่อมองไปตามสายตาของเฉินเจียวั่ง นางก็เห็นเพียงเงาราง ๆ เท่านั้น
นางถามว่า “นั่นมีคนเดียวไม่ใช่เหรอ แล้วหลานสะใภ้รองของฉันอยู่ไหน”
เฉินเจียวั่งพ่นเสียงออกมาจากจมูก “กอดกันอยู่”
คุณย่าเฉิน “!!!”
นางได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจจนปรบมือ “โอ้ เจียซิ่งเจ้าเด็กบ้า มาทำอะไรบัดสีบัดเถลิงกลางถนนแบบนี้เนี่ย”
น้ำเสียงของคุณย่าเฉินฟังดูร่าเริง เฉินเจียวั่งอยากจะหลีกเลี่ยง แต่คุณย่าเฉินกลับบอกให้รอจนกว่าพวกเขาจะกอดกันเสร็จแล้วค่อยเดินเข้าไปทักทาย มิฉะนั้นเฉินเจียซิ่งอาจจะกลับไปหาพวกเขาที่บ้านตระกูลหยางได้
นางไม่อยากให้เฉินเจียซิ่งกลับไปที่บ้านคนตระกูลหยางอีกแล้ว
แต่… สำหรับเฉินเจียวั่งหมาโสดผู้นี้แล้ว มันช่างเป็นการทรมานนัก
เขาที่ยืนอยู่ไกลขนาดนี้ยังรับไม่ได้เลย แต่ยังต้องเดินเข้าไปรับประทานอาหารหมาแบบระยะประชิดอีกหรือ
“เจียวั่ง พวกคนหนุ่มสาวสมัยนี้เป็นแบบนี้กันหมดเลยเหรอ?” คุณย่าเฉินมองเขาด้วยสายตาเป็นประกาย แล้วถามด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
ดวงตาเฉินเจียวั่งวาวขึ้นมาวูบหนึ่ง ถามด้วยความไม่สบายใจว่า “คุณย่า กำลังพูดถึงอะไรอยู่ครับ?”
“ฉันกำลังถามว่าเธอกับอวี่เฟยก็กอดรัดกันอยู่ในที่สาธารณะแบบนั้นไหม?”
ใบหน้าหล่อเหลาของเฉินเจียวั่งแดงก่ำ
เขาไม่เคยจับมือหล่อนเลยซ้ำ
“ปล่อย ปล่อยกันแล้ว” คุณย่าเฉินร้องเสียงหลง
“ถุย พูดอะไรไม่เป็นมงคลหนอฉัน” นางถุยน้ำลายลงพื้น แล้วรีบพูดกับเฉินเจียวั่ง “รีบประคองฉันไปเร็ว”
“ครับ”
เฉินเจียวั่งมีสีหน้าจนปัญญา ก่อนพยุงคุณย่าเฉินไปทางที่เฉินเจียซิ่งและหยางหงเสียที่ยืนอยู่
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
กอดคือภาษากายที่ใช้ได้ผลยิ่งกว่าคำพูดจริงๆ
คุณย่าเฉินเป็นเจ้าของอู่ต่อเรือเปล่าคะ แซวลูกหลานสนุกเชียว